หงจั๋วพูดออกมาอย่างทนไม่ไหวประโยคหนึ่งจินเสวี่ยกับไป๋ซวงขณะเดียวกันก็มองมาทางนางสาวใช้ระดับสองสองคนนี้เบื่อโลกแล้วหรือไรกัน?นางพูดแทนฟู่จาวหนิงมารอบที่สองแล้ว ยังไม่รู้อีกหรือว่าพวกนางควรอยู่ฝั่งไหน?หงจั๋วยืดหลังตรงนางตอนนี้ก็เป็นสาวใช้ใหญ่แล้ว เป็นสาวใช้ใหญ่ระดับหนึ่งข้างกายพระชายา เช่นนั้นตัวตนฐานะก็ระดับเดียวกับแล้ว นางทำไมจะต้องกลัวจินเสวี่ยกับไป๋ซวงด้วย?เฝิ่นซิงที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นมาด้วยว่า "ข้าน้อยเองก็มีความคิดเดียวกันกับหงจั๋ว""พวกเจ้า"จินเสวี่ยโมโหจัด ยกมือขึ้นจะชี้หน้าพวกนาง แต่กลับพบว่าแขนยกขึ้นมาลำบากมากนางก็มองไปทางอ๋องเจวี้ยนอย่างทนไม่ไหวอีกครั้ง ร้องห่มร้องไห้เอ่ยขึ้นมา "ท่านอ๋อง คุณหนูฟู่ไม่รู้ใช้เข็มพิษอะไร ตอนนี้แขนของขข้าน้อยยกไม่ขึ้นเลย"อ๋องเจวี้ยนมองพวกนาง หรุบตาลงต่ำ "พวกเจ้าลงมือกับพระชายา นางไม่เอาชีวิตพวกเจ้าก็ถือว่าเมตตาแล้ว ถอยไปเถอะ""ท่านอ๋อง?"จินเสวี่ยกับไป๋ซวงงงงันไปท่าน๋องไม่คิดจะเรียกคืนความยุติธรรมให้พวกนางหน่อยหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องยังรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงมีคุณสมบัติที่จะสังหารพวกนางด้วย?"ถอยไป" ชิงอีรีบตะคอกเสียงต่อ
ฟู่จาวหนิงกลับมายังบ้านตระกูลฟู่ ยังไม่ทันจะเข้าประตูก็ได้ยินเสียงเอะอะกับเสียงตะโกน แล้วยังมีเสียงม้าร้องขึ้นมาจากด้านในด้วยม้าป่าตัวนั้นหรือ?นางรู้สึกแย่แล้วขึ้นฉับพลัน รีบผลักประตูเข้าไปเรือนหลังทางนี้มีคนกลุ่มใหย่มารวมตัวกัน "คึกคัก" เสียเหลือเกิน พวกเขามีคนที่ถือเชื่องบ่วงอยู่ มีคนถือไม้กระบอง มีคนถือมีดดาบ และยังมีคนกอดฟางหญ้าเอาไว้ จังจ้องไปที่ม้าตัวนั้น"เร็ว เอ้อร์โก่ว เจ้าไม่ใช่ว่าขว้างหินแม่นหรือ? รีบขว้างใส่ขามันเสีย!"ชายหนุ่มอายุราวสิบสามสิบสี่หมอบคลานอยู่บนภูเขาจำลอง หมอบชี้นิ้วสั่งการคนนั้นคนนี้อยู่"อย่าขว้างจนเสียของล่ะ ไม่เช่นนั้นข้าจะขี่มันออกไปได้อย่างไร?""คุณชายหก หรือว่าจะเป่าลูกดอกพิษ?"มีคนหยิบกระบอกลูกดอกออกมาท่อนหนึ่ง กระเหี้ยนกระหือรืออยากลองม้าตัวนั้นถูกคนทั้งหมดล้อมไว้ตรงกลาง บนพื้นสาดเข็มเหล็กเอาไว้ มันก็เหมือนสัมผัสได้ถึงอันตราย จึงหมุนตัวอยู่แต่ในวงเล็กๆ จมูกกระฟัดกระเฟียด เหมือนว่าก่อนหน้านี้เพิ่งผ่านการวิ่งอย่างดุเดือดมา"อู้ๆๆ!"ฟู่จาวหนิงพอเห็นฉากตรงหน้านี้ก็หัวฟัดหัวเหวี่ยง จากนั้นตอนที่เห็นเสี่ยวเถาถูกคนใช้คนหนึ่งจับไว้แล้วยังออกแร
"เสี่ยวเถาบอกว่า นี่เป็นม้าที่เจ้าขี่กลับมาหรือ?" ฟู่หย่งหนิงเงยหน้าถลึงตาใส่ฟู่จาวหนิงเขาทำไมรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงเหมือนจะแปลกไปจากเดิมนะ"เป็นม้าที่ข้าขี่กลับมา ดังนั้นพวกเจ้าตอนนี้คิดจะมาจับม้าของข้า หรือว่ามาสังหารม้าของข้ากันล่ะ?" ฟู่จาวหนิงดึงเสี่ยวเถาไปไว้ด้านหลัง"เจ้าเอาอานม้ากับเชือกไปใส่กับม้าตัวนั้นหน่อย แล้วยกม้าตัวนั้นให้ข้า!" ฟู่หย่งหนิงพูดอย่างองอาจมั่นใจถึงอย่างในในบ้านตระกูลฟู่ คนทั้งหมดก็ล้วนยอมให้เขา เขาเคยชินกับการพูดจาแบบนี้ไปแล้วฟู่จาวหนิงมองชายหนุ่มใบหน้ากำเริบเสิบสานคนนี้ จู่ๆ ก็ยกมือขึ้นตบหัวไปที่หัวของเขาฟู่หย่งหนิงถูกนางตบจนมึน"เจ้าพากคนมารังแกคนของข้า แล้วยังคิดจะแย่งม้าของข้า เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าหรือไรกัน?" ฟู่จาวหนิงในมือก็ไม่รู้คีบเข็มเงินเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไร ตอนที่ฟู่หย่งหนิงยังไม่ทันตั้งตัวก็แทงลงไปที่คอของเขาอย่างรวดเร็วแล้ว"อ๊า..."ฟู่หย่งหนิงร้องลั่นคิดจะโบกมือไปข่วนหน้าของนาง แต่ฟู่จาวหนิงก็ชักเข็มออก ยกเท้าถีบหัวเข่าเขาไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ถอยออกมาสองก้าวอย่างรวดเร็วฟู่หย่งหนิงทิ้งตัวคุกเข่าลงพื้นดังตุบเขาถลึงตามองอ้าปากค้าง
เล่าคนใช้แน่นอนว่าไม่กล้าพูดต่อแล้วคนใช้เมื่อครู่จริงๆ ก็แค่เห็นว่าจู่ๆ ฟู่จาวหนิงก็ไม่กลัวพวกเขาขึ้นมา ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ถูกพวกเขาไล่บี้เสียจนทั้งโกรธทั้งทำอะไรไม่ได้ รู้สึกว่าไม่ถึงใจ ดังนั้นจึงระงับไว้ไม่อยู่แต่พอถูกคนข้างๆ เหยียบไว้เขาจึงได้สติกลับมาเรื่องนี้บ้านสองบ้านสามของพวกเขารู้อยู่แล้ว แต่ระหว่างที่เรื่องยังทำไม่สำเร็จก็ปิดเอาไว้ไม่ให้บ้านใหญ่รู้ถ้าหากพวกเขาหลุดปากไปจนทำเสียเรื่อง ผู้เฒ่าสองผู้เฒ่าสามคงได้ถลกหนังพวกเขาแน่คนใช้ที่คางมีไฝคนนี้แอบตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จ้องมองฟู่จาวหนิงเขายังรู้สึกว่า ต่อให้ฟู่จาวหนิงรู้แล้วจะทำไม?หลายปีมานี้ บ้านใหญ่ไม่ใช่ว่าถูกบ้านสองบ้านสามอย่างพวกเขากดขี่มาตลอดหรอกหรือ?"ไม่มีอะไร คุณหนูใหญ่ยังไม่รีบตามพวกเราไปหาฮูหยินสามอีกหรือ?""อาๆ!"ฟู่หย่งหนิงออกแรงกระโจนอีกครั้ง นิ้วมือจะข่วนเข้ามาที่หน้าฟู่จาวหนิง หน้าของเขาเกร็งจนแดงก่ำ โมโหจนควันแทบออกจากหู แต่ก็ส่งเสียงออกมาไม่ได้เลย ปากทำได้แค่ออกแรงพะงาบๆ เท่านั้นพอเห็นเขาสภาพนี้ คนในลานก็เริ่มลนลานขึ้นมาเดิมทีคิดว่าฟู่หย่งหนิงจะถูกแทงไว้เพียงชั่วครู่ เพียงไม่นานก็กลับมาพูดได้
บนต้นไม้นั่นมีชายหนุ่มในชุดทหารจวนอ๋องเจวี้ยนคนหนึ่งกระโดดลงมาเขามองฟู่จาวหนิงอย่างตกตะลึง"เซียวหลันยวนบอกว่าจะส่งคนเข้ามาช่วยข้าจับตาดูท่านปู่ ที่แท้ก็คือมาดูแบบนี้หรือ?"ฟู่จาวหนิงมองทหารคนนี้อย่างประชดประชัน"ท่านอ๋องสั่งให้ข้ามาคอยปกป้องผู้เฒ่าฟู่ แต่ตอนนี้ผู้เฒ่าฟู่ยังไม่เป็นอันตราย" ทหารจวนอ๋องอธิบายขึ้นเสียงอ่อยเมื่อครู่คนเหล่านั้นยังไม่ได้ลงมือกับผู้เฒ่าฟู่ ดังนั้นเขาจึงเพียงคุ้มกันอยู่เงียบๆ ไม่ลงมือท่านอ๋องพูดแล้ว นอกจากความปลอดภัยของผู้เฒ่าฟู่ เรื่องอื่นของตระกูลฟู่ไม่ต้องสอดมือเข้าไปยุ่งแต่ว่าเขาก็ตกตะลึงมาก ทำไมซ่อนตัวไว้ดิบดี ฟู่จาวหนิงก็ยังพบตัวเขาได้?"น่าขัน เจ้าไม่รู้ว่าม้าตัวนั้นเป็นของใครหรือ?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่ามันน่าประชดประชันเสียเหลือเกิน "นี่เป็นม้าล้ำค่าที่อ๋องเจวี้ยนของพวกเจ้าคิดจะทำให้เชื่องนะ"เซียวหลันยวนเจ้าผู้ชายต่ำช้าบอกว่าจะส่งคนมาดูแลบ้านนาง แล้วให้มาดูแลแบบนี้หรือยิ่งไปกว่านั้น ขนาดม้าที่เซียวหลันยวนเอากลับไปก็ยังไม่รู้ อธิบายได้ว่าทหารคนนี้ตำแหน่งทหารในจวนอ๋องเจวี้ยนคือต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากส่งคนแบบนี้มา เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ให้ความ
ฟู่จาวหนิงช่วยเหลือเซียวหลันยวน รับปากเขาว่าจะนำไหมใจโลหิตมาให้ เซียวหลันยวนก็จะทำเพื่อนางสิบเรื่องแต่ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่านี่จะนับเป็นเรื่องที่หนึ่งแล้วดังนั้น ท่านอ๋องต่ำช้านี้ก็เป็นพวกคิดคำนวณเก่ง จิตใจคับแคบ"พระชายา ท่านต้องการให้ข้าทำอะไร สามารถกำชับมาได้เลย" จงเจี้ยนพอเห็นฟู่จาวหนิงไม่ค่อยยินดีนัก ในใจคงกำลังก่นด่าท่านอ๋องอย่างชัดเจน จึงเอ่ยปากขึ้น "ข้าจะพาลูกน้องมาอีกสามคน สี่คนนี่พอใช้งานหรือไม่?""เอ๋? สี่คนหรือ?"ฟู่จาวหนิงลิงโลดขึ้นทันที "เซียวหลันยวนยอมให้คนมาถึงสี่คนเลยหรือ?""อา" จงเจี้ยนส่ายหัว "ไม่ใช่หรอก เวลาข้าออกปฏิบัติภารกิจจะสามารถจัดคนของตนเองได้""เจ้าเป็นหัวหน้าของพวกเขาหรือ?""จะพูดเช่นนั้นก็ได้" จงเจี้ยนพยักหน้าฟู่จาวหนิงเพิ่งจะรู้ว่าก่อนหน้าที่ตนเองบอกว่าต้องการตัวจงเจี้ยน ทหารคนนั้นเพราะอะไรจึงมีสีหน้าเช่นนั้นพนันได้เลยว่าเขาคงกำลังคิดว่า:นี่ถึงกับจะเอาหัวหน้าของพวกเข้ามาปกป้องท่านปู่ของบ้านท่านหรือ?นี่เป็นถึงหัวหน้าทหารจวนอ๋องเจวี้ยนเชียวนะมิน่าเซียวหลันยวนจึงบอกว่านี่เป็นเรื่องที่หนึ่ง หยิบยืมลูกน้องกำลังหลักของเขามาคนหนึ่ง มันก็ยังดูยุ
ผู้เฒ่าฟู่กลับเบี่ยงหลบมือของนาง จ้องมองนาง "จาวหนิง เจ้าไปหาอ๋องเจวี้ยนแล้วหรือยัง? หย่าแล้วหรือยัง?"ตามคาด เขายังจำเรื่องหย่าร้างไว้ตลอดเวลา"ท่านปู่ ท่านเองก็น่าจะรู้ ว่าการหย่าร้างกับท่านอ๋องไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ว่าท่านดูข้าสิ ข้าตอนนี้ไม่ใช่ว่ายังสมบูรณ์พูนสุขอยู่หรือ? กินก็ดีเสื้อผ้าก็อุ่น ชัดเจนมากเลย ว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ทำอะไรกับข้า"ผู้เฒ่าฟู่ยื่นมือรวบริ้วผมที่หน้าผากของนางไปด้านหลัง ถอนหายใจ"อันที่จริงปู่ก็เข้าใจความคิดของเจ้า เจ้าถอนหมั้นกับเซียวเหยียนจิ่งก็เพื่อข้า ไปขวางรถม้าของอ๋องเจวี้ยนกลางถนนแล้วแต่งงานกับเขาก็เพื่อข้าเช่นกัน"ผู้เฒ่าฟู่ยื่นมือตบลงที่หน้าอกตนเองเบาๆ"ท่านปู่ ท่านต้องควบคุมอารมณ์ให้ดี ให้ตนเองมีชีวิตรอดต่อไป อย่าตื่นเต้นง่าย อย่าถูกกระตุ้นจนตกใจง่ายเกินไป"ฟู่จาวหนิงมองรอยย่นบนหางตาเขา รู้สึกดวงใจเจ็บแปลบขึ้นมาหลังจากถูกปรมาจารย์ฉือเชินตบหัวไปสามครั้ง นางก็รู้สึว่าความรู้สึกต่อบ้านตระกูลฟู่และผู้เฒ่าฟู่ของตนเองลึกซึ้งมากกว่าก่อนหน้านี้มากพอเห็นผู้เฒ่าฟู่เป็นเช่นนี้ นางก็ยิ่งเสียใจ"ข้ารู้ว่าก่อนหน้านี้คงทำเจ้าตกใจ จาวหนิง อย่าได้โทษปู่เลย"
"แล้วนี่จะทำอย่างไรดี" ฮูหยินสามกลัดกลุ้ม ไล่หมอชราออกไปนี่มันหมอบ้านๆ ชัดๆ !"ไปเชิญหมอคนอื่นมาอีก! หมอเทวดาหลี่ ใช่แล้ว ไปเชิญหมอเทวดาหลี่มา!" ฮูหยินสามร้องเรียกขึ้นไห่ฉางจวิ้นเองก็เข้ามาแล้ว คนใช้รีบร้อนวิ่งออกไปจนเกือบจะชนนางเข้า"เกิดอะไรขึ้น?"พอเห็นนาง ฮูหยินสามตาก็เปล่งประกาย รีบร้อนคว้ามือของนางมา "นักบุญหญิง ท่านช่วยดูหย่งหนิงของข้าให้หน่อยว่าเป็นอะไร? เขาพูดออกมาไม่ได้เลย!"ไห่ฉางจวิ้นดวงตาเปล่งประกายวาบ"เขาไม่ใช่ว่าออกไปจับม้าหรือ? ทำไมอยู่ดีดีก็พูดไม่ได้เสียแล้ว?""เพราะนังสารเลวฟู่จาวหนิง นางบอกว่าม้าเป็นของนาง จากนั้นก็เอาเข็มแทงลงมา หย่งหนิงของข้าถูกนางแทงมั่วๆ จนพูดไม่ได้ไปแล้ว"ฮูหยินสามเองก็อยากจะรีบไปคิดบัญชีพกับฟู่จาวหนิงเหมือนกัน แต่กลัวจะไปเสียเวลาเรื่องร่างกายของลูกชาย จึงทำได้แค่ทนไว้ก่อน"หยิบเข็มมาแทงหรือ? แทงมั่วด้วยหรือ"ไห่ฉางจวิ้นคิดถึงฉากที่ฟู่จาวหนิงช่วยคนไว้กลางถนน จึงเดินตรงไปข้างเตียงอย่างอดไม่อยู่ ตรวจอาการฟู่หย่งหนิงขึ้นมาฟู่จาวหนิงไม่ใช่แค่เป็นวิชาแพทย์?แต่ยังฝังเข็มได้ด้วยหรือ?ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็ร้ายกาจกว่าที่นางจิน
เสียงของเจ้าอารามดังขึ้นแผ่วเบาข้างหู ทำให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่เดิมคิดจะร้องด้วยความตกใจกลืนมันกลับลงไป พยายามทำให้ตนเองใจเย็นลงมาในเมื่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบอกว่าพวกเขาดูอยู่ได้ เช่นนั้นไม่ดูก็จะเสียโอกาสฟู่จาวหนิงดึงเซียวหลันยวนเดินเข้าไปใกล้ๆ ดังนั้นพวกเขาเองก็เห็นตาข่ายระยางเลือดละเอียดบนแท่นหินแล้วแรงกดอากาศในถ้ำหินเหมือนจะต่ำลงมาหน่อย จากนั้นแสงก็หม่นลงมาท้องฟ้าด้านนอกไม่รู้ทำไมถึงมืดลง ควบเมฆดำขึ้นมาผืนใหญ่ตาข่ายระยางเลือดบนแท่นหินค่อยๆ ไหลเวียนขึ้นมา จากนั้นลูกปัดหยกเหล่านั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวไปตามรางสีท้องฟ้ามืดลงกว่าเดิมเพียงไม่นาน ลูกปัดหยกรอบๆ พวกนั้นก็หมุนวนขึ้นมาลูกปัดหยกมากมายขนาดนั้น มีทั้งหมุนเร็วหมุนช้าแตกต่างกันไป ตอนที่หมุนก็เกิดเสียงเสียดสีแตกต่างกันออกมาในเสียงเองก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งเสียงแซ่กๆๆ มีทั้งเสียงจิ๊กๆๆ มีทั้งเสียงกึกๆๆ ดังเบาแตกต่างกัน แม้จะเป็นเสียงที่เบามา แต่พอมากขนาดนี้ เสียงเล็กๆพอรวมกันขึ้นมา ก็ทำให้คนมองข้ามไปไม่ได้เช่นกันฟู่จาวหนิงมองลูกปัดหยกเหล่านั้น ในใจตกตะลึงนี่เป็นกลไกที่ละเอียดมาก? หรือว่าเป็นค่ายกลอะไรกันนะ?เพียง
ฟู่จาวหนิงอันที่จริงไม่ค่อยเข้าใจว่าเจ้าอารามทำไมจึงอยากจะให้นางดูให้ได้ให้เขาทำนายชะตาของเซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้วทำไมล่ะ? ต่อให้เข้ากันได้ นางก็ไม่สนใจ ดูไปแล้วมันจะมีความหมายอะไร?"ต่อให้เปลี่ยนไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า" ฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบๆกระทั่งเจ้าอารามก็ยังไม่เคยเจอคนแบบฟู่จาวหนิงคนมากมายมาอ้อนวอนให้เขาช่วยทำนาย อยากจะให้เขาช่วยแก้ไขโชคชะตา คำนวณหาฤกษ์ดีฤกษ์ร้าย แต่ฟู่จาวหนิงกลับบอกว่าไม่ต้องการนี่คือไม่ได้อยากรู้กับโชคชะตาของตนเองแม้แต่น้อยเลยหรือ? แต่ก็ควรอยากรู้อนาคตนี่นา?"ถ้าอย่างนั้นท่านก็ห้ามอ๋องเจวี้ยนทำนายไม่ได้สิ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน ทำไมอ๋องเจวี้ยนต้องฟังนางด้วยล่ะ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน"ข้าไม่ได้ห้ามเขาทำนาย แค่เจ้าอารามถามว่าข้าอยากดูไหม ซึ่งข้าก็บอกว่าไม่สนใจเท่านั้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจ้องตาแป๋วไปทางเซียวหลันยวน "อ๋องเจวี้ยน ขอเชิญท่านมาทำนายชะตาของพวกเรา..."เซียวหลันยวนตัดบทนาง"ถ้าข้าจะทำนาย ข้าก็ไม่อยากทำนายชะตาที่เกี่ยวกับเจ้า เป็นอย่างที่พระชายาบอก ไม่ว่าพวกเราจะมีชะตาอย่างไร พวกเราก็ไม่สนใจทั้งนั้
เซียวหลันยวนแน่นอนว่าไม่บีบให้ฟู่จาวหนิงเห็นด้วย แม้ว่านางจะได้ยินประโยคนั้นจากเจ้าอารามแล้วหวั่นไหวมากก็ตามอันที่จริงเขาก็อยาก เขาอยากจะดูว่าตนเองกับจาวหนิงชะตาต้องกันหรือไม่หลายปีมานี้ได้ยินว่าเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นชะตาต้องกันมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เจ้าอารามก็แนะนำให้เขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่งงานกันด้วยเหตุผลนี้เซียวหลันยวนคิดในใจ ถ้าเพื่อทำนายออกมา แล้วดวงชะตาของเขากับจาวหนิงต้องกันมากกว่าล่ะ?เช่นนั้นหลังจากนี้พวกเขาก็ไม่ต้องเอาเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาผูกได้ด้วยกันแล้วใช่ไหม? เอาจริงๆ เขาฟังมาจนเบื่อแล้ว ฟังจนรำคาญด้วยแต่ฟู่จาวหนิงไม่ยอม เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไร"พระชายา อ๋องเจวี้ยนเป็นคนที่สำคัญมากในราชวงศ์แคว้นเจา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นร้อนรนขึ้นมา "อันที่จริงต่อให้ไม่มาหาเจ้าอาราม ก่อนหน้าที่เขาจะแต่งงานก็ต้องมีการดูดวงสมพงษ์ของทั้งสองฝ่ายก่อน ทำนายว่าวาสนาคุ่ครองนี้จะสมบูรณ์หรือไม่ ข้าได้ยินว่าก่อนหน้านี้พวกท่านก็ไม่ได้ทำนายกัน นี่มันไม่สมเหตุสมผล"นางอยากให้ฟู่จาวหนิงทำนายมาก!ด้วยประสบการณ์ที่ฟู่จาวหนิงหมั้นหมายกับเซียวเหยียนจิ่ง แล้วยังถอนหมั้นกลางถนนก่อนหน้านี
ฟู่จาวหนิงเหล่มองเขาผาดหนึ่ง ยื่นมือไปหยิกแขนของเขาตาของเขายังคมกว่านางอีกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังนิ่งขนาดนี้อีก ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยถ้าฮูหยินเฉิงรู้ว่าเจ้าอารามที่นี่มีหยกดารามากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดความคิดอะไรขึ้น?เหมือนเจ้าอารามก็น่าจะรู้ว่านางต้องการหยกดาราด้วยกระมัง? ไม่แบ่งให้นางสักหน่อย แต่ยังให้นางเดินทางนับพันลี้ออกไปหา? เรื่องนี้ดูแล้ว ที่ฮูหยินเฉิงบอกมาเองว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าอาราม เจ้าอารามเชื่อใจนางมาก ความน่าเชื่อถือเรื่องนี้ลดลงไปกว่าครึ่งเลยทีเดียวขณะที่ฟู่จาวหนิงกำลังคิดว่า ถ้าทีหลังตอนที่ฮูหยินเฉิงเข้ามาพูดไร้สาระต่อหน้านางอีกนางก็จะสะบัดเรื่องนี้แทงใจอีกฝ่ายไปเลย เจ้าอารามก็ตอบคำถามของเซียวหลันยวนมา"ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกว่า เจ้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีชะตาต้องกัน แต่ดูเหมือนเจ้าไม่ค่อยเชื่อ วันนี้เลยอยากให้เจ้าได้เห็นด้วยตัวเองน่ะ"พอได้ยินคำนี้ของเจ้าอาราม หน้าเซียวหลันยวนก็ขรึมลงมาเขาไม่คิดว่าเจ้าอารามจะมีความคิดเช่นนี้"ไม่จำเป็นหรอก"ตอนนี้เขาแต่งงานกับฟู่จาวหนิงแล้ว จะให้เขามาเห็นว่ามีชะตาต้องกันกับหญิงสาวคนอื่น คิดจะทำอะไรกัน?เซียวหลัน
ฟู่จาวหนิงยื่นหัวออกมามอง จึงพบว่าจุดที่เจ้าอารามยืนอยู่นั้นแปลกประหลาดหน่อยๆตรงหน้าเขามีแท่นหินแท่นหนึ่ง ด้านบนไม่รู้สลักอะไรไว้ แล้วยังมีรางที่ดูซับซ้อนอยู่ ปลายรางมีลูกปัดหยกหลายขนาดหลายสีฝังอยู่ด้วยแท่นหินนั้นสูงประมาณเอวเขาด้านหน้าคือหน้าต่างหินธรรมชาตินั่นตอนนี้เป็นช่วงกลางวัน แสงด้านนอกสาดส่องเข้ามา ดังนั้นในถ้ำจึงไม่มืดนักแต่ว่าฟู่จาวหนิงยังพบว่าในถ้ำภูเขานี้ รอบๆ ยังมีเสาหินบางส่วนยื่นออกมา เสาหินทุกต้นฝังลูกปัดหยกขนาดกำปั้นเด็กเอาไว้เม็ดหนึ่งนางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที จึงก้าวออกไปข้างๆ สองก้าว เข้าหาเม็ดที่อยู่ใกล้ที่สุด ก้มหน้าลงไปดูแน่นอน รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ ไม่ควรเข้าไปแตะสุ่มสี่สุ่มห้า นี่เป็นมารยาท ดังนั้นนางจึงเพียงแค่มอง ไม่ยื่นมือออกไปเพียงแต่พอมองดู ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงนี่มันอะไรกันเนี่ย?ก่อนหน้านี้ฮูหยินเฉิงถึงกับต้องแจ้นไปเมืองหลวงไกลนับพันลี้เพื่อกำไลหยกดาราตงฉิงวงหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเซียวหลันยวนยังเคยบอกว่า หยกดาราตงฉิงตอนนี้หายากมาก ถึงอย่างไรตงฉิงก็หายสาบสูญไปแล้วแต่ตอนนี้ที่นางเห็นนี่มันอะไรกัน?ลูกปัดหยกขนาดเท่า
พอคิดแบบนี้ ในใจนางก็มีความหวังพรั่งพรูออกมาพวกเขาเดินผ่านประตูหลัง ก็มองเห็นบันไดที่ทอดยาวลงด้านล่างด้านหลังยอดเขาโยวชิงผืนนี้ มองออกไปเป็นทิวเขาที่ทอดยาวผืนหนึ่ง แต่ก็ยังเตี้ยกว่ายอดเขาโยวชิงอยู่มาก"นี่จะไปคุยกันที่ไหนหรือ?"คุยกันในหออู๋จิ้งที่พักของเจ้าอารามยังสงบไม่พออีกหรือไรกัน?เอาจริงๆ ยอดเขาโยวชิงทั้งลูกก็เงียบสงบมากพอแล้ว"ไม่รู้สิ" เซียวหลันยวนสีหน้ายังคงสงบเขาเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าอารามจะพาพวกเขาไปคุยกันที่ไหนหลังจากลงไป ก็มีอุโมงค์หินที่มาราวหินเส้นหนึ่ง เหมือนเจาะออกมาจากหน้าผาอย่างไรอย่างนั้น เดินผ่านไปได้พร้อมกันแค่สองคนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหลังจากลงมาก็เหลือบมองลงไปด้านล่าง หน้าผาลึกทำเอานางสันหลังวาบเลยทีเดียวนางกลัวขึ้นมาหน่อยๆแต่ด้านหน้าก็ไม่เห็นหลังของเจ้าอารามโยวชิงแล้ว เซียวหลันยวนเองก็ยังคงจับมือฟู่จาวหนิงไว้แน่น ยิ่งทำให้นางดูโดดเดี่ยวน่าสงสารขึ้นไปอีกนางหันกลับไป ก็เห็นซางจื่อที่เดินตามหลังมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเดินมาพักหนึ่ง เลี้ยวหนึ่งโค้ง ก็มองเห็นเข้ากับถ้ำหินธรรมชาติ ด้านบนมีเถาวัลย์หนามอยู่มากมาย ห้อยลงมาบนศีรษะฟู่จาวหนิงมองเถาวัลย์เหล่า
ฟู่จาวหนิงเกิดความรู้สึกเมื่อครู่ขึ้นอีกครั้งฮูหยินเฉิงดูจะเชื่อฟังง่ายไปหน่อยแล้ว อารมณ์นั่นสลายเร็วเกินไปไหม?เพราะคำพูดแผ่วเบาสองคำนั่นของเจ้าอารามหรือ?หรือจะบอวก่า เจ้าอารามมีบารมีแข็งแกร่งมาก แค่คำพูดที่เขาพูด คนอื่นก็เกิดความคิดโต้แย้งประท้วงอะไรไม่ได้ทั้งสิ้นเลยหรือ?กลายเป็นว่าเชื่อฟังคำของเขาไปทั้งหมด?"ข้าอยากจะคุยกับพวกเขาสักหน่อย เจ้าลงเขาไปก่อนเถอะ ออกมานานแล้ว ธุระที่อุทยานเขา เจ้เาองก็ต้องไปจัดการอยู่"เจ้าอารามยังคงพูดเสียงอ่อนโยนกับฮูหยินเฉิงฮูหยินเฉิงลุกขึ้นมา"ได้ เช่นนั้นข้าขอลงเขาก่อน ถ้ามีเรื่องอะไร เจ้าอารามก็ส่งคนมาหาข้าได้เลย"เจ้าอารามพยักหน้าให้เบาๆองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้ลนลานขึ้นมา เดิมทีนางก็ไม่ค่อยชอบเรื่องที่ฮูหยินเฉิงปีนเกลียวเอาแต่เรียกนางว่าอาฝูอยู่แล้ว แต่ฮูหยินเฉิงเองก็คิดจะช่วยนางเรื่องแต่งเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนจริงๆพอมีฮูหยินเฉิงอยู่ บางทีอาจจะช่วยนางพูดได้บ้าง ให้เจ้าอารามโยวชิงช่วยเหลือนางหน่อยตอนนี้ฮูหยินเฉิงไปแล้ว แล้วถ้านางมีหลายคำพูดที่พูดออกมาลำบากล่ะ?ข้างกายนางเองก็ไม่มีใครที่ใช้ได้ด้วย รู้สึกโดดเดี่ยวเ
"นี่เป็นชาที่อายวนปลูกเอาไว้ในอดีต มีชื่อว่ายอดชาหิมะ" เสียงของเจ้าอารามยังคงเหมือนสายลมแผ่วเบา ฟังแล้วเหมือนได้รับการปลอบประโลมฟู่จาวหนิงอดมองไปทางเขาไม่ได้นางมีความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาทั้งที่เจ้าอารามไม่ได้ปลอบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตรงๆ แท้ๆ แต่เขาที่พูดมาแค่คำสองคำ สีหน้าขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับสงบลงมาแล้ว นี่มันพลังมารอะไรกันเนี่ย?นี่ยิ่งทำให้ใจของฟู่จาวหนิงยิ่งระแวดระวังขึ้นไปอีกนางหันสายตาออกเล็กน้อย และสบเข้ากับถังอู๋เจวี้ยนพอดี เขากำลังมองนางอย่างเป็นห่วงหน่อยๆ พอเห็นว่าสีหน้านางไม่เปลี่ยน ถังอู๋เจวี้ยนก็ยิ้มขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองเห็นถึงแววปลื้มใจจากในรอยยิ้มของเขาปลื้มใจ? เขาจะปลื้มใจทำไมกัน? ฟู่จาวหนิงไม่เข้าใจสุดๆ"ชานี้รสชาติดีจริงๆ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหลังจากที่ดื่มชา ความน้อยเนื้อต่ำใจก็หายไปแล้ว ดูแล้วเหมือนเป็ดขนฟูถูกลูบให้เรียบลง กลับมาอ่อนโยนว่าง่ายอีกครั้งฟู่จาวหนิงมองการเปลี่ยนแปลงในช่วงสั้นๆ นี้ของนาง ในใจระแวดระวังขึ้นไปอีกนางมองไปทางเซียวหลันยวนอีกครั้งเซียวหลันยวนหรุบตาไม่มองนาง แต่กุมมือนางไว้ คลึงนิ้วของนางเบาๆ มองไม่ออกว่าจับความผิดปกติอะไรได้ห
"อายวน หน้าของเจ้าดีขึ้นแล้วนี่ แล้วทำไมยังต้องสวมหน้ากากอยู่ตลอดด้วย?"ฮูหยินเฉิงอันที่จริงก็ถูกหน้าตาของเซียวหลันยวนทำให้ตะลึงไปเช่นกันนางเองก็ไม่ได้เห็นหน้าตาเซียวหลันยวนมานานแล้วตอนยังเด็กกับตอนนี้ต้องต่างกันอยู่แล้วหลังจากโตขึ้นมา ใบหน้าเซียวหลันยวนก็มีแผลเป็นพิษอยู่ตลอด มีครั้งหนึ่ง นางเคยเห็นเขาตอนที่ไม่สวมหน้ากาก แต่ก็เห็นแผลเป็นข้างนั้นเข้าพอดีเพราะแผลเป็นพิษนั้นมันสะดุดแทงตามาก มองจนนางต้องสูดลมหายใจเลยทีเดียว ดังนั้นนางจึงจำหน้าตาจริงๆ ของเซียวหลันยวนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่ารูปหน้าดีจมูกโด่งเป็นสัน อวัยวะบนหน้าดูมีมิติพวกนั้นดูหล่อเหลาไปเสียหมดตอนนี้พอได้เห็นใบหน้าสมบูรณ์แบบของเซียวหลันยวนจริงๆ นางจึงรู้สึกตกตะลึงมากต้องรู้ด้วย ว่าฮูหยินเฉิงเองเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันชายงามอยู่ ถึงอย่างไรก็เคยเห็นเจ้าอารามโยวชิงมาแล้ว จะมีสักกี่คนที่หน้าตาดีไปกว่าเขา?ฮูหยินเฉิงยังรู้สึกเศร้าและเสียใจอยู่หน่อยๆ"เด็กอย่างเจ้านี่จริงๆ เลย ข้ายังคิดว่าหน้าของเจ้ายังไม่หายดี แผลเป็นพิษนั่นก็ลือกันไปในเมืองหลวงว่าเลวร้ายแสนสาหัส หลายวันนี้ข้าเองก็รู้สึกเสียใจแทนเจ้าไปไม่น้อย เจ้าหายดีแ