ในจวนอ๋องเจวี้ยนขนาดคนใช้คนหนึ่งก็ยังไล่กัดคนได้ ใครจะรู้ว่าพอเซียวหลันยวนกลับมาจะพูดอะไรกับเขาบ้าง"ท่านฮองเฮา หลักๆ คือดูจากร่องรอยต่างๆ แล้ว อ๋องเจวี้ยนน่าจะชอบฟู่จาวหนิงเข้าแล้วจริงๆ"ฮองเฮาใจสั่นกึก นางไม่อยากจะยอมรับจุดนี้ แต่ก็อดไม่ยอมรับไม่ได้"เซียวหลันยวนแต่ก่อนก็ดูเหมือนคนที่ใกล้จะออกบวชกลายเป็นเทพเซียน เข้าใกล้ไม่ได้เลย ไม่คิดจริงๆ ว่าเขาจะไปชอบกับหญิงสาวต่ำๆ คนหนึ่งแบบนี้"ฟู่จาวหนิงนี่เป็นภูตจิ้งจอกจริงๆ"ฮองเฮา เรื่องนั้น""ครั้งนี้จะต้องทำให้สำเร็จ" ฮองเฮาพอคิดถึงคนเหล่านั้นที่ตายไปจากการที่ภารกิจล้มเหลวในครั้งที่แล้ว ก็ปวดใจราวกับถูกควักออกมาทั้งก้อนอย่างไรอย่างนั้นฝึกฝนมาตั้งนานนม ทุ่มลงไปตั้งเท่าไร จ่ายเงินไปตั้งเท่าไร คาดหวังไปตั้งเท่าไร!เตรียมทหารแรมปีเพื่อจะใช้เพียงชั่วครู่ คิดจะใช้ในโอกาสที่เหมาะที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่สุดท้ายดันพลังทลายไปทั้งหมด!ถูกสังหารทิ้งไม่เหลือ แม้แต่คนเดียว!ขนาดจดหมายกลับมาสักฉบับก็ยังไม่มี แล้วยังเป็นพวกนักสืบที่นางส่งออกไปภายหลังถึงพบด้วยอีกหลังจากได้รับข่าวนี้ ฮองเฮาก็อั
ฟู่จาวหนิงอยากจะบอกเขาว่าจะไปงานประชุมหมอใหญ่ แต่ก็รู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องพูด รอตอนจะไปแล้วค่อยบอก ตอนนี้พูดขึ้นมาจะกลายเป็นเหมือนนางพาเรื่องคุยกับเขาพวกเราตลอดทางนี้ก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไรเซียวหลันยวนหลังจากถามไปสองคำพอเห็นนางไม่พูดอะไรอีก ก็ไม่รู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไร"พอผ่านภูเขานี้ พวกเราสามารถพักที่เมืองชิงเหยาด้านล่างภูเขานี้สักคืนหนึ่งได้ พรุ่งนี้ค่อเดินทางต่อ""ได้"ฟู่จาวหนิงไม่มีความเห็นต่างพวกเขาเองก็เข้าเมืองกินอาหารร้อนๆ ป้อนอาหารให้ม้าแล้วให้ม้าได้พักผ่อนบ้างเหมือนกัน นอนบนเตียงดีดีสักคืนหนึ่งตอนที่พวกเขาผ่านเมืองชิงเหยาครั้งที่แล้วไม่ได้เข้ามาหยุดพัก ตอนนั้นทำเพื่อสะบัดพวกคนที่แอบตามมาเหล่านั้นออกพอถึงช่วงพลบค่ำ ขบวนก็เข้าไปในเมืองชิงเหยาที่นี่ถือว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ เพราะอยู่ที่ตีนเขาชิงเหยา รอบด้านมีทางให้ไปทั้งหมด ถือเป็นตำหน่งที่เชื่อมต่อได้ทุกทิศทาง ดังนั้นเหมืองชิงเหยาจึงค่อนข้างใหญ่ ยิ่งไปกว่านันยังคึกคักอีกด้วยพวกเขากำลังเข้าเมืองทันประตูเมืองปิดพอดีคนตั้งมากมาย รถม้าอีกหลายคัน ก็ยังดึงดูดสายตาผู้คนอยู่แต่พวกองครักษ์อย่า
ซื้อครั้งนี้ดูถือไม่ค่อยไหวพวกของไป๋หู่หิ้วของเต็มสองไม้สองมือนางหันหน้าไปอีกร้านหนึ่ง ผลคือมีคนเดินเข้ามาพอดี ทั้งสองฝ่ายเกือบจะชนกันถ้าไม่ใช่ฟู่จาวหนิงปฏิกิริยาฉับไว ฉากหลบอย่างรวดเร็ว คงได้ชนกับอีกฝ่ายไปแล้วแน่ๆ"ไม่มีตาเลยหรือ?"อีกฝ่ายตะคอกขึ้นมาอย่างหยาบคายฟู่จาวหนิงพอได้ยิน เสียงนี้คุ้นหูเหลือเกินพอเงยหน้ามองไป อีกฝ่ายก็มองเห็นนาง ทันใดนั้นก็ดีอกดีใจร้องขึ้นมา "ลูกพี่หนิง"ฟู่จาวหนิงกุมหน้าผากนี่มันดวงอะไรกัน?นางเพิ่งจะคิดถึงลู่ทงกับเจิ้งหยาง คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอพวกเขาที่นี่เสียแล้ว"พวกเจ้าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กัน?"ลู่ทงเบะปาก เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว"ลูกพี่หนิง พวกเราหาท่านมาตั้งนาน ตอนนั้นได้ยินว่าท่านกับอ๋องเจวี้ยนออกจากเมืองหลวง พวกเราคิดจะติดตามไป คิดว่าระหว่างทางอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง ผลคือตามไปไม่ทัน จนคลาดกับพวกท่านไป"ฟู่จาวหนิงหมดคำจะพูด แทบไม่กล้าที่จะเชื่อ"เจ้าอย่าบอกนะ ว่าพวกเจ้าออกจากเมืองหลวงมาสองเดือนกว่าแล้วยังไม่ได้กลับเข้าไป?""เดิมทีพวกเขาก็ตามมาด้วยกัน แต่เพราะหาพวกท่านไม่เจอมาตลอด พวกเขาเลยกลับกันไปก่อน ข้ากับเจิ้งหยางไม่ค่อยสบายใจ เลยอ
"คุณหนู ถ้าอย่างนั้นกลับโรงเตี๊ยมกันก่อนเถอะ" พวกของไป๋หูไม่ค่อยวางใจลู่ทงเอ่ยว่า "ลูกพี่หนิงยังซื้อของไม่จุใจเช่นนั้นพวกเราจะไปเป็นเพื่อนนางเอง ที่นี่พวกเราเดนิมาจนปรุนแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ""ไม่เป็นไร พวกเจ้าเอาของกลับไปก่อนเถอะ หรือไม่ก็เจ้าให้พวกเขานำกลับไป เจ้าอยู่ที่นี่ก็ได้" ฟู่จาวหนิงพูดไป๋หู่นึกถึงฝีมือของนาง จากนั้นก็นึกถึงตอนที่ออกเดินทางทั้งไปและกลับ มีแต่ถนนหนทางบนภูเขา ไม่มีความคึกคักสัญจรแบบในเมืองให้นางได้เดินได้ชมเลย จะผ่อนคลายเสียหน่อยก็ยากลำบากจริงๆ นั่นล่ะเขาพยักหน้า นำสิ่งของส่งให้องครักษ์คนอื่น ให้พวกเขากลับโรงเตี๊ยมไปปก่อน ส่วนตนเองกับพวกลู่ทงเจิ้งหยางจะเดินเป็นเพื่อนกับฟู่จาวหนิงต่อ"ได้ยินว่าใกล้ๆ จวนนี้มีร้านขายขนมแปดสมบัติอยู่" ลู่ทงบอกกับฟู่จาวหนิง "เลื่องชื่ออย่างมาก ขนมแปดสมบัติที่ครัวหลวงทำก็ยังไม่อร่อยเท่าของพวกเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นผลไม้ที่พวกเขาใช้ก็ยังหอมหวานกว่า รสชาติสัมผัสก็ไม่เหมือนกัน มีคนไม่น้อยที่เดินทางไปซื้อโดยเฉพาะเลยด้วย""ขนมแปดสมบัติ? ปู่ของข้าน่าจะชอบนะ อยู่ที่ไหน ไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงสนใจขึ้นมาอันที่จริงนางก็ยังไม่อยากจะ
"อะไรนะ?"ลู่ทงกับเจิ้งหยางสบตากันพวกเขามีอะไรต้องให้คนอื่นมาซุ่มโจมตีกัน?"อย่าลืมว่าตอนอยู่บนเขาเมฆอรุณก็มีคนคิดจะเอาชีวิตพวกเจ้า"นั่นก็จริง!ลู่ทงกับเจิ้งหยางก็หน้าเปลี่ยนสีไปแล้ว "เช่นนั้นลูกพี่หนิงไม่ต้องสนใจพวกข้า ออกไปก่อนได้เลย"ตอนนี้ข้างกายฟู่จาวหนิงมีคนเพียงคนเดียว อีกฝ่ายยังไม่รู้ว่ามีคนมากเท่าไร อันตราย พวกเขาจะให้นางต้องมาติดร่างแหไม่ได้"แต่ว่าต่อมาคนเหล่านี้ที่มาด้านหลัง กลับเข้ามาหาข้าน่ะ ยังออกไปไม่ได้หรอก"ฟู่จาวหนิงมองไปทางคนที่มาขวางไม่ให้พวกเขาถอยออกไปเหล่านั้น คนเหล่านี้พอเข้ามา สายตาก็จับจ้องบนตัวนาง ไม่ได้มองพวกลู่ทงเลย ดังนั้นนางจึงพิจารณาว่าคนเหล่านี้เข้ามาหานางหรือก็คือ ตอนนี้ในซอยนี้ รวมพวกเขาแล้วมีอยู่ถึงสามฝ่ายถ้าหากนางสามารถให้พวกเขาตีกันขึ้นมาแต่ไม่นานนางก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไป อีกฝ่ายเป้าหมายแตกต่างกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะตีกันขึ้นมา ก็ดูเป็นไปได้ว่าจะร่วมมือกันก่อน"สหายข้างหน้านั่นน่ะ เป้าหมายของพวกเราคือหญิงสาวคนนี้" คนที่ปากซอยเอ่ยเสียงขึ้นมาก่อนพวกเขาเหมือนจะมองสถานการณ์ตอนนี้ออกแล้วคนบนต้นไม้ไม่พูดอะไรพวกเขาชักกระบี่ออกมาพร้อมก
"ไป พุ่งออกไป" ฟู่จาวหนิงออกแรงเอ่ยเสียงต่ำนางมองออกในพริบตา คนที่จะเข้ามาสังหารลู่ทงกับเจิ้งหยางเหล่านั้น วิชาแย่มากถึงอย่างไรก็ยังแย่กว่าพวกตรงปากซอยที่เข้ามาหานางพอสมควร ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย ดังนั้นใช้ลูกกลอนพิษที่นางสกัดขึ้นจึงสามารถเปิดทางออกพุ่งออกไปได้"ไป!"ลู่ทงกับเจิ้งหยางให้ความสำคัญกับคำพูดของฟู่จาวหนิงแบบเดียวกับพระราชโองการเลยทีเดียวขอแค่นางพูดมา นางไม่ลังเลเลย ไม่คิดด้วยซ้ำว่าถูกหรือไม่ถูก ฟังคำสั่งไปก็พอไป๋หู่คอยขวางคนด้านหลังฟู่จาวหนิงโยนลูกกลอนพิษอีกกำหนึ่งไปบนต้นไม้ด้านหน้านางเองก็ลงมือฉับไว ยิ่งไปกว่านั้นลางสังหรณ์นางเองก็ยังเฉียบคมมาก ขว้างออกไปอย่างไม่มีผิดพลาด หลักๆ เข้าเป้าไปยังจุดที่พวกมือสังหารซ่อนตัวอยู่นางโต้กลับเช่นนี้ ทำให้มือสังหารต้องลงมือทันทีโดยไม่สนอะไรอีก เพราะยาลูกกลอนพิษเหล่านั้นทำให้พวกเขาไม่เข้าใจเลย ว่าพอระเบิดออกมาจะเป็นของเหลวพิษ ของเหลวพิษถูกระเบิดกระเซ็นไปรอบด้าน เดิมทีคิดว่าจะกระเซ็นแค่หยดสองหยดยังไม่น่าเป็นห่วง ถึงอย่างไรก็ยังมีเสื้อผ้าอยู่แต่ไม่รู้เลยว่าพลานุภาพของเหลวพิษพวกนี้ร้ายกาจกว่าที่พวกเขาจินตนาการ พอเปื้
จะสังหารพวกเขาหรือ?แล้วยังถือโอกาสสังหารทิ้งอีกด้วย?ทำเอาพวกเขาโมโหแล้วจริงๆ"ไสหัวไป"องครักษ์ลับคนหนึ่งตะคอกเสียงดัง เตรียมจะแหวกทางพวกเขาแล้วไล่ตามฟู่จาวหนิงแต่ตอนนี้เอง ฟู่จาวหนิงที่อยู่หน้าปากซอยก็หันกลับมา เอ่ยกับพวกเขาว่า "ตายแล้ว พี่ๆ มือสังหาร ใบหน้าของพวกเจ้าถูกเจ้าพวกขี้แพ้พวกนี้เห็นกันหมดแล้วนะ ถ้าไม่สังหารพวกเขา ถึงเวลาพวกเขาจะสารภาพคายพวกเจ้าออกมาหมดนะ"พูดจบนางก็หันหน้ากลับ วิ่งเผ่นผลิวต่อไปแล้วองครักษ์ลับโกรธแค้นกำเริบนัก กำเริบเสิบสานเสียจริง!นี่นางยังกล้าวิ่งหันกลับมาท้าทายพวกเขาระหว่างหนีด้วยหรือนี่!"หลีกไป!" พวกเขาตะคอกใส่มือสังหารเหล่านั้นองครักษ์ลับที่ฮองเฮาชุบเลี้ยงขึ้นมา จะมากน้อยก็ยังหยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่นะเจ้านายของพวกเขาคือฮองเฮา แต่เจ้านายของพวกขี้แพ้เหล่านี้ ตัวตนคงไม่ได้สูงส่งไปกว่าฮองเฮาหรอกกระมัง? ดังนั้นยังไม่รีบไสหัวไปอีก?ผลคือมือสังหารเหล่านี้ส่งสายตาให้กัน แล้วชักกระบี่พุ่งเข้ามาสังหารพวกเขาถูกต้อง ตอนนี้พวกเขาถึงอย่างไรก็ไล่ตามลู่ทงกับเจิ้งหยางไม่ทันแล้ว หลังจากนี้ยังมีโอกาสอยู่ ตอนนี้ต้องจัดการปิดปากคนเหล่านี้เสียก่อน"แม่ง
ลู่ทงกับเจิ้งหยางวิ่งจนกระหืดกระหอบพวกเขาเองก็เห็นองครักษ์จวนอ๋องที่เข้ามารับแล้ว ขณะเดียวกันก็ผ่อนใจโล่งออกมา โค้งเอวเอามือยันหัวเข่าไว้ หอบหายใจหนักพอได้ยินประโยคนี้ของฟู่จาวหนิง ลู่ทงรู้สึกว่าหัวใจของตนเองแทบจะเต้นผางออกมาแล้ว"ลูก ลูกพี่หนิง ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะ น้ำเสียงของท่านทำไมฟังแล้วเหมือนรู้สึกอย่างนั้นล่ะ?"พวกเขาไม่ใช่ว่ารอดจากอันตรายแล้วหรือ?ฟู่จาวหนิงเสียดายหน่อยๆ ที่ไม่มีใครตามมา"ก็เสียดายหน่อยๆ จริงๆ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยเสียงต่ำ "อันที่จริงข้ายังมีของอีกไม่น้อยที่จะออกมาทดสอบเสียหน่อย ไม่ได้ฝึกฝีมือเลย"ส่วนพลานุภาพของลูกกลอนพิษนั่น ฟู่จาวหนิงก็ดูพึงพอใจอยู่เพียงแต่ที่นางสกัดขึ้นระหว่างทางนี้ใช้หมดไปแล้ว รู้สึกปวดใจบ้างเหมือนกัน บัญชีนี้ถูกจดเอาไว้บนตัวเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังคนพวกนั้นแล้วลู่ทงกับเจิ้งหยางพอได้ยินคำพูดนางกลับตาเป็นประกายขึ้นมา"ลูกพี่หนิง อาวุธลับที่ท่านใช้เมื่อครู่คืออะไร? ร้ายการมากเลย ให้พวกเราดูหน่อยได้ไหม?""ใช่เลยลูกพี่หนิง""เพิ่งใช้หมดไปน่ะ ของเล่นที่สร้างมาระหว่างทาง แต่เวลาไม่พอเลยทำมาไม่เท่าไร" ฟู่จาวหนิงผายมือออก"หา?" ลู่ทงคว
พระชายาเยว่รู้สึกว่า แม่นมเยว่อดทนอยู่ในวังมายี่สิบปี คงวางแผนงานใหญ่อะไรอยู่นางถึงแม้จะเคยเห็นฝีมือแม่นมเยว่มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าแม่นมเยว่เองก็ไม่ได้มีฝีมือมากขนาดนั้น ถ้าหากนางร้ายกาจจริง จำเป็นต้องมาซุ่มอยู่ในวังหลวงยี่สิบปี แต่ก็ยังทำเรื่องไม่เสร็จแบบนี้หรือ?แม่นมเยว่น่าจะเป็นยอดฝืมือในการใช้ยา ยิ่งไปกว่านั้นยังยอดเยี่ยมในด้านการสกัดยาชนิดนั้น ยาที่ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเท่าไร ถึงอย่างไรก็ทำให้แค่ผู้ชายมีความสุขล่องลอยได้มากเท่านั้น ทำเรื่องใหญ่โตอะไรให้สำเร็จไม่ได้ตอนนี้ นางได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิแล้ว ยังต้องคอยฟังแม่นมเยว่อยู่อีกหรือ?แต่ถ้าแม่นมเยว่ก็มีวิธีการที่จะให้องค์จักรพรรดิรับมือกับอ๋องเจวี้ยนจริงล่ะ?จะว่าไป ยาชนิดนั้นของแม่นมเยว่ ถ้าหากใช้กับอ๋องเจวี้ยน ไม่รู้ว่าจะมีประสิทธิผลไหมชั่วขณะหนึ่ง พระชายาเยว่คิดไปร้อยแปดจากนั้นนางก็ไปที่ครัวเล็ก ลงมือทำของว่างขึ้นมาถาดหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งเนื้อแต่งตัวอย่างประณีต ยกของว่างเข้าไปในห้องหนังสือหลวงองค์จักรพรรดิเพิ่งฟังรายงานลับจบเขาให้คนจับตาดูคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของคนหลายคนในเมืองหลวง
"จุ๊ๆ เรื่องนี้..." พระชายาเยว่คิดๆ ยังไม่รู้จะจัดการอย่างไรก่อนดีชั่วคราว"เจ้ากลับไปอยู่ข้างๆ เฉินฮ่าวปิงก่อนแล้วกัน คอยจับตาดูนางไว้ มีเรื่องอะไรก็มาบอกกับข้า" พระชายาเยว่รู้สึกว่าตอนนี้ใช้งานชิวอวิ๋นไปก่อนแล้วกัน ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว"่เจ้าค่ะ"รอจนชิวอวิ๋นออกไป พระชายาเยว่ก็เรียกคนเข้ามาคนคนนี้ดูแล้วปกติดี แต่ว่าการเดินเหินในวังนั้นไม่ถูกใครสังเกตหรือสนใจเลยเป็นแม่นมที่หน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง"แม่นมเยว่ เมื่อครู่เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม?"แม่นมเยว่คนนี้ก้มหน้าต่ำเล็กน้อย เอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ"ได้ยินแล้วพะย่ะค่ะ""เรื่องนี้ ควรจะเผยกับองค์จักรพรรดิไหม?""ได้พะย่ะค่ะ""แต่ถ้าองค์จักรพรรดิรู้ อาจจะกริ้วอย่างรุนแรงได้ อ๋องฉยงที่มีความคิดไม่ดีกับพระชายาอ๋องเจวี้ยน เรื่องนี้ถ้าลือออกไปจะไม่ดีกับราชวงศ์""เรื่องนี้มีประโยชน์กับการที่พวกเราจะสืบค้นระดับความอดทนของจักรพรรดิต่ออ๋องฉยงได้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะอะไรอ๋องฉยงจึงยังอยู่ในเมืองหลวง เรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบให้ชัดเจน""เนื้อหาการคุยกันของอ๋องฉยงกับองค์จักรพรรดิทำไมจึงเปิดเผยไม่ได้" พระชายาเยว่ถอนหายใจ"ดังนั้น
"อะไรนะ?!"พระชายาเยว่พอได้ยินประโยคนั้นของชิวอวิ๋น ทิ้งมารยาทอะไรไปเกือบหมดจนแทบกระโจนขึ้นมา"เจ้าอย่ามาพูดมั่วซั่วนะ! ถ้าให้คนอื่นได้ยินข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้!"อันที่จริงนางเองก็ไม่อยากได้ชิวอวิ๋นแล้ว ดูแล้วเหมือนทำเรื่องอะไรก็ไม่สำเร็จ ไร้ประโยชน์สิ้นดีแต่ว่าตอนนี้พอได้ยินชิวอวิ๋นพูดประโยคนี้ออกมา ก็ทำเอานางลืมเรื่องที่จะโยนชิวอวิ๋นทิ้งไปทันที"เป็นเรื่องจริง พระชายา เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ยินเองกับหู ข้าน้อยจะกล้าแต่งขึ้นมาได้อย่างไรกัน?" ชิวอวิ๋นรีบพูด"อ๋องฉยงชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนรึ?""พะย่ะค่ะ ตอนที่ออกมาจากวังราชนิเวศน์ ข้าไปเจอที่หน้าประตูใหญ่"พระชายาเยว่คิดถึงใบหน้า รูปร่างของฟู่จาวหนิง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อ"ได้ยินว่าอ๋องฉยงเป็นพวกชื่นชอบสาวงาม ไม่เช่นนั้นพระชายาอ๋องฉยงคงไม่คุมเขาไว้อย่างเข้มงวด ราวกับอยู่ในคุกแน่นอน"เพราะพอหย่อนยาน ไม่ทันระวังหน่อย อ๋องฉยงก็อาจจะไปหลับนอนกับสาวสวยคนไหนแล้วก็คอยเลี้ยงไว้ด้านนอกแต่พระชายาอ๋องฉยงเข้มงวดเสียขนาดนั้นแล้ว อ๋องฉยงก็ยังมีอวิ๋นจูกับเฉินฮ่าวปิงลูกนอกสมรสสองคนนี้ได้ที่โตแล้วมีอยู่สองคน แล้วที่ยังไม่โตล่ะ? อธิบายได้ว่าอ๋อง
"ข้าต้องการวัตถุดิบยาเหล่านี้เดิมทีก็จะให้นางส่งไปที่เมืองเจ้อ แล้วนางปฏิเสธเอง เดิมทีนี่เป็นความคิดของข้า! ท่านบอกว่าข้ารับมือไม่ไหว นางเองก็ไม่ใช่ว่าพึ่งพาคนอื่นหรือ ก็แค่เพราะนางแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนที่มีอำนาจ! ท่านให้นางเอาอ๋องเจวี้ยนให้ข้าสิ! ถ้าหากข้าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าเองยังทำได้ดีกว่านางเสียอีก!"ต่งฮ่วนจือถูกเสียงแหลมของนางแผดใส่จนปวดหูไปหมดแล้วเขามองอย่างตกตะลึงไปทางเฉินฮ่าวปิง ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่านางเป็นคนแบบนี้"เจ้าคิดว่าที่ศิษย์น้องหญิงมีความสามารถขนาดนี้ เป็นเพราะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนหรือไรกัน?""แล้วไม่ใช่หรือ? นางก็แค่พึ่งพาอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน ด้านหลังมีต้นไม้ใหญ่ให้พักพิงร่มเย็น! ถ้าหากไม่ใช่อ๋องเจวี้ยน ตอนนั้นที่นางถอนหมั้นกับรัฐทายาทเซียวไปก็คงจะเอาตัวไม่รอดแล้ว ต่อมานางจะได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนหมอจนเข้าพันธมิตรโอสถได้อย่างไรกัน?!"ต่งฮ่วนจือมองนางลึกๆ ส่ายหัวถอนหายใจ"บนโลกนี้ไม่มีรัฐทายาทเซียวอีกแล้ว"ขนาดรัฐทายาทเซียวไม่อยู่แล้ว ก็ยังไม่รู้หรือ?"ช่างเถอะ วันนี้เจ้าเป็นท่านหญิงไปแล้ว ข้าก็แค่ประชาชนธรรมดา ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ขอตัวแค่นี้
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ
เฉินฮ่าวปิงมองต่งฮ่วนจือนางสามารถใช้วัตถุดิบยาของพันธมิตรโอสถทำการกุศลต่อได้ และยังพังแผนการของฟู่จาวหนิงได้อีก ทำให้นางไม่ได้รับวัตถุดิบยาหลังจากเฉินฮ่าวปิงกลับมาพูดเรื่องวันนี้กับฮูหยินเฉิน ฮูหยินเฉินโกรธมากดังนั้นนางจึงคิดวิธีนี้ออกมา รู้สึกว่าพวกนางตอนนี้รับมือฟู่จาวหนิงไม่ไหว แต่ถ้าลงแรงกับต่งฮ่วนจือทางนี้สักหน่อย สร้างความลำบากให้กับฟู่จาวหนิงได้บ้างก็ยังดีมีสิทธิ์อะไรที่จะยอมให้ฟู่จาวหนิงทำทุกอย่างได้ราบรื่นขนาดนั้น?ต่งฮ่วนจือถ้าหากขัดฟู่จาวหนิงได้ ไม่ใช่แค่ฟู่จาวหนิงจะไม่ชอบใจ แต่ผู้อาวุโสจี้ก็จะโกรธด้วย ถ้าผู้อาวุโสจี้โกรธ ฟู่จาวหนิงก็จะอารมณ์ไม่ดีดังนั้น ขอแค่กล่อมต่งฮ่วนจือ ก็จะทำได้ฟู่จาวหนิงอึดอัดได้ ดีจะตาย?ดังนั้น จึงได้เห็นเฉินฮ่าวปิงที่มาแสดงความอ่อนแอออดอ้อนต่งฮ่วนจือในตอนนี้นางรู้สึกว่า ความรักทีต่งฮ่วนจือมีให้นาง เรื่องนี้ไม่ใช่จะทำไม่สำเร็จแต่ตอนได้ยินคำพูดของนาง ต่งฮ่วนจือก็งงงันไปครู่หนึ่ง"ลุงต่ง..." เฉินฮ่าวปิงดึงแขนเสื้อของเขา "ได้ไหม?"ต่งฮ่วนจือดึงแขนเสื้อในมือนางกลับมา"เรื่องนี้ไม่ได้""ทำไมล่ะ?""อันดับแรก วัตถุดิบยาที่เจ้าคิดจะเอาไ
หลายปีก่อนที่เขาช่วยพวกนางแม่ลูกไว้ เฉินฮ่าวปิงยังเป็นเด็กสาวร่างผ่อนอ่อนแอ หลายปีนี้ยังถือว่าเขาเลี้ยงดูมาจนโต เขาแทบจะมองเฉินฮ่าวปิงเป็นลูกสาวตนเองไปแล้วแม้ตอนนี้นางเจอกับพ่อแท้ๆ แล้ว แต่พ่อแท้ๆ คนนั้นก็ไม่ใช่จะได้เรื่องกระมัง ต่งฮ่วนจือยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่เขาคิดคิด ยังคิดจะไปบ้านเล็กในซอยนั่นเพื่อหาเฉินฮ่าวปิงหลายวันนี้เฉินฮ่าวปิงก็ไม่ยอมพบเขา ทุกครั้งที่เขามา คนใช้ก็จะบอกว่าท่านหญิงไม่อยู่วันนี้เขามา แต่เฉินฮ่าวปิงกลับอยู่ และยังยอมพบเขาด้วยพอเข้ามาในบ้าน มาถึงเรือนหน้า ฮูหยินเฉินก็อยู่ด้วยแม่ลูกหันมามองนางพร้อมกัน สายตาของคนทั้งคู่ล้วนแดงก่ำ ดูแล้วน่าสงสารมาก เฉินฮ่าวปิงพอเห็นเขาก็ร้องไห้โฮออกมา"ลุงต่ง!"นางพุ่งเข้ามาหาต่งฮ่วนจือ สองมือดึงแขนเสื้อเขา ร้องไห้ตัวโยน "ท่านมาได้เสียที!"ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาตั้งหลายครั้ง ก็ไม่ยอมออกมาเจอ ไม่ได้ว่าเขาไม่เคยมาเสียหน่อยแต่ต่งฮ่วนจือก็ไม่ได้พูดออกมา มองสภาพเฉินฮ่าวปิงแล้วเขาก็ยังคงปวดใจอยู่"ทำไมหรือ? เกิดอะไรขึ้น? อ๋อง อ๋องฉยงไม่ได้ช่วยเจ้าหรือ?"พอพูดถึงอ๋องฉยง เฉินฮ่าวปิงก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาเพราะวันนี้อ๋อง
ก่อนค่ำวันเดียวกันฟู่จาวหนิงให้สืออีไปเก็บตั๋วเงินพวกนี้มาแล้วกระทั่งองค์หญิงเจ็ดก็ยังไม่กล้าที่จะไม่ให้หลังจากให้สามพันตำลึงมาแล้ว คนเหล่านี้ก็ล้วนรู้สึกเหมือนเสียปราณชี่ขนานใหญ่ไป ไม่มีทั้งหน้าไม่มีทั้งเงิน แล้วยังหวาดผวา ไม่รู้หลังจากนี้จะมีเรื่องอะไรอีกถ้าเผื่อพระชายาอ๋องเจวี้ยนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนมาหาเรื่องบ้านพวกเขาอีกจะทำอย่างไร?โดยเฉพาะคุณหนูสี่หลิน หลังจากกลับมาก็ได้ยินพี่สาวคนโตกับคนรองพูดถึงเฉินฮ่าวปิง จึงได้รู้ว่าพวกนางเดิมทีก็ดูถูกท่านหญิงปิงอวี้อยู่แล้วพ่อของนางกับพี่สาวนางเองก็กำลังเดาว่าอ๋องฉยงทำไมจึงยังอยู่ในเมืองหลวง ยังพูดอีกว่า ไม่ว่าจะเพราะเรื่องอะไร การที่องค์จักรพรรดิให้อ๋องฉยงอยู่ในเมืองต่อโดยไม่สนกฏ ต้องไม่ใช่เรื่องดี พวกเขากำลังพูดว่า หลังจากนี้จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่อ๋องฉยงอาจจะก่อความวุ่นวายอะไรขึ้น ไม่ต้องพูดถึงลูกสาวบ้านน้อยของเขาคนนั้นเลย?ในคำพูด คืออ๋องฉยงทำเรื่องไม่ถูกต้อง ลูกสาวบ้านน้อย ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรดีดีเลย แต่ดันไปขอยศท่านหญิงมาองค์จักรพรรดิก็ยังรับปากอีก ดูจะเลอะเลือนหน่อยๆแน่นอน พวกเขาแอบคุยเรื่องน
เซียวหลันยวนพูดพลางหัวเราะเสียงต่ำฟู่จาวหนิงเองก็ตกตะลึงไป "ผู้ตรวจการอันไปคุกคามองค์จักรพรรดิหรือ?"ถ้าหากผู้ประสบภัยทะลักเข้าเมืองหลวง เมืองหลวงก็จะวุ่นวาย องค์จักรพรรดิไม่อยากจะสนใจก็คงต้องสนใจแล้วแค่โรคระบาด องค์จักรพรรดิก็ยังกลัวจนไม่ประชุมเช้า ไม่ต้องพูดเรื่องผู้ประสบภัยนับหมื่นเลย? เขาได้ตกใจจนตายกันพอดี"ก็จริงนั่นล่ะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดด้านในที่นำไปปฏิบัติได้ก็มีเยอะมาก""แล้วองค์จักรพรรดิให้เงินบรรเทาภัยมาเท่าไร?""หนึ่งหมื่นตำลึง""ขี้เหนียว" ฟู่จาวหนิงเบ้ปากนางเองก็ยอมแล้ว ผู้ประสบภัยนับหมื่น แต่ให้เงินบรรเทาภัยมาหมื่นตำลึง? นางเค้นจากตัวพวกองค์หญิงเจ็ดยังได้มาตั้งสามหมื่นตำลึง"คลังหลวงว่างเปล่าแล้วจริงๆ""เอาเถะ พวกเราเองก็ลองไปเตรียมตัวดูก่อน ถ้าเงินไม่พอจริง ค่อยให้ผู้ตรวจการชิงกลับไปปล้นองค์จักรพรรดิอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นถ้ายังไม่เห็นสถานการณ์เมืองเจ้อกับตา ใต้เท้าอันหากคิดจะปล้นก็ปล้นลำบาก"อันเหนียนบอกว่าสามวันนั้นรีบไปหน่อย ขอเลื่อนไปวันหนึ่ง ข้าส่งคนไปดูลาดเลาก่อน ตอนพวกเจ้าไปถึงจะมีคนรอรับอยู่"เอาของไปด้วยตั้งมากมาย ตอนไปถึงต้อง