ฟู่จาวหนิงเดินมาข้างโต๊ะ เทน้ำใส่แก้วแล้วดื่มพอเห็นเขายังไม่ปลดหมวกลง นางก็เลิกคิ้วเล็กน้อย "ใส่แล้วสบายหรือ?""อื๋อ?" เซียวหลันยวนหลังจากมีปฏิกิริยาก็แข็งทื่อไปเล็กน้อย แต่ก็ยังยื่นมือปลดหมวกลงมาเขาเดิมทีคิดว่าถ้าไม่ปลดลงมาล่ะก็ เขายังมองนางได้ ประจันหน้ากับนางตรงๆ ได้หลังจากปลดลงมาเขาก็เอียงหน้าออกเล็กน้อย"ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว คนที่มาครั้งนี้ไม่ได้ลงมือสังหารทันทีหรือ?""อืม ดูเหมือนคิดจะมาจับตัวข้า""เจ้าใช้อาวุธลับที่ทำขึ้นใหม่ด้วย?" เซียวหลันยวนถามดูท่าเขาเมื่อครู่จะได้ยินบทสนทนาระหว่างนางกับลู่ทงเข้าแล้ว"ลูกกลอนพิษน่ะ ด้านในมีส่วนประกอบบางอย่าง หลังจากที่โดนแรงกระแทกภายนอกจะเกิดปฏิกิริยาแล้วระเบิดเบาๆ แล้วด้านในก็ซ่อนของเหลวพิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อนบางส่วนไว้ หลังจากระเบิดกระเด็นไปโดนคนก็จะกัดกร่อนจนเกิดแผลอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดยังรุนแรงยิ่งกว่าถูกไฟลวกเสียอีก"ฟู่จาวหนิงอธิบายคำหนึ่งเซียวหลันยวนตาเป็นประกายเล็กน้อย เขาอดมองไปทางฟู่จาวหนิงไม่ได้ตอนที่นางมองมาก็เอียงหน้าออกอีก"ลูกกลอนพิษนี้เสียเวลาทำมากไหม?""ขอแค่มีวัสดุพอก็ได้แล้ว แต่ว่า วิธีทำค่อนข้างพิถีพ
"คือสถานที่ขั้วอำนาจนอกวังที่พระสัสสุระดูแลแทนฮองเฮา องครักษ์ลับเหล่านี้น่าจะมาจากหมู่บ้านกุยเซี่ยว"หลังจากเซียวหลันยวนพูดออกมาฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึง "สถานที่สำคัญเช่นนั้น แต่พระสัสสุระกับฮองเฮาไม่อำพรางไว้ให้ดีหรือ?""แน่นอนว่าอำพรางไว้แล้ว"เซียวหลันยวนยิ้มๆ สายตากลับเย็นชาลงมา"แต่ข้าตรวจสอบพบนานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่ให้คนเข้าไปทำอะไรก็เท่านั้น"ด้านนอก ชิงอียื่นหัวเข้ามา "ท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้ท่านไม่ใช่เอาแต่พูดว่า ถ้าไปทำอะไรหมู่บ้านกุยเซี่ยว จะกลายเป็นเคลื่อนไหวมากเกินไป แล้วจะบีบให้ฮองเฮากับพระสัสสุระทำอะไรเกินเหตุไปไม่ใช่หรือ?"ฮองเฮากับพระสัสสุระน่าจะมีความมั่นใจมาก คิดว่าไม่มีใครล่วงรู้ถึงตัวตนของหมู่บ้านกุยเซี่ยว ขนาดองค์จักรพรรดิก็ยังงมโข่งไม่รู้เรื่องพวกเขาซ่อนไว้ได้ลับพรางมากเพื่อสิ่งนี้ พระสัสสุระถึงกับยอมแกล้งทำเป็นคนกลัวภรรยาคนหนึ่งต่อโลกภายนอกมานานหลายปี ทำภาพลักษณ์เป็นผู้ชายไร้ค่ากลัวเมีย และยังแก้นิสัยบ้ากามตัณหากลับเวลาอยู่ภายนอกไม่ได้ ชอบพาพวกคนสวยหน้าตาดีดีกลับมาที่หมู่บ้านกุยเซี่ยวถ้าหากถูกคนตรวจพบ มันก็เป็นแค่สีพรางตัวของหมู่บ้านเซี่ยวกุย...เป็นแค
หลังจากนี้นาง่จะไม่คิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว!ลู่ทงพวกเขาเองก็ย้ายเข้ามาเรียบร้อยเดิมทีคิดจะให้ขึ้นมากินข้าวด้วยกันกับฟู่จาวหนิง แต่ระหว่างทางก็ถูกองครักษ์จวนอ๋องขวางไว้"ท่านอ๋องให้พวกเจ้าไปกินข้าวกับเขา"ลู่ทงกับเจิ้งหยางสบตากันกินข้าวกับอ๋องเจวี้ยน? พวกเขาจะกินกันลงไหม?แต่พวกเขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ ก็เลยตามไปในห้องเซียวหลันยวน คิดๆ แล้วก็รู้สึกแปลกหน่อยๆ"อ๋องเจวี้ยนไม่ใช่ว่าต้องไปกินข้าวเย็นกับลูกพี่หนิงของพวกเราหรือ" ลู่ทงถามออกมาตรงๆเขาเองก็รู้สึกแปลกหน่อยๆทำไมสามีภรรยาถึงแยกห้องกันกินล่ะ?ยิ่งไปกว่นั้นยังนั่งอยู่ในห้องด้วย แล้วทำไมอ๋องเจวี้ยนยังสวมหมวกดำอยู่ด้วยล่ะ? พวกเขามองไม่เห็นหน้าของเขาเลยแต่ก็รู้สึกเหมือสายตาของอ๋องเจวี้ยนกลายเป็นวัตถุจริงๆ จับจ้องมาบนตัวพวกเขา ทำให้พวกเขานั่งกันไม่เป็นสุขบนโต๊ะมีกับข้าววางไว้แล้ว ดูแล้วครบรสกลิ่นสีเลยทีเดียว"พวกเจ้า ลูกพี่หนิงหรือ?"เซียวหลันยวนทวนคำเรียกนี้ขึ้นมาอีกครั้งลูกพี่หนิงก็คือลูกพี่หนิง แล้วยังมี "ของพวกเจ้า" ด้วย?ฟู่จาวหนิงเป็นของพวกเจ้าหรือ?ลู่ทงกับเจิ้งหยางรู้สึกเหมือนมีมีดมาจอคอในพริบตา ความรู้สึกนั้นเ
หลังจากลู่ทงกับเจิ้งหยางออกไปได้ไม่เท่าไร ก็มีองครักษ์ลับกลับเข้ามารายงานเซียวหลันยวน"ท่านอ๋อง ตรวจสอบพบมาเรื่องหนึ่ง""ว่ามา""ตระกูลลู่กับตระกูลเจียในอดีตเคยช่วยเหลือคุณชายใหญ่ตระกูลฟู่ไว้ หรือก็คือตอนที่เขาจะพาฟู่หลินซื่อหนีออกไป""อื๋อ?" เซียวหลันยวนพอได้ยินข่าวนี้ก็ประหลาดใจขึ้นมาเขาอันที่จริงตอนที่ลงมาจากเขาเมฆอรุณก่อนหน้านี้ก็ให้คนไปตรวจสอบตระกูลลู่กับตระกูลเจิ้งแล้ว แต่เพราะภายหลังเรื่องเยอะเกินไป เรื่องนี้จึงวางไว้ข้างๆ ไม่ได้ไปถามไถ่ต่อชั่วคราวตอนนี้จึงสั่งให้ตรวจสอบอย่างละเอียดจากเบาะแสที่ตรวจเจอขึ้นอีกครั้ง แล้วก็ได้ผลลัพธ์มาเช่นนี้"ไปช่วยไว้อย่างไรกัน?""ตระกูลลู่กับตระกูลเจิ้งอันที่จริงก็เข้าช่วยเหลืออย่างไม่ตั้งใจ พวกเขาเองอาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้ ในอดีตไม่กี่วันนั้น ทั้งสองตระกูลนัดกันออกไปเที่ยวที่เจียงหนาน ทั้งสองตระกูลออกจากเมืองหลวงพร้อมกัน ผ่านเมืองชิงเหยา ต่อมาก็จ้างเรือใหญ่ด้วยกัน"องครักษ์ลับเอ่ยต่อ "ที่พวกเราตรวจสอบพบ ในตอนนั้นคุณชายใหญ่ฟู่กับฟู่หลินซือออกจากเมืองหลวง คิดว่าน่าจะติดขบวนรถม้าของตระกูลผู้ดีไหนสักตระกูล แฝงตัวแล้วออกไป ตอนนี้พอเอาเบาะแ
ในเมื่อคิดจะเอาของเหล่านี้ เช่นนั้นก็คือ ตัวตนฐานะก็ต้องมีความเป็นไปได้ที่จะช่วงชิงตำแหน่งจักรพรรดิอยู่บ้างองค์รัชทายาท องค์ชายอีกหลายคน ไม่แน่ว่ายังมีเสด็จอาสองคนนั้นอีกด้วย ในอดีดเสียตำแหน่งจักรพรรดิให้กับไท่ซ่างหวงไปจึงผูกใจเจ็บมาตลอดในอดีตอนที่ไท่ซ่างหวงยังอยู่ พวกเขาต่อให้จะไม่ยินยอมแต่ก็รู้ว่าแย่งมาไม่ได้ ตอนนี้พอเห็นว่าองค์จักรพรรดิโง่เง่าถึงเพียงนี้ ก็ไม่แน่ว่าจิตใจทะเยอทะยานอาจจะจุดติดขึ้นมาอีก รู้สึกว่าตนเองอาจจะมีโอกาสขึ้นมานี่ก็เป็นไปได้แต่ในที่สุดก็เป็นคนเหล่านี้ วงแคบๆ ตรวจสอบไม่ยาก"ท่านอ๋อง" ชิงอีเองก็ไม่ได้ดื้อแพ่งต่อเรื่องนี้ แต่กลับคิดไปถึงอีกจุดหนึ่ง "คิดไม่ถึงเลย ว่าพระชายากับลู่เจิ้งสองตระกูลจะยังมีที่มาในจุดนี้ด้วย" ถ้าพระชายารู้ว่าตอนนั้นสองตระกูลนี้ช่วยเหลือพ่อแม่นางหนีออกจากเมืองหลวงไว้พอดี เช่นนั้นจะไม่มองตระกูลลู่เจิ้งเป็นผู้มีพระคุณหรือ?จะว่าไป พระชายาก็ดีกับลู่ทงเจิ้งหยางขนาดนี้ ถ้ารู้เรื่องนี้ขึ้นมา หลังจากนี้จะยิ่งดีกับพวกเขามากขึ้นไหมนะ?เซียวหลันยวนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาหน่อยๆ ทันที"เรื่องนี้ยังไม่ต้องบอกนาง""แต่จะบอกกับสองตระกูลลู่เจิ้งไ
ฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดว่าลู่ทงกับเจิ้งหยางจะหานางแต่ต่อมาพวกนางได้ยินว่าพวกเขาถูกพาไปหาเซียวหลันยวนทางนั้น จากนั้นก็ลงไปแล้วนางเองก็ปิดประตูเข้าไปในห้องเภสัช ทำลูกกลอนพิษต่ออีกหน่อยวันนี้พอพบว่าใช้งานได้ดี ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้ไปต่อหน้าคนตั้งมากมาย เช่นนั้นก็ทำให้มากขึ้นหน่อย ตอนที่ต้องใช้ก็ใช้แต่เจ้าสิ่งนี้อาวุธลับอื่นเก็บเอาไว้ก่อน หลังจากนี้ก็สามารถสังหารศัตรูให้ร่วงเป็นใบไม้โดยที่ไม่ทันตั้งตัวได้ตลอดเวลาแล้วตอนที่พวกเขาจะป้องกันยาลูกกลอนพิษ นางค่อยหยิบอย่างอื่นออกมา และทำให้พวกเขากรีดร้องโหยหวนกันเหมือนเดิมก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของนางภายนอก นอกจากวิชาแพทย์แล้ว ยังมีของเล่นที่ทำให้คนป้องกันไม่ได้พวกนี้อีกไม่เช่นนั้นนางที่เคยถูกพาไปยังประเทศที่มีสงครามวุ่นวาย ถูกพาไปยังทะเลทรายป่าลึก เจอกับพวกที่น่ากลัวพวกนั้นแล้วจะหนีรอดมาได้อย่างไร?ฟู่จาวหนิงรู้มาตลอด ตนเองมีฝีมือเอาไว้ก่อนดีกว่าที่จะคอยพึ่งคนอื่นต่อให้ด้วยตัวตนฐานะของนางจะได้รับการปกป้องอย่างสุดกำลังจากประเทศต่างๆ แล้ว แต่นางก็ยังจะยกระดับฝีมือของตนเองขึ้นมาอีกต่อมานางก็ค้นคว้าสิ่งของเหล่านี้และช่วยองค์กรของประเทศไปไ
เขาไม่รู้จริงๆว่าฟู่จาวหนิงเดิมทีจะมีทักษะเช่นนี้ด้วย นางเลียนเสียงของเขาออกมาได้นี่มันช่างน่า...น่าตกตะลึงเสียเหลือเกิน!ฟู่จาวหนิงผายสองมือ กลับมาเป็นเสียงตนเอง "เสียงที่คุ้นเคยทำได้อยู่ แต่พูดได้แค่ไม่กี่คำ ประโยคสองประโยคยังพอไหว แต่ถ้ามากเกินไปจะมีพิรุธเอา"นางในอดีตเคยช่วยชีวิตสายสืบที่เจ็บหนักไว้คนหนึ่ง เรียนรู้จากเขามาเล็กน้อยอีกฝ่ายยังเคยบอกว่านางมีพรสวรรค์ แต่ว่านางเองก็ไม่ได้เรียนมาเยอะมาก ตอนนั้นคิดแค่ว่ามีโอกาสเรียนได้เท่าไรก็เท่านั้น ไม่แน่ว่าตอนไหนอาจจะได้นำออกมาใช้แต่คนที่ไม่คุ้นเคยนางก็ยังเลียนแบบออกมาได้ยาก หลักๆ คือเซียวหลันยวนนั้นคุ้นเคยดีแล้วยิ่งไปกว่านั้นจุดเด่นเสียงของเซียวหลันยวนยังชัดเจนมากแต่แค่นี้ ประโยคสองประโยค ก็ทำให้เซียวหลันยวนตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าทำให้ข้าเกินคาดมากจริงๆ"เขาเดิมทีอยากจะบอกว่าน่าทึ่งมากนางประเดี๋ยวก็มีเรื่องอะไรทำให้เขาต้องทึ่งอยู่เรื่อย โยนหินลงไปในทะเลสาบจิตใจเขา กระตุ้นระลอกคลื่นขึ้นมาเป็นวงๆหญิงสาวเช่นนี้ คงจะทำให้ผุ้ชายไม่ชอบได้ยากกระมัง?ซือถูไป๋คนนั้นเองก็ชอบนางมากนี่นะ?แล้วหลังจากนี้ถ้านางไม่ใช่พระชายาอ๋องเจว
เซียวหลันยวนยังไม่กล้าขยับ มองนางอยู่เงียบๆฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเซียวหลันยวนอยู่ข้างๆ แล้วปลอดภัยมากจริงๆตลอดการเดินทางนี้ยังไม่เคยผ่อนคลายจนได้นอนหลับดีดีเลย ถึงอย่างไรพวกเขาก่อนหน้านี้ก็ผ่านความเป็นความตายกันมาแล้ว เซียวหลันยวนเท้าข้างหนึ่งเหยียบไปยมโลกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงวิตกกังวลอยู่ตลอดกว่าจะมาถึงเมืองชิงเหยานี้ได้ อาการบาดเจ็บเขาก็ใกล้จะดีแล้ว นางเองก็ผ่อนคลายลงไปไม่น้อยนอนหลับครั้งนี้จึงหลับลึกมากนางเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องความน่ารำคาญในการเดินทางของเขาครั้งนี้ ถึงอย่างไรก็ยังมองออกว่าถึงเขาจะดูน่ารำคาญ แต่ก็ยังเป็นห่วงนางยังกังวลนางอยู่เซียวหลันยวนได้ยินลมหายใจของนางสม่ำเสมอ ก็รู้ว่านางหลับปุ๋ยไปแล้วเขาอดเขยิบเข้าไปใกล้นางหน่อยไม่ได้ ดึงผ้าห่มคลุมตัวนางเบาๆ ชิดเข้าไป จุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากนาง จากนั้นจึงกุมมือนางในผ้าห่ม"หลับฝันดี หนิงหนิง"เขาเองก็หลับตาลงกลางดึก ด้านนอกมีเสียงดาบกระบี่ลอดเข้ามารางๆเซียวหลันยวนลืมตาโพลง"มีมือสังหารหรือ?" ข้างๆ เสียงงัวเงียๆ ของฟู่จาวหนิงดังขึ้น ตอนที่นางพูดยังเอาหัวพิงมาทางหน้าอกเขาอยู่เลยเซียวหลันยวนเดิมทีเตรียมจะลุกออกไปแล้