เมื่อเป็นเช่นนี้ สาวกลัทธิเทพทำลายล้างก็แทรกซึมยังสถานที่ต่างๆ ไปมากแล้วจริงๆ สินะ?เจ้าของเบื้องหลังหอจันทร์หยาดคือฮองเฮา แล้วเช่นนั้นฮองเฮาจะใช่..."ตั้งแต่โบราณก็ไม่เคยได้ยินแคว้นลัทธิเทพทำลายล้างมาก่อนเลย" เซียวหลันยวนพูดออกมาคำหนึ่งอย่างไม่ยี่หระ"ที่เจ้าไม่เคยได้ยินนั่นก็เพราะเจ้ามันความรู้ตื้นเขิน! ราชวงศ์เทพทำลายล้าง เป็นแคว้นที่เก่าแก่โบราณที่สุด เป็นชนเผ่าที่ใกล้เคียงกับเทพเจ้ามากที่สุด ภายใต้การปกครองของราชันเทพ ผู้คนช้วนเคารพศรัทธาต่อราชันเทพ ล้วนซื่อสัตย์ ศิโรราบ ไม่มีการสังหารฆ่าฟัน ไม่มีสงคราม ไม่มีการแก่งแย่งชิงดี และไม่มีความสับสนวุ่นวายอีกด้วย"ฟู่จาวหนิงมองแม่นางเจี๋ย ผลของพิษตอนนี้เป็นช่วงที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นแม่นางเจี๋ยจึงเสียการควบคุม ตอนนี้นางจะพูดความจริงออกมามากขึ้นนางส่งสัญญาณกับทหารและฮู่โม่ว่าไม่ต้องพูดอะไรมาก อย่าไปขัดแม่นางเจี๋ย นางจะพูดออกมารวดเดียวเองคำพูดของแม่นางเจี๋ยทำให้พวกเขาล้วนสั่นสะเทือนจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้วราชวงศ์เทพทำลายล้างมาจากไหนอีกล่ะนั่น?พวกเขาทำไมจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน? ยิ่งไปกว่านั้น มีราชันเทพที่แข็งแกร่งที่ร้ายกาจขนาดนี
"กู่พิษ!"ฟู่จาวหนิงร้องขึ้นมาเสียงหนึ่ง รีบหลีกทางออกมา ขณะเดียวกันก็ผลักทหารที่อยู่ข้างๆ ออกแมลงกู่ตัวนั้นทะลวงร่างออกมาจากในหัวใจของแม่นางเจี๋ย มีความเร็วสูงมากเข็มในมือฟู่จาวหนิงพุ่งฟิ้วออกไปแต่ว่าความเร็วของนางก็ยังช้าไปหน่อย ตอนที่นางคิดว่าน่าจะวืด เซียวหลันยวนก็ดีดลมดัชนีออกไปลมดัชนีที่แข็งแกร่งพุ่งกระแทกแมลงกู่ตัวนั้นอย่างแม่นยำ ได้ยินเสียงระเบิดแตกเบาๆ แมลงกู่ทั้งตัวก็ถูกซัดจนยับเยิน ตอนที่ร่วงลงมาบนพื้นก็มองไม่ออกถึงสภาพเดิมของมันแล้วตอนที่มันพุ่งออกมาบนตัวยังเต็มไปด้วยเลือด และไม่รู้ว่าเป็นเพราะกินหัวใจไปเต็มท้องหรือว่าเพราะอะไร ตอนที่ร่วงลงมาบนพื้นจึงไม่ใช่แค่ส่วนของแมลงตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีกองเลือดเนื้อบางส่วนอยู่ด้วยกลิ่นคาวเลือดวูบหนึ่งแผ่ซ่านออกมาพี่น้องฮู่จิ้งฮู่โม่สองคนนี้ที่ยังดูหนุ่มแน่น พอได้กลิ่นนี้ก็หน้าเปลี่ยนสี ดูพะอืดพะอมขึ้นมาทันที พุ่งออกไปที่ประตูสำรอกแห้งๆ ออกมาเซียวหลันยวนยื่นมือดึงฟู่จาวหนิงออกห่าง"เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? โดนเข้ากับอะไรที่ไม่ควรโดนหรือเปล่า?"สายตาของเขาตึงเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กลัวว่าฟู่จาวหนิงจะไปสัมผัสกับพิษกู
ยิ่งไปกว่านั้นผิวหนังของนางก็ยังสูญเสียความยืดหยุ่นและน้ำไปในพริบตา ดูแล้วเหมือนถูกสูบจนแห้งอย่างไรอย่างนั้น เหี่ยวย่นจนเหมือนเปลือกไม้เมื่อครู่นี้ แม่นางเจี๋ยยังเป็นหญิงสาวที่งดงามจับตาคนหนึ่ง แม้จะมีอายุบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงความสาวไม่ดูแก่ชรา ดูทรงเสน่ห์และสง่างามอยู่ ตอนนี้นางกลับดูแก่ลงสามสิบปีในพริบตา จากสาวงามกลายเป็นยายเฒ่าไปเสียแล้วยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นศพยายเฒ่าที่ดูน่ากลัวมากอีกด้วย"ดูพอหรือยัง? ดูพอแล้วข้าจะให้คนแบกนางออกไปจัดการเสีย" เซียวหลันยวนถามฟู่จาวหนิงอยากจะพูดมาก ว่าทิ้งศพนางเอาไว้ก่อน นางยังอยากจะแยกชิ้นส่วนเพื่อค้นคว้าสักหน่อยแต่ถ้าคำพูดนี้หลุดออกไป น่าจะทำเอาพวกฮู่จิ้งตกใจขนหัวลุกกันหมด"แม่นางเจี๋ยคนนี้ถึงอย่างไรก็เป็นคนตระกูลฮู่ของพวกเจ้า ศพจนเป็นต้องขนกลับไปไหม?" นางหันไปถามฮู่โม่ฮู่โม่ส่ายหัวทันที เอ่ยขึ้นอย่างโกรธแค้น "พวกเราไม่มีทางยอมรับนางเป็นคนตระกูลฮู่! ศพของนางเองก็ไม่ต้องส่งกลับไปแล้ว พวกเราท่านป้าคนโตคนหนึ่งก็ฝังอยู่ที่เขาสุสานตระกูลฮู่ แต่ก็ไม่มีที่สำหรับนางอยู่ดี"พวกเขาตอนนี้ไม่รู้ว่าโกรธแค้นแม่นางเจี๋ยขนาดไหนชัดเจนมากว่าแม่นางเจี๋ยมี
เฮ่อเหลียนเฟยรู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนก็ไม่เลวดวงตาเขากลอกหมุน ตัดสินใจจะเปลี่ยนภาพความประทับใจต่ออ๋องเจวี้ยนต่อท่านผู้เฒ่าฟู่ทีละนิด"ท่านปู่ ท่านคิดว่าพี่หญิงฉลาดหรือไม่?"ผู้เฒ่าฟู่ยิ้มขึ้นมาทันที รอยย่นบนหน้าคลายออกไปบ้างแล้ว"แน่นอนสิ จาวหนิงฉลาดเอามากๆ"ก่อนหน้านี้น่าจะเพราะอายุยังน้อยอยู่ คิดอะไรก็ใสซื่อเกิน ตอนนี้พอโตขึ้นมาหน่อย ก็เหมือนตรัสรูขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นจึงเปลี่ยนมาเป็นดูชาญฉลาดมาก"แล้วท่านรู้สึกว่าพี่หญิงของข้าตอนนี้เหมือนพวกถูกคนหลอกง่ายไหม?" เฮ่อเหลียนเฟยถามต่อ"แน่นอนว่าไม่ใช่"เรื่องที่ฟู่จาวหนิงทำช่วงนี้ล้วนอธิบายได้ทั้งหมด จะมาถูกคนอื่นหลอกง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?"เช่นนั้นก็ถูกแล้วนี่? ดังนั้น ท่่านปู่ที่กังวลว่าอ๋องเจวี้ยนจะเล่นงานพี่หญิงของข้ามาตลอด คิดจะใช้ประโยชน์นาง หลังจากนี้จะทำร้ายนาง แต่ว่าถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง พี่หญิงจะมองไม่ออกเลยหรือ?""นาง""นางถ้าหากมองออกแล้วยังไม่ตัดขาดกับอ๋องเจวี้ยน เช่นนั้นก็อธิบายได้ว่าตนเองก็คงมีแผนการอะไรอยู่" เฮ่อเหลียนเฟยเอ่ยขึ้น "จะว่าไป ข้ารู้สึกว่าพี่หญิงน่าจะพูดกับอ๋องเจวี้ยนจนเข้าใจไปแล้ว""พูดอะไรจนเ
ผู้เฒ่าฟู่มองเขา ไม่รู้ว่าจะต่อคำพูดเขาอย่างไรดีเหมือนกันไปพักหนึ่งเขาถึงแม้จะเอาเฮ่อเหลียนเฟยเป็นหลานชายแท้ๆ ไปนานแล้ว แต่เขากลับพูดถึงชาติกำเนิดของตนเองออกมาอย่างมั่นใจขนาดนี้ แล้วยังคิดว่าตนเองถูกพ่อแม่แท้ๆ ทิ้งอีกด้วย สิ่งนี้มันทำให้เขา..แล้วถ้าเกิดไม่ใช่ลูกหลานของบ้านตระกูลฟู่ขึ้นมา เสี่ยวเฟยจะเสียใจไหมนะ?"เสี่ยวเฟย พวกเราพูดกันแล้ว ว่าหลังจากนี้ไม่ว่าชาติกำเนิดของเจ้าจะเป็นอย่างไร เจ้าก็เป็นหลานของข้า เป็นคนของบ้านตระกุลฟู่ของพวกเรา ท่านปู่กับพี่หญิงของเจ้าก็ยอมรับเจ้านะ"เฮ่อเหลียนเฟยยิ้มขึ้นมา "ขอบคุณท่านปู่ เสี่ยวเฟยรู้แล้ว"ถึงอย่างไรไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลฟู่ฟู่จาวหนิงไปเรือนตระกูลเสิ่นอีกรอบหนึ่งเสิ่นเสวียนพอได้ยินเรื่องที่ในร่างกายแม่นางเจี๋ยมีแมลงกู่อยู่ ก็ขมวดคิ้ว สีหน้าเองก็ไม่ดีเอาเสียเลย"กู่ทะลวงใจ""ท่านลุงรู้จักหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดหน่อยๆถ้าเสิ่นเสวียนรู้จักแมลงกู่ล่ะก็ นางก็คงไม่ต้องไปตรวจสอบอีกแล้ว"กู่ทะลวงใจอันที่จริงชื่อว่ากู่ชุบเลี้ยงใจ คนที่เลี้ยงกู่รู้สึกว่าแมลงกู่ชนิดนี้เลี้ยงไว้ในร่างกาย ทุกวันสามารถช่วยขจัดอาก
ฟู่จาวหนิงไม่ได้ให้คนไปช่วย ตนเองใช้เวลาหนึ่งวันใช้ยาฆ่าเชื้อในห้องเภสัชจัดการฆ่าเชื้อเรือนเล็กนี้ทั้งนอกและในเสียรอบหนึ่ง แล้วยังฆ่าพวกมดแมลงอีกด้วยในห้องกั้นเป็นห้องเดี่ยวเล็กออกมาห้องหนึ่ง วางไว้เพียงโต๊ะยาวตัวเดียว ถึงเวลาถ้าหากมีงานอะไรจำเป็นต้องผ่าตัดหรือแยกชิ้นส่วน ก็ยังพอนำมาบังหูบังตาได้แต่ว่า ถ้าต้องทำการผ่าตัดจริงๆ นางก็ยังต้องกลับไปในห้องเภสัชแน่นอน ปลอดภัยกว่า ไม่ต้องกลัวใครมาขัดในช่วงจังหวะสำคัญด้วยนางบอกว่าที่นี่ต้องสว่างหน่อย เซียวหลันยวนก็ไม่รู้ว่าไปหาตะเกียงวังเคลือบเงาที่ดูซับซ้อนหลายใบมาจากไหน ตอกไว้บนเสาบนกำแพง เพิ่มเชิงเทียนเข้าไป ยิ่งไปกว่านั้นเชิงเทียนก็ยังทำมาจากสิ่งเคลือบเงาด้วย หลังจากที่จุดไฟขึ้นมาก็จะสะท้อนให้สว่างได้มากขึ้นทั้งสี่ด้านแขวนกระจกไว้บางส่วน และบางส่วนมีไว้สำหรับรวมแสงด้วยสิ่งเหล่านี้ยังไม่แน่ว่าจะเพียงพอ แต่ว่าในห้องเภสัชของนางก็ยังมีตะเกียงแสงอาทิตย์อยู่พอทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ฟู่จาวหนิงก็ทำให้คนแบกแม่นางเจี๋ยเข้ามาเซียวหลันยวนอยากจะพูดว่าจะหาลูกมือให้นาง แต่ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตอนนี้คงยังไม่มีคนที่จะยอมรับพฤตกรรมการหั่นศพของนางไหว
"ท่านเองก็กินไม่ลงหรือ?" ฟู่จาวหนิงพิจารณาตัวเขา"ก็ไม่ขนาดนั้น แค่ไม่ค่อยอยากอาหาร"เซียวหลันยวนไม่ได้อธิบาย ว่าพอเขาคิดถึงฟู่จาวหนิงที่หมกตัววุ่นอยู่ในห้อง ขนาดข้าวปลาก็ยังไม่มีเวลาออกมากิน เขาก็รู้สึกว่าตนเองไม่อยากกินเหมือนกัน"ให้คนแบกนางออกไปฝังเถอะ" ฟู่จาวหนิงชี้ไปในห้อง นางจัดการเก็บกวาดทั้งหมดแล้ว แค่ยกคนออกไปก็พอ"ได้""ท่านเองก็ออกไปเถอะ ที่นี่กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อแรง ข้าจะไปอาบน้ำสระผมหน่อย อีกเดี๋ยวจะไปกินข้าว"ฟู่จาวหนิงพูดพลางรีบวิ่งออกจากเรือนไปบนตัวนางเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเซียวหลันยวนถอยออกไป เพียงไม่นานก็ให้ทหารมาแบกคนออกไปหลังจากออกมา ทหารก็บอกกับเขา "ท่านอ๋อง ที่นี่เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว บนโต๊ะก็ไม่มีหยดเลือดอยู่ มีเพียงกลิ่นประหลาดๆ แต่ก็ไม่มีกลิ่นเน่าเหม็นหรือกลิ่นคาวเลือด"พวกเขาเดิมทีคิดว่าด้านในจะระเกะระกะ แต่หลังจากเข้ามากลับเห็นว่าสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย"ศพล่ะ?""เสื้อผ้าใส่เรียบร้อย ครบถ้วนดีด้วยขอรับ" ทหารพูดต่อไปไม่ไหว หรือต้องบอกว่าพวกเขาเดิมทีคิดว่าจะเป็นศพที่ไม่เรียบร้อยศพหนึ่ง ถูกเปิดผ่าหน้าท้องอะไรแบบนั้น? แล้วยังให้พวกเขาต้องฝืนม
รอจนเซียวหลันยวนลงมือเช็ดผมให้ฟู่จาวหนิง นางก็พบความพิเศษแล้วผ้าฝ้ายยิ่งเช็ดยิ่งอุ่น บางครั้งตอนที่ลูบผ่านคอนางก็สัมผัสได้ ร้อนวูบวาบ"ผ้าฝ้ายทำไมถึงได้ร้อนล่ะ?"ฟู่จาวหนิงหันหน้ามองเขาอย่างประหลาดเซียวหลันยวนยิ้มๆ ยื่นมือข้างหนึ่งออกมานางเองไม่เข้าใจ แต่ก็ยังยื่นมือไปสัมผัสมือของเขาด้วยสัญชาตญาณ "มือท่านร้อนขนาดนี้เลยหรือ?""กำลังภายในน่ะ"เซียวหลันยวนกุมนิ้วของนาง จากนั้นจึงปล่อยแล้วไปเช็ดผมต่อ"กระตุ้นกำลังภายใน เลือดก็จะอุ่นขึ้น ตอนนี้อากาศเย็นมากแล้ว ต้องรีบเช็ดให้แห้ง ไม่เช่นนั้นจะเป็นหวัดเอา"ผมของนางดีกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัดแม่นางคนนี้เปลี่ยนไปมากเซียวหลันยวนแม้ในใจจะมีข้อสงสัยมากมาย แต่ก็ยังไม่ได้ถามออกมา"เสร็จแล้ว""ขอบคุณมาก! ไปไปไป รีบไปกินข้าว หิวเหลือเกิน" ฟู่จาวหนิงดึงผ้ามาเส้นหนึ่งแล้วมัดเส้นผม ยกชายกระโปรงออกวิ่ง"เจ้าช้าหน่อย เดี๋ยวก็หกล้ม""รีบๆ มา ไม่งั้นข้าจะกินของอร่อยให้เรียบเลย!"เซียวหลันยวนมองแผ่นหลังนาง จู่ๆ ก็เหม่อลอยตอนนี้มีฟู่จาวหนิงอยู่ข้างกาย เขาก็เหมือนรู้สึกว่าบ้านคึกคักขึ้นมา ชีวิตก็น่าสนใจขึ้นมา ในใจเองก็เต็มเต็มไม่เหมือ