ในเมื่อคิดจะเอาของเหล่านี้ เช่นนั้นก็คือ ตัวตนฐานะก็ต้องมีความเป็นไปได้ที่จะช่วงชิงตำแหน่งจักรพรรดิอยู่บ้างองค์รัชทายาท องค์ชายอีกหลายคน ไม่แน่ว่ายังมีเสด็จอาสองคนนั้นอีกด้วย ในอดีดเสียตำแหน่งจักรพรรดิให้กับไท่ซ่างหวงไปจึงผูกใจเจ็บมาตลอดในอดีตอนที่ไท่ซ่างหวงยังอยู่ พวกเขาต่อให้จะไม่ยินยอมแต่ก็รู้ว่าแย่งมาไม่ได้ ตอนนี้พอเห็นว่าองค์จักรพรรดิโง่เง่าถึงเพียงนี้ ก็ไม่แน่ว่าจิตใจทะเยอทะยานอาจจะจุดติดขึ้นมาอีก รู้สึกว่าตนเองอาจจะมีโอกาสขึ้นมานี่ก็เป็นไปได้แต่ในที่สุดก็เป็นคนเหล่านี้ วงแคบๆ ตรวจสอบไม่ยาก"ท่านอ๋อง" ชิงอีเองก็ไม่ได้ดื้อแพ่งต่อเรื่องนี้ แต่กลับคิดไปถึงอีกจุดหนึ่ง "คิดไม่ถึงเลย ว่าพระชายากับลู่เจิ้งสองตระกูลจะยังมีที่มาในจุดนี้ด้วย" ถ้าพระชายารู้ว่าตอนนั้นสองตระกูลนี้ช่วยเหลือพ่อแม่นางหนีออกจากเมืองหลวงไว้พอดี เช่นนั้นจะไม่มองตระกูลลู่เจิ้งเป็นผู้มีพระคุณหรือ?จะว่าไป พระชายาก็ดีกับลู่ทงเจิ้งหยางขนาดนี้ ถ้ารู้เรื่องนี้ขึ้นมา หลังจากนี้จะยิ่งดีกับพวกเขามากขึ้นไหมนะ?เซียวหลันยวนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาหน่อยๆ ทันที"เรื่องนี้ยังไม่ต้องบอกนาง""แต่จะบอกกับสองตระกูลลู่เจิ้งไ
ฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดว่าลู่ทงกับเจิ้งหยางจะหานางแต่ต่อมาพวกนางได้ยินว่าพวกเขาถูกพาไปหาเซียวหลันยวนทางนั้น จากนั้นก็ลงไปแล้วนางเองก็ปิดประตูเข้าไปในห้องเภสัช ทำลูกกลอนพิษต่ออีกหน่อยวันนี้พอพบว่าใช้งานได้ดี ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้ไปต่อหน้าคนตั้งมากมาย เช่นนั้นก็ทำให้มากขึ้นหน่อย ตอนที่ต้องใช้ก็ใช้แต่เจ้าสิ่งนี้อาวุธลับอื่นเก็บเอาไว้ก่อน หลังจากนี้ก็สามารถสังหารศัตรูให้ร่วงเป็นใบไม้โดยที่ไม่ทันตั้งตัวได้ตลอดเวลาแล้วตอนที่พวกเขาจะป้องกันยาลูกกลอนพิษ นางค่อยหยิบอย่างอื่นออกมา และทำให้พวกเขากรีดร้องโหยหวนกันเหมือนเดิมก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของนางภายนอก นอกจากวิชาแพทย์แล้ว ยังมีของเล่นที่ทำให้คนป้องกันไม่ได้พวกนี้อีกไม่เช่นนั้นนางที่เคยถูกพาไปยังประเทศที่มีสงครามวุ่นวาย ถูกพาไปยังทะเลทรายป่าลึก เจอกับพวกที่น่ากลัวพวกนั้นแล้วจะหนีรอดมาได้อย่างไร?ฟู่จาวหนิงรู้มาตลอด ตนเองมีฝีมือเอาไว้ก่อนดีกว่าที่จะคอยพึ่งคนอื่นต่อให้ด้วยตัวตนฐานะของนางจะได้รับการปกป้องอย่างสุดกำลังจากประเทศต่างๆ แล้ว แต่นางก็ยังจะยกระดับฝีมือของตนเองขึ้นมาอีกต่อมานางก็ค้นคว้าสิ่งของเหล่านี้และช่วยองค์กรของประเทศไปไ
เขาไม่รู้จริงๆว่าฟู่จาวหนิงเดิมทีจะมีทักษะเช่นนี้ด้วย นางเลียนเสียงของเขาออกมาได้นี่มันช่างน่า...น่าตกตะลึงเสียเหลือเกิน!ฟู่จาวหนิงผายสองมือ กลับมาเป็นเสียงตนเอง "เสียงที่คุ้นเคยทำได้อยู่ แต่พูดได้แค่ไม่กี่คำ ประโยคสองประโยคยังพอไหว แต่ถ้ามากเกินไปจะมีพิรุธเอา"นางในอดีตเคยช่วยชีวิตสายสืบที่เจ็บหนักไว้คนหนึ่ง เรียนรู้จากเขามาเล็กน้อยอีกฝ่ายยังเคยบอกว่านางมีพรสวรรค์ แต่ว่านางเองก็ไม่ได้เรียนมาเยอะมาก ตอนนั้นคิดแค่ว่ามีโอกาสเรียนได้เท่าไรก็เท่านั้น ไม่แน่ว่าตอนไหนอาจจะได้นำออกมาใช้แต่คนที่ไม่คุ้นเคยนางก็ยังเลียนแบบออกมาได้ยาก หลักๆ คือเซียวหลันยวนนั้นคุ้นเคยดีแล้วยิ่งไปกว่านั้นจุดเด่นเสียงของเซียวหลันยวนยังชัดเจนมากแต่แค่นี้ ประโยคสองประโยค ก็ทำให้เซียวหลันยวนตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าทำให้ข้าเกินคาดมากจริงๆ"เขาเดิมทีอยากจะบอกว่าน่าทึ่งมากนางประเดี๋ยวก็มีเรื่องอะไรทำให้เขาต้องทึ่งอยู่เรื่อย โยนหินลงไปในทะเลสาบจิตใจเขา กระตุ้นระลอกคลื่นขึ้นมาเป็นวงๆหญิงสาวเช่นนี้ คงจะทำให้ผุ้ชายไม่ชอบได้ยากกระมัง?ซือถูไป๋คนนั้นเองก็ชอบนางมากนี่นะ?แล้วหลังจากนี้ถ้านางไม่ใช่พระชายาอ๋องเจว
เซียวหลันยวนยังไม่กล้าขยับ มองนางอยู่เงียบๆฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเซียวหลันยวนอยู่ข้างๆ แล้วปลอดภัยมากจริงๆตลอดการเดินทางนี้ยังไม่เคยผ่อนคลายจนได้นอนหลับดีดีเลย ถึงอย่างไรพวกเขาก่อนหน้านี้ก็ผ่านความเป็นความตายกันมาแล้ว เซียวหลันยวนเท้าข้างหนึ่งเหยียบไปยมโลกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงวิตกกังวลอยู่ตลอดกว่าจะมาถึงเมืองชิงเหยานี้ได้ อาการบาดเจ็บเขาก็ใกล้จะดีแล้ว นางเองก็ผ่อนคลายลงไปไม่น้อยนอนหลับครั้งนี้จึงหลับลึกมากนางเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องความน่ารำคาญในการเดินทางของเขาครั้งนี้ ถึงอย่างไรก็ยังมองออกว่าถึงเขาจะดูน่ารำคาญ แต่ก็ยังเป็นห่วงนางยังกังวลนางอยู่เซียวหลันยวนได้ยินลมหายใจของนางสม่ำเสมอ ก็รู้ว่านางหลับปุ๋ยไปแล้วเขาอดเขยิบเข้าไปใกล้นางหน่อยไม่ได้ ดึงผ้าห่มคลุมตัวนางเบาๆ ชิดเข้าไป จุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากนาง จากนั้นจึงกุมมือนางในผ้าห่ม"หลับฝันดี หนิงหนิง"เขาเองก็หลับตาลงกลางดึก ด้านนอกมีเสียงดาบกระบี่ลอดเข้ามารางๆเซียวหลันยวนลืมตาโพลง"มีมือสังหารหรือ?" ข้างๆ เสียงงัวเงียๆ ของฟู่จาวหนิงดังขึ้น ตอนที่นางพูดยังเอาหัวพิงมาทางหน้าอกเขาอยู่เลยเซียวหลันยวนเดิมทีเตรียมจะลุกออกไปแล้
"อ๋า? รู้แล้วรู้แล้ว ข้าไม่ตะโกนแล้ว" ลู่ทงรีบกดเสียงลงจนเหมือนกับยุงทันทีเขาผิดไปแล้ว จะทำให้ลูกพี่หนิงตื่นขึ้นได้อย่างไร?ด้านนอกมีเสียงดาบกระบี่ ในห้อง เซียวหลันยวนกอดฟู่จาวหนิง มือข้างหนึ่งตบเบาเบาที่หลังของนางเหมือนกับกล่อมเด็กนอน กลัวว่านางจะนอนไม่สนิทเขาได้ยินการเคลื่อนไหวด้านนอก บางทีก็ส่งสื่อเสียงไปให้กับชิงอี"มุมหน้าต่างชั้นสองฝั่งตะวันออกมีคนปีนเข้ามาแล้ว จัดการเสีย"ชิงอีพอได้ยินเสียงของท่านอ๋องก็ยังตกตะลึงไปพักหนึ่ง ไม่หรอกมั๊ง กำลังภายในของท่านอ๋องแข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรือ? ได้ยินทั้งหมดเลย?แต่เขาก็ยังรีบตรงไปจัดการหลังจากถีบคนชุดดำคนนั้นจนตัวลอยไป เขาก็เข้าไปปกป้องโรงเตี๊ยมต่อ จุดไหนต้องไปก็วิ่งไป ถึงอย่างไรคืนนี้ใครก็ห้ามเข้าใกล้ห้องนั้นวันต่อมา ตอนที่ฟู่จาวหนิงตื่นข้างๆ ก็ไม่มีคนแล้วนางสะลึมสะลือหลังจากตั้งตัวได้ก็ยื่นมือมาลูบที่ว่างข้างๆ ยังอุ่นๆ อยู่เช่นนั้นนางก็ไม่ได้ฝัน เมื่อคืนนี้เซียวหลันยวนนอนอยู่ตรงนี้จริงๆ ยิ่งไปกว่นั้นเขายังเพิ่งจะลุกออกไปด้วยเมื่อคืนมีคนเข้ามาหรือ?ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นนั่ง ยืดตัวบิดขี้เกียจฮู่ว เมื่อคืนนี้เป็นการนอนดีที
เซียวหลันยวนเห็นฟู่จาวหนิง ก็ชะงักไปนิดหน่อย แต่ไม่ได้หยุดและเดินตรงขึ้นชั้นบนไปชิงอีกลับเดินเข้ามา"พระชายา พวกเราจะออกเดินทางกันแล้ว""ได้"ฟู่จาวหนิงเหลือบมองแผ่นหลังเซียวหลันยวน ในใจก็จิ๊ขึ้นมาเสียงหนึ่งนางจำได้รางๆ ว่าเมื่อคืนมีคนกระซิบแผ่วเบาอยู่ข้างหู และเหมือนมีตบนางเบาๆ กล่อมหลับด้วย วันนี้พอลุกขึ้นมา ใครบางคนก็เตรียมทำทีห่างเหินอีกแล้วหรือ?ขี้เกียจจะไปสนใจแล้ว"คุณหนู ของที่ซื้อเมื้อวานนี้ใส่ขึ้นรถเรียบร้อย ท่านเก็บของใช้ติดตัวท่านก็พอแล้ว" เฉินซานเอ่ยขึ้น"ได้"ฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็ไม่ได้มีของต้องเก็บมากนักเพียงไม่นานก็ลงมาตอนออกมานางเพิ่งจะเห็นลู่ทงกับเจิ้งหยาง ทั้งสองคนดูเหมือนกลัดกลุ้มอยู่หน่อยๆพวกเขาสองคนจะนั่งในรถม้าคันหนึ่ง รถม้าเป็นของจวนอ๋องเจวี้ยนคิดว่าตอนที่ทั้งสองคนมาคงจะขี่ม้า ไม่มีรถ"พวกเจ้าทำอะไรน่ะ?" ฟู่จาวหนิงเห็นลู่ทงเหมือนปีนขึ้นรถม้าไม่ไหว มือไม้อ่อนแรงจนแปลกประหลาด"ลูกพี่หนิง" ลู่ทงพอเห็นนางเข้ามา ก็ทำหน้าน่าสงสารเหมือนจะร้องไห้ "มียาอะไรที่ทำให้ข้ามีกำลังเหมือนมังกรเหมือนพยัคฆ์ไหม? เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ตอนนี้ทั้งตัวไม่มีแรงเลย"
ฟู่จาวหนิงมองเขา ดูประหลาดใจหน่อยๆ "อ๋องเจวี้ยนที่สูงส่งทำไมจึงยอมมานั่งรถม้าร่วมกับข้าแล้วกัน?"เซียวหลันยวนฟังการประชดประชันนี้ไม่ออกเสียที่ไหน"มีเรื่องหนึ่งอยากบอกกับเจ้า" เขาเดิมทียังมีอีกครึ่งประโยค อยากบอกว่าเมื่อคืนนี้ยังพูดไม่ทันจบเจ้าก็หลับไปเสียแล้ว แต่รู้สึกว่าถ้าเอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนนางจะรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปเดิมทีก็คิดจะเลี่ยงการเอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนอยู่แล้วเมื่อคืนนี้ถือว่าเขาวิ่งไปห้องนางเพื่อขอนอนด้วย พูดขึ้นมาแล้วก็รู้สึกตนเองไร้ยางอายอยู่เหมือนกัน หนังหน้าก็ดูจะหนาเกินไปหน่อย"ท่านว่ามาเถิด"ฟู่จาวหนิงได้ยินน้ำเสียงเขาก้เลยต้องตั้งใจฟังขึ้นมา รู้สึกว่าเขากำลังจะพูดเรื่องเป็นทางการ"เรื่องเกี่ยวกับตระกูลลู่และตระกูลเจิ้ง""นี่ท่านไปตรวจสอบว่าใครคิดจะสังหารลู่ทงเจิ้งหยางให้กับพวกเขาหรือ?""เจ้าอาจจะไม่รู้ ว่าตระกูลของพวกเขาทั้งสองคนเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของเจ้าด้วย"เซียวหลันยวนเล่าเรื่องที่ตรวจสอบมาได้ให้นางฟัง"ดังนั้น ที่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินสามารถออกจากเมืองหลวงได้อย่างราบรื่น หลบเลี่ยงการไล่จับของคนในที่ว่าการได้ ก็เพราะสองตระกูลของพวกเขาช่วยเหลือเ
ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ครั้งนี้กังวลขึ้นมาหน่อยๆ แล้วจริงๆ"แล้วท่านไม่กลัวว่า พวกเขาเป็นไปได้ว่าจะถูกหลอกให้เข้าลัทธิเทพทำลายล้าง? ถ้าหากพวกเขาเป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้า ที่มู่เหรินหลีพูดมา ที่บอกว่าลัทธิเทพทำลายล้างวางยาพิษ ประโยคนี้ก็ถือว่าพูดไม่ผิด"เขานวดหน้าผาก พอคิดถึงสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินอาจจะเป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้าง ก็รุ้สึกว่าสมองจู่ๆ ก็ปวดขึ้นมานางตอนนี้เองก็รังเกียจลัทธิเทพทำลายล้าง เจอกับพวกสาวกลัทธิเทพทำลายล้างไปหลายคน แล้วพวกเขาก็ยังวางยาพิษที่ทั้งมากทั้งโหดร้ายกับจงเจี้ยนอีก ล้วนทำให้นางรู้สึกว่ากลุ่มสำนักนี้ทำให้คนรังเกียจเสียเหลือเกินถ้าหากพ่อแม่นางเป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้าง แค่คิดก็รู้สึกเป็นเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจเอามากๆ แล้ว"ข้าไม่ใช่ว่าเคยวิเคราะห์กับเจ้าแล้วหรือไร?""วิเคราะห์อะไรหรือ?""พ่อของเจ้า ไม่ใช่คนโง่พรรค์นั้น ไม่ใช่คนที่จะถูกคนอื่นหลอกล่อได้ง่ายๆ สำหรับเขาแล้ว ตอนนั้นที่เข้าร่วมกับลัทธิเทพทำลายล้างอะไรนั่นก็ยังไม่เท่ากับการเข้าร่วมราชสำนักเป็นข้าราชการเลย ตอนนั้นพวกเขาคุณความดีที่ปกป้ององค์จักรพรรดิ บวกกับความสามารถที่ยอดเยี่ยมเกินใครของเข
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ