เฮ่อเหลียนเฟยรู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนก็ไม่เลวดวงตาเขากลอกหมุน ตัดสินใจจะเปลี่ยนภาพความประทับใจต่ออ๋องเจวี้ยนต่อท่านผู้เฒ่าฟู่ทีละนิด"ท่านปู่ ท่านคิดว่าพี่หญิงฉลาดหรือไม่?"ผู้เฒ่าฟู่ยิ้มขึ้นมาทันที รอยย่นบนหน้าคลายออกไปบ้างแล้ว"แน่นอนสิ จาวหนิงฉลาดเอามากๆ"ก่อนหน้านี้น่าจะเพราะอายุยังน้อยอยู่ คิดอะไรก็ใสซื่อเกิน ตอนนี้พอโตขึ้นมาหน่อย ก็เหมือนตรัสรูขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นจึงเปลี่ยนมาเป็นดูชาญฉลาดมาก"แล้วท่านรู้สึกว่าพี่หญิงของข้าตอนนี้เหมือนพวกถูกคนหลอกง่ายไหม?" เฮ่อเหลียนเฟยถามต่อ"แน่นอนว่าไม่ใช่"เรื่องที่ฟู่จาวหนิงทำช่วงนี้ล้วนอธิบายได้ทั้งหมด จะมาถูกคนอื่นหลอกง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?"เช่นนั้นก็ถูกแล้วนี่? ดังนั้น ท่่านปู่ที่กังวลว่าอ๋องเจวี้ยนจะเล่นงานพี่หญิงของข้ามาตลอด คิดจะใช้ประโยชน์นาง หลังจากนี้จะทำร้ายนาง แต่ว่าถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง พี่หญิงจะมองไม่ออกเลยหรือ?""นาง""นางถ้าหากมองออกแล้วยังไม่ตัดขาดกับอ๋องเจวี้ยน เช่นนั้นก็อธิบายได้ว่าตนเองก็คงมีแผนการอะไรอยู่" เฮ่อเหลียนเฟยเอ่ยขึ้น "จะว่าไป ข้ารู้สึกว่าพี่หญิงน่าจะพูดกับอ๋องเจวี้ยนจนเข้าใจไปแล้ว""พูดอะไรจนเ
ผู้เฒ่าฟู่มองเขา ไม่รู้ว่าจะต่อคำพูดเขาอย่างไรดีเหมือนกันไปพักหนึ่งเขาถึงแม้จะเอาเฮ่อเหลียนเฟยเป็นหลานชายแท้ๆ ไปนานแล้ว แต่เขากลับพูดถึงชาติกำเนิดของตนเองออกมาอย่างมั่นใจขนาดนี้ แล้วยังคิดว่าตนเองถูกพ่อแม่แท้ๆ ทิ้งอีกด้วย สิ่งนี้มันทำให้เขา..แล้วถ้าเกิดไม่ใช่ลูกหลานของบ้านตระกูลฟู่ขึ้นมา เสี่ยวเฟยจะเสียใจไหมนะ?"เสี่ยวเฟย พวกเราพูดกันแล้ว ว่าหลังจากนี้ไม่ว่าชาติกำเนิดของเจ้าจะเป็นอย่างไร เจ้าก็เป็นหลานของข้า เป็นคนของบ้านตระกุลฟู่ของพวกเรา ท่านปู่กับพี่หญิงของเจ้าก็ยอมรับเจ้านะ"เฮ่อเหลียนเฟยยิ้มขึ้นมา "ขอบคุณท่านปู่ เสี่ยวเฟยรู้แล้ว"ถึงอย่างไรไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลฟู่ฟู่จาวหนิงไปเรือนตระกูลเสิ่นอีกรอบหนึ่งเสิ่นเสวียนพอได้ยินเรื่องที่ในร่างกายแม่นางเจี๋ยมีแมลงกู่อยู่ ก็ขมวดคิ้ว สีหน้าเองก็ไม่ดีเอาเสียเลย"กู่ทะลวงใจ""ท่านลุงรู้จักหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดหน่อยๆถ้าเสิ่นเสวียนรู้จักแมลงกู่ล่ะก็ นางก็คงไม่ต้องไปตรวจสอบอีกแล้ว"กู่ทะลวงใจอันที่จริงชื่อว่ากู่ชุบเลี้ยงใจ คนที่เลี้ยงกู่รู้สึกว่าแมลงกู่ชนิดนี้เลี้ยงไว้ในร่างกาย ทุกวันสามารถช่วยขจัดอาก
ฟู่จาวหนิงไม่ได้ให้คนไปช่วย ตนเองใช้เวลาหนึ่งวันใช้ยาฆ่าเชื้อในห้องเภสัชจัดการฆ่าเชื้อเรือนเล็กนี้ทั้งนอกและในเสียรอบหนึ่ง แล้วยังฆ่าพวกมดแมลงอีกด้วยในห้องกั้นเป็นห้องเดี่ยวเล็กออกมาห้องหนึ่ง วางไว้เพียงโต๊ะยาวตัวเดียว ถึงเวลาถ้าหากมีงานอะไรจำเป็นต้องผ่าตัดหรือแยกชิ้นส่วน ก็ยังพอนำมาบังหูบังตาได้แต่ว่า ถ้าต้องทำการผ่าตัดจริงๆ นางก็ยังต้องกลับไปในห้องเภสัชแน่นอน ปลอดภัยกว่า ไม่ต้องกลัวใครมาขัดในช่วงจังหวะสำคัญด้วยนางบอกว่าที่นี่ต้องสว่างหน่อย เซียวหลันยวนก็ไม่รู้ว่าไปหาตะเกียงวังเคลือบเงาที่ดูซับซ้อนหลายใบมาจากไหน ตอกไว้บนเสาบนกำแพง เพิ่มเชิงเทียนเข้าไป ยิ่งไปกว่านั้นเชิงเทียนก็ยังทำมาจากสิ่งเคลือบเงาด้วย หลังจากที่จุดไฟขึ้นมาก็จะสะท้อนให้สว่างได้มากขึ้นทั้งสี่ด้านแขวนกระจกไว้บางส่วน และบางส่วนมีไว้สำหรับรวมแสงด้วยสิ่งเหล่านี้ยังไม่แน่ว่าจะเพียงพอ แต่ว่าในห้องเภสัชของนางก็ยังมีตะเกียงแสงอาทิตย์อยู่พอทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ฟู่จาวหนิงก็ทำให้คนแบกแม่นางเจี๋ยเข้ามาเซียวหลันยวนอยากจะพูดว่าจะหาลูกมือให้นาง แต่ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตอนนี้คงยังไม่มีคนที่จะยอมรับพฤตกรรมการหั่นศพของนางไหว
"ท่านเองก็กินไม่ลงหรือ?" ฟู่จาวหนิงพิจารณาตัวเขา"ก็ไม่ขนาดนั้น แค่ไม่ค่อยอยากอาหาร"เซียวหลันยวนไม่ได้อธิบาย ว่าพอเขาคิดถึงฟู่จาวหนิงที่หมกตัววุ่นอยู่ในห้อง ขนาดข้าวปลาก็ยังไม่มีเวลาออกมากิน เขาก็รู้สึกว่าตนเองไม่อยากกินเหมือนกัน"ให้คนแบกนางออกไปฝังเถอะ" ฟู่จาวหนิงชี้ไปในห้อง นางจัดการเก็บกวาดทั้งหมดแล้ว แค่ยกคนออกไปก็พอ"ได้""ท่านเองก็ออกไปเถอะ ที่นี่กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อแรง ข้าจะไปอาบน้ำสระผมหน่อย อีกเดี๋ยวจะไปกินข้าว"ฟู่จาวหนิงพูดพลางรีบวิ่งออกจากเรือนไปบนตัวนางเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเซียวหลันยวนถอยออกไป เพียงไม่นานก็ให้ทหารมาแบกคนออกไปหลังจากออกมา ทหารก็บอกกับเขา "ท่านอ๋อง ที่นี่เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว บนโต๊ะก็ไม่มีหยดเลือดอยู่ มีเพียงกลิ่นประหลาดๆ แต่ก็ไม่มีกลิ่นเน่าเหม็นหรือกลิ่นคาวเลือด"พวกเขาเดิมทีคิดว่าด้านในจะระเกะระกะ แต่หลังจากเข้ามากลับเห็นว่าสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย"ศพล่ะ?""เสื้อผ้าใส่เรียบร้อย ครบถ้วนดีด้วยขอรับ" ทหารพูดต่อไปไม่ไหว หรือต้องบอกว่าพวกเขาเดิมทีคิดว่าจะเป็นศพที่ไม่เรียบร้อยศพหนึ่ง ถูกเปิดผ่าหน้าท้องอะไรแบบนั้น? แล้วยังให้พวกเขาต้องฝืนม
รอจนเซียวหลันยวนลงมือเช็ดผมให้ฟู่จาวหนิง นางก็พบความพิเศษแล้วผ้าฝ้ายยิ่งเช็ดยิ่งอุ่น บางครั้งตอนที่ลูบผ่านคอนางก็สัมผัสได้ ร้อนวูบวาบ"ผ้าฝ้ายทำไมถึงได้ร้อนล่ะ?"ฟู่จาวหนิงหันหน้ามองเขาอย่างประหลาดเซียวหลันยวนยิ้มๆ ยื่นมือข้างหนึ่งออกมานางเองไม่เข้าใจ แต่ก็ยังยื่นมือไปสัมผัสมือของเขาด้วยสัญชาตญาณ "มือท่านร้อนขนาดนี้เลยหรือ?""กำลังภายในน่ะ"เซียวหลันยวนกุมนิ้วของนาง จากนั้นจึงปล่อยแล้วไปเช็ดผมต่อ"กระตุ้นกำลังภายใน เลือดก็จะอุ่นขึ้น ตอนนี้อากาศเย็นมากแล้ว ต้องรีบเช็ดให้แห้ง ไม่เช่นนั้นจะเป็นหวัดเอา"ผมของนางดีกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัดแม่นางคนนี้เปลี่ยนไปมากเซียวหลันยวนแม้ในใจจะมีข้อสงสัยมากมาย แต่ก็ยังไม่ได้ถามออกมา"เสร็จแล้ว""ขอบคุณมาก! ไปไปไป รีบไปกินข้าว หิวเหลือเกิน" ฟู่จาวหนิงดึงผ้ามาเส้นหนึ่งแล้วมัดเส้นผม ยกชายกระโปรงออกวิ่ง"เจ้าช้าหน่อย เดี๋ยวก็หกล้ม""รีบๆ มา ไม่งั้นข้าจะกินของอร่อยให้เรียบเลย!"เซียวหลันยวนมองแผ่นหลังนาง จู่ๆ ก็เหม่อลอยตอนนี้มีฟู่จาวหนิงอยู่ข้างกาย เขาก็เหมือนรู้สึกว่าบ้านคึกคักขึ้นมา ชีวิตก็น่าสนใจขึ้นมา ในใจเองก็เต็มเต็มไม่เหมือ
อ๊าๆๆ! ท่านอ๋องตอนนี้พูดกับพระชายาเช่นนี้แล้วหรือ? นี่มันใช้สารภาพรักหรือเปล่านะ? พระชายาตอบรับเลย!ฟู่จาวหนิงหูร้อนผะผ่าวผ่านไปพักหนึ่ง นางจึงก้มหน้า คีบเนื้อหมักเห็ดหอมเข้ากัดคำใหญ่ ตอบกลับอย่างคลุมเครือ "วิชาแพทย์ข้าดีมาก!"ดังนั้นความหมายของคำพูดนี้ก็คือ นางจะช่วยรักษาเขาให้หายแน่นอน!เซียวหลันยวนยิ้มๆ และเริ่มกินข้าวด้วยเช่นกันองครักษ์ลับที่คุ้มกันวังหลวงคุ้มกันอยู่สามวันพวกเขาไม่เห็นฮู่เจียไท่เลยแต่ว่าเซียวหลันยวนยังยืนยันว่าฮู่เจียไท่จะต้องมาเข้าวังเพียงแต่ตอนนี้ให้การให้องครักษ์เงามังกรค้นหาในเมืองดูจะเคลื่อนไหวใหญ่ไปหน่อย ถ้าเขาสั่งองครักษ์เงามังกรถี่เกินไป จะยิ่งทำให้องค์จักรพรรดิหวาดกลัวเขาดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ให้ทหารแอบคอยสืบค้นในเมือง"ไม่รีบ เขาเองก็ซ่อนได้อีกไม่นานหรอก" ฟู่จาวหนิงไม่เคร่งเครียดผู้นำตระกูลฮู่เองก็ดูจะได้สติกลับมาแล้วพอเห็นว่าตนเองเก็บชีวิตกลับมาได้ ฮู่โม่เองก็อยู่ข้างกาย เขาเสียใจกับตระกูลฮู่ที่มีลูกชายโง่ๆ อย่างฮู่เจียไท่ที่คิดจะทำร้ายคนในครอบครัว พลางผ่อนลมหายใจโล่ง อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังถือว่าพอจัดการได้อยู่"เสี่ยวโม่ ปู่อายุมากแล้ว
อันชิงตอนนั้นเกือบจะถูกโหวอาวุโสน้อยทำลายพรหมจรรย์ไป อันเหนียนไปจวนอ๋องเจวี้ยนเพื่อขอความช่วยเหลือจากอ๋องเจวี้ยน พอมาตอนท้ายก็มีฟู่จาวหนิงช่วยนางไว้พอดีและหลังจากนั้น อันชิงก็รู้สึกมาตลอดว่าฟู่จาวหนิงเป็นคนที่ดีที่สุดในโลกเพราะมีฟู่จาวหนิงอยู่ นางจึงยังมีชีวิตต่อมาได้ ไม่เช่นนั้นถ้ามาเจอกับคนอย่างโหวอาวุโสน้อยจี้แล้วมีหรือจะหนีรอด?ครั้งนั้นที่เขาเมฆอรุณนางเองก็เกือบต้องตายแล้ว ถึงอย่างไรหากแค่ได้รับความอัปยศ พอกลับมาเมืองหลวงก็ใช้ชีวิตต่อไม่ได้แล้ว ข่าวลือกับความอัปยศทั่วทั้งเมืองนี้คงทำให้นางตายแน่ต่อให้นางโชคดีรอดไปได้ แต่ก็คงไม่กล้าพบหน้าผู้คนอีกแล้ว แล้วอาจจะจมอยู่กับแต่น้ำตาในห้องทุกวันก็เป็นได้ ถ้าเป็นเช่นนี้คนทั้งคนก็อาจจะพังทลายลงเช่นกันฟู่จาวหนิงช่วยเหลือนางไว้จริงๆ"เจ้าเองก็รำพันมาหลายครั้งแล้ว ข้าไม่ใช่อธิบายกับเจ้าไปแล้วหรือ?" อันเหนียนเอ่ยขึ้นอันชิงดึงแขนเสื้อเขา "ข้าไม่ลืมสิ่งที่ท่านพูด" อันชิงกดเสียงลงต่ำ "แต่ว่าท่านพี่ อ๋องเจวี้ยนช่วงนี้มีเรื่องอยู่ แล้วไปเกี่ยวข้องอะไรกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนกันเล่า? พระชายาอ๋องเจวี้ยนอาจจะไม่สนใจเรื่องเหล่านั้นก็ได้"นางเค
พอเห็นฉากนี้ อันเหนียนก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขารีบเดินกลับไปในรถม้าตนเอง หลังจากขึ้นรถม้าก็พูดกับคนขับรถว่า "ตามรถม้าจวนโหวไป"ระหว่างทาง อันเหนียนตอนที่มองไปด้านนอกก็เห็นเข้ากับคนรู้่จักกำลังซื้อของว่างอยู่ข้างทาง จึงร้องเรียกขึ้นทันที"สหายซุน"อีกฝ่ายหันกลับมา"ผู้ตรวจการอัน?""ข้ามีเรื่องด่วนต้องให้เจ้าช่วย""ผู้ตรวจการอันมีเรื่องอะไรกำชับได้เลย!" คุณชายซุนดูตกตะลึงที่ได้รับการเอ็นดูอันเหนียนเป็นผู้ตรวจการที่อายุน้อยที่สุดในราชสำนัก ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลอันก็ยังเป็นตระกูลขุนนางมือสะอาดมาแต่ไหนแต่ไร อันชิงเองก็ภาคภูมิใจมาโดยตลอด ปกติไม่ค่อยได้ร่วมเสวนากับพวกเขาเท่าไรนัก ตอนนี้อันเหนียนกลับมีเรื่องให้เขาช่วยเหลือ?คุณชายซุนตื่นเต้นขึ้นมา"ท่านตอนนี้ไปที่จวนอ๋องเจวี้ยนให้รอบหนึ่ง" อันเหนียนรีบเขียนกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่ง พับเสร็จก็ส่งให้เขา "เอาสิ่งนี้ส่งให้อ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนถ้าหากไม่อยู่ ก็ส่งให้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน รีบไป รบกวนด้วย เรื่องนี้จะต้องทำให้ได้!"พูดจบเขาก็ควบรถม้าตรงต่อไปคุณชายซุนบีบกระดาษแผ่นนั้นแบบยังตั้งตัวไม่ค่อยติด"ไม่สิ ผู้ตรวจการอัน สหายอันเห
ยาครั้งนี้ มีประสิทธิภาพมากจริงๆพอถึงตอนฟ้าสาง มีคนป่วยหนักแต่เดิมหลายคน มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเดิมทีที่ป่วยจนไม่รู้สึกตัวแล้ว วันนี้ตอนเช้าก็สามารถประคองตัวลุกขึ้นนั่งมากินข้าวต้มได้นี่ทำให้คนทั้งหมดดีใจกันมากมีผลลัพธ์เช่นนี้ ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกว่าตนเองวันนี้เดินเชิดหน้ายืดหลังตรงได้เสียทีนี่อธิบายได้ว่ามีความหวังแล้วจริงๆ! ไม่สิ พูดว่าเป็นความหวังไม่ได้แล้ว มันมีผลลัพธ์ที่ดีแล้วต่างหากตอนที่ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่ทั้งคืน เซียวหลันยวนเองก็ออกไปทั้งคืนไม่ได้กลับมาตอนที่ฟู่จาวหนิงได้พัก ได้กินข้าวเช้า จึงเพิ่งนึกได้ว่าเซียวหลันยวนไม่รู้หายไปไหนนางถามสืออี สืออีก็ดูจะตื่นเต้นขึ้นมารางๆ"ท่านอ๋องออกเมืองไปแล้วขอรับ"ออกเมือง?เซียวหลันยวนออกจากเมือง แล้วทำไมสืออีถึงดูตื่นเต้น?"หรือจะออกไปหาโจวติ้งเจิน?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึงถึงแม้ทหารส่วนใหญ่จะโดนพิษที่ทำให้เสียกำลังในการต่อสู้ไป แต่ก็มีส่วนน้อยที่ไม่ได้โดนพิษ หรืออาจจะมีคนที่โดนพิษไปน้อยมาก นั่นก็ยังสู้ได้อยู่นะองครักษ์ของเซียวหลันยวนส่วนใหญ่ยังอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อคืนตอนที่นางวิ่งไปดูแลคนป่วยตรงนั้นตรงนี้ ย
แต่ว่านางเองก็เห็นว่าฝนเองก็ตกอย่างที่ฟู่จิ้นเชินคำนวณไว้จริงๆตอนนี้พอเห็นสีหน้าของฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียน ก็รู้ว่าน่าจะเรียบร้อยดี"ให้ใต้เท้าอันเล่าเถอะ เขาเล่านิทานเก่งกว่าข้า" เซียวหลันยวนไม่ค่อยชินที่ต้องพูดอะไรยาวๆ สถานการณ์แบบนี้ให้อันเหนียนพูดดีที่สุดอันเหนียนเองก็ดูจนใจ นี่มองเขาเป็นพวกนักเล่านิทานหรือไรกัน?ปกติเขากับพูดกับพระชายามากหน่อย อ๋องเจวี้ยนก็จะหึงหวงขึ้นมา แล้วมาใช้เขาแบบนี้ ไม่หึงแล้วเรอะ?ถึงแม้จะไม่ค่อยพอใจ แต่ตอนที่สายตาคาดหวังของฟู่จาวหนิงหันมา อันเหนียนก็เล่าฉากเมื่อครู่ออกมาอย่างมีชีวิตชีวาฟู่จาวหนิงหลังจากฟังก็อดขำขึ้นมาไม่ได้"ดูท่าขุนพลโจวคืนนี้คงจะน่าเวทนาเอาเรื่อง ฤทธิ์ของผงยานั่น ก็ทำให้พวกเขากระทั่งแรงจะตั้งค่ายก็ยังไม่มีจริงๆ นั่นล่ะ"ยิ่งไปกว่นั้นพวกเขายังไม่มีแรงจะเดินไปไหนไกลได้ด้วยถ้าหากฝนตกทั้งคืน เช่นนั้นพวกเขาก็อาจจะต้องตากฝนกันทั้งคืนและคืนนี้ โจวติ้งเจินก็ซมซานจนต้องด่าพ่อล่อแม่ออกมาเลยทีเดียวแต่ว่าคนมากมายแค่แรงจะด่าก็ยังไม่มียังดีที่ฝนห่านี้ไม่ได้มีฟ้าผ่า พวกเขาถอยลงไปตีนเขากันอย่างยากลำบาก ที่นั่นมีต้นกล้วยอยู่ผืนใหญ่ แล
เหล่าทหารถ้าให้บอกว่าตัวเองไม่สบายตรงไหน แล้วยังไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือปวดท้องปวดบิดปวดหัวหรืออยากถ่ายอะไรทำนองนั้นเลยพวกเขาแค่รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงอย่างเดียวเท่านั้น!"แม่งเอ๊ยจู่ๆ ก็มาอ่อนแรงเป็นผู้หญิงได้ยังไงกัน!" มีคนอดก่นด่าตัวเองขึ้นมาไม่ได้ คิดจะยกมือขึ้นทุบตัวเองก็ยังไม่มีแรงเลยตอนนี้จู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าอะไรคืออ่อนแอดั่งหลิวต้องลม ปวกเปียกจนดูแลตัวเองไม่ได้มีคนลงไปนอนบนพื้นขนาดแค่จะปีนขึ้นมาก็ยังไม่มีแรง"ลุกขึ้นมา!""บอกให้พวกเจ้าลุกขึ้นมา ไม่ได้ยินรึ? อย่าบีบให้ข้าต้องซัดพวกเจ้านะ!"โจวติ้งเจินโมโหจนมึนงง ตะโกนขึ้นดังลั่น กระโจนลงมาจากม้า สาวเท้าเดินเข้าไปข้างตัวทหารที่อยู่ใกล้เขาที่สุด ยกเท้าขึ้นเตะคนที่นอนอยู่บนพื้น"ลุกขึ้นมาได้ยินไหม? พวกเจ้าดูซิพวกเหมือนตัวอะไรกันไปแล้ว?"มาตีเมืองกันแท้ๆ แต่ตอนนี้ดันมานอนบนพื้น! มานอนกันจนทำให้คนบนหอเมืองหัวเราะเยาะ! ดูแล้วยังเป็นเขาด้วยที่กลายเป็นเรื่องตลก!"พวกเจ้าสภาพแบบนี้ ขุนพลอย่างข้าก็เหมือนเข้ามาเป็นตัวตลกให้เขาดูแล้ว!"เข้ามาเป็นตัวตลกให้เซียวหลันยวน!และตอนนี้ บนหอเมืองก็มีเสียงของเซียวหลันยวนลอดเข้ามา"ข
มีคนตกใจมีคนร้องโหยหวนมีคนมีคนที่กระโดดโลดเต้นและมีคนที่จะกระโดดก็ยังกระโดดไม่ขึ้น หลังจากล้มลงบนพื้นก็ถูกคนข้างๆ ล้มทับกันเข้ามาอีกชั่วขณะหนึ่ง ท่วงท่าที่องอาจน่าเกรงขามแต่เดิมของทหาร ก็ดูสับสนโกลาหลเหมือนสุนัขเหมือนไก่ขึ้นมาแม้เอาทหารมากมายไปเทียบกับสุนัขกับไก่จะไม่ค่อยเหมาะสม แต่สภาพเช่นนี้ก็ค่อนข้างใกล้เคียงกัน เพราะเดิมทีเหล่าทหารก็เตรียมพร้อมจะโจมตี จัดกระบวนกันเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ก็หมดเรี่ยวแรงกัน จึงควบคุมไว้ไม่อยู่โจวติ้งเจินพอเห็นสถานการณ์ก็ยิ่งโกรธยิ่งร้อนรนชั่วขณะหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ยิ่งไปกว่านั้นฤทธิ์ยาของคนเหล่านี้ก็ไม่เหมือนกันด้วย มีพวกที่อยู่ใกล้หน่อยสูดกันเข้าไปก่อน มีบางส่วนสูดเข้าไปช้าหน่อย บางคนก็สูดเข้าไปมาก บางคนก็สูดเข้าไปน้อยแล้วยังต้องดูกำลังภายในคุณสมบัติร่างกายของแต่ละคนด้วยอย่างโจวติ้งเจิน วรยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งที่สุด กำลังภายในลึกล้ำ ดังนั้นเขาตอนนี้ยังไม่รู้สึกไม่สบายเท่าไรนักและเพราะเขาที่อยู่ตรงนี้ ตัวเขาไม่สังเกตเห็นความผิดปกติในร่างกาย จึงยิ่งไม่เข้าใจว่าเหล่าทหารเกิดอะไรกันขึ้น"วันนี้กินอะไรกันเข้าไป? โดนพิษอะไรเข้าหร
ฟู่จาวหนิงมั่นใจอย่างมากต่อยาที่ตนเองสกัดขอแค่องครักษ์เหล่านั้นสามารถสาดยาออกไปตามทิศทางลมได้ อย่างน้อยก็ต้องทำลายพลังต่อสู้ของทหารได้ครึ่งหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นประสิทธิภาพของยานี้ก็อยู่ได้ถึงเกือบหนึ่งวันเต็มจึงจะอ่อนกำลัง เวลาหนึ่งวัน เพียงพอจะให้โจวติ้งเจินลนลานจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ทหารจำนวนมากขนาดนี้ล้อมเมืองอยู่ อยู่ดีดีก็ไม่มีเรี่ยวแรง แค่ไปหาสาเหตุก็แทบแย่แล้วโจวติ้งเจินตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเห็นว่าหนึ่งชั่วยามที่กำหนดให้กับโหยวจางเหวิน อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเปิดประตูเมืองส่งคนป่วยออกมา ก็รู้ว่าโหยวจางเหวินต้องคิดจะปกป้องคนป่วยเหล่านั้นแน่นอน"โง่เขลาเสียจริง โหยวจางเหวินคิดว่าตัวเองเป็ฯคนใจบุญมากนักหรือไรกัน? เขาคิดว่าตัวเองจะปกป้องคนมากขนาดนี้ในเมืองเจ้อได้เรอะ? ยังคิดว่าอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนจะมาคอยหนุนเขาได้หรือไรกัน?"โจวติ้งเจินกัดฟัน เรียกรองขุนพลออกมา "เตรียมโจมตีด้วยไฟ แล้วก็เตรียมบุกประตูเมือง"พวกเขาเดิมทียังมีแผนสำรองแบบนี้ไว้ด้วยต่อให้ไม่คิดจะโจมตีเข้าเมืองจริงๆ แต่ก็ยังจะทำท่าทีแบบนั้น ใช้ไม้ซุงทลายประตูโจมตีเข้ามาที่ประตูเมือง ทำให้เกิ
ฟู่จาวหนิงพอได้ข่าว ก็เตรียมยาเสร็จแล้วผงยามีทั้งหมดสิบห้าห่อ พอพวกเขาคำนวณทิศทางลมดีแล้ว ก็ให้อาศัยต้นไม้สูงใหญ่ จากนั้นก็ใช้ปีกสายลมกับวิชาตัวเบา ก็สามารถโปรยผงยาออกไปในบริเวณกว้างได้"ผงยาเหล่านี้มียาแก้อยู่ พวกเจ้าต้องกินยาแก้ไว้ก่อน ถึงตอนนั้นถ้าเผื่อสูดเข้าไปจะได้ไม่เกิดเรื่อง"ฟู่จาวหนิงส่งยาแก้ให้กับพวกเขาฟู่จิ้นเชินดูทิศทางลมไว้แล้ว คนหาตำแหน่งเหมาะๆ ที่จะลงมือจนตอนที่พวกเขาเตรียมการเสร็จ ก็ถึงเวลาหนึ่งชั่วยามที่โจวติ้งเจินให้ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวพอดีโจวติ้งเจินส่งคนมาตะโกนที่ใต้หอเมือง"ใต้เท้าโหยว! หนึ่งชั่วยามแล้ว รีบเปิดประตูเมืองส่งคนป่วยออกมา ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!"ทางนั้น ภายใต้การชี้แนะของฟู่จิ้นเชิน เหล่าองครักษ์ที่สวมปีกสายลมก็แฝงตัวออกไปอย่างไร้ซุ่มเสียงเซียวหลันยวนยืนอยู่บนหอเมืองเขาปรากฏตัวตรงนั้น ก็ดึงดูดความสนใจของพวกโจวติ้งเจินได้พอดี ให้พวกเขามองข้ามสิ่งอื่น เพื่อให้เหล่าองครักษ์ปีกสายลมทำงานได้"ใต้หอเมืองเจ้อนี้ล้วนเป็นอิฐดำ โจวติ้งเจิน เจ้าคิดจะใช้ไฟโจมตี หัวสมองถูกไม้กระดานหนีบไว้หรืออย่างไร?" เซียวหลันยวนส่งเสียงลอดออกไปไกล
อ๋องเจวี้ยนจงใจดูถูกเขาหมิ่นเขาเพิกเฉยเขา จงใจแน่ๆ กลัวเขาเสียที่ไหนกัน?อ๋องเจวี้ยนยังจงใจแสดงวิชาตัวเบาที่แข็งแกร่งขนาดนั้นออกมาต่อหน้าเขาอีก นี่มันตบฉาดหน้าเขาชัดๆระหว่างทางที่มาโจวติ้งเจินคิดแผนการเอาไว้ดิบดี แต่ปฏิกิริยาของอ๋องเจวี้ยนกลับทำแผนของเขาวุ่นวายไปหมดใครจะรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนมีนิสัยแบบนี้?ทำเอาคนทั้งชิงชังทั้งจนใจเลยจริงๆ"อ๋องเจวี้ยน โจวติ้งเจินเอาแต่เรียกพระชายาให้ออกไป จะต้องคิดใช้พระชายา ล่อท่านออกไปแน่" อันเหนียนบอกกับเซียวหลันยวน "แต่พระชายาถ้ายังไม่ออกไปอีก ถึงตอนนั้นโจวติ้งเจินอาจจะผลักภาระทั้งหมดมาบนตัวพระชายาได้นะ องค์จักรพรรดิคงถือโอกาสนี้จัดการพระชาแน่"ถึงตอนนั้น โจวติ้งเจินแค่บอกกับองค์จักรพรรดิว่า พระชายาไม่ยอมออกมาพบหน้าเพื่ออธิบายอาการป่วยของเมืองเจ้อ ทำให้เขาไม่แน่ใจในสถานการณ์ การรักษาคนป่วยเหล่านั้นผิดพลาด ความรับผิดชอบนั้นทั้งหมดจะไปอยู่บนตัวพระชายาอันเหนียนถึงอย่างไรก็เป็นแค่ขุนนาง เขาไม่อาจต่อต้านจักรพรรดิได้ ดังนั้นตอนนี้จึงกังวลว่าจักรพรรดิจะคาดโทษฟู่จาวหนิงฟู่จิ้นเชินมองเซียวหลันยวน"จาวหนิงไม่ออกไป องค์จักรพรรดิก็คาดโทษนางไม่ได้" เซี
และถ้าสู้ชนะ...เอ่อ ต่อให้รองขุนพลของโจวติ้งเจินจะไม่ค่อยมั่นใจ ว่าท่านขุนพลจะสู้ชนะอ๋องเจวี้ยนได้ไหม?พวกเขาไม่เคยสู้กัน แต่ก็ลือกันว่าวรยุทธ์ของอ๋องเจวี้ยนแข็งแกร่งมาก...แค่ที่อ๋องเจวี้ยนลงมือเมื่อครู่ พวกเขาก็เห็นกับตากันแล้วกระโจนลงมาจากหอเมืองยังไม่เท่าไร แต่หลังจากร่อนลงมาแล้วก็ยังสามารถยืนอยู่บนหลังม้าได้ ทำให้ม้าตัวนั้นไม่กล้าจะขยับ พวกเขาเองทำไม่ได้แน่นอนยิ่งไปกว่านั้น เขาอยู่กลางอากาศก็ยังเตะขุนพลน้อยคนนั้นปลิวมาไกลขนาดนี้ กำลังภายในลึกล้ำแค่ไหนกัน?"ข้าต้องกลัวเขาด้วยเรอะ?"โจวติ้งเจินถูกยั่วยุง่ายมาก เขาอยากจะประลองกับเซียวหลันยวนมาตลอด แต่ก็ไม่เคยมีโอกาส"ท่านขุนพลไม่ต้องกลัวเขาอยู่แล้วขอรับ แต่ว่าเขาเป็นถึงอ๋องเจวี้ยน ท่านขุนพลไม่มีเหตุผลต้องไปลงมือกับเขานี่ขอรับ"รองขุนพลขวางโจวติ้งเจินเอาไว้ถ้าตอนนี้เขาออกไปสู้กับอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา เดี๋ยวจะอธิบายลำบากเปล่าๆองค์จักรพรรดิเกรงว่าก็อยากจะจัดการอ๋องเจวี้ยนอยู่ แต่ยังไม่กล้าทำอย่างโจ่งแจ้งนักถ้าหากลงมือกับอ๋องเจวี้ยนไปแบบนี้ ถึงตอนนั้นถ้าองค์จักรพรรดิต้องหาคำอธิบายกับเหล่าพระญาติและอ๋องเจวี้ยน คงได้หันมาลงโท
"หมอฟู่ออกมาก่อน ขุนพลโจวของพวกเรามีคำถาม! ทำให้การรักษาผู้ป่วยล่าช้า หมอฟู่แบกรับความรับผิดชอบนี้ไม่ไหวหรอกนะ!"ขุนพลน้อยคนนั้นยังคงตะโกนปาวๆ อยู่ใต้หอเมืองสีหน้าเซียวหลันยวนถมึงทึงไปแล้ว ถ้าไม่ใช่มีหน้ากากบังอยู่ หน้าของเขาตอนนี้คงจะดำยิ่งกว่าท้องฟ้าราตรีเสียอีกฟู่จิ้นเชินเองก็โกรธเหมือนกันเขายืนอยู่ข้างๆ เซียวหลันยวน คิดจะเตือนเขาว่าอย่าออกไปรับมือกับดจวติ้งเจินด้วยตนเอง แต่คิดไม่ถึงเลย ว่าโจวติ้งเจินจะมีความคิดไปอยู่บนตัวจาวหนิง!ตอนนี้ฟู่จาวหนิงถ้าออกไป โจวติ้งเจินจะปล่อยนางกลับมาได้อย่างไร?พวกเขาคิดแผนของโจวติ้งเจินออกแทบจะทันที"เขาคิดจะควบคุมฟู่จาวหนิงไว้ แล้วเอาจาวหนิงมาคุกคามเจ้า" ฟู่จิ้นเชินทั้งเคืองทั้งโกรธ"ฝันไปเถอะ"เซียวหลันยวนกระโจนลงมาจากหอเมืองราวกับเหยี่ยวโฉบขุนพลน้อยคนนั้นรู้สึกเหมือนมีพลังวูบหนึ่ง เงยหน้าขึ้นอย่างหวาดผวา ยังไม่ทันได้เห็นชัดว่าเป็นใคร ก็ได้ยินเสียงดังพลั่ก ส่วนตนเองถูกเตะลอยออกไปแล้วการลอยนี้ ปลิวไปไกลมาก เหมือนกับลอยตามลม หล่นกระแทกพื้นห่างไปลิบๆจุดที่ตกอยู่ใกล้กับโจวติ้งเจินและเซียวหลันยวนหลังจากถีบคนออกไปแล้ว ก็ร่อนลงมาบนหลั