"จินเสวี่ย ไม่รู้ว่าท่านอ๋องช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว ข้ากังวัลเหลือเกิน"หญิงสาวที่พูดหน้าตาสะสวย สวมชุดกระโปรงชมพูม่วงพื้นขาว ท่วงท่าสง่างาม ถ้าบอกว่าเป็นลูกคุณหนูจากบ้านใดบ้านหนึ่งก็ไม่มีคนสงสัยและหญิงสาวใบหน้ากลมที่นั่งอยู่ตรงข้ามนาง มีลักยิ้ม ดวงตามีแววขบขัน มองนางแล้วดูน่าคบหา เพียงแต่คิ้วคู่นั้นดูองอาจไปหน่อย ทำให้ความน่าคบหาของนางเป็นกลางไป ตอนที่นางไม่ยิ้มกลับดูเหมือนโกรธหน่อยๆ เสียด้วยซ้ำแต่แม่นางสองคนนี้ล้วนหน้าตาดีอย่างไม่ต้องสงสัย"ข้าเองก็กังวลท่านอ๋องเหมือนกัน ไม่รู้จากไปตั้งนานหลายปี ผู้ดูแลจงจะดูแลพวกคนใช้ในจวนได้ดีไหม จะปล่อยให้พวกเขาทำงานลวกๆ ไม่ได้ จะดูแลท่านอ๋องไม่ดีเอา""ถ้าไม่ใช่มีคนส่งจดหมายไปแจ้งให้ท่านอ๋องรีบกลับเข้าวังหลวงด่วน ท่านอ๋องคงไม่ทิ้งพวกเราสองคนไว้ ยิ่งไปกว่านั้นที่เร่งเดินทางกลับมา ร่างกายท่านอ๋องจะรับไหวได้อย่างไร""ถูกต้อง ท่านพี่ไป๋ซวง ท่านรู้ไหมว่ใครเขียนจดหมายถึงท่านอ๋อง? ทำไมท่านอ๋องของพวกเราถึงได้เชื่อคนที่เขียนจดหมายนั่น?"สาวใช้สองคนนี้ คือสาวใช้ใหญ่ระดับหนึ่งของจวนอ๋องเจวี้ยน จินเสวี่ยกับไป่ซวงพวกของชิงอีทำงานอย่างซักผ้าปะชุด
รีบขนาดนั้นเลยหรือ?เขายังไม่ทันได้บอกพวกนาง ว่าตอนนี้ในจวนอ๋องมีพระชายาแล้วนะแต่ว่า ผู้ดูแลจงเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร สาวใช้สองคนนี้ติดตามท่านอ๋องมาโดยตลอด น่าจะรู้จักวางตัวนั่นล่ะพวกนางพอกลับมาก็ไม่สนที่จะพักผ่อน รีบร้อนตรงไปรับใช้ท่านอ๋องก่อน นี่ก็เป้นการแสดงออกในการดูแลท่านอ๋องด้วยล่ะนะมิน่าท่านอ๋องจึงพานางทั้งสองไปด้วยกันฟู่จาวหนิงแทบแทงเซียวหลันยวนจนเป็นเม่นไปแล้วนอกจากหน้าอกยังมีแขนทั้งสองขาและที่ขาด้วย"พวกเจ้าไปดูหน่อยว่าชิงเตรียมเสร็จหรือยัง ถ้าเตรียมเสร็จแล้ว ก็เอาเจ็ดส่วนลงจากหม้อเตรียมอาบให้กับเซียวหลันยวน ส่วนอีกสามส่วนนำไปต้มยาสักหนึ่งเค่อแล้วใส่เปลือกส้มหลายแผ่นกับเป้ยหมู่อีกช้อนหนึ่งลงไปด้วย จากนั้นต้มอีกหนึ่งเค่อแล้วพักใส่ชามไว้"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงไม่กล้ามองไปทางอ๋องเจวี้ยนเลยพอได้ยินคำพูดของฟู่จาวหนิงก็รีบรับคำแล้วออกไปทันที แง้มประตูไว้สาวใช้สองคนเพิ่งจะออกไป จินเสวี่ยกับไป๋ซวงก็เข้ามาพอดีองครักษ์ลับที่คอยคุ้มกันเรือนพอเห้นจินเสวี่ยกับไป๋ซวง ก็ไม่ได้ปรากฎตัวออกมาขวางพวกเขาล้วนรู้ว่า สองคนนี้เป็นสาวใช้ที่ท่านอ๋องพาไปไหนมาไหนตลอดจินเสวี่ยกับไป๋ซวงเข้
สาวใช้สองคนพุ่งเข้ามา เห็นฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างเตียงหลังจากนั้นทั้งสองคนก็มองไปยังอ๋องเจวี้ยนที่อยู่บนเตียงที่เจ็บปวดก็คือ ตอนนี้เสื้อผ้าอ๋องเจวี้ยนไม่เรียบร้อย ขากางเกงม้วนขึ้นไปสูง เสื้อคลุมเปิดกางออก นอนแผ่อยู่ที่นั่นทั้งดูเปราะบางและอ่อนแอฟู่จาวหนิงที่ยืนอยู่ข้างเตียงเนื่องจากตนเองฝังเข็มและบีบนวดให้เขา เมื่อครู่หน้าผากจึงเหงื่อออกดังนั้นจึงเช็ดๆ ผมเผ้าดูยุ่งเหยิงเล็กน้อยนางยืนอยู่ที่นั่น โน้มตัวลงราวกับเพิ่งลุกออกจากเตียงจินเสวี่ยกับไป๋ซวงเห็นภาพนี้ ทั้งสองคนรู้สึกหัวใจถูกกระหน่ำทุบจนเสียงดังปึงๆ จนทำนางสมองขาวโพลน เหลืออยู่เพียงแค่ความเดือดดาลร้อนรน"ท่านอ๋อง!"ไป๋ซวงรีบพุ่งเข้ามา"นังหญิงสารเลวสมควรตาย เอาชีวิตมาเสีย!"จินเสวี่ยกลับถลึงตาโต ชักกระบี่ข้างเอวดังเคร้ง ปลายกระบี่ชี้แทงไปทางฟู่จาวหนิงอ๋องเจวี้ยนผู้ที่ราวกับเป็นเทพบุตรเดินดิน กลับต้องมาถูกหญิงสาวคนนี้ทำให้แปดเปื้อนเสียแล้ว!"ช้าก่อน"ฟู่จาวหนิงพอเห็นปฏิกิริยาของนางเช่นนี้ก็รู้แล้ว ว่าสาวใช้สองคนนี้น่าจะยังไม่รู้เรื่องของอ๋องเจวี้ยนกับนาง ตอนนี้จึงเข้าใจผิดขึ้นมาแล้ว ดังนั้นแม้จินเสวี่ยจะพุ่งมาโจมตีนา
จินเสวี่ยเดิมทีก็คิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะร้ายกาจขนาดนี้ หน้าเปลี่ยนสี ตอนนี้จึงเพิ่งจะคิดร้องเรียกคนให้ช่วยแต่ในใจนางรู้สึกแปลกประหลาด เพราะอะไรชิงอีถึงไม่อยู่? ทหารด้านนอกทำไมจึงไม่บุกเข้าา"ใครก็ได้!"ฟู่จาวหนิงใช้ปลายเท้าเตะเข้าไปที่จุดชีพจรนางอีกครั้งตอนที่นางร้องเรียก จินเสวี่ยพูดไม่ออกไปครู่หนึ่งนางทำได้แค่จ้องอย่างเคืองๆ ไปทางฟู่จาวหนิงนางจะสังหารนางทิ้งเสีย!นังหญิงสารเลวนี่ ถึงกับกล้าเรียกคนเลยหรือ?"พระชายา!"ตอนนี้เององครักษ์ลับด้านนอกก้เพิ่งจะพุ่งตัวเข้ามาจินเสวี่ยพอได้ยินพวกเขาเรียกฟู่จาวหนิงว่าพระชายา ตาทั้งสองก็ถลึงโตเหมือนระฆังอย่างไรอย่างนั้นนี่เรียกนางว่าอะไรนะ?บ้ากันไปแล้วหรือ?หรือว่าจะเป็นภรรยาของอ๋องคนอื่นกัน?ฟู่จาวหนิงมององครักษ์ลับเหล่านี้อย่างเย็นชา "ข้ารู้สึกว่าหูของพวกเจ้าตัดทิ้งไปได้แล้วกระมัง ถึงอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์อยู่แล้วนี่"ในห้องนี้อาละวาดกันไปพักหนึ่ง มีการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน พวกเขาต้องได้ยินแน่นอน แต่กลับไม่ยอมเข้ามาโดยตลอดพวกเขาไม่ใช่ไม่กังวลเซียวหลันยวนแน่ๆ แต่ฟังออกว่าจินเสวี่กับไป๋ซวงกำลังโจมตีนางกระมัง?องครักษ์ลับหลา
ฟู่จาวหนิงพูดจบก็ยื่นมือดึงเข็มเงินที่แทงตัวไป๋ซวงกับจินเสวี่ยกลับมา จากนั้นก็เดินออกไปหน้าเย็นชารอจนหงจั๋วกับเฝิ่นซิงเข้ามา อ๋องเจวี้ยนก็ตื่นขึ้นแล้ว"เกิดอะไรขึ้น?"ตอนที่อ๋องเจวี้ยนตื่นขึ้น ชิงอีเองก็เพิ่งจะปลดจุดชีพจรของจินเสวี่ยกับไป๋เสวี่ยอย่างยากลำบากจุดชีพจรที่ฟู่จาวหนิงแทงลงไปแปลกมาก ไม่ใช่จุดที่พวกเขาใช้งานกันปกติ เขาตอนนี้ยังไม่สามารถทำให้สาวใช้ทั้งสองฟื้นคืนกลับมา พยายามจนเหงื่อแตกพลั่กแต่ต่อให้เขาคลายจุดชีพจรให้กับสาวใช้ทั้งสองแล้ว หลังจากพวกนางทั้งสองคนนั่งขึ้นมา ก็ยังปฎิกิริยาช้าไปบ้าง ดูแล้วอ่อนแอพอสมควรไป๋ซวงหนักกว่าหน่อย เพราะนางล้มลงไปข้างหน้า จมูกบวมแดงจนเลือดออก สาวใช้ที่เดิมทีใบหน้าสะสวย ตอนนี้ดูน่าเวทนาเหลือเกินไป๋ซวงยกมือขึ้นลูบไปที่จมูกและเลือดของตนเอง น้ำตาพรั่งพรูออกมานางไม่กล้าที่จะเงยหน้า กลัวว่าท่านอ๋องจะเห็นสภาพนี้แล้วรังเกียจนาง"ท่านอ๋อง" จินเสวี่ยนกลับร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่อยู่ "ข้าน้อยกับไป๋ซวงไม่ได้ปกป้องท่านอ๋องให้ดี!"อ๋องเจวี้ยนค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งเมื่อครู่ชิงอีปลดจุดชีพจรให้สองสาวใช้ก็จัดการคลุมผ้าห่มขึ้นให้เขาแล้วแต่ว่าเขาตอนนี้
หงจั๋วพูดออกมาอย่างทนไม่ไหวประโยคหนึ่งจินเสวี่ยกับไป๋ซวงขณะเดียวกันก็มองมาทางนางสาวใช้ระดับสองสองคนนี้เบื่อโลกแล้วหรือไรกัน?นางพูดแทนฟู่จาวหนิงมารอบที่สองแล้ว ยังไม่รู้อีกหรือว่าพวกนางควรอยู่ฝั่งไหน?หงจั๋วยืดหลังตรงนางตอนนี้ก็เป็นสาวใช้ใหญ่แล้ว เป็นสาวใช้ใหญ่ระดับหนึ่งข้างกายพระชายา เช่นนั้นตัวตนฐานะก็ระดับเดียวกับแล้ว นางทำไมจะต้องกลัวจินเสวี่ยกับไป๋ซวงด้วย?เฝิ่นซิงที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นมาด้วยว่า "ข้าน้อยเองก็มีความคิดเดียวกันกับหงจั๋ว""พวกเจ้า"จินเสวี่ยโมโหจัด ยกมือขึ้นจะชี้หน้าพวกนาง แต่กลับพบว่าแขนยกขึ้นมาลำบากมากนางก็มองไปทางอ๋องเจวี้ยนอย่างทนไม่ไหวอีกครั้ง ร้องห่มร้องไห้เอ่ยขึ้นมา "ท่านอ๋อง คุณหนูฟู่ไม่รู้ใช้เข็มพิษอะไร ตอนนี้แขนของขข้าน้อยยกไม่ขึ้นเลย"อ๋องเจวี้ยนมองพวกนาง หรุบตาลงต่ำ "พวกเจ้าลงมือกับพระชายา นางไม่เอาชีวิตพวกเจ้าก็ถือว่าเมตตาแล้ว ถอยไปเถอะ""ท่านอ๋อง?"จินเสวี่ยกับไป๋ซวงงงงันไปท่าน๋องไม่คิดจะเรียกคืนความยุติธรรมให้พวกนางหน่อยหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องยังรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงมีคุณสมบัติที่จะสังหารพวกนางด้วย?"ถอยไป" ชิงอีรีบตะคอกเสียงต่อ
ฟู่จาวหนิงกลับมายังบ้านตระกูลฟู่ ยังไม่ทันจะเข้าประตูก็ได้ยินเสียงเอะอะกับเสียงตะโกน แล้วยังมีเสียงม้าร้องขึ้นมาจากด้านในด้วยม้าป่าตัวนั้นหรือ?นางรู้สึกแย่แล้วขึ้นฉับพลัน รีบผลักประตูเข้าไปเรือนหลังทางนี้มีคนกลุ่มใหย่มารวมตัวกัน "คึกคัก" เสียเหลือเกิน พวกเขามีคนที่ถือเชื่องบ่วงอยู่ มีคนถือไม้กระบอง มีคนถือมีดดาบ และยังมีคนกอดฟางหญ้าเอาไว้ จังจ้องไปที่ม้าตัวนั้น"เร็ว เอ้อร์โก่ว เจ้าไม่ใช่ว่าขว้างหินแม่นหรือ? รีบขว้างใส่ขามันเสีย!"ชายหนุ่มอายุราวสิบสามสิบสี่หมอบคลานอยู่บนภูเขาจำลอง หมอบชี้นิ้วสั่งการคนนั้นคนนี้อยู่"อย่าขว้างจนเสียของล่ะ ไม่เช่นนั้นข้าจะขี่มันออกไปได้อย่างไร?""คุณชายหก หรือว่าจะเป่าลูกดอกพิษ?"มีคนหยิบกระบอกลูกดอกออกมาท่อนหนึ่ง กระเหี้ยนกระหือรืออยากลองม้าตัวนั้นถูกคนทั้งหมดล้อมไว้ตรงกลาง บนพื้นสาดเข็มเหล็กเอาไว้ มันก็เหมือนสัมผัสได้ถึงอันตราย จึงหมุนตัวอยู่แต่ในวงเล็กๆ จมูกกระฟัดกระเฟียด เหมือนว่าก่อนหน้านี้เพิ่งผ่านการวิ่งอย่างดุเดือดมา"อู้ๆๆ!"ฟู่จาวหนิงพอเห็นฉากตรงหน้านี้ก็หัวฟัดหัวเหวี่ยง จากนั้นตอนที่เห็นเสี่ยวเถาถูกคนใช้คนหนึ่งจับไว้แล้วยังออกแร
"เสี่ยวเถาบอกว่า นี่เป็นม้าที่เจ้าขี่กลับมาหรือ?" ฟู่หย่งหนิงเงยหน้าถลึงตาใส่ฟู่จาวหนิงเขาทำไมรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงเหมือนจะแปลกไปจากเดิมนะ"เป็นม้าที่ข้าขี่กลับมา ดังนั้นพวกเจ้าตอนนี้คิดจะมาจับม้าของข้า หรือว่ามาสังหารม้าของข้ากันล่ะ?" ฟู่จาวหนิงดึงเสี่ยวเถาไปไว้ด้านหลัง"เจ้าเอาอานม้ากับเชือกไปใส่กับม้าตัวนั้นหน่อย แล้วยกม้าตัวนั้นให้ข้า!" ฟู่หย่งหนิงพูดอย่างองอาจมั่นใจถึงอย่างในในบ้านตระกูลฟู่ คนทั้งหมดก็ล้วนยอมให้เขา เขาเคยชินกับการพูดจาแบบนี้ไปแล้วฟู่จาวหนิงมองชายหนุ่มใบหน้ากำเริบเสิบสานคนนี้ จู่ๆ ก็ยกมือขึ้นตบหัวไปที่หัวของเขาฟู่หย่งหนิงถูกนางตบจนมึน"เจ้าพากคนมารังแกคนของข้า แล้วยังคิดจะแย่งม้าของข้า เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าหรือไรกัน?" ฟู่จาวหนิงในมือก็ไม่รู้คีบเข็มเงินเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไร ตอนที่ฟู่หย่งหนิงยังไม่ทันตั้งตัวก็แทงลงไปที่คอของเขาอย่างรวดเร็วแล้ว"อ๊า..."ฟู่หย่งหนิงร้องลั่นคิดจะโบกมือไปข่วนหน้าของนาง แต่ฟู่จาวหนิงก็ชักเข็มออก ยกเท้าถีบหัวเข่าเขาไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ถอยออกมาสองก้าวอย่างรวดเร็วฟู่หย่งหนิงทิ้งตัวคุกเข่าลงพื้นดังตุบเขาถลึงตามองอ้าปากค้าง
ต่อให้ชินอ๋องเซียวติดโรคระบาด ถ้าตอนนี้ฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องมากลัวแบบนี้!ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนที่ถูกส่งไปขังในคุกใหญ่ตั้งหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังเรียบร้อยดีไม่เป็นอะไรหรือ?จวนอ๋องเจวี้ยนก็ถูกองค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามออกไปข้างนอกส่งเดชเหมือนกัน แล้วดูตอนนี้สิ?ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าอยากออกไปไหนก็ออกได้หรือ?ฟู่จาวหนิงแบบนั้น เขาอยากได้มาจริงๆ!ถ้าตอนนั้นไม่มีหลี่จื่อเหยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายารัฐทายาทของเขาแล้ว ไม่ใช่ขยะอย่างหลี่จื่อเหยาคนนี้!พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในสายตาเซียวเหยียนจิ่งที่มองหลี่จื่อเหยาก็มีแต่ความเกลียดชังหลี่จื่อเหยาสบกับสายตาของเขา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ใจนางเย็นวาบไปทันทีนี่คือพี่เซียวที่นางรักมาหลายปีหรือ? ถึงแม้สองปีนี้จะทะเลาะกับเขาอย่างหนัก แต่ตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนเสียดกระดูกหลี่จื่อเหยาเองก็เกลียดเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมาทันทีเช่นกัน"ท่านอยากจะส่งข้าออกไป ข้าจะไม่..." ออกไปหรอกนางยังพูดไม่ทันจบ เซียวเหยียนจิ่งก็ตัดบทนางแล้ว มองไปทางหมอเทวดาหลี่ "ถัดจากนี้ในเมืองหลวงอาจจะเกิดการแตกตื่นกลัวกันเพร
"ข้าเกรงว่าถ้าออกไปจากจวนอ๋อง คนอื่นก็จะจับจ้องไปที่ท่านพ่อตา"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าหมอเทวดาหลี่สมองจะง่ายไปหน่อย เขาไม่คิดจะไปที่อื่นเลยเขาสะกดความหงุดหงิดไว้ พูดออกมาอย่างละเอียด"โดยเฉพาะพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้เองก็เป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วย พอท่านกลับมา คนทั้งเมืองก็น่าจะอยากเห็นการตัดสินเด็ดขาดของพวกท่านทั้งสองกระมัง? ถึงตอนนั้นความสนใจทั้งหมดก็จะอยู่บนตัวท่าน ท่านซื้อยาอะไรไป คงถูกขุดคุ้ยออกมาแน่"ดวงตาหมอเทวดาหลี่หรี่ลงแม้จะรู้มานานแล้วว่าคนในดวงใจเซียวเหยียนจิ่งไม่ใช่ลูกสาวเขา แต่ตอนนี้ดูท่านเขาอยากจะสะบัดหลี่จื่อเหยาทิ้งเสียเหลือเกิน เขารู้สึกใจเย็นเยียบ ยิ่งไปกว่านั้นยังโมโหมาก"หลี่จื่อเหยาอยู่ในสภาพหนี้แล้ว ในจวนอ๋องไม่ใช่ว่าเหมาะสมที่สุดแล้วหรือ? ถึงอย่างไรจวนชินอ๋องเซียวของพวกเจ้า จะเอายาเอาคนก็ยังดีกว่าข้าตัวคนเดียวตั้งเยอะ? เจ้าอยากสลัดนางทิ้งขนาดนี้เชียว?""ท่านพ่อตา นี่ข้าทำเพื่อหลี่จื่อเหยานะ ตอนนี้องค์จักรพรรดิจับตามาที่จวนชินอ๋องเซียว พ่อของข้าทางนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างเลย ถ้าหากในจวนอ๋องวุ่นวายขึ้นมา ถึงตอนนั้
หลี่จื่อเหยาขนาดมือก็ยังยกไม่ขึ้น จึงเปิดหนังตาจ้องมองนางเจ้าคนชั้นต่ำ! เห็นสภาพนางแบบนี้ยังมีแรงดื่มน้ำเองอีกหรือ? ยังไม่รีบประคองนางขึ้นมาป้อนอีก!"เจ้าต้องป้อนนาง!" หมอเทวดาหลี่ร้องขึ้นมาสาวใช้แทบจะร้องไห้แล้ว ไม่ นางร้องออกมาแล้วจริงๆ นางน้ำตาร่วงพลางปรคองตัวหลี่จื่อเหยาขึ้นมา เอาแก้วจ่อไปที่มุมปากหลี่จื่อเหยาระยะใกล้ค่แนี้ สาวใช้ได้กลิ่นบนหน้าของหลี่จื่อเหยาแล้วจริงๆ เหม็นเอามากๆเซียวเหยียนจิ่งมองฉากนี้ อดถอยออกมาอีกก้าวหนึ่งไม่ได้เขามองไปทางพวกสาวใช้หญิงรับใช้อีกเหลือเหล่านั้น ถามขึ้นเสียงต่ำ "นางป่วยมานานแค่ไหนแล้ว?"ดันไม่ยอมมาบอกเขา!สาวใช้กับหญิงรับใช้ร่างกำยำไม่กล้าเงยหน้ากัน"ท…ท่านรัฐทายาท พวกเราเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ หลายวันมานี้พระชายารัฐทยาทก็เอาแต่นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ลุขึ้นมาสางผมมแต่งหน้า ตอนที่กินข้าวก็ให้พวกเราเอาข้าวส่งเข้าป นางกินเสร็จพวกเราก็จะเข้ามาเก็บ""ใช่เลย ตอนที่พวกเราเข้าไปเก็บ พระชายารัฐทายาทพอกิเสร็จ นางก็จะกลับไปนอนต่อบนเตียง พวกเราจึงไม่ได้มองนางอย่างละเอียด"เมื่อคืนนี้พวกนางไม่ได้เห็นหลี่จื่อเหยาเลยเอาจริงๆ เป็นเพราะชินอ๋องเซียวกับ
หมอเทวดาหลี่อยากจะตะคอกถามหญิงสาว: เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?มีภรรยาคนไหนบ้าง ที่แอบขโมยรื้อทองของพ่อสามี?ต่อให้ชินอ๋องเซียวจะซ่อนกล่องทองแทงไว้ที่หัวเตียงจริง แต่เจ้าไปค้นหาได้หรือไรกัน?เขาถลึงตาโต อยากจะตบฉาดลูกสาวเสียทีหนึ่ง ให้นางได้รู้สึกตัว แต่พอเห็นใบหน้าเน่าเปื่อยของนาง มองใบหน้าที่บวมจนผิดปกติของนาง หมอเทวดาหลี่ก็ยังถอยออกมาอีกหลายก้าวเขาแทบจะไม่ต้องเข้าไปตรวจแล้ว สภาพนี้ของหลี่จื่อเหยาคงเลี่ยงไม่พ้นแล้ว จะต้องเป็นโรคสกปรกโรคนั้นแน่นอนแต่ว่า เพราะอะไรกัน? แค่ไปพลิกค้นเตียงของชินอ๋องเซียวหรือ?เหตุผลนี้พูดออกไป จะมีคนเชื่อไหม?อาจจะมีคนเชื่อ แต่จะต้องมีคนคิดมากแน่ ภรรยาคนหนึ่ง ไปรื้อเตียงของพ่อสามี! เรื่องนี้ถ้าลือออกไป ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้แน่!ถึงแม้ตัวหมอเทวดาหลี่เองจะไม่ค่อยได้เรื่องนัก แต่ก็ยังคิดเรื่องที่โง่เง่าขนาดนี้ไม่ออก!"เจ้าขาดเงินเท่าไรกันแน่? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องไม่ได้กินไม่ได้ดื่มหรือไรกัน?" ยากจนขนาดต้องเข้าไปรื้อเตียงพ่อสามีเลยหรือ?เซียวเหยียนจิ่งพอได้ยินคำพูดหลี่จื่อเหยาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อพอได้ยินหมอเทวดาหลี่ถามมาเช่นนี้ เขาก็หน้าดำร้องขึ้นมา "จวนอ๋อ
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง