"แม่นาง วิธีการยึดกระดูกของเจ้านี่ยอดเยี่ยมเสียจริง"แม้จะเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง แต่ก็ทำเขานับถือเลยทีเดียวฟู่จาวหนิงยิ้มๆ ตอนนี้จึงอุ้มเป่าเอ๋อร์ขึ้นมา หญิงสาวอายุน้อยก็รีบลุกขึ้นมาเช่นกัน เอ่ยขอบคุณกับนางไม่หยุด"แม่นาง บุญคุณของท่านครั้งนี้ วันหลังข้าจะไปตอบแทนอย่างดีถึงบ้านเลย บ้านของท่านอยู่ที่ใดหรือ ข้า""ฮูหยิน หัวใจของเด็กไม่ค่อยจะดีนัก เจอกระตุ้นมากๆ ไม่ได้ ตอนนี้ขาเองก็บาดเจ็บ ท่านรีบพาเขากลับบ้านไปพักผ่อนเถิด"ฟู่จาวหนิงตัดบทนาง จากนั้นก็มองไปที่หมอชรา "ส่วนเรื่องที่จำเป็นต้องรู้ หมอท่านนี้ก็น่าจะรู้อยู่ สู้ท่านเชิญเขากลับไปด้วยกัน แล้วให้เขาอธิบายกับท่านดีดีดีกว่า"นางไม่มีเวลาจะติดตามคนเจ็บไปที่บ้านได้หมอชราไม่ได้ดูถูกนางเพราะเห็นนางเป็นหญิงสาวอายุน้อย แล้วยังให้ยืมผ้าพันแผลโดยไม่พูดอะไรอีก น่าจะเป็นคนดีอยู่หญิงสาวอายุน้อยพอได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็รู็สึกปวดใจกับลูกจริงๆ ขอบคุณกับนางปะหลกๆ จากนั้นก็รับตัวเด็กไปคนเดินถนนที่หกล้มทางนี้อีกหลายคนอันที่จริงไม่ได้เป็นอะไรมา แต่พวกเขาพอเห็นฟู่จาวหนิงช่วยเด็กไว้ก็ล้อมตัวกันเข้ามา"แม่นาง เจ้าเองก็ดูให้พวกข้าหน่อยสิ! เมื่
พอขึ้นรถม้าอีกครั้ง ไห่ฉางจวิ้นก็เอาแต่พิจารณาตัวฟู่จาวหนิง"นี่ เจ้าเป็นวิชาแพทย์ด้วยหรือ วิชาแพทย์เจ้าดีแค่ไหน?"ฟู่จาวหนิงไม่ตอบไห่ฉางจวิ้นพอเห็นท่าทางนี้ของนางก็รู้สึกโมโหเล็กๆ ฟู่จาวหนิงคนนี้ไม่น่าคบเลยจริงๆ!"เช่นนั้นเจ้าบอกข้าถึงชื่อจริงของคุณชายซือถูหน่อยสิ เขาเป็นใครกัน"ฟู่จาวหนิงมุมปากยกขึ้น "ไห่ฉางจวิ้น หน้าเจ้าหายเจ็บแล้วหรือ? ลืมเรื่องที่โดนข้าตบไปก่อนหน้าแล้วหรือไรกัน? เจ้าคิดว่าพวกเรามีความสัมพันธ์แบบที่นั่งคุยกันดีดีได้ด้วยหรือ?"ไห่ฉางจวิ้นคนนี้สมองน่าจะมีปัญหา"แล้วก็ หลังจากกลับไปทางที่ดีย้ายออกจากบ้านตระกูลฟู่เสีย บ้านตระกูลฟู่ไม่ใช่พี่สาวเจ้าจะมาทำตัวเป็นเจ้าของบ้านได้"พอกลับไปนางจะไล่พวกบ้านต่างๆ ในตระกูลฟู่ออกไปให้หมด ถ้าไห่ฉางจวิ้นคิดจะดึงเซียวหลันยวนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็เลิกคิดเรื่องพักอยู่ในบ้านนางได้เลย ถึงตอนนั้นสามคนมาพัวพันวุ่นกันใหญ่แน่"เจ้า!"ไห่ฉางจวิ้นพอเห็นฟู่จาวหนิงพูดจบแล้วหลับตาลงไม่สนใจนางอย่างเห็นได้ชัด ก็ร้องฮึกขึ้นมา หมุนตัวกลับไปทางหน้าต่างมองความคึกคักบนถนนแทนพอถึงจวนอ๋องเจวี้ยน ชิงอีก็รออยู๋ที่ประตูแล้ว"พระชายา แม่นางไห่"
เฝิ่นซิงก็รีบรับคำทันที "พระชายา ข้าน้อยจะไปเตรียมชา เป็นหลงจิงได้ไหม?""ได้หมด ขอบคุณ"สาวใช้ทั้งสองรับคำและคารวะไปทางไห่ฉางจวิ้น จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปแล้ว พวกนางไม่มองชิงอีเลยแม้แต่น้อยส่วนชิงอีที่ถูกเมิน "..."ทำไมกัน เขาไม่มีตัวตนเลยหรือ?สาวใช้สองทั้งสองตอนนี้ดูจะปีกกล้าขาแข็งขึ้นจริงๆ เสียแล้ว เพราะรู้สึกว่าเขาทำไม่ดีกับพระชายา ดังนั้นเลยมางอนเขาหรือ?ชิงอีพาฟู่จาวหนิงกับไห่ฉางจวิ้นมาถึงข้างศาลา มีม่านกันลม ปลิวไสวแผ่วเบา เซียวหลันยวนในชุดคลุมสีม่วง ผ้าพันคอจิ้งจอกขาวยิ่งขับครึ่งใบหน้าที่งดงามราวรูปสลักนั้นให้สมบูรณ์ขึ้นไปอีก หน้ากากสีเงินทำให้เขาดูแล้วสูงสง่าอย่างลึกลับข้างๆ มีเตาถ่านดินแดงใบเล็ก น้ำกำลังเดือดปุดๆ ควันขโมง ถาดชาเคลือบขาวใบหนึ่ง ด้านบนมีอุปกรณ์ชงชาเหมียวหลงวางไว้ ทำเอาคนไม่อาจมองข้ามตัวตนฐานะเขาไปได้เลยคนธรรมดากล้าใช้อุปกรณ์ชงชาของเหมียวหลงเสียที่ไหน? อุปกรณ์ชงชานี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานฟู่จาวหนิงกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เซียวหลันยวนกำลังต้มชาอยู่ที่นี่ หงจั๋วกับเฝิ่นซิงกลับรีบไปรินชาให้นางหรือ?แต่ว่าก็ดี ถึงอย่างไรนางก็คงจะดื่มชาที่ผู้ชายเลวอย่า
ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะทำเช่นนี้ ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่พ้น มือถูกเขาคว้าไปแล้วนางรู้สึกเหมือนตนเองถูกน้ำแข็งแช่ไว้ที่มือมือของเซียวหลันยวนเย็นถึงขนาดนี้เลยหรือ!นี่มันไม่ปกติแล้ว!เขาสวมชุดหนาขนาดนี้ ข้างๆ ยังมีหม้อต้มน้ำที่กำลังเดือดอยู่ด้วย ในศาลาเองก็ไม่มีลม ดินฟ้าอากาศที่กำลังจะถึงเดือนเก้า แต่เขากลับหนาวเย็นถึงขนาดนี้ นี่มันปกติหรือ?เซียวหลันยวนเดิมทีก็คิดจะเชิญฟู่จาวหนิงเสียหน่อย ถึงอย่างไรตอนที่เห็นว่าไห่ฉางจวิ้นยื่นมือมาทางเขา บอวก่าจะลองวัดมือให้ว่าเย็นแค่ไหน สีหน้าของฟู่จาวหนิงก็ดูลิงโลดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เหมือนว่ากำลังชมละครชั้นดีนางลืมไปแล้วหรือว่าตัวตนฐานะตนเองคือพระชายาของข้า?แต่ว่าพอจับมือของฟู่จาวหนิง เขากลับรู้สึกไม่อยากจะปล่อยมือเสียแล้วเพราะว่ามือของนางอุ่นมาก และนิ่มมาก นิ่มราวกับไม่มีกระดูก อุณหภูมิของนางทำให้ความหนาวเย็นทั่วร่างของเขาอุ่นขึ้นมาหน่อย เดิมทีก็คิดว่าจะทนเอาไว้ให้ได้ตลอด ตอนนี้กลับได้ผ่อนคลายได้ครู่หนึ่ง"เซียวหลันยวน ปล่อยมือ" ฟู่จาวหนิงกัดฟันเอ่ยขึ้น"พระชายารู้สึกว่าต่อหน้าคนอื่นมันไม่ค่อยดีสินะ?" เซียวหลันยวนกลับลุกขึ้
พูดจนราวกับว่าพวกเขามีความรู้สึกให้กันเสียอย่างนั้น"ข้าเพิ่งจะแต่งงานได้ไม่กี่วัน แล้วยังรับเอาหญิงสาวตระกูลฟู่ที่ตกต่ำมาอีก แค่นี้ก็ขายหน้าพอแล้ว ถ้าไม่กี่วันก็หย่าร้าง แล้วคนทั้งเมืองจะไม่หัวเราะกันจนฟันหักเลยหรือ? หย่าหรือ ไม่มีทาง"เขาเอนตัวเข้ามา เอ่ยขึ้นเสียงต่ำข้างหูฟู่จาวหนิง"ฟู่จาวหนิง ข้ายังอยากจะรอให้พ่อแม่ของเจ้ากลับมาพร้อมกับเจ้านะ""นี่ท่าน!""ถ้าหากถึงตอนนั้นพวกเขาเจ็บปวดทรมาน ข้าค่อยเลิกรากับเจ้า จะสาดเกลือลงไปบนใจเจ้าอย่างโหดร้าย เจ้าไม่คิดว่าแบบนี้มันน่าสนุกกว่าหรือ? คิดจะหย่าน่ะ? เจ้ากล้าคิดไปได้อย่างไรกัน"จากที่คนนอกเห็น เวลานี้เซียวหลันยวนกำลังพูดกระซิบกับฟู่จาวหนิง มุมปากเขาเป็นรอยยิ้มอบอุ่น เสียงก็ทุ้มลึกมีเสน่ห์ ราวกับว่ากำลังกระซิบกระซาบอะไรที่กินใจกันอยู่หงจั๋วกับเฝิ่นซิงก็มองจนตาร้อนผ่าว ถูกต้องๆๆ ท่านอ๋อง ต้องแบบนี้สิ ปลอบพระชายาดีดีฟู่จาวหนิงกลับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มือหนึ่งถูกเซียวหลันยวนจับไว้ อีกข้างหนึ่งก็คีบเข็มเงินเล่มหนึ่งอย่างรวดเร็ว ปักลงไปที่จุดชีพจรหน้าอกเขา"ท่านอ๋อง!" ชิงอีเห็นการกระทำของฟู่จาวหนิง และมองเห็นแสงเงินสว่างวาบ ก็ตกใจจนห
เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิงเป็นเช่นนี้ ก็รู้สึกโมโหจนน่าขันขึ้นมาไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเห็นนางอยากจะหย่าร้าง คิดจะสะบัดเขาหนีเช่นนี้ เขาก็ยิ่งไม่อยากให้เป็นไปตามที่นางคิด"ข้าเป็นคนที่ซื่อตรงคนหนึ่ง พวกเราเพิ่งจะแต่งงานใหญ่กัน แล้วจะมาทิ้งกันง่ายๆ ได้อย่างไร? ถ้าลือกันออกไปชื่อเสียงข้าก็คงจะย่ำแย่ไปด้วย"เซียวหลันยวนกุมมือของนางแน่น ยกขึ้นมา แล้วหัวเราะเบาๆ ขึ้นเสียงหนึ่ง"พระชายาดูสิ มือของพวกเราเข้ากันได้ขนาดนี้ กุมแล้วดูเหมาะสมดี พวกเราจูงมือกันไปทั้งชีวิตเลยดีไหม?"เซียวหลันยวนคำพูดนี้พูดออกมาอย่างอบอุ่น อย่างลึกซึ้งเหลือประมาณ ราวกับว่าเขาชอบนางมากอย่างไรอย่างนั้นฟู่จาวหนิงกลับก็สะบัดมืออย่างทนไม่ไหวถ้าไม่ใช่รู้ถึงบุญคุณความแค้นของเขากับตระกูลฟู่ ถ้าไม่ใช่เมื่อวานนี้เขายอมรับเหตุผลที่ยอมแต่งงานกับนาง นางคงจะเชื่อไปแล้ว!"นี่!"ไห่ฉางจวิ้นมองทางนี้จนทนไม่ไหวแล้ว นางออกแรงตบลงบนโต๊ะอีกครั้ง สะเทือนจนอุปกรณ์ชงชาบนโต๊ะลอยระเนระนาด"อ๋องเจวี้ยน ท่านจะมากเกินไปแล้วนะ! ถึงแม้ข้าจะชอบท่านมาก แต่ท่านจะมารังแกกันแบบนี้ไม่ได้! เรียกข้าให้เข้ามาที่นี่เพื่อดูพวกท่านกระหนุงกระหนิงกนหร
"ก็ไม่อย่างไรหรอก ไม่สนใจ""ไม่ได้อยู่ที่ท่านตัดสินใจ"เซียวหลันยวนกลับหัวเราะขึ้นมา"อันที่จริง เจ้าวันนั้นเองก็ไม่มีทางเลือก ตอนนั้นถ้าเจ้าไม่เลือกคนมาแต่งงานกลางถนน แล้วแจ้นกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ปู่ของเจ้าก็คงจะตายไปอย่างไม่ต้องสงสัย"ดังนั้น ฟู่จาวหนิงเดิมทีไม่จำเป็นต้องเสียใจเลยที่เลือกเขามาแต่งงานด้วย ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากเขา คนอื่นเองก็คงไม่มีทางตกลง"ถ้าเจ้าไปเลือกคนอื่น คนอื่นก็ไม่กล้าผิดใจกับจวนรัฐทายาทเซียวอยู่ดี เซียวเหยียนจิ่งพูดไว้แล้ว ลองดูว่าใครจะแต่งกับเจ้า เห็นได้ชัดว่าคุกคามเจ้า และคุกคามคนอื่นไปด้วย ถ้ากล้าแต่งงานกับเจ้าก็เท่ากับเป็นปฏิปักษ์กับเขา เจ้าคิดว่า จะมีคนกล้าเป็นศัตรูกับเขาแล้วยอมมาแต่งงานกับเจ้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงกัดฟัน นางรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงไม่เช่นนั้นตอนนั้นนางจะไปเลือกเขาได้อย่างไรกัน?"แต่ว่าตอนนั้นถ้าข้ากลับบ้าน ท่านปู่ก็ไม่แน่ว่าจะถูกกระตุ้นจนทนไม่ไหว""หลอกทั้งตนเองทั้งคนอื่น"เซียวหลันยวนเริ่มรินชา เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "วันนั้นที่เขาทนมาได้ ก็เพราะวันนั้นจิตใจเขาผ่อนคลายลง คิดว่าเจ้าแต่งเข้าจวนรัฐทายาทเซียวไปอย่างราบรื่นแล้ว
หมอหลวงเฉินพอได้ยินก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันทีเขาถูกไปพักในเรือนที่ห่างไกล เมื่อครู่เดิมทีที่ได้ยินว่าฟู่จาวหนิงเข้ามา เขาก็คิดจะมาดูพระชายาอ๋องเจวี้ยนเสียหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะมาได้พอเหมาะพอเจาะเช่นนี้!คนของไท่ซ่างหวงมาถึงแล้ว!เป้าหมายที่องค์จักรพรรดิให้เขามารอที่จวนอ๋องเจวี้ยนเขาเข้าใจเป็นอย่างดี นั่นก็คือมาคอยดูว่าคนสนิทของไท่ซ่างหวงทั้งสามคนนั้นเป็นใครกันแน่ แล้วส่งอะไรมาให้แก่อ๋องเจวี้ยนเดิมทีเขายังกังวลว่าตนเองจะพลาดไป ไม่คิดเลยว่าพระเจ้าจะเข้าข้างเขา เขาเพิ่งจะออกมา คนก็มาถึงเสียแล้ว"เชิญพวกเขามาที่โถงหน้าเลย"อ๋องเจวี้ยนเองก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะนำมาเร็วเช่นนี้ ลุกขึ้นยืนเตรียมจะตรงไปโถงหน้า แต่เขาที่เพิ่งลุกขึ้นยืนเบื้องหน้าก็ดำมืด จมูกคับยิบ ร่างกายโงนเงนฟู่จาวหนิงอยู่ใกล้เขามากที่สุด ตอนที่เขายืนขึ้นก็ลุกขึ้นยืนด้วยสัญชาตญาณ กำลังลังเลว่าจะออกไปก่อนดีไหม หรือว่าจะตามไปดูที่โถงหน้าดี ผลคืออ๋องเจวี้ยนก็ล้มตัวมาทางตนเองแล้วมือของนางไวกว่าสมอง ยื่นไปกอดเซียวหลันยวนไว้แล้ว"ท่านอ๋อง!"ชิงอีกับหงจั๋วเฝิ่นซิงล้วนร้องตกตะลึง สะดุ้งโหยงกันขึ้นมาจนฟู่จาวหนิงประคองเซีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้