"ท่านพูดได้ถูกแล้ว"ฟู่จาวหนิงนำไหมใจโลหิตนั่นส่งให้เขา "นี่ คืนหนี้""ตามข้อตกลงเดิม เจ้าเก็บไว้ก่อน" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่ต้องคิดฟู่จาวหนิงเองก็เหมือนจะไม่ค่อยอึดอัดแล้ว จัดการเก็บของลงมา ราวกับว่าตอนนี้นางเก็บของแทนเขาจนกลายเป็นความเคยชินไปแล้วไหมใจโลหิตอยู่ในมือ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่าในใจผ่อนคลายลงอย่างมากเลยจริงๆ ไม่เช่นนั้นนางคงได้เกิดความรู้สึกที่ว่าติดค้างหนี้ที่ใช้ไม่หมดแน่ๆถึงอย่างไรก่อนหน้านี้นางก็เอาไหมใจโลหิตไปให้จงเจี้ยนใช้เสียแล้ว"นางเองก็เป็นคนจากเผ่าโม๋ลั่วอะไรนั่นหรือ?" ฮู่โม่กับฮู่จิ้งตอนนี้ก็มีปฏิกิริยากลับมาแล้วเผ่าโม๋ลั่วพวกเขาเคยได้ยินมาแล้ว แต่ว่าพวกเขาเดิมทีก็คิดว่านี่เป็นชนเผ่าที่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใดกับพวกเขา คิดไม่ถึงว่าพวกเขาคนที่เขาเรียกท่านป้ามาตั้งนาน จะเป็นคนจากเผ่าโม๋ลั่ว"น่าจะใช่"ฟู่จาวหนิงพูดกับเซียวหลันยวน "ที่เหลือพวกเจ้าไปไต่สวนกันเถอะ นางไม่ใช่ว่าเกี่ยวข้องกับไห่ฉางจวิ้นหรอกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นดูแล้วยังไม่ใช่แค่ไห่ฉางจวิ้นด้วย นางในเมื่อมีวิชาดูดวิญญาณจากต่างแดน เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไต่สวนจากด้านนี้แล้วกัน ก่อนหน้านี้นางน่าจะใช้
"ตามไม่ทันหรือ?"หลังจากเซียวหลันยวนพอได้ยินรายงานของเขาก็นิ่งงันไปครู่หนึ่งติดตามฮู่เจียไท่ไปไม่ทันเสียแล้วยิ่งไปกว่านั้นคนที่คุ้มกันอยู่นอกวังจักรพรรรดิก็ยังไม่เห็นเขาเข้าไปในวังด้วย"วิชาตัวเบาของเขาร้ายกาจมาก ยิ่งไปกว่านั้นความระแวดระวังก็สูงมาก"ทหารก้มหน้า ไม่ค่อยกล้าเผชิญหน้ากับเซียวหลันยวนไม่ว่าจะพูดอย่างไร ติดตามคนไม่ทันก็คือพวกเขาบกพร่องในหน้าที่เซียวหลันยวนโบกไม้โบกมือ "ให้คนจับตาดูวังจักรพรรดิไว้ เขาไม่มีทางปล่อยแผนนี้ไปแน่"หลุมที่ขุดไว้ให้ฟู่จาวหนิงใหญ่เสียขนาดนั้น แล้วยังสามารถลากเขาเข้าไปในหลุมได้อีก นี่ถือเป็นแผนที่ดี ฮู่เจียไท่ไม่มีทางปล่อยวางแน่นอน ดังนั้นเขาต้องเข้าวังแน่เพียงแต่ว่าเขาควรจะรู้ว่าในวังมีคนจับจ้องอยู่ ดังนั้นต้องคิดหาวิธีอื่นเข้าวังแน่"ลุงขิงข้ารักท่านป้าคนนี้มาก"ฮู่โม่จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาคำหนึ่ง จากนั้นก็มองไปทางแม่นางเจี๋ยแม่นางเจี๋ยเพิ่งจะถูกปิดตาไปนางพอได้ยินประโยคนี้ ก็โมโหเดือดดาลร้องขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ "ฮู่โม่ เจ้ายังเป็นคนตระกูลฮู่อยู่ไหม? ลุงของเจ้าไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ทำเพื่อตระกูลฮู่ แล้วพวกเจ้าสองคนมากินบนเรือนขี้รดบนหล
เมื่อเป็นเช่นนี้ สาวกลัทธิเทพทำลายล้างก็แทรกซึมยังสถานที่ต่างๆ ไปมากแล้วจริงๆ สินะ?เจ้าของเบื้องหลังหอจันทร์หยาดคือฮองเฮา แล้วเช่นนั้นฮองเฮาจะใช่..."ตั้งแต่โบราณก็ไม่เคยได้ยินแคว้นลัทธิเทพทำลายล้างมาก่อนเลย" เซียวหลันยวนพูดออกมาคำหนึ่งอย่างไม่ยี่หระ"ที่เจ้าไม่เคยได้ยินนั่นก็เพราะเจ้ามันความรู้ตื้นเขิน! ราชวงศ์เทพทำลายล้าง เป็นแคว้นที่เก่าแก่โบราณที่สุด เป็นชนเผ่าที่ใกล้เคียงกับเทพเจ้ามากที่สุด ภายใต้การปกครองของราชันเทพ ผู้คนช้วนเคารพศรัทธาต่อราชันเทพ ล้วนซื่อสัตย์ ศิโรราบ ไม่มีการสังหารฆ่าฟัน ไม่มีสงคราม ไม่มีการแก่งแย่งชิงดี และไม่มีความสับสนวุ่นวายอีกด้วย"ฟู่จาวหนิงมองแม่นางเจี๋ย ผลของพิษตอนนี้เป็นช่วงที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นแม่นางเจี๋ยจึงเสียการควบคุม ตอนนี้นางจะพูดความจริงออกมามากขึ้นนางส่งสัญญาณกับทหารและฮู่โม่ว่าไม่ต้องพูดอะไรมาก อย่าไปขัดแม่นางเจี๋ย นางจะพูดออกมารวดเดียวเองคำพูดของแม่นางเจี๋ยทำให้พวกเขาล้วนสั่นสะเทือนจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้วราชวงศ์เทพทำลายล้างมาจากไหนอีกล่ะนั่น?พวกเขาทำไมจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน? ยิ่งไปกว่านั้น มีราชันเทพที่แข็งแกร่งที่ร้ายกาจขนาดนี
"กู่พิษ!"ฟู่จาวหนิงร้องขึ้นมาเสียงหนึ่ง รีบหลีกทางออกมา ขณะเดียวกันก็ผลักทหารที่อยู่ข้างๆ ออกแมลงกู่ตัวนั้นทะลวงร่างออกมาจากในหัวใจของแม่นางเจี๋ย มีความเร็วสูงมากเข็มในมือฟู่จาวหนิงพุ่งฟิ้วออกไปแต่ว่าความเร็วของนางก็ยังช้าไปหน่อย ตอนที่นางคิดว่าน่าจะวืด เซียวหลันยวนก็ดีดลมดัชนีออกไปลมดัชนีที่แข็งแกร่งพุ่งกระแทกแมลงกู่ตัวนั้นอย่างแม่นยำ ได้ยินเสียงระเบิดแตกเบาๆ แมลงกู่ทั้งตัวก็ถูกซัดจนยับเยิน ตอนที่ร่วงลงมาบนพื้นก็มองไม่ออกถึงสภาพเดิมของมันแล้วตอนที่มันพุ่งออกมาบนตัวยังเต็มไปด้วยเลือด และไม่รู้ว่าเป็นเพราะกินหัวใจไปเต็มท้องหรือว่าเพราะอะไร ตอนที่ร่วงลงมาบนพื้นจึงไม่ใช่แค่ส่วนของแมลงตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีกองเลือดเนื้อบางส่วนอยู่ด้วยกลิ่นคาวเลือดวูบหนึ่งแผ่ซ่านออกมาพี่น้องฮู่จิ้งฮู่โม่สองคนนี้ที่ยังดูหนุ่มแน่น พอได้กลิ่นนี้ก็หน้าเปลี่ยนสี ดูพะอืดพะอมขึ้นมาทันที พุ่งออกไปที่ประตูสำรอกแห้งๆ ออกมาเซียวหลันยวนยื่นมือดึงฟู่จาวหนิงออกห่าง"เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? โดนเข้ากับอะไรที่ไม่ควรโดนหรือเปล่า?"สายตาของเขาตึงเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กลัวว่าฟู่จาวหนิงจะไปสัมผัสกับพิษกู
ยิ่งไปกว่านั้นผิวหนังของนางก็ยังสูญเสียความยืดหยุ่นและน้ำไปในพริบตา ดูแล้วเหมือนถูกสูบจนแห้งอย่างไรอย่างนั้น เหี่ยวย่นจนเหมือนเปลือกไม้เมื่อครู่นี้ แม่นางเจี๋ยยังเป็นหญิงสาวที่งดงามจับตาคนหนึ่ง แม้จะมีอายุบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงความสาวไม่ดูแก่ชรา ดูทรงเสน่ห์และสง่างามอยู่ ตอนนี้นางกลับดูแก่ลงสามสิบปีในพริบตา จากสาวงามกลายเป็นยายเฒ่าไปเสียแล้วยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นศพยายเฒ่าที่ดูน่ากลัวมากอีกด้วย"ดูพอหรือยัง? ดูพอแล้วข้าจะให้คนแบกนางออกไปจัดการเสีย" เซียวหลันยวนถามฟู่จาวหนิงอยากจะพูดมาก ว่าทิ้งศพนางเอาไว้ก่อน นางยังอยากจะแยกชิ้นส่วนเพื่อค้นคว้าสักหน่อยแต่ถ้าคำพูดนี้หลุดออกไป น่าจะทำเอาพวกฮู่จิ้งตกใจขนหัวลุกกันหมด"แม่นางเจี๋ยคนนี้ถึงอย่างไรก็เป็นคนตระกูลฮู่ของพวกเจ้า ศพจนเป็นต้องขนกลับไปไหม?" นางหันไปถามฮู่โม่ฮู่โม่ส่ายหัวทันที เอ่ยขึ้นอย่างโกรธแค้น "พวกเราไม่มีทางยอมรับนางเป็นคนตระกูลฮู่! ศพของนางเองก็ไม่ต้องส่งกลับไปแล้ว พวกเราท่านป้าคนโตคนหนึ่งก็ฝังอยู่ที่เขาสุสานตระกูลฮู่ แต่ก็ไม่มีที่สำหรับนางอยู่ดี"พวกเขาตอนนี้ไม่รู้ว่าโกรธแค้นแม่นางเจี๋ยขนาดไหนชัดเจนมากว่าแม่นางเจี๋ยมี
เฮ่อเหลียนเฟยรู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนก็ไม่เลวดวงตาเขากลอกหมุน ตัดสินใจจะเปลี่ยนภาพความประทับใจต่ออ๋องเจวี้ยนต่อท่านผู้เฒ่าฟู่ทีละนิด"ท่านปู่ ท่านคิดว่าพี่หญิงฉลาดหรือไม่?"ผู้เฒ่าฟู่ยิ้มขึ้นมาทันที รอยย่นบนหน้าคลายออกไปบ้างแล้ว"แน่นอนสิ จาวหนิงฉลาดเอามากๆ"ก่อนหน้านี้น่าจะเพราะอายุยังน้อยอยู่ คิดอะไรก็ใสซื่อเกิน ตอนนี้พอโตขึ้นมาหน่อย ก็เหมือนตรัสรูขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นจึงเปลี่ยนมาเป็นดูชาญฉลาดมาก"แล้วท่านรู้สึกว่าพี่หญิงของข้าตอนนี้เหมือนพวกถูกคนหลอกง่ายไหม?" เฮ่อเหลียนเฟยถามต่อ"แน่นอนว่าไม่ใช่"เรื่องที่ฟู่จาวหนิงทำช่วงนี้ล้วนอธิบายได้ทั้งหมด จะมาถูกคนอื่นหลอกง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?"เช่นนั้นก็ถูกแล้วนี่? ดังนั้น ท่่านปู่ที่กังวลว่าอ๋องเจวี้ยนจะเล่นงานพี่หญิงของข้ามาตลอด คิดจะใช้ประโยชน์นาง หลังจากนี้จะทำร้ายนาง แต่ว่าถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง พี่หญิงจะมองไม่ออกเลยหรือ?""นาง""นางถ้าหากมองออกแล้วยังไม่ตัดขาดกับอ๋องเจวี้ยน เช่นนั้นก็อธิบายได้ว่าตนเองก็คงมีแผนการอะไรอยู่" เฮ่อเหลียนเฟยเอ่ยขึ้น "จะว่าไป ข้ารู้สึกว่าพี่หญิงน่าจะพูดกับอ๋องเจวี้ยนจนเข้าใจไปแล้ว""พูดอะไรจนเ
ผู้เฒ่าฟู่มองเขา ไม่รู้ว่าจะต่อคำพูดเขาอย่างไรดีเหมือนกันไปพักหนึ่งเขาถึงแม้จะเอาเฮ่อเหลียนเฟยเป็นหลานชายแท้ๆ ไปนานแล้ว แต่เขากลับพูดถึงชาติกำเนิดของตนเองออกมาอย่างมั่นใจขนาดนี้ แล้วยังคิดว่าตนเองถูกพ่อแม่แท้ๆ ทิ้งอีกด้วย สิ่งนี้มันทำให้เขา..แล้วถ้าเกิดไม่ใช่ลูกหลานของบ้านตระกูลฟู่ขึ้นมา เสี่ยวเฟยจะเสียใจไหมนะ?"เสี่ยวเฟย พวกเราพูดกันแล้ว ว่าหลังจากนี้ไม่ว่าชาติกำเนิดของเจ้าจะเป็นอย่างไร เจ้าก็เป็นหลานของข้า เป็นคนของบ้านตระกุลฟู่ของพวกเรา ท่านปู่กับพี่หญิงของเจ้าก็ยอมรับเจ้านะ"เฮ่อเหลียนเฟยยิ้มขึ้นมา "ขอบคุณท่านปู่ เสี่ยวเฟยรู้แล้ว"ถึงอย่างไรไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลฟู่ฟู่จาวหนิงไปเรือนตระกูลเสิ่นอีกรอบหนึ่งเสิ่นเสวียนพอได้ยินเรื่องที่ในร่างกายแม่นางเจี๋ยมีแมลงกู่อยู่ ก็ขมวดคิ้ว สีหน้าเองก็ไม่ดีเอาเสียเลย"กู่ทะลวงใจ""ท่านลุงรู้จักหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดหน่อยๆถ้าเสิ่นเสวียนรู้จักแมลงกู่ล่ะก็ นางก็คงไม่ต้องไปตรวจสอบอีกแล้ว"กู่ทะลวงใจอันที่จริงชื่อว่ากู่ชุบเลี้ยงใจ คนที่เลี้ยงกู่รู้สึกว่าแมลงกู่ชนิดนี้เลี้ยงไว้ในร่างกาย ทุกวันสามารถช่วยขจัดอาก
ฟู่จาวหนิงไม่ได้ให้คนไปช่วย ตนเองใช้เวลาหนึ่งวันใช้ยาฆ่าเชื้อในห้องเภสัชจัดการฆ่าเชื้อเรือนเล็กนี้ทั้งนอกและในเสียรอบหนึ่ง แล้วยังฆ่าพวกมดแมลงอีกด้วยในห้องกั้นเป็นห้องเดี่ยวเล็กออกมาห้องหนึ่ง วางไว้เพียงโต๊ะยาวตัวเดียว ถึงเวลาถ้าหากมีงานอะไรจำเป็นต้องผ่าตัดหรือแยกชิ้นส่วน ก็ยังพอนำมาบังหูบังตาได้แต่ว่า ถ้าต้องทำการผ่าตัดจริงๆ นางก็ยังต้องกลับไปในห้องเภสัชแน่นอน ปลอดภัยกว่า ไม่ต้องกลัวใครมาขัดในช่วงจังหวะสำคัญด้วยนางบอกว่าที่นี่ต้องสว่างหน่อย เซียวหลันยวนก็ไม่รู้ว่าไปหาตะเกียงวังเคลือบเงาที่ดูซับซ้อนหลายใบมาจากไหน ตอกไว้บนเสาบนกำแพง เพิ่มเชิงเทียนเข้าไป ยิ่งไปกว่านั้นเชิงเทียนก็ยังทำมาจากสิ่งเคลือบเงาด้วย หลังจากที่จุดไฟขึ้นมาก็จะสะท้อนให้สว่างได้มากขึ้นทั้งสี่ด้านแขวนกระจกไว้บางส่วน และบางส่วนมีไว้สำหรับรวมแสงด้วยสิ่งเหล่านี้ยังไม่แน่ว่าจะเพียงพอ แต่ว่าในห้องเภสัชของนางก็ยังมีตะเกียงแสงอาทิตย์อยู่พอทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ฟู่จาวหนิงก็ทำให้คนแบกแม่นางเจี๋ยเข้ามาเซียวหลันยวนอยากจะพูดว่าจะหาลูกมือให้นาง แต่ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตอนนี้คงยังไม่มีคนที่จะยอมรับพฤตกรรมการหั่นศพของนางไหว