"ฮองเฮาจะจัดให้แค่ในงานเลี้ยงวังในคืนนี้เท่านั้นหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นมาเสียงเรียบคำหนึ่ง "หลังจากวันนี้ก็จะไม่สนใจองค์หญิงหนานฉือแล้วหรือ?"ใครไม่รู้บ้างว่าเพราะอะไรฟู่จาวหนิงจู่ๆ จึงถามขึ้นเช่นนี้ฮองเฮาเองก็ตกตะลึงไป นางต้องรีบปฏิเสธแน่นอน จะทำตัวเย็นชากับองค์หญิงหนานฉือที่มาจากแดนไกลได้อย่างไรกัน? ต่อให้ในด้านหน้าตาจะพอกล้อมแกล้มไปได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีแค่งานเลี้ยงวังงานเดียวแบบคืนนี้"ไม่ใช่แน่นอน"คำพูดของฮองเฮาเองยังไม่ทันพูดจบ ฟู่จาวหนิงก็ย้อนถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ "เช่นนั้นความอยากจะรีบแยกองค์หญิงออกไปเสียให้ได้ของฮองเฮาเมื่อครู่นี้นั่นหมายความว่าอย่างไรกัน? ข้าเข้าใจผิดหรือ?"พรวดไม่รู้ว่าใครที่กลั้นขำไม่ไหว หัวเราะพรวดออกมา จากนั้นจึงรีบกลั้นเอาไว้ แต่บรรยากาศก็แตกต่างออกไปบ้างแล้วฟู่จาวหนิงเหลือบตามอง ฮูหยินเริ่นทางนั้นกำลังแปลให้กับองค์หญิงหนานฉือ แต่ดูจากสีหน้านางเหมือนจะพูดให้เกิดข้อพิพาทอยู่หน่อยๆ แล้วตอนแปลก็ดูจะไม่ราบรื่นเท่าไรนัก สีหน้าองค์หญิงหนานฉือก็ดูไม่ค่อยจะเข้าใจ"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าแค่เห็นว่าเจ้ากับองค์หญิงพอพบกันแล้วเหมือนสนิทกันมานานจึงอ
เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยานคาง "หนิงหนิง หลักการตื้นๆ แค่นี้เจ้ายังไม่เข้าใจหรือ? เพราะว่านางเป็นฮองเฮา ตำแหน่งสูงกว่าเจ้าอย่างไรล่ะ นางพูดจาเรื่อยเปื่อยได้ แต่เจ้าห้ามทำ"ฟู่จาวหนิงทนขำ "โอ้ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว"อ๋องเจวี้ยนต่อคำมาอีกว่า "แต่เรื่องที่นางมาจับพี่น้องให้เจ้านี้ข้าไม่ยอมรับ""ทำไมท่านไม่ยอมรับล่ะ?" ฟู่จาวหนิงเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดเช่นนี้ จึงถามออกไปอย่างอยากรู้อยากเห็นคนทั้งหมดล้วนมองมาทางอ๋องเจวี้ยนอ๋องเจวี้ยนทำไมถึงไม่ยอมรับ? ไม่เห็นหรือว่าองค์หญิงหนานฉือสวยขนาดไหน? ผู้ชายน่ะ จะต้องยอมโอบซ้ายกอดขวาอย่างแน่นอน องค์หญิงหนานฉือกับฟู่จาวหนิงเป็นสองยอดสาวงามที่สุดในนี้แล้ว ถ้าหากทั้งสองคนเป็นของเขา โฮ่โฮ่โฮ่ นั่นมันเป็นเรื่องสุดยอดที่ทำเอาเลือดกำเดาไหลเลยทีเดียวเหล่าชายหนุ่มในงานทั้งหมดล้วนอิจฉากันแทบคลั่งอ๋องเจวี้ยนเองก็ขี้เกียจจะพูด "เพราะข้าไม่อยากมีคนมาเรียกข้าว่าพี่เขยมากขึ้นน่ะสิ พอถึงตอนปีใหม่ที่ต้องแจกแต๊ะเอีย ข้าคงได้แคะกระปุกแแน่""พรวด"ตอนนี้มีคนกลั้นไม่ไหว หัวเราะก๊ากออกมาแล้วกระทั่งไทเฮาเองก็ยังอดขำขึ้นมาไม่ได้ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วใส่เซียวหลันยว
องค์หญิงหนานฉือฟังไปฟังมาก็เริ่มรำคาญไม่ใช่ว่ารำคาญอ๋องเจวี้ยน แต่รู้สึกว่าฮูหยินเริ่นคนนี้พูดไม่คล่องฟังเสียงของฮูหยินเริ่น จากนั้นก็มองไปยังชายหนุ่มที่พันหน้าไว้ครึ่งหน้า นางรู้สึกว่าเสียงของฮูหยินเริ่นบรรยายตัวเขาไม่ได้เอาเสียเลย"เอาล่ะไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวข้าจะดูเอง"รู้ว่าเป็นอ๋องเจวี้ยนก็พออ๋องเจวี้ยน นางก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินมาอยู่ระหว่างทางที่มาแคว้นเจา คนของพวกเขาก็สำรวจมาแล้ว เพียงแต่ข้อมูลของพวกเขาแย่ไปหน่อย ตอนแรกสุดไม่ได้ให้ความสนใจมาที่อ๋องเจวี้ยนคนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าเขาสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่ค่อยจะอยู่ในเมืองหลวงท่านอ๋องขี้โรคคนหนึ่ง ไม่มีสิทธิ์มีอำนาจกับพลังคุกคามเอาเสียเลยดังนั้นองค์หญิงหนานฉือจึงรู้ไม่มากนักตอนแรกสุดที่เห็นอ๋องเจวี้ยน พอนางเห็นใบหน้าที่พันผ้าไว้ครึ่งหนึ่งของเขา ก็หมดความสนใจลงทันทีแต่ตอนนี้ท่าทีของฟู่จาวหนิงทำเอานางต้องเอียงตากลับหลังจากนี้คือการปกป้องต่อตัวฟู่จาวหนิงของอ๋องเจวี้ยนตอนนี้พอเห็นอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าบนตัวอ๋องเจวี้ยนดูสงบและผ่อนคลายมากอย่างหนึ่งในที่แห่งนี้สิ่งนี้องค์จักรรพรรดิไม่มีนางร
"นายท่านมองที่ไหนกันน่ะ!""นี่ นี่ๆๆๆ นี่ออกมาได้อย่างไรกัน?"ชั่วขณะหนึ่ง คนไม่น้อยในโถงล้วนเอะอะกันขึ้นมา ฮูหยินส่วนมากล้วนไม่สนอะไรแล้ว พอเห็นนางระบำกลุ่มนี้ ก็ร้องหน้าถอดสีกันหมด หลังจากที่ตนเองถลึงตามองอ้าปากค้าง ก็ทยอยกันมองไปทางสามีที่อยู่ข้างๆพอเห็นว่าพวกเขามองกันตาไม่กระพริบ พวกนางก็เริ่มหึงหวงขึ้นมามีคนที่ทนไหว ทำเพียงแอบกัดฟันมีบางคนที่ทนไม่ได้ ยื่นมือไปหยิกสามีและยังมีบางคนแอบทำอะไรแต่ไม่พูดออกมา ทว่าก็มีคนที่กลั้นไม่ไหวจริงๆ ร้องเรียกไปทางสามีแม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าส่งเสียงเอะอะ กดเสียงต่ำเอาไว้ แต่พอคนมากเข้า เสียงจึงเริ่มเซ็งแซ่ขึ้นมาสถานการณ์เริ่มควบคุมไม่ได้ฮองเฮาเองก็ไม่อยากเชื่อ "องค์หญิง พวกนาง ที่พวกนางสวมคือชุดอะไรหรือ?"นี่ยังเรียกว่าเสื้อผ้าได้ด้วยหรือ?องค์หญิงหนานฉือฟังไม่ออกว่าฮองเฮาพูดว่าอะไร เพราะหวางต้าหลางกับฮูหยินเริ่นสองคนตอนนี้ก็ยังตะลึงงันอับนางรำอยู่ ลืมไปเลยว่าต้องแปลให้กับนางทูตหนานฉือเองก็เหมือนจะฟังเข้าใจหน่อยๆ จึงตอบไปคำหนึ่งว่า "ชุดระบำ ชุดระบำ""นี่คือชุดระบำ?" ฮองเฮาไม่อยากจะเชื่อแคว้นเจาของพวกเขาค่นอข้างอนุรักษ์นิยม ไม่ว
พอระบำจบ คนอื่นยังไม่ทันได้สติกลับมา หรือต่อให้ได้สติมาแล้วก็ไม่รู้ว่าควรมีปฏิกิริยาอย่างไร ก็ได้ยินเสียงปรบมือขึ้นมาแปะๆๆๆพระชายาอ๋องเจวี้ยนยังวิจารณ์ขึ้นมาด้วย "ยอดเยี่ยม ระบำได้ดีจริงๆ ให้ความรู้สึกร่วมมากเลย"ดีมากจริงๆแม้ชุดระบำของพวกนางใส่แล้วจะดูนอกกรอบไปหน่อย แต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกเกินคาดก็คือ ระบำชุดนี้ไม่ได้ดูฉูดฉาดไร้รสนิยมเลย ถึงอย่างไรก็ยังเริงระบำได้อย่างมีพลัง ยอดเยี่ยมมาก เต้นรัำได้เหมือนนางเงือกที่ต่อสู้กับคลื่นเลยทีเดียวดังนั้นการชื่นชมของนางจึงมาจากใจจริงองค์หญิงหนานฉือมองนางอย่างประหลาดใจ หลังจากเหล่านางรำออกไปแล้วจึงถามขึ้น "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเมื่อครู่พูดว่าอะไรนะ?"นางมองออกถึงความหมายของการปรบมือ แต่ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงพูดว่าอะไรฮูหยินเริ่นเหลือบมองฟู่จาวหนิง เอ่ยภาษาหนานฉือกับองค์หญิงหนานฉือ "องค์หญิง นางบอกว่าระบำชุดนี้ทำลายขนบธรรมเนียมเสียเหลือเกิน"หวางต้าหลางมองฮูหยินอย่างประหลาดใจ แต่ก็เลือกหุบปากลงทันทีถึงอย่างไรที่นี่ก็มีไม่กี่คนที่ฟังภาษาหนานฉือออก ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ตรวจการอันเองก็อยู่ตั้งห่าง ฮูหยินเริ่นเองก็แปลประโยคนี้ออกมาเบาๆ เพื่อ
"องค์หญิงหนานฉือบอกว่า นางรังเกียจหญิงสาวสับปลับหน้าเนื้อใจเสืออย่างพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาก" หวางต้าหลางเอ่ยขึ้นองค์จักรพรรดิมองไปทางผู้ตรวจการอัน "อันอ้ายชิง ความหมายเป็นเช่นนั้นหรือ?"อันเหนียนพยักหน้า สีหน้าเย็นชาลงมาอันชิงแทบจะลุกขึ้นยืนไร้สาระ องค์หญิงหนานฉือทำไมถึงต้องพูดไร้สาระเช่นนี้? พี่สาวจาวหนิงไม่ใช่หญิงสาวที่สับปลับหน้าเนื้อใจเสือเสียหน่อย!คนอื่นๆ กลับมีสีหน้าเหมือนชมมหรสพขึ้นมา"หน้าเนื้อใจเสือ? สับปลับ?" เซียวหลันยวนค่อยๆ เอ่ยขึ้น "องค์หญิงหนานฉือไม่ชินกับกับดินฟ้าอากาศ ไม่ชินจนสมงสมองกับลูกตาไปหมดแล้วหรือ? พระชายาของข้าเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเสมอ แล้วเจ้าใช้ตาข้างไหนถึงมาบอกว่านางหน้าเนื้อใจเสือสับปลับกัน?"อันเหนียนแปลประโยคที่อ๋องเจวี้ยนแปลออกมาทันทีองค์หญิงหนานฉือโมโห ตบโตะ ยังชี้ไปที่ฟู่จาวหนิง "คำพูดกับการกระทำไม่เหมือนกัน คิดจะหลอกองค์หญิงอย่างข้า!"ตอนที่นางโมโห พูดจาก็รวดเร็ว อันเหนียนเองก็ตามไม่ทัน ตั้งตัวไม่ติดทีเดียวหวางต้าหลางกับฮูหยินเริ่นตอนนี้ไม่กล้าพูดอะไรแล้ว องค์จักพรรดิไม่เรียกชื่อพวกเขา พวกเขาสองคนก็หดคอไม่พูดอะไรถ้าเดี๋ยวเรื่องลามมาถึงพว
องค์จักรพรรดิปากขยับพะงาบ ตอนกำลังจะพูด เสียงของเซียวหลันยวนก็ดังขึ้นมาอีก"ไทเฮาอยู่ที่นี่ องค์จักรพรรดิฮองเฮาเองก็อยู่ที่นี่ ต่อนห้าคนตั้งมากมายเช่นนี้ พวกเขาสองคนยังจะเปลี่ยนดำเป็นขาว ใส่ร้ายพระชายา กล้าหลอกลวงองค์หญิงหนานฉือเช่นนี้ ใครมอบความกล้าให้พวกเขากัน? ความกล้านี้พลิกแผ่นฟ้าได้เลยทีเดียว"สายตาของเซียวหลันยวนที่มองพวกเขาเหมือนมองคนตายสองคนอันเหนียนไม่พูดอะไรตอนนี้มีอ๋องเจวี้ยนคนเดียวก็พอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาเห็นท่าทางของอ๋องเจวี้ยน สองคนนี้คงจะไม่รอดแน่แล้ววันนี้หวางเก๋อเหล่าไม่มา หลักๆ คืออายุมากแล้ว บวกกับรู้สึกว่าลูกชายตนเองจะวาดลวดลายในงานเลี้ยงวังวันนี้ รู้สึกว่าพรุ่งนี้จะได้ยินคงได้ยินเสียงสรรเสริญของผู้คนแน่นอน ที่หวางเก๋อเหล่าไม่มา ก็เพราะมีอันเหนียนลงมือไปเล็กน้อย เขารู้ว่าไม่กี่วันนี้หวางต้าหลางจะต้องทำพลาดแน่ จัดการกันหวางเก๋อเหล่าออกไป เพื่อไม่ให้ตอนที่เกิดสถานการณ์อะไรขึ้นมาจริงแล้วผู้เฒ่าคนนี้จะเสนอหน้าออกมา แล้วใช้อายุความอาวุโสเข้าขัดขวางตอนนี้ดูท่าผลลัพธ์จะดีมากอันเหนียนประชดประชันในใจ และไม่รู้ว่าหวางเก๋อเหล่าหลังจากรู้สถานการณ์ตอนนี้แล้วจะคิ
"ลากพวกเขาออกไป ตัดหัวทิ้งเสีย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเย็นเยียบ"ขอรับ"องครักษ์เงามังกรเดินไปยังหวางต้าหลางกับฮูหยินเริ่นทันทีพวกเขาตกใจจนพับลงไปบนพื้นทันที"ไม่ ไม่ ฮองเฮาโปรดละเว้นด้วย!""องค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิ เห็นแก่สิ่งที่พ่อข้าทำให้แคว้นเจาด้วย..."คำพูดของหวางต้าหลางยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกองครักษ์เงามังกรใช้มือฟันจนสลบไปแล้ว ทั้งสองคนถูกลากออกไป ต่อหน้าคนทั้งตำหนัก ลากออกไปทั้งอย่างนั้นเลยแม้ฉากที่พวกเขาถูกตัดหัว คนเหล่านี้คงไม่ได้เห็นด้วยตนเอง แต่พวกเขาก็ยืนยันได้ ว่าอ๋องเจวี้ยนพูดได้ทำได้ สองคนนั้นไม่รอดแล้วแน่นอนพวกเขานิ่งเงียบเป็นเป่าสากอ๋องเจวี้ยนน่ากลัวเหลือเกิน อย่าได้ไปยั่วโมโหเชียวแล้วก็พระชายาอ๋องเจวี้ยนด้วย ตอนนี้เคยกลัวสถานการณ์เคยกลัวใครที่ไหน? สองสามีภรรยานี้ กำเริบเสิบสานมากจริงๆองค์หญิงหนานฉือเองก็รู้สึกสนใจตัวอ๋องเจวี้ยนมากโดยไม่สนใจสีหน้าเขียวปั๊ดขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา นางเอ่ยกับอ๋องเจวี้ยนขึ้นว่า "อ๋องเจวี้ยน ข้าชอบนิสัยของท่าน ตรงไปตรงมาดี! ข้าแต่งเข้ากับจวนอ๋องเจวี้ยนดีไหม?"อันเหนียนพอได้ยินคำนี้ ใจก็เต้นผางขึ้นมา มองไปทางฟู่จาว
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้