"เป่าเอ๋อร์เด็กดี ถ้าเจ้าไม่ขยับตัวมั่วซั่ว ให้พี่สาวดูขอของเจ้าว่าตรงไหนที่ดื้อรั้น พี่สาวจะให้ลูกกวาดแสนอร่อยดีไหม?"ฟู่จาวหนิงก็ทำเหมือนนักมายากล ยื่นมือไปด้านหน้าเป่าเอ๋อร์ พอกางออก ฝ่ามือก็มีลูกกวาดที่ห่อไว้ด้วยกระดาษสีเม็ดหนึ่งออกมาคนทั้งหมดที่นี่ล้วนไม่เคยเห็นลูกกวาดเช่นนี้ ถูกลูกกวาดเล็กๆ เม็ดนี้ดึงดูดไปจนหมดขนาดผู้ใหญ่ยังถูกดึงดูดไป ไม่ต้องพูดถึงเด็กเลย?เป่าเอ๋อร์พอเห็นลูกกวาดที่สวยงามเม็ดนั้นก็ลืมร้องไห้ไปแล้ว เขามองลูกกวาดเม็ดนั้น แต่ยังดูไม่ค่อยเชื่อ "นี่คือลูกกวาดหรือ?""ใช่แล้ว มา เจ้ารับไป ลองแกะเปลือกแล้วดูว่าข้างในเป็นลูกกวาดแบบไหนดีไหม?"เสียงของฟู่จาวหนิงอ่อนโยนมาก น้ำเสียงเองก็แผ่วเบารวดเร็วมาก ทำให้เด็กผ่อนคลายลงมมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ยื่นมือรับลูกกวาดเม็ดนั้น แกะเปลือกห่อออกอย่างระมัดระวังตอนนี้เอง ฟู่จาวหนิงก็ญื่นมือไปทางขาของเขา บีบไปที่กระดูกขาของเขาจากบนลงล่างอย่างละเอียดตอนที่บีบถึงหัวเข่า เด็กน้อยก็เจ็บปวดจนร้องจ้าออกมา"เป่าเอ๋อร์ไม่ต้องร้อง" หญิงสาวอายุน้อยบอกให้ลูกน้อยไม่ต้องร้องไห้ แต่ตนเองกลับปวดใจจนน้ำตาไหลออกมา นางมองฟู่จาวหนิง "แม่นา
"แม่นาง วิธีการยึดกระดูกของเจ้านี่ยอดเยี่ยมเสียจริง"แม้จะเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง แต่ก็ทำเขานับถือเลยทีเดียวฟู่จาวหนิงยิ้มๆ ตอนนี้จึงอุ้มเป่าเอ๋อร์ขึ้นมา หญิงสาวอายุน้อยก็รีบลุกขึ้นมาเช่นกัน เอ่ยขอบคุณกับนางไม่หยุด"แม่นาง บุญคุณของท่านครั้งนี้ วันหลังข้าจะไปตอบแทนอย่างดีถึงบ้านเลย บ้านของท่านอยู่ที่ใดหรือ ข้า""ฮูหยิน หัวใจของเด็กไม่ค่อยจะดีนัก เจอกระตุ้นมากๆ ไม่ได้ ตอนนี้ขาเองก็บาดเจ็บ ท่านรีบพาเขากลับบ้านไปพักผ่อนเถิด"ฟู่จาวหนิงตัดบทนาง จากนั้นก็มองไปที่หมอชรา "ส่วนเรื่องที่จำเป็นต้องรู้ หมอท่านนี้ก็น่าจะรู้อยู่ สู้ท่านเชิญเขากลับไปด้วยกัน แล้วให้เขาอธิบายกับท่านดีดีดีกว่า"นางไม่มีเวลาจะติดตามคนเจ็บไปที่บ้านได้หมอชราไม่ได้ดูถูกนางเพราะเห็นนางเป็นหญิงสาวอายุน้อย แล้วยังให้ยืมผ้าพันแผลโดยไม่พูดอะไรอีก น่าจะเป็นคนดีอยู่หญิงสาวอายุน้อยพอได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็รู็สึกปวดใจกับลูกจริงๆ ขอบคุณกับนางปะหลกๆ จากนั้นก็รับตัวเด็กไปคนเดินถนนที่หกล้มทางนี้อีกหลายคนอันที่จริงไม่ได้เป็นอะไรมา แต่พวกเขาพอเห็นฟู่จาวหนิงช่วยเด็กไว้ก็ล้อมตัวกันเข้ามา"แม่นาง เจ้าเองก็ดูให้พวกข้าหน่อยสิ! เมื่
พอขึ้นรถม้าอีกครั้ง ไห่ฉางจวิ้นก็เอาแต่พิจารณาตัวฟู่จาวหนิง"นี่ เจ้าเป็นวิชาแพทย์ด้วยหรือ วิชาแพทย์เจ้าดีแค่ไหน?"ฟู่จาวหนิงไม่ตอบไห่ฉางจวิ้นพอเห็นท่าทางนี้ของนางก็รู้สึกโมโหเล็กๆ ฟู่จาวหนิงคนนี้ไม่น่าคบเลยจริงๆ!"เช่นนั้นเจ้าบอกข้าถึงชื่อจริงของคุณชายซือถูหน่อยสิ เขาเป็นใครกัน"ฟู่จาวหนิงมุมปากยกขึ้น "ไห่ฉางจวิ้น หน้าเจ้าหายเจ็บแล้วหรือ? ลืมเรื่องที่โดนข้าตบไปก่อนหน้าแล้วหรือไรกัน? เจ้าคิดว่าพวกเรามีความสัมพันธ์แบบที่นั่งคุยกันดีดีได้ด้วยหรือ?"ไห่ฉางจวิ้นคนนี้สมองน่าจะมีปัญหา"แล้วก็ หลังจากกลับไปทางที่ดีย้ายออกจากบ้านตระกูลฟู่เสีย บ้านตระกูลฟู่ไม่ใช่พี่สาวเจ้าจะมาทำตัวเป็นเจ้าของบ้านได้"พอกลับไปนางจะไล่พวกบ้านต่างๆ ในตระกูลฟู่ออกไปให้หมด ถ้าไห่ฉางจวิ้นคิดจะดึงเซียวหลันยวนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็เลิกคิดเรื่องพักอยู่ในบ้านนางได้เลย ถึงตอนนั้นสามคนมาพัวพันวุ่นกันใหญ่แน่"เจ้า!"ไห่ฉางจวิ้นพอเห็นฟู่จาวหนิงพูดจบแล้วหลับตาลงไม่สนใจนางอย่างเห็นได้ชัด ก็ร้องฮึกขึ้นมา หมุนตัวกลับไปทางหน้าต่างมองความคึกคักบนถนนแทนพอถึงจวนอ๋องเจวี้ยน ชิงอีก็รออยู๋ที่ประตูแล้ว"พระชายา แม่นางไห่"
เฝิ่นซิงก็รีบรับคำทันที "พระชายา ข้าน้อยจะไปเตรียมชา เป็นหลงจิงได้ไหม?""ได้หมด ขอบคุณ"สาวใช้ทั้งสองรับคำและคารวะไปทางไห่ฉางจวิ้น จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปแล้ว พวกนางไม่มองชิงอีเลยแม้แต่น้อยส่วนชิงอีที่ถูกเมิน "..."ทำไมกัน เขาไม่มีตัวตนเลยหรือ?สาวใช้สองทั้งสองตอนนี้ดูจะปีกกล้าขาแข็งขึ้นจริงๆ เสียแล้ว เพราะรู้สึกว่าเขาทำไม่ดีกับพระชายา ดังนั้นเลยมางอนเขาหรือ?ชิงอีพาฟู่จาวหนิงกับไห่ฉางจวิ้นมาถึงข้างศาลา มีม่านกันลม ปลิวไสวแผ่วเบา เซียวหลันยวนในชุดคลุมสีม่วง ผ้าพันคอจิ้งจอกขาวยิ่งขับครึ่งใบหน้าที่งดงามราวรูปสลักนั้นให้สมบูรณ์ขึ้นไปอีก หน้ากากสีเงินทำให้เขาดูแล้วสูงสง่าอย่างลึกลับข้างๆ มีเตาถ่านดินแดงใบเล็ก น้ำกำลังเดือดปุดๆ ควันขโมง ถาดชาเคลือบขาวใบหนึ่ง ด้านบนมีอุปกรณ์ชงชาเหมียวหลงวางไว้ ทำเอาคนไม่อาจมองข้ามตัวตนฐานะเขาไปได้เลยคนธรรมดากล้าใช้อุปกรณ์ชงชาของเหมียวหลงเสียที่ไหน? อุปกรณ์ชงชานี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานฟู่จาวหนิงกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เซียวหลันยวนกำลังต้มชาอยู่ที่นี่ หงจั๋วกับเฝิ่นซิงกลับรีบไปรินชาให้นางหรือ?แต่ว่าก็ดี ถึงอย่างไรนางก็คงจะดื่มชาที่ผู้ชายเลวอย่า
ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะทำเช่นนี้ ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่พ้น มือถูกเขาคว้าไปแล้วนางรู้สึกเหมือนตนเองถูกน้ำแข็งแช่ไว้ที่มือมือของเซียวหลันยวนเย็นถึงขนาดนี้เลยหรือ!นี่มันไม่ปกติแล้ว!เขาสวมชุดหนาขนาดนี้ ข้างๆ ยังมีหม้อต้มน้ำที่กำลังเดือดอยู่ด้วย ในศาลาเองก็ไม่มีลม ดินฟ้าอากาศที่กำลังจะถึงเดือนเก้า แต่เขากลับหนาวเย็นถึงขนาดนี้ นี่มันปกติหรือ?เซียวหลันยวนเดิมทีก็คิดจะเชิญฟู่จาวหนิงเสียหน่อย ถึงอย่างไรตอนที่เห็นว่าไห่ฉางจวิ้นยื่นมือมาทางเขา บอวก่าจะลองวัดมือให้ว่าเย็นแค่ไหน สีหน้าของฟู่จาวหนิงก็ดูลิงโลดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เหมือนว่ากำลังชมละครชั้นดีนางลืมไปแล้วหรือว่าตัวตนฐานะตนเองคือพระชายาของข้า?แต่ว่าพอจับมือของฟู่จาวหนิง เขากลับรู้สึกไม่อยากจะปล่อยมือเสียแล้วเพราะว่ามือของนางอุ่นมาก และนิ่มมาก นิ่มราวกับไม่มีกระดูก อุณหภูมิของนางทำให้ความหนาวเย็นทั่วร่างของเขาอุ่นขึ้นมาหน่อย เดิมทีก็คิดว่าจะทนเอาไว้ให้ได้ตลอด ตอนนี้กลับได้ผ่อนคลายได้ครู่หนึ่ง"เซียวหลันยวน ปล่อยมือ" ฟู่จาวหนิงกัดฟันเอ่ยขึ้น"พระชายารู้สึกว่าต่อหน้าคนอื่นมันไม่ค่อยดีสินะ?" เซียวหลันยวนกลับลุกขึ้
พูดจนราวกับว่าพวกเขามีความรู้สึกให้กันเสียอย่างนั้น"ข้าเพิ่งจะแต่งงานได้ไม่กี่วัน แล้วยังรับเอาหญิงสาวตระกูลฟู่ที่ตกต่ำมาอีก แค่นี้ก็ขายหน้าพอแล้ว ถ้าไม่กี่วันก็หย่าร้าง แล้วคนทั้งเมืองจะไม่หัวเราะกันจนฟันหักเลยหรือ? หย่าหรือ ไม่มีทาง"เขาเอนตัวเข้ามา เอ่ยขึ้นเสียงต่ำข้างหูฟู่จาวหนิง"ฟู่จาวหนิง ข้ายังอยากจะรอให้พ่อแม่ของเจ้ากลับมาพร้อมกับเจ้านะ""นี่ท่าน!""ถ้าหากถึงตอนนั้นพวกเขาเจ็บปวดทรมาน ข้าค่อยเลิกรากับเจ้า จะสาดเกลือลงไปบนใจเจ้าอย่างโหดร้าย เจ้าไม่คิดว่าแบบนี้มันน่าสนุกกว่าหรือ? คิดจะหย่าน่ะ? เจ้ากล้าคิดไปได้อย่างไรกัน"จากที่คนนอกเห็น เวลานี้เซียวหลันยวนกำลังพูดกระซิบกับฟู่จาวหนิง มุมปากเขาเป็นรอยยิ้มอบอุ่น เสียงก็ทุ้มลึกมีเสน่ห์ ราวกับว่ากำลังกระซิบกระซาบอะไรที่กินใจกันอยู่หงจั๋วกับเฝิ่นซิงก็มองจนตาร้อนผ่าว ถูกต้องๆๆ ท่านอ๋อง ต้องแบบนี้สิ ปลอบพระชายาดีดีฟู่จาวหนิงกลับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มือหนึ่งถูกเซียวหลันยวนจับไว้ อีกข้างหนึ่งก็คีบเข็มเงินเล่มหนึ่งอย่างรวดเร็ว ปักลงไปที่จุดชีพจรหน้าอกเขา"ท่านอ๋อง!" ชิงอีเห็นการกระทำของฟู่จาวหนิง และมองเห็นแสงเงินสว่างวาบ ก็ตกใจจนห
เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิงเป็นเช่นนี้ ก็รู้สึกโมโหจนน่าขันขึ้นมาไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเห็นนางอยากจะหย่าร้าง คิดจะสะบัดเขาหนีเช่นนี้ เขาก็ยิ่งไม่อยากให้เป็นไปตามที่นางคิด"ข้าเป็นคนที่ซื่อตรงคนหนึ่ง พวกเราเพิ่งจะแต่งงานใหญ่กัน แล้วจะมาทิ้งกันง่ายๆ ได้อย่างไร? ถ้าลือกันออกไปชื่อเสียงข้าก็คงจะย่ำแย่ไปด้วย"เซียวหลันยวนกุมมือของนางแน่น ยกขึ้นมา แล้วหัวเราะเบาๆ ขึ้นเสียงหนึ่ง"พระชายาดูสิ มือของพวกเราเข้ากันได้ขนาดนี้ กุมแล้วดูเหมาะสมดี พวกเราจูงมือกันไปทั้งชีวิตเลยดีไหม?"เซียวหลันยวนคำพูดนี้พูดออกมาอย่างอบอุ่น อย่างลึกซึ้งเหลือประมาณ ราวกับว่าเขาชอบนางมากอย่างไรอย่างนั้นฟู่จาวหนิงกลับก็สะบัดมืออย่างทนไม่ไหวถ้าไม่ใช่รู้ถึงบุญคุณความแค้นของเขากับตระกูลฟู่ ถ้าไม่ใช่เมื่อวานนี้เขายอมรับเหตุผลที่ยอมแต่งงานกับนาง นางคงจะเชื่อไปแล้ว!"นี่!"ไห่ฉางจวิ้นมองทางนี้จนทนไม่ไหวแล้ว นางออกแรงตบลงบนโต๊ะอีกครั้ง สะเทือนจนอุปกรณ์ชงชาบนโต๊ะลอยระเนระนาด"อ๋องเจวี้ยน ท่านจะมากเกินไปแล้วนะ! ถึงแม้ข้าจะชอบท่านมาก แต่ท่านจะมารังแกกันแบบนี้ไม่ได้! เรียกข้าให้เข้ามาที่นี่เพื่อดูพวกท่านกระหนุงกระหนิงกนหร
"ก็ไม่อย่างไรหรอก ไม่สนใจ""ไม่ได้อยู่ที่ท่านตัดสินใจ"เซียวหลันยวนกลับหัวเราะขึ้นมา"อันที่จริง เจ้าวันนั้นเองก็ไม่มีทางเลือก ตอนนั้นถ้าเจ้าไม่เลือกคนมาแต่งงานกลางถนน แล้วแจ้นกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ปู่ของเจ้าก็คงจะตายไปอย่างไม่ต้องสงสัย"ดังนั้น ฟู่จาวหนิงเดิมทีไม่จำเป็นต้องเสียใจเลยที่เลือกเขามาแต่งงานด้วย ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากเขา คนอื่นเองก็คงไม่มีทางตกลง"ถ้าเจ้าไปเลือกคนอื่น คนอื่นก็ไม่กล้าผิดใจกับจวนรัฐทายาทเซียวอยู่ดี เซียวเหยียนจิ่งพูดไว้แล้ว ลองดูว่าใครจะแต่งกับเจ้า เห็นได้ชัดว่าคุกคามเจ้า และคุกคามคนอื่นไปด้วย ถ้ากล้าแต่งงานกับเจ้าก็เท่ากับเป็นปฏิปักษ์กับเขา เจ้าคิดว่า จะมีคนกล้าเป็นศัตรูกับเขาแล้วยอมมาแต่งงานกับเจ้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงกัดฟัน นางรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงไม่เช่นนั้นตอนนั้นนางจะไปเลือกเขาได้อย่างไรกัน?"แต่ว่าตอนนั้นถ้าข้ากลับบ้าน ท่านปู่ก็ไม่แน่ว่าจะถูกกระตุ้นจนทนไม่ไหว""หลอกทั้งตนเองทั้งคนอื่น"เซียวหลันยวนเริ่มรินชา เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "วันนั้นที่เขาทนมาได้ ก็เพราะวันนั้นจิตใจเขาผ่อนคลายลง คิดว่าเจ้าแต่งเข้าจวนรัฐทายาทเซียวไปอย่างราบรื่นแล้ว
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง
ฮูหยินเฉินกลับมาในบ้านของต่งฮ่วนจือตอนที่สายัณห์กำลังมาถึง เฉินฮ่าวปิงก็กลับมาแล้ว"ท่านแม่!"ฮูหยินเฉินได้ยินเสียงของนาง ก็ลุกพรวดขึ้นมา จากนั้นนางก็เห็นเฉินฮ่าวปิงพาสาวใช้หน้าตาสะสวยสองคนเดินเข้ามาถึงอย่างไรก็เป็นคนที่เข้าใจลูกสาวดีที่สุด พอเห็นสีหน้าของเฉินฮ่าวปิง ฮูหยินเฉินก็รู้ว่านางคงจะได้เป็นท่านหญิงไปแล้วใจของนางดิ่งวูบทันที"ท่านแม่ รีบเก็บของเร็วเข้า พวกเรากลับบ้านกัน!" เฉินฮ่าวปิงเชิดคาง ดูภูมิใจมาก"ปิงเอ๋อร์ พวกเรามีบ้านที่ไหนกัน?""พระชายาเยว่ให้บ้านพวกเรามา อยู่ในซอยกุ้ยเซียงข้างหน้านี่ บ้านสองตอน หลังจากนี้พวกเราก็มีบ้านของตัวเองในเมืองหลวงแล้ว"เฉินฮ่าวปิงเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ "แล้วก็ สาวใช้สองคนนี้พระชายาเยว่ก็ยกมาให้ข้า ชิวอวิ๋น ชิวเยว่ นี่แม่ของข้า"ชิวอวิ๋นชิวเยว่ขึ้นมาคารวะ "คารวะฮูหยิน"ฮูหยินเฉินสีหน้ายิ่งแข็งขึ้นไปอีก"ท่านแม่ ท่านทำไมถึงไม่ดีใจเลย? ท่านพ่อยังเป็นธุระ ให้องค์จักรพรรดิจัดหามามาอบรมมารยาทให้ข้าด้วย พรุ่งนี้จะเริ่มอบรมมารยาทในวังให้ข้า หลังจากนี้ข้าเองก็จะเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่สง่างามได้แล้ว"เฉินฮ่าวปิงเข้ามาใกล้แม่ของนาง เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า "องค์จักรพร
ได้ยินว่าตระกูลของพระชายาอ๋องฉยงมีบารมีมากในเมืองฉยงโจว อ๋องฉยงไปที่นั่นเหมือนไปเกาะนางกินอย่างไรอย่างนั้น เขาตอนนี้ถ้าไปตบหน้าพระชายาอ๋องฉยงแบบนั้นอีก คือคิดจะไม่กลับไปเมืองฉยงโจวแล้วหรือ?เขาน่าจะรับปาก ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เริ่มบ้าไปแล้ว" ส่งเขาเข้าคุกได้ ให้ไท่เฮาอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนอย่ากลับวัง เรื่องเหล่านี้ยังทำออกมาได้ องค์จักรพรรดิบ้าไปหน่อยแล้วจริงๆ"ดังนั้น เจ้าความลับที่ฮูหยินเฉินกอดเอาไว้มันคืออะไรกันแน่?"มูลค่าสูงขนาดที่ ทำให้องค์จักรพรรดิต้องถอยให้ก้าวหนึ่งเลยหรือ"เรื่องเกี่ยวกับตงฉิง..." เสียงของเซียวหลันยวนเย็นชาลงเล็กน้อย "ตอนนี้ดูท่า การล่มสลายของตงฉิงครั้งนั้นเหมือนไม่ใช่ภัยธรรมชาติเสียแล้ว"ฟู่จาวหนิงมองเขา ดูกังวลขึ้นมา"ถ้าหากการล่มสลายของตงฉิงมีแผนร้ายอื่นอยู่ คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่อยากให้ความจริงถูกเปิดเผยต่อใต้หล้าแน่ ถึงตอนนั้นตัวตนฐานะของท่านถ้าเปิดเผยออกมา จุดสนใจทั้งหมดก็จะพุ่งไปบนตัวท่านสิ"ถ้าหากมีแผนร้ายจริง คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ปล่อยเซียวหลันยวนแน่นอนกระมัง?ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในราชวงศ์ตงฉิงหนึ่งเดียวที่ยังอยู่บนโลกนี้ เป็นสายเลือดเซียวหลันยวนนิ่
เฉินฮ่าวปิงบิดมือออกจากแขนของฮูหยินเฉินทันที"ท่านแม่ ข้าจะเข้าวังไปกับท่านพ่อ ถ้าท่านไม่ไป ข้าเข้าไปฟังองค์จักรพรรดิดูว่าเขาจะพูดอะไร กลับมาแล้วจะเล่าให้ท่านฟัง""ปิงเอ๋อร์! เจ้าห้ามไป!""ไป" อ๋องฉยงลุกขึ้นมา เดินนำไปก่อน เฉินฮ่าวปิงรีบตามขึ้นไป กลัวฮูหยินเฉินจะดึงเอาไว้ฮูหยินเฉินพอเห็นนางตามออกไปแล้ว ก็รีบร้อนตามขึ้นไป"ปิงเอ๋อร์ กลับมา!"พวกเขากว่าจะหลุดพ้นจากการไล่สังหารของพระชายาอ๋องฉยง ตอนนี้จะต้องกลับไปอยู่ในวังวนนั้นอีกแล้วหรือ? อ๋องฉยงคนนี้พึ่งพาไม่ได้!แต่ว่าเฉินฮ่าวปิงก็คิดแต่อยากจะให้ตนเองมีตัวตนฐานะดี นางไม่อยากเป็นลูกกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีชาติตระกูล แล้วทำได้แค่พึ่งพาการช่วยเหลือปกป้องจากต่งฮ่วนจือพ่อแท้ๆ ไม่ใช่ว่าดีกว่าคนอื่นหรือ?เป็นลูกสาวของอ๋อง ไม่ใช่ว่าดีกว่าอาศัยอยู่ในบ้านคนอื่นหรือ?"กลับไปแล้วก็เตือนแม่เจ้าหน่อย ว่าอย่าดื้อรั้นนัก" พอขึ้นรถม้า หลังจากที่รถม้าแล่นห่างออกจากร้านงานปัก อ๋องฉยงจึงพูดขึ้นมาคำหนึ่งกับเฉินฮ่าวปิงเฉินฮ่าวปิงพยักหน้านางถอนใจโล่ง ที่ท่านแม่ไม่ไล่ตามมา"ท่านพ่อ ข้าจะเตือนนางแน่ แต่ว่า ท่านทำไมถึงไม่ต้องการข้ากับท่านแม่ล่ะ?" เฉินฮ่าวปิงถ
"ถ้าเล็ดลอดออกไป พวกนางแม่ลูกน่าจะมีอันตรายถึงตัว นางยังถือว่าฉลาดอยู่" เซียวหลันยวนอันที่จริงในใจก็คาดเดาไว้บ้างแล้ว"แล้วตอนนั้นที่นางไปหาอ๋องฉยง เป็นเพราะจะยืมอำนาจของอ๋องฉยงหรือ?""ก็เป็นไปได้"และตอนนี้ที่ชั้นสองของร้านงานปักฝั่งตรงข้าม เฉินฮ่าวปิงกำลังถลึงตาอ้าปากค้างทุกคนพูดที่อ๋องฉยงพูดกับแม่นางฟังออกทั้งหมด แต่พอรวมเข้าด้วยกันทำไมนางถึงฟังไม่เข้าใจเลย?อะไรคือแคว้นเจาอยู่ต่อไม่ได้พวกเขาก็ยังหาทางอื่นได้?คิดจะกบฏต่อแคว้นหรือ?อะไรคือถ้าหากสามารถหาดินแดนผืนนั้นเจอ พวกเขาบางทีอาจจะเป็นอ๋องได้?เขาตอนนี้ไม่ใช่เป็นอ๋องอยู่แล้วหรือ? เขาไม่ใจว่ามีเมืองฉยงโจวอยู่แล้วหรือ? ยังคิดจะไปเป็นอ๋องที่ไหนอีก?อะไรคือตระกูลเฉินในครั้งนั้นติดต่อศัตรูเพื่อทรยศแคว้น?ฮูหยินเฉินตอนนี้สภาพดูไม่ดีเอาเลยหลายปีก่อนถูกพระชายาฮูหยินไล่สังหาร ตอนที่ชีวิตมีวิกฤตก็ไม่เคยคิดจะให้อ๋องฉยงช่วย เพราะรู้สึกว่าอ๋องฉยง่าจะรู้ความลับของนางเข้ามาแต่ความลับนั่นนางไม่อยากจะบอกอ๋องฉยงตอนแรกนางเคยคิดไว้แล้ว ดังนั้นจึงยอมตัวเองให้กับอ๋องฉยง แต่พออยู่กับเขาแล้ว นางพบว่าอ๋องฉยงยังไม่พอที่จะแบกเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้ เขายั