ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะทำเช่นนี้ ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่พ้น มือถูกเขาคว้าไปแล้วนางรู้สึกเหมือนตนเองถูกน้ำแข็งแช่ไว้ที่มือมือของเซียวหลันยวนเย็นถึงขนาดนี้เลยหรือ!นี่มันไม่ปกติแล้ว!เขาสวมชุดหนาขนาดนี้ ข้างๆ ยังมีหม้อต้มน้ำที่กำลังเดือดอยู่ด้วย ในศาลาเองก็ไม่มีลม ดินฟ้าอากาศที่กำลังจะถึงเดือนเก้า แต่เขากลับหนาวเย็นถึงขนาดนี้ นี่มันปกติหรือ?เซียวหลันยวนเดิมทีก็คิดจะเชิญฟู่จาวหนิงเสียหน่อย ถึงอย่างไรตอนที่เห็นว่าไห่ฉางจวิ้นยื่นมือมาทางเขา บอวก่าจะลองวัดมือให้ว่าเย็นแค่ไหน สีหน้าของฟู่จาวหนิงก็ดูลิงโลดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เหมือนว่ากำลังชมละครชั้นดีนางลืมไปแล้วหรือว่าตัวตนฐานะตนเองคือพระชายาของข้า?แต่ว่าพอจับมือของฟู่จาวหนิง เขากลับรู้สึกไม่อยากจะปล่อยมือเสียแล้วเพราะว่ามือของนางอุ่นมาก และนิ่มมาก นิ่มราวกับไม่มีกระดูก อุณหภูมิของนางทำให้ความหนาวเย็นทั่วร่างของเขาอุ่นขึ้นมาหน่อย เดิมทีก็คิดว่าจะทนเอาไว้ให้ได้ตลอด ตอนนี้กลับได้ผ่อนคลายได้ครู่หนึ่ง"เซียวหลันยวน ปล่อยมือ" ฟู่จาวหนิงกัดฟันเอ่ยขึ้น"พระชายารู้สึกว่าต่อหน้าคนอื่นมันไม่ค่อยดีสินะ?" เซียวหลันยวนกลับลุกขึ้
พูดจนราวกับว่าพวกเขามีความรู้สึกให้กันเสียอย่างนั้น"ข้าเพิ่งจะแต่งงานได้ไม่กี่วัน แล้วยังรับเอาหญิงสาวตระกูลฟู่ที่ตกต่ำมาอีก แค่นี้ก็ขายหน้าพอแล้ว ถ้าไม่กี่วันก็หย่าร้าง แล้วคนทั้งเมืองจะไม่หัวเราะกันจนฟันหักเลยหรือ? หย่าหรือ ไม่มีทาง"เขาเอนตัวเข้ามา เอ่ยขึ้นเสียงต่ำข้างหูฟู่จาวหนิง"ฟู่จาวหนิง ข้ายังอยากจะรอให้พ่อแม่ของเจ้ากลับมาพร้อมกับเจ้านะ""นี่ท่าน!""ถ้าหากถึงตอนนั้นพวกเขาเจ็บปวดทรมาน ข้าค่อยเลิกรากับเจ้า จะสาดเกลือลงไปบนใจเจ้าอย่างโหดร้าย เจ้าไม่คิดว่าแบบนี้มันน่าสนุกกว่าหรือ? คิดจะหย่าน่ะ? เจ้ากล้าคิดไปได้อย่างไรกัน"จากที่คนนอกเห็น เวลานี้เซียวหลันยวนกำลังพูดกระซิบกับฟู่จาวหนิง มุมปากเขาเป็นรอยยิ้มอบอุ่น เสียงก็ทุ้มลึกมีเสน่ห์ ราวกับว่ากำลังกระซิบกระซาบอะไรที่กินใจกันอยู่หงจั๋วกับเฝิ่นซิงก็มองจนตาร้อนผ่าว ถูกต้องๆๆ ท่านอ๋อง ต้องแบบนี้สิ ปลอบพระชายาดีดีฟู่จาวหนิงกลับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มือหนึ่งถูกเซียวหลันยวนจับไว้ อีกข้างหนึ่งก็คีบเข็มเงินเล่มหนึ่งอย่างรวดเร็ว ปักลงไปที่จุดชีพจรหน้าอกเขา"ท่านอ๋อง!" ชิงอีเห็นการกระทำของฟู่จาวหนิง และมองเห็นแสงเงินสว่างวาบ ก็ตกใจจนห
เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิงเป็นเช่นนี้ ก็รู้สึกโมโหจนน่าขันขึ้นมาไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเห็นนางอยากจะหย่าร้าง คิดจะสะบัดเขาหนีเช่นนี้ เขาก็ยิ่งไม่อยากให้เป็นไปตามที่นางคิด"ข้าเป็นคนที่ซื่อตรงคนหนึ่ง พวกเราเพิ่งจะแต่งงานใหญ่กัน แล้วจะมาทิ้งกันง่ายๆ ได้อย่างไร? ถ้าลือกันออกไปชื่อเสียงข้าก็คงจะย่ำแย่ไปด้วย"เซียวหลันยวนกุมมือของนางแน่น ยกขึ้นมา แล้วหัวเราะเบาๆ ขึ้นเสียงหนึ่ง"พระชายาดูสิ มือของพวกเราเข้ากันได้ขนาดนี้ กุมแล้วดูเหมาะสมดี พวกเราจูงมือกันไปทั้งชีวิตเลยดีไหม?"เซียวหลันยวนคำพูดนี้พูดออกมาอย่างอบอุ่น อย่างลึกซึ้งเหลือประมาณ ราวกับว่าเขาชอบนางมากอย่างไรอย่างนั้นฟู่จาวหนิงกลับก็สะบัดมืออย่างทนไม่ไหวถ้าไม่ใช่รู้ถึงบุญคุณความแค้นของเขากับตระกูลฟู่ ถ้าไม่ใช่เมื่อวานนี้เขายอมรับเหตุผลที่ยอมแต่งงานกับนาง นางคงจะเชื่อไปแล้ว!"นี่!"ไห่ฉางจวิ้นมองทางนี้จนทนไม่ไหวแล้ว นางออกแรงตบลงบนโต๊ะอีกครั้ง สะเทือนจนอุปกรณ์ชงชาบนโต๊ะลอยระเนระนาด"อ๋องเจวี้ยน ท่านจะมากเกินไปแล้วนะ! ถึงแม้ข้าจะชอบท่านมาก แต่ท่านจะมารังแกกันแบบนี้ไม่ได้! เรียกข้าให้เข้ามาที่นี่เพื่อดูพวกท่านกระหนุงกระหนิงกนหร
"ก็ไม่อย่างไรหรอก ไม่สนใจ""ไม่ได้อยู่ที่ท่านตัดสินใจ"เซียวหลันยวนกลับหัวเราะขึ้นมา"อันที่จริง เจ้าวันนั้นเองก็ไม่มีทางเลือก ตอนนั้นถ้าเจ้าไม่เลือกคนมาแต่งงานกลางถนน แล้วแจ้นกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ปู่ของเจ้าก็คงจะตายไปอย่างไม่ต้องสงสัย"ดังนั้น ฟู่จาวหนิงเดิมทีไม่จำเป็นต้องเสียใจเลยที่เลือกเขามาแต่งงานด้วย ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากเขา คนอื่นเองก็คงไม่มีทางตกลง"ถ้าเจ้าไปเลือกคนอื่น คนอื่นก็ไม่กล้าผิดใจกับจวนรัฐทายาทเซียวอยู่ดี เซียวเหยียนจิ่งพูดไว้แล้ว ลองดูว่าใครจะแต่งกับเจ้า เห็นได้ชัดว่าคุกคามเจ้า และคุกคามคนอื่นไปด้วย ถ้ากล้าแต่งงานกับเจ้าก็เท่ากับเป็นปฏิปักษ์กับเขา เจ้าคิดว่า จะมีคนกล้าเป็นศัตรูกับเขาแล้วยอมมาแต่งงานกับเจ้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงกัดฟัน นางรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงไม่เช่นนั้นตอนนั้นนางจะไปเลือกเขาได้อย่างไรกัน?"แต่ว่าตอนนั้นถ้าข้ากลับบ้าน ท่านปู่ก็ไม่แน่ว่าจะถูกกระตุ้นจนทนไม่ไหว""หลอกทั้งตนเองทั้งคนอื่น"เซียวหลันยวนเริ่มรินชา เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "วันนั้นที่เขาทนมาได้ ก็เพราะวันนั้นจิตใจเขาผ่อนคลายลง คิดว่าเจ้าแต่งเข้าจวนรัฐทายาทเซียวไปอย่างราบรื่นแล้ว
หมอหลวงเฉินพอได้ยินก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันทีเขาถูกไปพักในเรือนที่ห่างไกล เมื่อครู่เดิมทีที่ได้ยินว่าฟู่จาวหนิงเข้ามา เขาก็คิดจะมาดูพระชายาอ๋องเจวี้ยนเสียหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะมาได้พอเหมาะพอเจาะเช่นนี้!คนของไท่ซ่างหวงมาถึงแล้ว!เป้าหมายที่องค์จักรพรรดิให้เขามารอที่จวนอ๋องเจวี้ยนเขาเข้าใจเป็นอย่างดี นั่นก็คือมาคอยดูว่าคนสนิทของไท่ซ่างหวงทั้งสามคนนั้นเป็นใครกันแน่ แล้วส่งอะไรมาให้แก่อ๋องเจวี้ยนเดิมทีเขายังกังวลว่าตนเองจะพลาดไป ไม่คิดเลยว่าพระเจ้าจะเข้าข้างเขา เขาเพิ่งจะออกมา คนก็มาถึงเสียแล้ว"เชิญพวกเขามาที่โถงหน้าเลย"อ๋องเจวี้ยนเองก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะนำมาเร็วเช่นนี้ ลุกขึ้นยืนเตรียมจะตรงไปโถงหน้า แต่เขาที่เพิ่งลุกขึ้นยืนเบื้องหน้าก็ดำมืด จมูกคับยิบ ร่างกายโงนเงนฟู่จาวหนิงอยู่ใกล้เขามากที่สุด ตอนที่เขายืนขึ้นก็ลุกขึ้นยืนด้วยสัญชาตญาณ กำลังลังเลว่าจะออกไปก่อนดีไหม หรือว่าจะตามไปดูที่โถงหน้าดี ผลคืออ๋องเจวี้ยนก็ล้มตัวมาทางตนเองแล้วมือของนางไวกว่าสมอง ยื่นไปกอดเซียวหลันยวนไว้แล้ว"ท่านอ๋อง!"ชิงอีกับหงจั๋วเฝิ่นซิงล้วนร้องตกตะลึง สะดุ้งโหยงกันขึ้นมาจนฟู่จาวหนิงประคองเซีย
เข็มในมือฟู่จาวหนิง ปักลงไปบนหน้าอกเขาครู่หนึ่ง นางก็เก็บเข็มลงไป ยื่นมือไปกุมมือขวาของเซียวหลันยวน ออกแรงกดลงไปที่จุดชีพจรหลายจุดใกล้ๆ กับง่ามนิ้วกลิ่นอายของอ๋องเจวี้ยนเปลี่ยนไปเล็กน้อย"ท่านคือพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ? พระชายารีบประคองอ๋องเจวี้ยนนอนลงช้าๆ เถิด" หมอหลวงเฉินเหลือบมองฟู่จาวหนิงผาดหนึ่ง ในใจเองก็อดชื่นชมขึ้นมาไม่ได้ ฟู่จาวหนิงคนนี้สวยงามเกินคนจริงๆแต่ว่าตอนนี้ในในใจเขามีแต่เรื่องจับชีพจรอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงมองออกถึงความดีอกดีใจของหมอหลวงเฉิน พอเห็นว่าเซียวหลันยวนล้มลงไปก็มีโอกาสให้ได้จับชีพจรตรวจอาการป่วยของเขาแล้ว หมอหลวงเฉินเลยดีใจขึ้นมาหรือ?"ท่านเป็นใคร?" ฟู่จาวหนิงยังไม่ปล่อยมืออ๋องเจวี้ยน มองหมอหลวงเฉินแล้วยิ้มขึ้นมา "ใครบอกเจ้าว่าท่านอ๋องเป็นลมล้มไป? พวกเราสามีภรรยาแค่คุยกันแล้วก็กอดกันเท่านั้น ไม่ได้หรือ? ไปขวางหูขวางตาอะไรเจ้ากัน?"พรวด!ขนาดชิงอีก็เกือบจะทนพรวดออกมาไม่ไหวพระชายาคำพูดนี้มันช่างมันดูหน้าด้านเอามากๆ เลยจริงๆ นะนางเมื่อครู่ไม่ใช่ว่าเพิ่งปฏิเสธข้อเสนอที่ท่านอ๋องให้แกล้งเป็นสามีภรรยาที่ให้เกียรติกันและกันต่อหน้าคนอื่นหรอกหรือ?ตอนนี้ก
หมอหลวงเฉินรู้สึกว่าสมองกับตาของตนเองมีปัญหาเสียแล้วสิ่งที่อาจารย์มอบให้เขาก่อนหน้า แทบจะส่งคืนอาจารย์ไปจนหมดแล้วเมื่อครู่ตอนที่เห็นอ๋องเจวี้ยนล้มลงไปเช่นนั้น จะท่าทางการเคลื่อนไหว ดูอย่างไรก็คือสภาพการล้มลงไปเพราะสิ้นสติสัมปชัญญะชัดๆยิ่งไปกว่านั้น ชิงอีกับหญิงสาวคนนั้นก็ยังส่งเสียงตกใจเลยแล้วก็ ตอนที่เขามาก็เห็นอ๋องเจวี้ยนพิงอยู่บนตัวฟู่จาวหนิงตลอด เท้ายังบิดเอียงด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสภาพที่มีสติแล้วยืนได้อย่างมั่นคง ไม่ถ้าไม่ใช่เป็นลมแล้วจะเป็นอะไรกัน?หมอหลวงเฉินรู้สึกว่าที่องค์จักรพรรดิเลือกเขา ส่งเขามาจวนอ๋องเจวี้ยน แน่นอนว่าเพราะเขาฉลาดมาก พลังการสังเกตแข็งแกร่ง ละเอียดละออ วิชแพทย์เองก็ยอดเยี่ยมที่สุดแต่ตอนนี้เขารู้สึกเริ่มสงสัยชีวิตตนเองขึ้นมาเสียแล้ว"อ๋องเจวี้ยนไม่รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างจริงหรือ?" หมอหลวงเฉินงัดกับแรงกดดันของอ๋องเจวี้ยน ปลุกความกล้าขึ้นย้อนถาม "ข้าน้อยกังวลต่อสุขภาพของท่านอ๋องจริงๆ ไทเฮาฮองเฮาในวังพวกนางก็ล้วนเชิญให้ข้ามาจับชีพจรให้ท่าน ให้ข้าน้อยตรวจชีพจรให้ท่านอ๋องดีไหม?"ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ยื่นมืออกมา ให้ข้าจับชีพจรเถอะท่านอ๋อง!
อ๋องเจวี้ยนตกตะลึงไปครู่ เท้าชะงักไปฟู่จาวหนิงมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ทำไมกัน? พอได้ยินชื่อปรมาจารย์ฉือเชิน เขาก็เหมือนตกตะลึงไป?"เจ้าเคยได้ยินชื่อปรมาจารย์ฉือเชินไหม?" อ๋องเจวี้ยนถามนางฟู่จาวหนิงส่ายศีรษะ "ไม่เคย""พ่อของเจ้า เป็นศิษย์ฆราวาสของเขา" อ๋องเจวี้ยนพูดประโยคนี้ก็ปล่อยมือนางออก ตนเองสาวเท้าเข้าไปในโถงก่อนบิดานาง? ฟู่จิ้นเชิน?ฟู่จิ้นเชินเคยมีพระอาจารย์ด้วยหรือ?เรื่องเหล่านี้นางก็ไม่รู้เลยจริงๆ ผู้เฒ่าฟู่ไม่ได้พูดอะไรเลย และไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงไม่เคยเอ่ยถึงบิดามารดาของนาง"พระชายา ท่านก็เข้าไปเถิด" ผู้ดูแลทำสัญญาณมือ "ปรมาจารย์ฉือเชินเอ่ยถึงท่านอยู่""ได้เลย"ในเมื่อมาแล้วก็จัดการให้เรียบร้อยแล้วกัน ฟู่จาวหนิงเองก็เดินเข้าไปในโถงมีคนนั่งอยู่หลายคน ข้างกายพวกเขาล้วนมีผู้ติดตาม เพิ่งเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความคึกคัก ฟู่จาวหนิงพอเข้ามา สายตาคนทั้งหมดก็กวาดมาบนตัวนางทันทีถ้าเป็นคนอื่น คงจะรู้สึกถึงแรงกดดันจนก้าวขาไม่ออกไปแล้วแต่ฟู่จาวหนิงแค่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเดินต่อไปทางเซียวหลันยวน ยืนอยู่ข้างกายเขาสิ่งแรกที่นางเห็นคือพระชราในชุดจีวร คิ้วและขนตาของพระล้วน
อันเหนียนวันนี้พอวุ่นเสร็จ ก็พาคนหนึ่งมาที่โรงหมอฟู่จิ้นเชินเห็นคนที่เข้ามาก็รู้สึกเกินคาด"ผู้จัดการใหญ่ต่ง?"ต่งฮ่วนจือมาแล้ว"คุณชายฟู่"หลังจากต่งฮ่วนจือเข้ามา ด้านหลังก็ยังมีคนอีกหลายคน แบกวัตถุดิบยาเข้ามาหลายหามใหญ่ย่ิงไปกว่านั้นหลังจากพวกเขาวางลง ก็ออกไปแบกรอบที่สอง"นี่คือ?"อันเหนียนเอ่ยต่อให้ "ผู้จัดการใหญ่ต่งขนวัตถุดิบยาเข้ามาให้โดยเฉพาะ พระชายาสองวันก่อนไม่ใช่ว่าเข้าไปหาผู้ดูแลทางนี้มาหรอกหรือ? บอกวัตถุดิบยาที่ขาดกับผู้ดูแลพันธมิตรโอสถไป บอกว่าจะควักเงินจ่ายเอง ให้เขาคิดหาวิธีหน่อย""ไวขนาดนี้ ผู้จัดการใหญ่ต่งก็ได้รับข่าวแล้วหรือ?"เพิ่งจะสองวันเอง เป็นไปได้อย่างไรกัน?จากเมืองหลวงมานี่ยังต้องใข้ตั้งหลายวันพอคำนวณเวลา ต่งฮ่วนจือพอพวกเขาออกเดินทางได้สองวันก็คงจัดการแล้ว"อันที่จริงผู้ดูแลทางนี้ก็เขียนจดหมายถึงข้านานแล้ว บอกสถานการณ์ของทางนี้ ดังนั้นพวกเราจึงจัดการโยกวัตถุดิบยาจากที่อื่นเข้ามาก่อน แค่ยังไม่รู้ว่าต้องส่งไปที่ไหน แค่เตรียมการไว้ก่อน"ต่งฮ่วนจือก็เร่งเดินทางมาหลายวัน สีหน้าอ่อนล้า แต่ก็ยังอธิบายออกมา"ข้าเคยบอกกับศิษย์น้องหญิงแล้ว วัตถุดิบยาสำห
ฟู่จาวหนิงรีบพูดออกมาคำหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบเข็มออกมา รีบปักเข็มสกัดไอให้หญิงสาวไปหลายเข็มทางเดินหายใจ ปอด นางเรียนวิชาเข็มที่สามารถหยุดชะงักการไอได้ชั่วคราว ได้ใช้เสียทีหญิงสาวที่เดิมทีไอจนจะเป็นจะตายก็พบว่าตนเองหยุดไอแล้วนางมองฟู่จาวหนิง รู้สึกเหมือนได้เจอกับพระโพธิสัตว์ตัวเป็นๆ"เจ้านอนดีดี ข้าจะจับชีพจรให้ แล้วจะถามคำถามเจ้า เจ้าผ่อนคลายหน่อย""ได้ ได้"หญิงสาวเมื่อครู่ไอจนแทบไม่ไหวแล้วจริงๆ ตอนนี้แม้จะหยุดไอแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกแย่อยู่ฟู่จาวหนิงจับชีพจรให้นางอย่างละเอียด ใจดำดิ่งเป็นไข้หวัดใหญ่รุนแรงจริงๆ ด้วยที่นี่ยังไม่มีแยกชนิดเอหรือบี แต่ว่าชีพจรของหญิงสาวก็ไม่ค่อยจะเหมือนกับไข้หวัดใหญ่ของผู้ป่วยทั่วไปที่รักษาไปช่วงนี้ แตกต่างอยู่หน่อยๆนางหยิบปืนวัดไข้ ปิดตาหญิงสาวไว้ แล้ววัดที่หน้าผากนางอย่างรวดเร็ว มองตัวเลขจากนั้นจึงรีบเก็บเข้าไปนคลังสกัดยามีของบางอย่างที่ใช้ได้รวดเร็ว นางเองก็ไม่ได้ยึดติดว่าห้ามใช้เด็ดขาดสี่สิบองศามีไข้ถึงสี่สิบองศาเชียวดวงตาของหญิงสาวแดงหน่อยๆ ริมฝีปากเองก็แดงผิดปกติ"เจ้าเข้าเมืองมาตอนไหน?" ฟู่จาวหนิงถาม"เข้าเมืองมาวันนี้ตอนกลางว
ยาต้มหกประสาทเอาไว้ป้องกันไข้หวัดรุนแรงฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้เจอักบคนป่วยคนหนึ่ง จากที่เขาบรรยาย ระหว่างทางที่หนีภัยพิบัติเจอเข้ากับครอบครัวหนึ่ง ล้วนเป็นหวัดกันหมด ไออย่างรุนแรง เดิมทีเดินทางด้วยกันแค่ไม่กี่วัน ผลลัพธ์คือครอบครัวนั้นแค่ไม่กี่วันก็ทยอยกันล้มตายไปล้วสามคนเดิมทีพวกเขายังคิดว่าเป็นแค่หวัด ทนเอาเสียหน่อย ต้มน้ำร้อนกินก็น่าจะไหว ครอบครัวนั่นบอกว่าระหว่างทางยังขุดหาสมุนไพรมากิน แต่ก็ทนกันไม่ไหวคนป่วยนี้บอกว่าเขาเห็นสถานการณ์นี้แล้วก็หวั่นขึ้นในใจ ไม่กล้าอยู่ใกล้พวกเขานัก แม้จะไปทางเดียวกัน แต่ก็ยังเว้นระยะห่างไว้ค่อนข้างมากครอบครัวนั้นสุดท้ายก็รั้งท้ายอยู่ไกล ไม่รู้ว่าเข้าเมืองแล้วหรือยังตอนนี้มองเห็นรองเท้าที่เก่าขาดบนเท้าของหญิงสาวคนนี้ แล้วบนหัวยังมีผ้าขาวผืนเล็กผืนหนึ่งผูกไว้ นางก็ไม่รู้เพราะอะไรจึงนึกถึงครอบครัวนั้นขึ้นมา"ให้สืออีไปถาม ว่าหญิงสาวคนนี้มาจากทางไหน แล้วก็ถามด้วยว่านางสัมผัสกับใครบ้าง จัดการเอาคนเหล่านี้แยกตัวออกมาก่อน"ฟู่จาวหนิงเปิดกล่องยาพลางถอยออกมาบอกกับไป๋หู่"อ้อ แล้วก็ให้สืออีป้องกันก่อนแล้วค่อยไป หาอยู่กับคนเหล่านั้นใกล้นัก จำเรื่องที่
ฟู่จาวหนิงเองก็กำลังคิดถึงปัญหานี้"แต่ว่าตงฉิงล่มสลายหายไปนานแล้ว" นางเอ่ยขึ้นทั้งสองคนนิ่งต่อไปครู่หนึ่งและเพราะล่มสลายไปแล้วจริงๆ ตอนนี้พูดเรื่องนี้ก็ไม่มีความหมายเท่าไรแล้วที่ฟู่จาวหนิงไม่ได้พูดก็คือ เซียวหลันยวนส่งหลานหรงไปค้นหาคนกับเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับตงฉิงมาตลอด แล้วยังไปที่ซากปรักหักพังเก่าของตงฉิงมาแล้วด้วยมีฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวที่เคยไปแล้วคอยชี้ทาง บางทีไม่นานนัก พวกเขาก็น่าจะพบอะไรบ้าง"เรื่องนี้ ข้ากลับไปจะบอกท่าน" ฟู่จาวหนิงเอ่ยตอบ"ทูตแคว้นหมิ่นมาแคว้นเจาครั้งนี้ ไม่รู้ว่ามีเป้าหมายอะไร แต่ข้าก็รู็สึกว่าน่าจะมาอย่างไม่เป็นมิตร"มาอย่างไม่เป็นมิตร?ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แคว้นหมิ่นส่งของมากมายเข้ามา ฟู่จิ้นเชินกลับบอกว่าพวกเขามาอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรหรือ?แต่นางเองก็ไม่ค่อยสันทัดกับเรื่องพวกนี้ ถึงอย่างไรนางก็เก่งในการรับมือปัญหาเฉพาะหน้ามาตลอดทั้งสองคนยังจะพูดอะไรต่อ แต่เสี่ยวยาก็วิ่งเข้ามา ร้องเรียกนางอย่างร้อนรน"พี่ฟู่ มีป้าคนหนึ่งเป็นล้มที่ประตู เสี่ยวยาประคองนางไม่ไหว!"พี่น้องเสี่ยวยาทั้งสองคนหลายวันนี้พักฟื้นอยู่ที่นี่ หลังจากแผลบนห
"ต้นผลอายุวัฒนะ?"ฟู่จาวหนิงพอเห็นสิ่งนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ ไม่คิดว่าจะมีของแบบนี้อยู่จริงๆ?"ต้นผลอายุวัฒนะอะไร?" ฟู่จิ้นเชินเดินเข้ามาฟู่จาวหนิงส่งจดหมายให้เขา ครั้งนี้จดหมายของเซียวหลันยวนเขียนถึงสี่หน้า หน้าสุดท้ายคือคำรักที่เขาให้คนอื่นเห็นไม่ได้ แต่สามหน้าด้านหน้า ฟู่จาวหนิงไม่ติดใจที่จะให้ฟู่จิ้นเชินเห็นและเพราะในช่วงหลายวันนี้นางคุยกับคนป่วยมาก วันๆ วุ่นจนไม่ได้ดื่มน้ำ คอเองก็ปวดขึ้นมาหน่อยๆ กล่องเสียงก็แหบพร่า ตอนนี้พูดได้น้อยเท่าไรก็จะยิ่งดีอธิบายขึ้นมาต้องพูดหลายประโยคฟู่จิ้นเชินลิงโลดในใจถึงอย่างไรฟู่จาวหนิงก็ไม่เลี่ยงเขาแล้ว ยังเอาจดหมายของเซียวหลันยวนมาคุยกับเขาได้ น่าจะอธิบายได้ว่านางเองก็เริ่มเชื่อใจเขาขึ้นมาแล้วไม่เสียแรงที่ตามนางมาถึงเมืองเจ้อเพียงแต่ว่า ฟู่จาวหนิงกลับคิดไม่ถึง ว่าเขาอ่านจดหมายถเสร็จก็ให้คำตอบยืนยันกับนางมา"ผลอายุวัฒนะ มีอยู่จริงๆ มีบทบาทการบำรุงและการรักษามาก"ฟู่จาวหนิงตกตะลึง "ท่านรู้จักหรือ?"ยืนยันมาได้ขนาดนี้ เขาคงไม่ได้เคยเห็นมาก่อนหรอกนะ?"เจ้าจำเรื่องที่ข้ากับแม่เจ้าไปที่ตงฉิงมาก่อนได้ไหม?""อืม"พวกเราเดิมทีไม่ได้จะตรงไ
"อ๋องเจวี้ยน?"คนวังที่คอยเฝ้าของเหล่านี้พอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามาก็รีบทำความเคารพขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกแปลกหน่อยๆ อ๋องเจวี้ยนเข้ามาทำอะไร?"อืม"เซียวหลันยวนขานรับคำหนึ่ง มองไปยังเครื่องปั้นหยกน้ำงามเหล่านั้น"เปิดฝาให้ข้าดูหน่อย""ขอรับ" คนวังแม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธหลังจากเปิดฝาทั้งหกออก เซียวหลันยวนก็เหลือบไปทางกล่องแต่งหน้าหยกม่วงใบนั้น แล้วจึงปิดฝาลงมา แล้วอุ้มขึ้นตั้งท่าจะเดิน"อ๋องเจวี้ยน!"คนวังตกตะลึง รีบเข้ามาขวาง"อื๋อ?""อ๋องเจวี้ยน นี่ นี่ องค์จักรพรรดิให้ท่านนำไปที่ตำหนักใหญ่หรือ?" คนวังไม่กล้าเงยหน้ามองเขา ทำได้แค่ถามเขาตะกุกตะกัก"เปล่า""เช่นนั้นท่านอ๋องจะทำสิ่งนี้ไปไหนหรือ?" คนวังแทบจะร้องไห้แล้ว"กลับจวนอ๋อง""อ๋า?" คนวังยิ่งลนลานเข้าไปใหญ่ "ท่านอ๋อง นี่ นี่มันเป็นของที่ทูตแคว้นหมิ่นส่งเข้าวังมานะ...""คิดว่าข้าไม่รู้เรอะ? คณะทูตข้าก็เป็นคนไปรับกลับเมืองหลวง ดังนั้นข้าเลือกของไปสักชิ้นเป็นค่าจ้างก็ไม่ได้เกินเลยนี่ ถ้าจักรพรรดิถามมา เจ้าก็บอกกับเขาแบบนี้เลย บอกว่าข้าชอบสิ่งนี้ เลยเอามันไป"เซียวหลันยวนพูดจบ ก็เดินผ่านคนคนนั้นออกไปอย่า
หลังจากแคว้นหมิ่นส่งต้นไม้นี้แล้ว ก็ยังส่งเมล็ดพันธุ์อาหารมาให้อีกหลายชนิด สิ่งเหล่านี้ล้ำค่ามาก เพราะเป็นพืชที่ไม่มีในแคว้นเจา!ได้ยินว่าผลผลิตต่อไร่ก็ยังสูงมาก ถ้าพวกเขาสามารถปลูกได้ เช่นนั้นเรื่องเสบียงหลังจากนี้ก็จะไม่ขาดแล้ว!สิ่งนี้สำหรับคลังหลวงแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียวเพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนต้องถ่ายทอดประสบการณ์ แคว้นหมิ่นเองก็พาขุนนางเกษตรหลายคนเข้ามา คงต้องอยู่ในแคว้นเจาระยะหนึ่งองค์จักรพรรดิตอนนี้จึงคาดหวังว่าพวกเขาจะอยู่กันนานหน่อย จะได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้มานอกเหนือจากนี้ พวกเขาเองก็ต้องหาข่าวเรื่องแคว้นหมิ่นจากคนเหล่านี้ด้วยของขวัญพวกนี้ ทำให้จักรพรรดิหน้าบาน ดังนั้นจึงรับรองพวกเขาไว้ในวังราชนิเวศน์"องค์จักรพรรดิ อ๋องฉยงยังพักฟื้นอยู่ในวังราชนิเวศน์..." ขันทีรีบเตือนองค์จักรพรรดิขึ้นมาคำหนึ่ง"ข้าลืมที่ไหนเล่า? ให้อ๋องฉยงย้ายไป..." องค์จักรพรรดิคิดๆ "ข้าไม่ใช้มอบบ้านให้ท่านหญิงปิงอวี้ไปหลังหนึ่งหรือ? ให้อ๋องฉยงย้ายไปที่นั่นก่อน ให้พ่อลูกได้อยู่ด้วยกันด้วย มีลูกสาวกับภรรยาผู้น้อยดูแล ก็ไม่ได้แย่กว่าสาวใช้หรอกนี่?""องค์จักรพรรดิปราดเปรื่องนัก"ดังนั้
ผลอายุวัฒนะ!"ผลชนิดนี้ ไม่ใช่ปรากฏแค่ในหนังสือที่เล่าเรื่องในตำนานหรอกหรือ?" มีขุนนางใหญ่สงสัยขึ้นมา"ใต้เท้าคำนี้กล่าวผิดไปแล้ว คนที่บันทึกหนังสือไม่มีทางเขียนอะไรมั่วซั่วแน่นอน ในเมื่อหนังสือยังมีการพูดถึงผลอายุวัฒนะ เช่นนั้นก็ต้องมีผลไม้ชนิดนี้อยู่จริงๆ"หยวนกังส่ายหัว สายตาเหลือบมองไปยังขุนนางใหญ่ที่สงสัยคนนั้น สายตานั่นเหมือนกำลังบอกว่า: เจ้านี่มันความรู้ตื้นเขินเสียจริง"เพียงแต่ยาอายุวัฒนะนี้ก็ไม่ได้มหัศจรรย์สุดยอดดั่งที่หนังสือกับตำนานพรรณนาไว้ แน่นอนว่าไม่ใช่กินแค่ผลเดียวก็เพิ่มพลังภายในถึงหกสิบปี หรือกินแล้วผมขาวจะเปลี่ยนเป็นผมดำทันที ทำให้คนหนุ่มขึ้นสิบปี แล้วก็ไม่สามารถทำให้เลือดกระดูกงอกใหม่ออกมาได้ด้วย""แล้วก็เป็นแค่ชื่อหรือ?"ถ้าหากไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น แล้วทำไมถึงเรียกว่าผลอายุวัฒนะ"ไม่ๆๆ แน่นอนว่ามันมีสรรพคุณอยู่ สิ่งนี้ฝ่าบาทของพวกเราเคยประสบมากับตัว มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฝ่าบาทของเราจู่ๆ ก็ปวดแน่นหน้าอก หน้าขาวซีดไปในพริบตา หน้ามืด หายใจไม่ทัน นิ้วมือเองก็เริ่มชักกระตุก...""รุนแรงขนาดนั้นเชียว" องค์จักรพรรดิร้องตกใจ"พะย่ะค่ะ ตอนนั้นฝ่าบาอทของเราล้มลงไปแล้ว
"เชิงเทียนชิ้นนี้ องค์จักรพรรดิสามารถสังคนให้ลองจุดเทียนดูได้"มีคนวังเข้ามา จุดเทียนขึ้นแสงเทียนถูกหยกน้ำงามที่ใสบริสุทธิ์ส่องกระทบ จนเปล่งวงแสงเล็กๆ ออกมานับไม่ถ้วน ตัวหยกน้ำงามก็ถูกยอมไปดวงแสงระยับจับตา มองแล้วงดงามอย่างมาก"สวย สวยงามมากจริงๆ!""นี่คือกล่องแต่งหน้า ด้านบนสลักดอกนกกระเรียนที่เป็นตัวแทนความมั่งคั่งและอายุยืนของแคว้นหมิ่นเราไว้ เห็นหรือยัง? แกนกลางดอกไม้นี้เป็นสีม่วง และหยกน้ำงามชิ้นนี้ก็มีหลายจุดที่เปล่งแสงม่วงด้วย สอดคล้องกับดอกนกกระเรียนได้อย่างสมบูรณ์ กล่องแต่งหน้าทั้งใบจึงเปล่งแสงสีม่วงออกมา งดงามจับตามาก"หยวนอี้อธิบายให้กับพวกเขาอยู่ข้างๆ พูดขึ้นอย่างภูมิใจพระชายาเยว่พอได้ยินก็นั่งไม่อยู่แล้ว อย่างอื่นนางฟังอย่างใจเย็นได้ แต่พอได้ยินสิ่งที่เป็นตัวแทนของความมั่งคั่งอายุยืน แล้วยังเป็นกล่องแต่งหน้าหยกน้ำงามสีม่วง นางก็ลุกขึ้นเดินเข้ามาทันทีไม่ได้ นางต้องรีบดูเสียหน่อยพอมองไป กล่องแต่งหน้าหยกน้ำงามสีม่วงนี้ดูซับซ้อนและหรูหรามาก จุดกึ่งโปรงใสนั่น แสงม่วงวิบวับ งดงามจนส่องประกายในตานางสวยมากเลย!นี่เป็นของชิ้นเดียวในแคว้นเจาแน่นอน!ของที่งดงามขนาดนี