จินเสวี่ยเดิมทีก็คิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะร้ายกาจขนาดนี้ หน้าเปลี่ยนสี ตอนนี้จึงเพิ่งจะคิดร้องเรียกคนให้ช่วยแต่ในใจนางรู้สึกแปลกประหลาด เพราะอะไรชิงอีถึงไม่อยู่? ทหารด้านนอกทำไมจึงไม่บุกเข้าา"ใครก็ได้!"ฟู่จาวหนิงใช้ปลายเท้าเตะเข้าไปที่จุดชีพจรนางอีกครั้งตอนที่นางร้องเรียก จินเสวี่ยพูดไม่ออกไปครู่หนึ่งนางทำได้แค่จ้องอย่างเคืองๆ ไปทางฟู่จาวหนิงนางจะสังหารนางทิ้งเสีย!นังหญิงสารเลวนี่ ถึงกับกล้าเรียกคนเลยหรือ?"พระชายา!"ตอนนี้เององครักษ์ลับด้านนอกก้เพิ่งจะพุ่งตัวเข้ามาจินเสวี่ยพอได้ยินพวกเขาเรียกฟู่จาวหนิงว่าพระชายา ตาทั้งสองก็ถลึงโตเหมือนระฆังอย่างไรอย่างนั้นนี่เรียกนางว่าอะไรนะ?บ้ากันไปแล้วหรือ?หรือว่าจะเป็นภรรยาของอ๋องคนอื่นกัน?ฟู่จาวหนิงมององครักษ์ลับเหล่านี้อย่างเย็นชา "ข้ารู้สึกว่าหูของพวกเจ้าตัดทิ้งไปได้แล้วกระมัง ถึงอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์อยู่แล้วนี่"ในห้องนี้อาละวาดกันไปพักหนึ่ง มีการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน พวกเขาต้องได้ยินแน่นอน แต่กลับไม่ยอมเข้ามาโดยตลอดพวกเขาไม่ใช่ไม่กังวลเซียวหลันยวนแน่ๆ แต่ฟังออกว่าจินเสวี่กับไป๋ซวงกำลังโจมตีนางกระมัง?องครักษ์ลับหลา
ฟู่จาวหนิงพูดจบก็ยื่นมือดึงเข็มเงินที่แทงตัวไป๋ซวงกับจินเสวี่ยกลับมา จากนั้นก็เดินออกไปหน้าเย็นชารอจนหงจั๋วกับเฝิ่นซิงเข้ามา อ๋องเจวี้ยนก็ตื่นขึ้นแล้ว"เกิดอะไรขึ้น?"ตอนที่อ๋องเจวี้ยนตื่นขึ้น ชิงอีเองก็เพิ่งจะปลดจุดชีพจรของจินเสวี่ยกับไป๋เสวี่ยอย่างยากลำบากจุดชีพจรที่ฟู่จาวหนิงแทงลงไปแปลกมาก ไม่ใช่จุดที่พวกเขาใช้งานกันปกติ เขาตอนนี้ยังไม่สามารถทำให้สาวใช้ทั้งสองฟื้นคืนกลับมา พยายามจนเหงื่อแตกพลั่กแต่ต่อให้เขาคลายจุดชีพจรให้กับสาวใช้ทั้งสองแล้ว หลังจากพวกนางทั้งสองคนนั่งขึ้นมา ก็ยังปฎิกิริยาช้าไปบ้าง ดูแล้วอ่อนแอพอสมควรไป๋ซวงหนักกว่าหน่อย เพราะนางล้มลงไปข้างหน้า จมูกบวมแดงจนเลือดออก สาวใช้ที่เดิมทีใบหน้าสะสวย ตอนนี้ดูน่าเวทนาเหลือเกินไป๋ซวงยกมือขึ้นลูบไปที่จมูกและเลือดของตนเอง น้ำตาพรั่งพรูออกมานางไม่กล้าที่จะเงยหน้า กลัวว่าท่านอ๋องจะเห็นสภาพนี้แล้วรังเกียจนาง"ท่านอ๋อง" จินเสวี่ยนกลับร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่อยู่ "ข้าน้อยกับไป๋ซวงไม่ได้ปกป้องท่านอ๋องให้ดี!"อ๋องเจวี้ยนค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งเมื่อครู่ชิงอีปลดจุดชีพจรให้สองสาวใช้ก็จัดการคลุมผ้าห่มขึ้นให้เขาแล้วแต่ว่าเขาตอนนี้
หงจั๋วพูดออกมาอย่างทนไม่ไหวประโยคหนึ่งจินเสวี่ยกับไป๋ซวงขณะเดียวกันก็มองมาทางนางสาวใช้ระดับสองสองคนนี้เบื่อโลกแล้วหรือไรกัน?นางพูดแทนฟู่จาวหนิงมารอบที่สองแล้ว ยังไม่รู้อีกหรือว่าพวกนางควรอยู่ฝั่งไหน?หงจั๋วยืดหลังตรงนางตอนนี้ก็เป็นสาวใช้ใหญ่แล้ว เป็นสาวใช้ใหญ่ระดับหนึ่งข้างกายพระชายา เช่นนั้นตัวตนฐานะก็ระดับเดียวกับแล้ว นางทำไมจะต้องกลัวจินเสวี่ยกับไป๋ซวงด้วย?เฝิ่นซิงที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นมาด้วยว่า "ข้าน้อยเองก็มีความคิดเดียวกันกับหงจั๋ว""พวกเจ้า"จินเสวี่ยโมโหจัด ยกมือขึ้นจะชี้หน้าพวกนาง แต่กลับพบว่าแขนยกขึ้นมาลำบากมากนางก็มองไปทางอ๋องเจวี้ยนอย่างทนไม่ไหวอีกครั้ง ร้องห่มร้องไห้เอ่ยขึ้นมา "ท่านอ๋อง คุณหนูฟู่ไม่รู้ใช้เข็มพิษอะไร ตอนนี้แขนของขข้าน้อยยกไม่ขึ้นเลย"อ๋องเจวี้ยนมองพวกนาง หรุบตาลงต่ำ "พวกเจ้าลงมือกับพระชายา นางไม่เอาชีวิตพวกเจ้าก็ถือว่าเมตตาแล้ว ถอยไปเถอะ""ท่านอ๋อง?"จินเสวี่ยกับไป๋ซวงงงงันไปท่าน๋องไม่คิดจะเรียกคืนความยุติธรรมให้พวกนางหน่อยหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องยังรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงมีคุณสมบัติที่จะสังหารพวกนางด้วย?"ถอยไป" ชิงอีรีบตะคอกเสียงต่อ
ฟู่จาวหนิงกลับมายังบ้านตระกูลฟู่ ยังไม่ทันจะเข้าประตูก็ได้ยินเสียงเอะอะกับเสียงตะโกน แล้วยังมีเสียงม้าร้องขึ้นมาจากด้านในด้วยม้าป่าตัวนั้นหรือ?นางรู้สึกแย่แล้วขึ้นฉับพลัน รีบผลักประตูเข้าไปเรือนหลังทางนี้มีคนกลุ่มใหย่มารวมตัวกัน "คึกคัก" เสียเหลือเกิน พวกเขามีคนที่ถือเชื่องบ่วงอยู่ มีคนถือไม้กระบอง มีคนถือมีดดาบ และยังมีคนกอดฟางหญ้าเอาไว้ จังจ้องไปที่ม้าตัวนั้น"เร็ว เอ้อร์โก่ว เจ้าไม่ใช่ว่าขว้างหินแม่นหรือ? รีบขว้างใส่ขามันเสีย!"ชายหนุ่มอายุราวสิบสามสิบสี่หมอบคลานอยู่บนภูเขาจำลอง หมอบชี้นิ้วสั่งการคนนั้นคนนี้อยู่"อย่าขว้างจนเสียของล่ะ ไม่เช่นนั้นข้าจะขี่มันออกไปได้อย่างไร?""คุณชายหก หรือว่าจะเป่าลูกดอกพิษ?"มีคนหยิบกระบอกลูกดอกออกมาท่อนหนึ่ง กระเหี้ยนกระหือรืออยากลองม้าตัวนั้นถูกคนทั้งหมดล้อมไว้ตรงกลาง บนพื้นสาดเข็มเหล็กเอาไว้ มันก็เหมือนสัมผัสได้ถึงอันตราย จึงหมุนตัวอยู่แต่ในวงเล็กๆ จมูกกระฟัดกระเฟียด เหมือนว่าก่อนหน้านี้เพิ่งผ่านการวิ่งอย่างดุเดือดมา"อู้ๆๆ!"ฟู่จาวหนิงพอเห็นฉากตรงหน้านี้ก็หัวฟัดหัวเหวี่ยง จากนั้นตอนที่เห็นเสี่ยวเถาถูกคนใช้คนหนึ่งจับไว้แล้วยังออกแร
"เสี่ยวเถาบอกว่า นี่เป็นม้าที่เจ้าขี่กลับมาหรือ?" ฟู่หย่งหนิงเงยหน้าถลึงตาใส่ฟู่จาวหนิงเขาทำไมรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงเหมือนจะแปลกไปจากเดิมนะ"เป็นม้าที่ข้าขี่กลับมา ดังนั้นพวกเจ้าตอนนี้คิดจะมาจับม้าของข้า หรือว่ามาสังหารม้าของข้ากันล่ะ?" ฟู่จาวหนิงดึงเสี่ยวเถาไปไว้ด้านหลัง"เจ้าเอาอานม้ากับเชือกไปใส่กับม้าตัวนั้นหน่อย แล้วยกม้าตัวนั้นให้ข้า!" ฟู่หย่งหนิงพูดอย่างองอาจมั่นใจถึงอย่างในในบ้านตระกูลฟู่ คนทั้งหมดก็ล้วนยอมให้เขา เขาเคยชินกับการพูดจาแบบนี้ไปแล้วฟู่จาวหนิงมองชายหนุ่มใบหน้ากำเริบเสิบสานคนนี้ จู่ๆ ก็ยกมือขึ้นตบหัวไปที่หัวของเขาฟู่หย่งหนิงถูกนางตบจนมึน"เจ้าพากคนมารังแกคนของข้า แล้วยังคิดจะแย่งม้าของข้า เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าหรือไรกัน?" ฟู่จาวหนิงในมือก็ไม่รู้คีบเข็มเงินเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไร ตอนที่ฟู่หย่งหนิงยังไม่ทันตั้งตัวก็แทงลงไปที่คอของเขาอย่างรวดเร็วแล้ว"อ๊า..."ฟู่หย่งหนิงร้องลั่นคิดจะโบกมือไปข่วนหน้าของนาง แต่ฟู่จาวหนิงก็ชักเข็มออก ยกเท้าถีบหัวเข่าเขาไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ถอยออกมาสองก้าวอย่างรวดเร็วฟู่หย่งหนิงทิ้งตัวคุกเข่าลงพื้นดังตุบเขาถลึงตามองอ้าปากค้าง
เล่าคนใช้แน่นอนว่าไม่กล้าพูดต่อแล้วคนใช้เมื่อครู่จริงๆ ก็แค่เห็นว่าจู่ๆ ฟู่จาวหนิงก็ไม่กลัวพวกเขาขึ้นมา ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ถูกพวกเขาไล่บี้เสียจนทั้งโกรธทั้งทำอะไรไม่ได้ รู้สึกว่าไม่ถึงใจ ดังนั้นจึงระงับไว้ไม่อยู่แต่พอถูกคนข้างๆ เหยียบไว้เขาจึงได้สติกลับมาเรื่องนี้บ้านสองบ้านสามของพวกเขารู้อยู่แล้ว แต่ระหว่างที่เรื่องยังทำไม่สำเร็จก็ปิดเอาไว้ไม่ให้บ้านใหญ่รู้ถ้าหากพวกเขาหลุดปากไปจนทำเสียเรื่อง ผู้เฒ่าสองผู้เฒ่าสามคงได้ถลกหนังพวกเขาแน่คนใช้ที่คางมีไฝคนนี้แอบตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จ้องมองฟู่จาวหนิงเขายังรู้สึกว่า ต่อให้ฟู่จาวหนิงรู้แล้วจะทำไม?หลายปีมานี้ บ้านใหญ่ไม่ใช่ว่าถูกบ้านสองบ้านสามอย่างพวกเขากดขี่มาตลอดหรอกหรือ?"ไม่มีอะไร คุณหนูใหญ่ยังไม่รีบตามพวกเราไปหาฮูหยินสามอีกหรือ?""อาๆ!"ฟู่หย่งหนิงออกแรงกระโจนอีกครั้ง นิ้วมือจะข่วนเข้ามาที่หน้าฟู่จาวหนิง หน้าของเขาเกร็งจนแดงก่ำ โมโหจนควันแทบออกจากหู แต่ก็ส่งเสียงออกมาไม่ได้เลย ปากทำได้แค่ออกแรงพะงาบๆ เท่านั้นพอเห็นเขาสภาพนี้ คนในลานก็เริ่มลนลานขึ้นมาเดิมทีคิดว่าฟู่หย่งหนิงจะถูกแทงไว้เพียงชั่วครู่ เพียงไม่นานก็กลับมาพูดได้
บนต้นไม้นั่นมีชายหนุ่มในชุดทหารจวนอ๋องเจวี้ยนคนหนึ่งกระโดดลงมาเขามองฟู่จาวหนิงอย่างตกตะลึง"เซียวหลันยวนบอกว่าจะส่งคนเข้ามาช่วยข้าจับตาดูท่านปู่ ที่แท้ก็คือมาดูแบบนี้หรือ?"ฟู่จาวหนิงมองทหารคนนี้อย่างประชดประชัน"ท่านอ๋องสั่งให้ข้ามาคอยปกป้องผู้เฒ่าฟู่ แต่ตอนนี้ผู้เฒ่าฟู่ยังไม่เป็นอันตราย" ทหารจวนอ๋องอธิบายขึ้นเสียงอ่อยเมื่อครู่คนเหล่านั้นยังไม่ได้ลงมือกับผู้เฒ่าฟู่ ดังนั้นเขาจึงเพียงคุ้มกันอยู่เงียบๆ ไม่ลงมือท่านอ๋องพูดแล้ว นอกจากความปลอดภัยของผู้เฒ่าฟู่ เรื่องอื่นของตระกูลฟู่ไม่ต้องสอดมือเข้าไปยุ่งแต่ว่าเขาก็ตกตะลึงมาก ทำไมซ่อนตัวไว้ดิบดี ฟู่จาวหนิงก็ยังพบตัวเขาได้?"น่าขัน เจ้าไม่รู้ว่าม้าตัวนั้นเป็นของใครหรือ?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่ามันน่าประชดประชันเสียเหลือเกิน "นี่เป็นม้าล้ำค่าที่อ๋องเจวี้ยนของพวกเจ้าคิดจะทำให้เชื่องนะ"เซียวหลันยวนเจ้าผู้ชายต่ำช้าบอกว่าจะส่งคนมาดูแลบ้านนาง แล้วให้มาดูแลแบบนี้หรือยิ่งไปกว่านั้น ขนาดม้าที่เซียวหลันยวนเอากลับไปก็ยังไม่รู้ อธิบายได้ว่าทหารคนนี้ตำแหน่งทหารในจวนอ๋องเจวี้ยนคือต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากส่งคนแบบนี้มา เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ให้ความ
ฟู่จาวหนิงช่วยเหลือเซียวหลันยวน รับปากเขาว่าจะนำไหมใจโลหิตมาให้ เซียวหลันยวนก็จะทำเพื่อนางสิบเรื่องแต่ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่านี่จะนับเป็นเรื่องที่หนึ่งแล้วดังนั้น ท่านอ๋องต่ำช้านี้ก็เป็นพวกคิดคำนวณเก่ง จิตใจคับแคบ"พระชายา ท่านต้องการให้ข้าทำอะไร สามารถกำชับมาได้เลย" จงเจี้ยนพอเห็นฟู่จาวหนิงไม่ค่อยยินดีนัก ในใจคงกำลังก่นด่าท่านอ๋องอย่างชัดเจน จึงเอ่ยปากขึ้น "ข้าจะพาลูกน้องมาอีกสามคน สี่คนนี่พอใช้งานหรือไม่?""เอ๋? สี่คนหรือ?"ฟู่จาวหนิงลิงโลดขึ้นทันที "เซียวหลันยวนยอมให้คนมาถึงสี่คนเลยหรือ?""อา" จงเจี้ยนส่ายหัว "ไม่ใช่หรอก เวลาข้าออกปฏิบัติภารกิจจะสามารถจัดคนของตนเองได้""เจ้าเป็นหัวหน้าของพวกเขาหรือ?""จะพูดเช่นนั้นก็ได้" จงเจี้ยนพยักหน้าฟู่จาวหนิงเพิ่งจะรู้ว่าก่อนหน้าที่ตนเองบอกว่าต้องการตัวจงเจี้ยน ทหารคนนั้นเพราะอะไรจึงมีสีหน้าเช่นนั้นพนันได้เลยว่าเขาคงกำลังคิดว่า:นี่ถึงกับจะเอาหัวหน้าของพวกเข้ามาปกป้องท่านปู่ของบ้านท่านหรือ?นี่เป็นถึงหัวหน้าทหารจวนอ๋องเจวี้ยนเชียวนะมิน่าเซียวหลันยวนจึงบอกว่านี่เป็นเรื่องที่หนึ่ง หยิบยืมลูกน้องกำลังหลักของเขามาคนหนึ่ง มันก็ยังดูยุ
ถังอู๋เจวี้ยน! แต่ก่อนนางรู้จัก 'เพื่อนออนไลน์' คนหนึ่งจากเว็บบอร์ดการแพทย์ที่มีชื่อเสียง แต่ว่าถังอู๋เจวี้ยนไม่ใช่หมอ ทว่าเป็นคนไข้คนหนึ่ง เขาป่วยเป็นโรคหายาก ดังนั้นจึงแย่ตัวอยู่ในเว็บบอร์ดการแพทย์นั้นอยู่นาน หนึ่งคืออยากจะหาความหวังในการรักษา สองเพื่อหาคนที่ป่วยแบบเดียวกับเขาแต่ถังอู๋เจวี้ยนถึงแม้จะเป็นคนป่วย แต่สภาพจิตใจกลับเจิดจ้าเหมือนดวงตะวัน กระทั่งว่า ตอนที่เว็บบอร์ดการแพทย์จัดกิจกรรมอะไรสักอย่าง เขาก็จะออกเงินสนับสนุนอย่างใจกว้าง ในเว็บบอร์ดมีคนไม่น้อยที่เคยได้ยินชื่อของเขา ให้ฉายากับเขาว่า เซียนถังหลักๆ คือรู้สึกว่าสติจิตใจของคนผู้นี้เปิดกว้างกว่าที่จะเป็นคนป่วยบนโลกใบนี้ฟู่จาวหนิงรู้จักเขาในเว็บบอร์ด และมีครั้งหนึ่งที่นางเขียนรายงานออกหน่วยแพทย์ตรวจรักษาการกุศลที่ต่างประเทศ ด้านในเอ่ยถึงโรคที่เขาเป็นมาประโยคหนึ่ง ถังอู๋เจวี้ยนก็เขียนจดหมายส่วนตัวให้นาง สอบถามเรื่องเกี่ยวกับด้านนี้หลังจากที่ได้คุยกันฟู่จาวหนิงก็พบว่าถังอู๋เจวี้ยนมีความคิดเห็นของตนเองต่อโรคภัยไข้เจ็บหลายโรคเลยทีเดียว นางยังสงสัยว่าเขาอ่านตำราแพทย์ไปนับไม่ถ้วน แม้จะไม่เคยไปสอบ ไม่มีประสบการณ์การตรวจรัก
ที่นี่เรียกว่าลานหินยื่น ก็เพราะมีหินเรียบก้อนใหญ่ยักษ์ก้อนหนึ่งยื่นออกมาจากหน้าผา แล้วด้านล่างเป็นพื้นว่างเปล่าจากทางเดินบนเขา มีเนินดินเล็กๆ สองสามลูกและพุ่มไม้หนาแน่นขวางกั้นอยู่ ระหว่างกลางไม่มีทางเดิน คนทั่วไปถ้าเดินผ่านก็จะมองไม่เห็นจุดชมทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยมนี้อยู่พวกเขาเมื่อครู่พอลงจากรถม้าก็เดินผ่านป่าเข้ามา ถ้าเซียวหลันยวนไม่ได้บอก ก็ไม่รู้เลยว่ายังมีที่แบบนี้อยู่ลานเรียบผืนหนึ่งยื่นออกไปกลางอากาศ ข้างๆ ยังมีพุ่มดอกไม้ขึ้นอยู่พุ่มใหญ่ พอลมภูเขาพัดมา ดอกไม้โบกสะบัดส่งกลิ่นหอมเข้ามาเป็นระยะมองออกไปเป็นทะเลหมอกขาวผืนใหญ่ เมฆขาวสงบซ้อนทับกัน ราวกับเป็นทะเลสีขาวเงียบสงบ งดงามยิ่งใหญ่ราวบทกวีขอบฟ้ามีแสงจ้าสีส้ม ตะวันใกล้ขึ้นภาพงามอยู่ตรงหน้านี้แล้วลานหินยื่นตรงนั้น มีชายคนหนึ่งในชุดสีขาวบริสุทธิ์ เกล้าผมสูง ผมดำแซมขาว มือข้างหนึ่งไพล่หลัง หันหลังให้พวกเขา กำลังชื่นชมทะเลหมอก มีท่าทีราวกับเซียนที่พร้อมจะเหาะเหินจากไปได้ทุกขณะทั้งๆ ที่ได้ยินเสียงของพวกเขา แต่อีกฝ่ายก็ไม่หันกลับมามองมีแค่เขาที่ยืนอยู่ตรงนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนฟ้าดินนี้มีข้าเพียงผู้เดียว คนอื่นอย่าได้
นางโบกไม้โบกมือ พวกของชิงอีจึงขึ้นหน้ามาขวางให้พวกเขาถอยออกไปท่าทางขององครักษ์จวนอ๋อง เหล่าว่านเองก็ไม่กล้าจะไปหาเรื่องด้วยหลังจากเดินไป เสี่ยวเฉิงดูโกรธหน่อยๆ"ลุงเหล่าว่าน ดูสิครั้งนี้ดันไปฟังลวี่กั่วพูดจาไร้สาระ ถ้าไม่ไปเชื่อคำว่าร้ายพระชายาของนาง พระชายาคงจะบอกวิธีทำปูยักษ์พวกนั้นแล้ว""ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่พระชายาจะแตกต่างกับที่ลวี่กั่วพรรณนาไว้แบบนี้ ครั้งนี้โดนนังลวี่กั่วหลอกเข้าแล้วจริงๆ"เหล่าว่านเองก็โกรธขึ้นมา"พรุ่งนี้พวกเขาจะขึ้นยอดเขาโยวชิง ลวี่กั่วจะต้องไปบอกคนข้างกายเจ้าอารามเพื่อว่าร้ายพระชายาแน่" เสี่ยวเฉิงเอ่ยขึ้น"พรุ่งนี้เจ้าไม่ใช่ว่าต้องไปยอดเขาโยวชิงหรือ? พอดีเลย เจ้าไปคอยจับตาไว้ คอยขวางอย่าให้ลวี่กั่วพูดจาไร้สาระ""อืมๆ! ข้าจะจับตานางไว้" เสี่ยวเฉิงประสานหมัดเขาไม่ชอบลวี่กั่วมาตลอดอยู่แล้วพอฮูหยินเฉิงได้รับคำพูดของเซียวหลันยวน ทั้งเสียใจเศร้าใจผิดหวัง แต่ก็จนปัญญาคืนนี้พวกเขาก็ได้แต่หลับไปกับความกังวลในใจของแต่ละคนเช้าวันถัดมา ฮูหยินเฉิงให้คนไปเตรียมข้าวเช้า จะให้พวกเขากินกันแล้วค่อยขึ้นยอดเขาโยวชิง แต่กลับได้ข่าวที่ไม่คาดคิด"เจ้าว่าอะไรนะ? พว
"ท่านอ๋องกับพระชายากำลังกินข้าว มีอะไรหรือ?""ข้าคือเหล่าว่านพ่อครัวของอุทยานเขา ท่านอ๋องรู้จักข้าอยู่ ข้าเข้าไปคารวะท่านอ๋องกับพระชายาได้ไหม?"เหล่าว่านอยากเข้าไปเห็นอาหารทะเลเหล่านั้น ฟู่จาวหนิงทำออกมาอย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้นเซียวหลันยวนก็เหมือนจะรู้จักเขาด้วย ไม่เจอกันนานแล้ว ท่านอ๋องมาที่นี่ จะเข้าไปคารวะเสียหน่อยไม่ได้เลยหรือ?"ข้าอยากไปขอโทษพระชายาด้วย ข้ามันมีตาหามีแววไม่ ก่อนหน้านี้ไม่รู้จักพระชายา แล้วยังให้พระชายาลงมือทำอาหารเองอีก..."ฟู่จาวหนิงที่อยู่ข้างในได้ยินเสียงของเหล่าว่าน ก็เช็ดๆ มือ บอกับเซียวหลันยวนว่า "ข้าออกไปคุยกับเขาสักคำสองคำนะ""ไม่กินแล้วหรือ?""ข้าอิ่มแล้ว ท่านเองก็ควบคุมหน่อย อย่ากินทีเดียวเยอะไปนัก"นางเพิ่งเคยเห็นเซียวหลันยวนปล่อยใจกับการกินแบบนี้เป็นครั้งแรก กินไปเยอะขนาดนี้ ปกติเขากินของได้จำกัดจำเขี่ยมาก"รู้แล้ว" เซียวหลันยวนยังคงกินบะหมี่คลุกหอยฝานอยู่ น้ำจิ้มพวกนั้นรสชาติดีมาก แล้วหมี่นี้พอต้มก็เอาไปผ่านน้ำเย็นด้วย ทำให้อร่อยขึ้นไปอีกฟู่จาวหนิงกำลังจะออกไป เซียวหลันยวนก็เสริมมาคำหนึ่ง "ถ้าหากเหล่าว่านยังดูถูกเจ้าอีก ก็ไม่ต้องไว้หน้าเขาแ
"ความหมายของเจ้าคือ ตอนนี้คนที่อยู่ในห้องอาหาร คืออ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?""ใช่แล้ว" คนใช้พยักหน้า"ทำไมถึงเป็นพวกเขาล่ะ? พวกเขาทำไมถึงกินอาหารกันที่โถงหน้า? ฮูหยินไม่ได้มาเชิญพวกเขาไปกินที่เรือนหลังด้วยกันหรือ?"อาหารที่เตรียมไว้ให้อ๋องเจวี้ยนส่งไปที่เรือนหลังแล้วแท้ๆ"พวกเขายังทำอาหารกันเองด้วยนะ!"เหล่าว่านตอนนี้อดเหงื่อแตกขึ้นมาไม่ได้ถ้าหากคนเหล่านั้นเป็นอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาล่ะก็ แล้ววันนี้เขาทำอะไรลงไปเนี่ย!เสี่ยวเฉิงเองก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้ว สีหน้าเองก็เปลี่ยนไปทันที "ลุงเหล่าว่าน คนนั้นๆๆ ที่พวกเราให้นางไปทำอาหารทะเลเอง..."คนงามนั่นคนงามคนนั้น น่าจะเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนใช่ไหม?ตอนนี้พอคิดแล้วก็แน่ใจว่าใช่แน่ ถ้าเป็นหญิงสูงศักดิ์ทั่วไปจะมีท่วงท่าสง่าแบบนั้นเสียที่ไหน? แตกต่างกับที่พวกเขาเคยเห็นมาก่อนมาก"แต่พระชายาอ๋องเจวี้ยนทำไมถึงไม่ได้วางท่าวางมาดเลยล่ะ?"เหล่าว่านกลับรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตอนที่ลวี่กั่วเข้ามากำชับพวกเขา บอกว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนเป็ฯคนที่กำเริบเสิบสานมาก ไม่เห็นใครในสายตา ดังนั้นฮูหยินจึงไม่ค่อยชอบนางแต่ว่า เรื่องที่ปรุงอาหารทำเ
ฟู่จาวหนิงกำลังกินขาปูอยู่ ตอนนี้เนื้อขาปูมันเกินกว่าที่นางจินตนาการไว้เสียอีก สดหวานกว่าที่เคยกินมาก่อนหน้าหลายเท่าเลยทีเดียว!นั่นเป็นความแตกต่างที่เห็นได้ชัดมาก ยิ่งไปกว่านั้นคุณภาพเนื้อก็สดนุ่ม นางกินไปจนซาบซึ้งแทบร้องไห้เลยไม่เคยกินปูที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ!แล้วยังมีกุ้งมังกรยักษ์อีก เนื้อกุ้งนั่นมันเด้งดึ๋งสุดๆ เลย! รสตกค้างก็หวานมากบวกกับน้ำจิ้มที่นางปรุง สดใหม่จนแทบจะกลืนลิ้นตัวเองลงไปเลยทีเดียวเซียวหลันยวนตอนแรกก็คีบเนื้อก้ามปูขึ้นมา ฟู่จาวหนิงให้เขาลองดูก่อนว่ามีปฏิกิริยาอะไรไหมตอนที่เขารอ ฟู่จาวหนิงก็กินเนื้อปลาหมึกสดไปอีกหลายชิ้น ตรงนี้นางใช้มีดแกะสลัก ผัดอย่างรวดเร็วจนม้วนห่อเหมือนดอกไม้ กัดลงไปก็เด้งสู้ฟันแล้วยังมีกลิ่นหอมเฉพาะของปลาหมึกสด บวกกับความเผ็ดนิดๆ ของขิงซอย อร่อยจนตานางเปล่งประกายเซียวหลันยวนพอเห็นท่าทางของนาง ความอยากอาหารก็พุ่งขึ้นมา เขากระทั่งกลืนน้ำลายเอื๊อกจากความอยากอาหารเป็นครั้งแรกท่าทางนี้สำหรับเขาแล้วเหมือนตบฉาดเข้าที่หน้าเลย ถูกจาวฟู่จาวหนิงเห็นเข้าเสียแล้ว มือนางข้างหนึ่งถือแท่งปูอยู่ หัวเราจนตตัวโยนจากนั้นนางจึงยื่นมือมาแตะชีพ
โถงอาหารที่ฮูหยินเฉิงเชิญแขกมา เป็นส่วนที่อยู่ในเรือนหลัง เรือนหน้ายังมีอีกโถงหนึ่ง มีโถงเล็กใหญ่ โถงใหญ่มีโต๊ะหลายตัว โถงเล็กมีแค่ตัวเดียวนางพาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาถึงโถงอาหารเรือนหลังของตนเอง คนรับใช้ก็นำอาหารออกมา ดูแล้วประณีตมากกลิ่นลอยเตะจมูก จานที่จัดวางก็สวยงามองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอได้กลิ่นน่าอร่อยก็ท้องร้องขึ้นมาแต่ตอนที่นางเห็นบนโต๊ะมีจานชามวางอยู่สามชุด ก็มองฮูหยินเฉิงอย่างไม่เข้าใจ"ท่านน้าเฉิง พวกเราสองคนแล้วยังมีใครมากินด้วยอีกหรือ? ขาดไปหนึ่งชุดหรือเปล่า?"สามคน จะคิดอย่างไรก็ไม่ค่อยถูกนางเองก็ไม่เห็นว่ามีใครเข้ามายิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ว่ามากับอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ? เช่นนั้นก็ควรจะเป็นสี่สิ"นั่งลงเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ"ฮูหยินเฉิงดึงนางลงมานั่งก่อน จากนั้นจึงถอนใจเอ่ยขึ้นว่า "เมื่อครู่อายวนสั่งคนมาบอกข้าแล้ว ว่าคืนนี้เขาจะกินข้าวกับพระชายาที่เรือนหน้า ไม่เข้ามาแล้ว ข้าคิดว่าพระชายาคงไม่อยากจะเข้ามาที่เรือนหลังของข้า และคงไม่อยากมานั่งกินข้าวกับข้าด้วยกระมัง"พูดออกมาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจเหมือนถูกฟู่จาวหนิงรังเกียจ ในใจรู้สึกแย่มากองค์หญิงใหญ่ฝ
"ลุงเหล่าว่าน ข้าทราบแล้ว พวกเขายืมห้องครัวข้างๆ เพื่อเตรียมกับข้าวกันเองน่ะ" เสี่ยวเฉิงเอ่ยขึ้น"ทำเองหรือ?" เหล่าว่านตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา "เช่นนั้นก็เอาเถอะ ข้าคงจะดูคนผิดจริงๆ แม่นางสองคนนั้นกับชายอีกสองคนทำอาหารทะเลกันเป็นด้วย"เขาเองก็ไม่พูดอะไรอีกหลังจากเซียวหลันยวนออกไปส่งจดหมายแล้วกลับมา ก็ไปที่ครัวหลังหาฟู่จาวหนิงครัวใหญ่อีกด้านก็มีคนเข้าๆ ออกๆ เขาเหลือบมองไป เห็นว่าเหล่าว่านกำลังยุ่งเซียวหลันยวนจึงไม่เข้าไป แต่เดินไปยังห้องครัวรองข้างๆหลังจากเข้าไปเขาก็เห็นพวกของสืออีกำลังล้อมฟู่จาวหนิงอยู่ กำลังมองอย่างเคลิบเคลิ้ม ใครก็ไม่ทันสังเกตว่าเขาเข้ามาแล้วนี่กำลังทำอะไรกัน?เขาเดินเข้าไป ก็เห็นฟู่จาวหนิงกำลังใช้มีดเชือดปูขาหูขนาดใหญ่พวกนั้น แต่ละท่อนถูกเฉือนออกมา มีดเล็กในมือฟันลงไป ตัดหั่น กรีดแล้วเปิดออก เผยให้เห็นเนื้อใสเป็นประกายด้านในข้างๆ มีถาดใบใหญ่ใบหนึ่ง วางเรียงขาปูไว้แล้วฟู่จาวหนิงสมกับที่ใช้มีดผ่าตัดเป็น ปู่ที่นางจัดการ เป็นระเบียบเรียบร้อย รอยตัดเป็นแบบเดียวกันทั้งหมด ขนาดเล็กใหญ่ก็เท่ากัน แค่วางเรียงไว้ก็ทำให้คนที่ป่วยโรคย้ำคิดย้ำ
เพียงไม่นาน ก็มีคนหนึ่งคนหนึ่งเดินออกมา แต่งตัวทะมัดทะแมงด้วยเช่นกันเขาเหลือบมองฟู่จาวหนิงอย่างอยากรู้อยากเห็น หน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองสืออีกับไป๋หู่ "พวกท่านตามข้าเข้ามาเถอะ ด้านในมีถังน้ำใบใหญ่อยู่ เอาของพวกนี้ใส่ทิ้งไว้ได้ แต่ขอบอกไว้ก่อน ไม่รับประกันว่าพรุ่งนี้จะยังกระโดดโลดเต้นได้อยู่ไหม"เขาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เสริมเข้ามาว่า "แต่ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรต่อให้ตาย พรุ่งนี้ลุงเหล่าว่านก็จะปรุงให้พวกท่านเอง ถ้ายังตายไม่นานนักรสชาติก็ยังใกล้เคียงกันอยู่ กินได้"สืออีหน้าขรึมไปแล้ว"ในเมื่อตอนนี้ที่พวกเราซื้อมายังสดอยู่ ก็ไม่กินตอนนี้เลยล่ะ ต้องมารอให้มันตายแล้วกินของไม่สดวันพรุ่งนี้แทนหรือ?"นี่มันตรรกะอะไรกัน?"ใช่เลย ของพวกนี้ซื้อมาตั้งห้าสิบตำลึงนะ" เสี่ยวเยว่เองก็เอ่ยขึ้นด้วยชายหนุ่มคนนั้นดูจนใจหน่อย ผายมือออก "ถ้างั้นแล้วจะทำยังไงล่ะ? ของอย่างอาหารทะเลมีแต่ลุงว่านของพวกเราที่ทำเป็น แต่วันนี้เขาไม่มีเวลามาช่วยพวกท่านทำหรอก"ฟู่จาวหนิงตอนนี้จึงถามขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น "ไม่ใช่บอกว่าจะต้อนรับแขกชั้นสูงหรอกหรือ? ถ้าของพวกนี้เป็นของที่อ๋องเจวี้ยนจะกิน จะเอามาทำไ