ฟู่จาวหนิงอยากจะบอกเขาว่าจะไปงานประชุมหมอใหญ่ แต่ก็รู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องพูด รอตอนจะไปแล้วค่อยบอก ตอนนี้พูดขึ้นมาจะกลายเป็นเหมือนนางพาเรื่องคุยกับเขาพวกเราตลอดทางนี้ก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไรเซียวหลันยวนหลังจากถามไปสองคำพอเห็นนางไม่พูดอะไรอีก ก็ไม่รู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไร"พอผ่านภูเขานี้ พวกเราสามารถพักที่เมืองชิงเหยาด้านล่างภูเขานี้สักคืนหนึ่งได้ พรุ่งนี้ค่อเดินทางต่อ""ได้"ฟู่จาวหนิงไม่มีความเห็นต่างพวกเขาเองก็เข้าเมืองกินอาหารร้อนๆ ป้อนอาหารให้ม้าแล้วให้ม้าได้พักผ่อนบ้างเหมือนกัน นอนบนเตียงดีดีสักคืนหนึ่งตอนที่พวกเขาผ่านเมืองชิงเหยาครั้งที่แล้วไม่ได้เข้ามาหยุดพัก ตอนนั้นทำเพื่อสะบัดพวกคนที่แอบตามมาเหล่านั้นออกพอถึงช่วงพลบค่ำ ขบวนก็เข้าไปในเมืองชิงเหยาที่นี่ถือว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ เพราะอยู่ที่ตีนเขาชิงเหยา รอบด้านมีทางให้ไปทั้งหมด ถือเป็นตำหน่งที่เชื่อมต่อได้ทุกทิศทาง ดังนั้นเหมืองชิงเหยาจึงค่อนข้างใหญ่ ยิ่งไปกว่านันยังคึกคักอีกด้วยพวกเขากำลังเข้าเมืองทันประตูเมืองปิดพอดีคนตั้งมากมาย รถม้าอีกหลายคัน ก็ยังดึงดูดสายตาผู้คนอยู่แต่พวกองครักษ์อย่า
ซื้อครั้งนี้ดูถือไม่ค่อยไหวพวกของไป๋หู่หิ้วของเต็มสองไม้สองมือนางหันหน้าไปอีกร้านหนึ่ง ผลคือมีคนเดินเข้ามาพอดี ทั้งสองฝ่ายเกือบจะชนกันถ้าไม่ใช่ฟู่จาวหนิงปฏิกิริยาฉับไว ฉากหลบอย่างรวดเร็ว คงได้ชนกับอีกฝ่ายไปแล้วแน่ๆ"ไม่มีตาเลยหรือ?"อีกฝ่ายตะคอกขึ้นมาอย่างหยาบคายฟู่จาวหนิงพอได้ยิน เสียงนี้คุ้นหูเหลือเกินพอเงยหน้ามองไป อีกฝ่ายก็มองเห็นนาง ทันใดนั้นก็ดีอกดีใจร้องขึ้นมา "ลูกพี่หนิง"ฟู่จาวหนิงกุมหน้าผากนี่มันดวงอะไรกัน?นางเพิ่งจะคิดถึงลู่ทงกับเจิ้งหยาง คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอพวกเขาที่นี่เสียแล้ว"พวกเจ้าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กัน?"ลู่ทงเบะปาก เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว"ลูกพี่หนิง พวกเราหาท่านมาตั้งนาน ตอนนั้นได้ยินว่าท่านกับอ๋องเจวี้ยนออกจากเมืองหลวง พวกเราคิดจะติดตามไป คิดว่าระหว่างทางอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง ผลคือตามไปไม่ทัน จนคลาดกับพวกท่านไป"ฟู่จาวหนิงหมดคำจะพูด แทบไม่กล้าที่จะเชื่อ"เจ้าอย่าบอกนะ ว่าพวกเจ้าออกจากเมืองหลวงมาสองเดือนกว่าแล้วยังไม่ได้กลับเข้าไป?""เดิมทีพวกเขาก็ตามมาด้วยกัน แต่เพราะหาพวกท่านไม่เจอมาตลอด พวกเขาเลยกลับกันไปก่อน ข้ากับเจิ้งหยางไม่ค่อยสบายใจ เลยอ
"คุณหนู ถ้าอย่างนั้นกลับโรงเตี๊ยมกันก่อนเถอะ" พวกของไป๋หูไม่ค่อยวางใจลู่ทงเอ่ยว่า "ลูกพี่หนิงยังซื้อของไม่จุใจเช่นนั้นพวกเราจะไปเป็นเพื่อนนางเอง ที่นี่พวกเราเดนิมาจนปรุนแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ""ไม่เป็นไร พวกเจ้าเอาของกลับไปก่อนเถอะ หรือไม่ก็เจ้าให้พวกเขานำกลับไป เจ้าอยู่ที่นี่ก็ได้" ฟู่จาวหนิงพูดไป๋หู่นึกถึงฝีมือของนาง จากนั้นก็นึกถึงตอนที่ออกเดินทางทั้งไปและกลับ มีแต่ถนนหนทางบนภูเขา ไม่มีความคึกคักสัญจรแบบในเมืองให้นางได้เดินได้ชมเลย จะผ่อนคลายเสียหน่อยก็ยากลำบากจริงๆ นั่นล่ะเขาพยักหน้า นำสิ่งของส่งให้องครักษ์คนอื่น ให้พวกเขากลับโรงเตี๊ยมไปปก่อน ส่วนตนเองกับพวกลู่ทงเจิ้งหยางจะเดินเป็นเพื่อนกับฟู่จาวหนิงต่อ"ได้ยินว่าใกล้ๆ จวนนี้มีร้านขายขนมแปดสมบัติอยู่" ลู่ทงบอกกับฟู่จาวหนิง "เลื่องชื่ออย่างมาก ขนมแปดสมบัติที่ครัวหลวงทำก็ยังไม่อร่อยเท่าของพวกเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นผลไม้ที่พวกเขาใช้ก็ยังหอมหวานกว่า รสชาติสัมผัสก็ไม่เหมือนกัน มีคนไม่น้อยที่เดินทางไปซื้อโดยเฉพาะเลยด้วย""ขนมแปดสมบัติ? ปู่ของข้าน่าจะชอบนะ อยู่ที่ไหน ไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงสนใจขึ้นมาอันที่จริงนางก็ยังไม่อยากจะ
"อะไรนะ?"ลู่ทงกับเจิ้งหยางสบตากันพวกเขามีอะไรต้องให้คนอื่นมาซุ่มโจมตีกัน?"อย่าลืมว่าตอนอยู่บนเขาเมฆอรุณก็มีคนคิดจะเอาชีวิตพวกเจ้า"นั่นก็จริง!ลู่ทงกับเจิ้งหยางก็หน้าเปลี่ยนสีไปแล้ว "เช่นนั้นลูกพี่หนิงไม่ต้องสนใจพวกข้า ออกไปก่อนได้เลย"ตอนนี้ข้างกายฟู่จาวหนิงมีคนเพียงคนเดียว อีกฝ่ายยังไม่รู้ว่ามีคนมากเท่าไร อันตราย พวกเขาจะให้นางต้องมาติดร่างแหไม่ได้"แต่ว่าต่อมาคนเหล่านี้ที่มาด้านหลัง กลับเข้ามาหาข้าน่ะ ยังออกไปไม่ได้หรอก"ฟู่จาวหนิงมองไปทางคนที่มาขวางไม่ให้พวกเขาถอยออกไปเหล่านั้น คนเหล่านี้พอเข้ามา สายตาก็จับจ้องบนตัวนาง ไม่ได้มองพวกลู่ทงเลย ดังนั้นนางจึงพิจารณาว่าคนเหล่านี้เข้ามาหานางหรือก็คือ ตอนนี้ในซอยนี้ รวมพวกเขาแล้วมีอยู่ถึงสามฝ่ายถ้าหากนางสามารถให้พวกเขาตีกันขึ้นมาแต่ไม่นานนางก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไป อีกฝ่ายเป้าหมายแตกต่างกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะตีกันขึ้นมา ก็ดูเป็นไปได้ว่าจะร่วมมือกันก่อน"สหายข้างหน้านั่นน่ะ เป้าหมายของพวกเราคือหญิงสาวคนนี้" คนที่ปากซอยเอ่ยเสียงขึ้นมาก่อนพวกเขาเหมือนจะมองสถานการณ์ตอนนี้ออกแล้วคนบนต้นไม้ไม่พูดอะไรพวกเขาชักกระบี่ออกมาพร้อมก
"ไป พุ่งออกไป" ฟู่จาวหนิงออกแรงเอ่ยเสียงต่ำนางมองออกในพริบตา คนที่จะเข้ามาสังหารลู่ทงกับเจิ้งหยางเหล่านั้น วิชาแย่มากถึงอย่างไรก็ยังแย่กว่าพวกตรงปากซอยที่เข้ามาหานางพอสมควร ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย ดังนั้นใช้ลูกกลอนพิษที่นางสกัดขึ้นจึงสามารถเปิดทางออกพุ่งออกไปได้"ไป!"ลู่ทงกับเจิ้งหยางให้ความสำคัญกับคำพูดของฟู่จาวหนิงแบบเดียวกับพระราชโองการเลยทีเดียวขอแค่นางพูดมา นางไม่ลังเลเลย ไม่คิดด้วยซ้ำว่าถูกหรือไม่ถูก ฟังคำสั่งไปก็พอไป๋หู่คอยขวางคนด้านหลังฟู่จาวหนิงโยนลูกกลอนพิษอีกกำหนึ่งไปบนต้นไม้ด้านหน้านางเองก็ลงมือฉับไว ยิ่งไปกว่านั้นลางสังหรณ์นางเองก็ยังเฉียบคมมาก ขว้างออกไปอย่างไม่มีผิดพลาด หลักๆ เข้าเป้าไปยังจุดที่พวกมือสังหารซ่อนตัวอยู่นางโต้กลับเช่นนี้ ทำให้มือสังหารต้องลงมือทันทีโดยไม่สนอะไรอีก เพราะยาลูกกลอนพิษเหล่านั้นทำให้พวกเขาไม่เข้าใจเลย ว่าพอระเบิดออกมาจะเป็นของเหลวพิษ ของเหลวพิษถูกระเบิดกระเซ็นไปรอบด้าน เดิมทีคิดว่าจะกระเซ็นแค่หยดสองหยดยังไม่น่าเป็นห่วง ถึงอย่างไรก็ยังมีเสื้อผ้าอยู่แต่ไม่รู้เลยว่าพลานุภาพของเหลวพิษพวกนี้ร้ายกาจกว่าที่พวกเขาจินตนาการ พอเปื้
จะสังหารพวกเขาหรือ?แล้วยังถือโอกาสสังหารทิ้งอีกด้วย?ทำเอาพวกเขาโมโหแล้วจริงๆ"ไสหัวไป"องครักษ์ลับคนหนึ่งตะคอกเสียงดัง เตรียมจะแหวกทางพวกเขาแล้วไล่ตามฟู่จาวหนิงแต่ตอนนี้เอง ฟู่จาวหนิงที่อยู่หน้าปากซอยก็หันกลับมา เอ่ยกับพวกเขาว่า "ตายแล้ว พี่ๆ มือสังหาร ใบหน้าของพวกเจ้าถูกเจ้าพวกขี้แพ้พวกนี้เห็นกันหมดแล้วนะ ถ้าไม่สังหารพวกเขา ถึงเวลาพวกเขาจะสารภาพคายพวกเจ้าออกมาหมดนะ"พูดจบนางก็หันหน้ากลับ วิ่งเผ่นผลิวต่อไปแล้วองครักษ์ลับโกรธแค้นกำเริบนัก กำเริบเสิบสานเสียจริง!นี่นางยังกล้าวิ่งหันกลับมาท้าทายพวกเขาระหว่างหนีด้วยหรือนี่!"หลีกไป!" พวกเขาตะคอกใส่มือสังหารเหล่านั้นองครักษ์ลับที่ฮองเฮาชุบเลี้ยงขึ้นมา จะมากน้อยก็ยังหยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่นะเจ้านายของพวกเขาคือฮองเฮา แต่เจ้านายของพวกขี้แพ้เหล่านี้ ตัวตนคงไม่ได้สูงส่งไปกว่าฮองเฮาหรอกกระมัง? ดังนั้นยังไม่รีบไสหัวไปอีก?ผลคือมือสังหารเหล่านี้ส่งสายตาให้กัน แล้วชักกระบี่พุ่งเข้ามาสังหารพวกเขาถูกต้อง ตอนนี้พวกเขาถึงอย่างไรก็ไล่ตามลู่ทงกับเจิ้งหยางไม่ทันแล้ว หลังจากนี้ยังมีโอกาสอยู่ ตอนนี้ต้องจัดการปิดปากคนเหล่านี้เสียก่อน"แม่ง
ลู่ทงกับเจิ้งหยางวิ่งจนกระหืดกระหอบพวกเขาเองก็เห็นองครักษ์จวนอ๋องที่เข้ามารับแล้ว ขณะเดียวกันก็ผ่อนใจโล่งออกมา โค้งเอวเอามือยันหัวเข่าไว้ หอบหายใจหนักพอได้ยินประโยคนี้ของฟู่จาวหนิง ลู่ทงรู้สึกว่าหัวใจของตนเองแทบจะเต้นผางออกมาแล้ว"ลูก ลูกพี่หนิง ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะ น้ำเสียงของท่านทำไมฟังแล้วเหมือนรู้สึกอย่างนั้นล่ะ?"พวกเขาไม่ใช่ว่ารอดจากอันตรายแล้วหรือ?ฟู่จาวหนิงเสียดายหน่อยๆ ที่ไม่มีใครตามมา"ก็เสียดายหน่อยๆ จริงๆ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยเสียงต่ำ "อันที่จริงข้ายังมีของอีกไม่น้อยที่จะออกมาทดสอบเสียหน่อย ไม่ได้ฝึกฝีมือเลย"ส่วนพลานุภาพของลูกกลอนพิษนั่น ฟู่จาวหนิงก็ดูพึงพอใจอยู่เพียงแต่ที่นางสกัดขึ้นระหว่างทางนี้ใช้หมดไปแล้ว รู้สึกปวดใจบ้างเหมือนกัน บัญชีนี้ถูกจดเอาไว้บนตัวเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังคนพวกนั้นแล้วลู่ทงกับเจิ้งหยางพอได้ยินคำพูดนางกลับตาเป็นประกายขึ้นมา"ลูกพี่หนิง อาวุธลับที่ท่านใช้เมื่อครู่คืออะไร? ร้ายการมากเลย ให้พวกเราดูหน่อยได้ไหม?""ใช่เลยลูกพี่หนิง""เพิ่งใช้หมดไปน่ะ ของเล่นที่สร้างมาระหว่างทาง แต่เวลาไม่พอเลยทำมาไม่เท่าไร" ฟู่จาวหนิงผายมือออก"หา?" ลู่ทงคว
ฟู่จาวหนิงเดินมาข้างโต๊ะ เทน้ำใส่แก้วแล้วดื่มพอเห็นเขายังไม่ปลดหมวกลง นางก็เลิกคิ้วเล็กน้อย "ใส่แล้วสบายหรือ?""อื๋อ?" เซียวหลันยวนหลังจากมีปฏิกิริยาก็แข็งทื่อไปเล็กน้อย แต่ก็ยังยื่นมือปลดหมวกลงมาเขาเดิมทีคิดว่าถ้าไม่ปลดลงมาล่ะก็ เขายังมองนางได้ ประจันหน้ากับนางตรงๆ ได้หลังจากปลดลงมาเขาก็เอียงหน้าออกเล็กน้อย"ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว คนที่มาครั้งนี้ไม่ได้ลงมือสังหารทันทีหรือ?""อืม ดูเหมือนคิดจะมาจับตัวข้า""เจ้าใช้อาวุธลับที่ทำขึ้นใหม่ด้วย?" เซียวหลันยวนถามดูท่าเขาเมื่อครู่จะได้ยินบทสนทนาระหว่างนางกับลู่ทงเข้าแล้ว"ลูกกลอนพิษน่ะ ด้านในมีส่วนประกอบบางอย่าง หลังจากที่โดนแรงกระแทกภายนอกจะเกิดปฏิกิริยาแล้วระเบิดเบาๆ แล้วด้านในก็ซ่อนของเหลวพิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อนบางส่วนไว้ หลังจากระเบิดกระเด็นไปโดนคนก็จะกัดกร่อนจนเกิดแผลอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดยังรุนแรงยิ่งกว่าถูกไฟลวกเสียอีก"ฟู่จาวหนิงอธิบายคำหนึ่งเซียวหลันยวนตาเป็นประกายเล็กน้อย เขาอดมองไปทางฟู่จาวหนิงไม่ได้ตอนที่นางมองมาก็เอียงหน้าออกอีก"ลูกกลอนพิษนี้เสียเวลาทำมากไหม?""ขอแค่มีวัสดุพอก็ได้แล้ว แต่ว่า วิธีทำค่อนข้างพิถีพ