พอเห็นฉากนี้ อันเหนียนก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขารีบเดินกลับไปในรถม้าตนเอง หลังจากขึ้นรถม้าก็พูดกับคนขับรถว่า "ตามรถม้าจวนโหวไป"ระหว่างทาง อันเหนียนตอนที่มองไปด้านนอกก็เห็นเข้ากับคนรู้่จักกำลังซื้อของว่างอยู่ข้างทาง จึงร้องเรียกขึ้นทันที"สหายซุน"อีกฝ่ายหันกลับมา"ผู้ตรวจการอัน?""ข้ามีเรื่องด่วนต้องให้เจ้าช่วย""ผู้ตรวจการอันมีเรื่องอะไรกำชับได้เลย!" คุณชายซุนดูตกตะลึงที่ได้รับการเอ็นดูอันเหนียนเป็นผู้ตรวจการที่อายุน้อยที่สุดในราชสำนัก ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลอันก็ยังเป็นตระกูลขุนนางมือสะอาดมาแต่ไหนแต่ไร อันชิงเองก็ภาคภูมิใจมาโดยตลอด ปกติไม่ค่อยได้ร่วมเสวนากับพวกเขาเท่าไรนัก ตอนนี้อันเหนียนกลับมีเรื่องให้เขาช่วยเหลือ?คุณชายซุนตื่นเต้นขึ้นมา"ท่านตอนนี้ไปที่จวนอ๋องเจวี้ยนให้รอบหนึ่ง" อันเหนียนรีบเขียนกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่ง พับเสร็จก็ส่งให้เขา "เอาสิ่งนี้ส่งให้อ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนถ้าหากไม่อยู่ ก็ส่งให้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน รีบไป รบกวนด้วย เรื่องนี้จะต้องทำให้ได้!"พูดจบเขาก็ควบรถม้าตรงต่อไปคุณชายซุนบีบกระดาษแผ่นนั้นแบบยังตั้งตัวไม่ค่อยติด"ไม่สิ ผู้ตรวจการอัน สหายอันเห
"ลูกพี่หนิง!"ลู่ทงพอเห็นนางก็รีบหยุดม้า กระโจนตัวลงมา ตรงไปเบื้องหน้านางอย่างดีอกดีใจ"เจ้าไปอย่างไรมาอย่างไรนี่?"ฟู่จาวหนิงหลังจากกลับมาจากงานเลี้ยงวังครั้งที่แล้วก็ไม่เจอพวกลู่ทงอีกเลย ตอนนี้พอเห็นเขาก็รู้สึกเกินคาดหน่อยๆ"ข้ามาส่งจดหมายน่ะ!"ลู่ทงกลัวว่าอันเหนียนส่งเรื่องเร่งด่วนอะไรมา จึงไม่กล้าพูดมากนัก รีบยื่นกระดาษในมือส่งออกไปให้นางถึงอย่างไรก็บอกว่าไว้ว่าถ้าไม่เจออ๋องเจวี้ยนก็ให้มอบให้พระชายาอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้เขาเองก็เจอกับพระชายาก่อน เช่นนั้นที่ส่งให้นางเลยก็ถูกต้องอยู่"นี่เป็นสิ่งที่ผู้ตรวจการอันส่งมาให้ เขาเจอคนคุ้นเคยระห่างทางจึงให้เขาเอามาส่ง คนผู้นั้นสกุลซุน แต่ว่าเขาน่าจะกลัวอ๋องเจวี้ยนมาก ดังนั้นจึงไม่กล้ามา ข้าจึงรับงานนี้มาระหว่างทางพอดี ลูกพี่หนิง ข้ายังไม่ได้เปิดอ่านกระดาษแผ่นนี้นะ"ตอนที่ฟู่จาวหนิงมองกระดาษแผ่นนี้ ลู่ทงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างชัดเจน"นายท่านผังดูผิดปกติ ไปที่จวนโหวจวิ้นอัน เปลี่ยนรถม้าโหวจวิ้นอันแล้วออกไป ข้าตอนนี้กำลังติดตาม ทิศทางที่พวกเขาไป คือวังหลวง"ข้อความบนกระดาษเขียนไว้ลวกๆ มาก มองออกว่าน่าจะรีบเขียนออกมา"เข้ามา"ฟู่จาวหนิงหมุนต
"่ลูกพี่หนิง พวกเราตอนไหนไปเขาเมฆอรุณด้วยกันอีกดี? ก่อนที่หิมะจะมาข้ากับพวกเจิ้งหยางอยากจะไปกันอีกสักรอบ ไปล่าสัตว์ ถึงตอนนั้นช่วงสิ้นปีก็มีเนื้อสัตว์เอาไว้ส่งเป็นของขวัญ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราถ้าล่าได้มาก ผู้อาวุโสที่บ้านต้องดีใจแน่"ก่อนหน้านี้ลู่ทงกับพวกเจิ้งหยางหารือกันเรื่องนี้แล้ว ว่าก่อนหิมะจะมาจะไปอีกสักรอบหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นยังอยากจะดึงฟู่จาวหนิงไปด้วย เพราะพวกเขารู้สึกว่าขอแค่พาฟู่จาวหนิงไป สิ่งที่ได้รับจะต้องมากล้นแน่นอน"ขึ้นเขา?"ฟู่จาวหนิงเองก็หวั่นไหวเล็กๆ นางอยากไปหาสมุนไพรแต่ว่าพอคิดๆ นางก็ล้มเลิกแล้ว "ข้าน่าจะไม่มีเวลาว่างเลย"นางเกือบจะลืมว่าอีกไม่นานก็ต้องไปเขาอวี้เหิงกับเซียวหลันยวน เรื่องหายา ระหว่างทางไปเขาอวี้เหิง หรือบางทีบนเขาอวี้เหิงเองก็น่าจะมีอยู่"อ๋า? เช่นนั้นก็ได้" ลู่ทงดูผิดหวังหน่อยๆ "แต่ว่าครั้งหน้ามีเวลาถ้าจะมานัดลูกพี่หนิงไปด้วยกันก็คงได้ใช่ไหม?""แน่นอน ถ้ามีเวลาว่างจะไปแน่"ฟู่จาวหนิงพูดเช่นนี้ ลู่ทงก็ดีอีกดีใจขึ้นมา"จริงด้วย ลูกพี่หนิง ข้าเกือบลืมว่ามีอีกเรื่อง ข้าอยากให้ท่านไปดูท่านยายคนหนึ่งของข้าหน่อย""อื๋อ?""ก่อนหน้าที่ไทเฮาจะเ
สถานการณ์ของเฟิงจวิน ทำให้ฟู่จาวหนิงรู้สึกตกตะลึงไปบ้างตอนที่พวกเขารีบไปยังเรือนเฟิงจวิน ด้านในกำลังมีเสียงกรีดร้องดังติดกันออกมา จะบอกว่าเสียงกรีดร้องก็ไม่ค่อยคล้าย นั่นเป็นเสียงร้องคำรามที่ดูเสียแรงเปล่าและสิ้นหวังหลังจากผ่านไปหลายเสียง ก็มีเสียงครวญครางเหนื่อยล้าตามมา"ไอ๊...โยว.."ด้านในมีคนกำลังเตือน กำลังร้องไห้เสียงต่อ"อาซูเพิ่งจะวิ่งออกไปหาคนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา ไม่รู้ว่าจะเจ้าเด็กนั่นจะเชิญหมอหลวงมาได้ไหม"มีคนเอ่ยขึ้นอย่างกลั้นน้ำตาไม่อยู่ "คนในวังอาจจะกลัวว่าอาการป่วยของเฟิงจวินจะระบาดสู่คน ฮองเฮาเองคงกดดันไม่ให้หมอหลวงเข้ามา นี่ทำเกินไปแล้ว""เจ้าอย่าพูดส่งเดช ฮองเฮาเป็นคนที่เจ้าพาดพิงได้หรือ?""ฮูหยินใหญ่ นั่นมันเรื่องจริงนี่นา เช่นนั้นพวกเราหาคนส่งจดหมายให้ไทเฮาดีกว่า ไทเฮาถ้าลงมือก็น่าจะเชิญหมอหลวงมาได้""ข้าบอกแล้ว ว่าห้ามไปหาไทเฮา" เฟิงจวินยังไม่ทันพูดจบ ก็ครวญครางออกมาอย่างดไม่อยู่ ฟังเสียงของนางแล้วเจ็บปวดอย่างมาก"เฟิงจวิน ข้าเชิญหมอเทวดามาแล้ว!" โม่อิงซูพาคนเข้ามา"หมอเทวดา? หมอเทวดาหลี่หรือ? เฟิงจวินเคยบอกว่าว่าไม่ต้องเชิญเขา"หญิงสาวในห้องหลายคนเสี
"ซี๊ด เจ็บ.."จนท่านเฟิงจวินร้องขึ้นอย่างทนไม่ไหวอีกครั้ง ออกแรงคว้าจับมือของฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณ พวกเขาจึงเพิ่งเหมือนตื่นจากฝัน"พระชายาอ๋องเจวี้ยน อาการป่วยของท่านเฟิงจวิน ท่านรักษาได้ไหม?"ฮูหยินใหญ่โม่มองฟู่จาวหนิงอย่างเต็มไปด้วยความหวังตระกูลโม่ของพวกเขา อันที่จริงก็ล้วนได้ยินเรื่องราวของพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาตลอดแต่ว่าเพราะสาเหตุต่างๆ พวกเขาเองก็เหมือนกับคนอื่นที่ไม่กล้ามองพระชายาอ๋องเจวี้ยนเป็นหมอคนหนึ่ง แล้วสามารถตรงไปเชิญมาได้ตอนนี้พอเห็นว่าฟู่จาวหนิงเข้ามา พวกเขาอันที่จริงดีใจกันมาก และคาดหวังอย่างมาก บางทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนอาจจะสามารถรักษาอาการป่วยของเฟิงจวินได้กระมัง?"เจ้าโรคคนแก่นี่ เฮ้อ!"เฟิงจวินหายใจไม่ทันนางอยากจะพูดกับฟู่จาวหนิงหลายคำหน่อย แต่ก็พูดออกมาไม่ได้ ตอนนี้รู้สึกว่าทั่วทั้งตัวเหมือนคนจมน้ำอย่างไรอย่างนั้น"ท่านเฟิงจวิน!"คนทั้งหมดล้วนร้อนรนจนตาแดงแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรฟู่จาวหนิงยื่นมือไปกดที่จุดชีพจรของนาง ออกแรงกดท่านเฟิงจวินก็เรอออกดมาทีหนึ่ง จากนั้นก็ถอนใจโล่ง หายใจหายคอทันแล้วพริบตานี้เอง นางรู้สึกได้ว่าตนเองเหมือนกำลังจะจมน้ำตายแต่
"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ปีนั้นที่อ๋องเจวี้ยนเกิดเรื่อง ไท่ซ่างหวงตอนนั้นรับสั่งห้ามพูดเอาไว้" ฮูหยินใหญ่โม่เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังพวกเขาเองก็รู้ว่าพ่อแม่ของฟู่จาวหนิงในตอนนั้นเป็นตัวบุคคลที่สำคัญที่สุด อ๋องเจวี้ยนทำไมจึงรับปากแต่งงานกับฟู่จาวหนิง พวกเขาเหล่านี้รู้จักคนในส่วนหนึ่งในเหตุการณ์นั้น อันที่จริงก็มีการคาดเดาที่ไม่ดีไว้แล้ว อย่างเช่นว่า อ๋องเจวี้ยนคิดจะเอาความแค้นของแม่มาลงที่ลูกสาว ที่แต่งงานกับฟู่จาวหนิงก็เพื่อจะทรมานนางหรือเปล่า?และเพราะเช่นนี้ แม้จะได้ยินว่าวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงดีมาก แแต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปเชิญมาส่งเดชคิดไม่ถึงว่าตอนนี้ฟู่จาวหนิงจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเองฮูหยินใหญ่โม่สังเกตสีหน้าฟู่จาวหนิง ก็พบว่านางสงบนิ่งดีมาก"อืม ข้ารู้ แต่ว่าข้าเองก็ถือเป็นคนที่สำคัญคนหนึ่งกระมัง? ยิ่งไปกว่านั้นข้ากับอ๋องเจวี้ยนอยู่ในบ้านก็ไม่เคยหลบเลี่ยงเรื่องนี้ ดังนั้นพวกท่านพูดมาให้ละเอียดก็พอ ไม่เป็นไร"ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพวกเขากลัวจะละเมิดข้อห้าม"ใช่แล้ว ท่านเฟิงจวินตอนนั้นก็เข้าร่วมงานเลี้ยงนั่นด้วย""อืม ตอนนั้นนางไปเจอเรื่องแปลกๆ ในงานเลี้ยงมา บางทีอาจจะกินอะไรไม่ถูกมาก
ท่านเฟิงจวินพยักหน้า"ข้าขอคิดก่อน เหมือนมีอะไรลืมไปแล้ว"ฟู่จาวหนิงเลิกเส้นผมของนางออกตรวจสอบฮูหยินใหญ่โม่พวกนางตอนนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไร"จริงด้วย" ท่านเฟิงจวินยังพูดอีกว่า "ตอนนั้นข้ารู้สึกว่า แม่ของท่านบนตัวมีกลิ่นหอมอยู่ ไม่แน่ใจว่ากลิ่นอะไร กลิ่นไม่ค่อยดีนัก"ฟู่จาวหนิงมือชะงัก"ไม่ใช่กลิ่นธูปหรือ?""ไม่ใช่" ท่านเฟิงจวินส่ายหัว "รุ้สึกว่ากลิ่นไม่น่าดม ข้าตอนนั้นยังคิด บนตัวหญิงสาวตระกูลฟู่คนนี้มันกลิ่นอะไรนะ? เข้าวังมาทำไมถึงไม่พิถีพิถันหน่อย นี่ถ้ามาเจอพวกคนชั้นสูงมาได้กลิ่นเข้า คงได้เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแน่ๆ"นางพูดถึงจุดนี้ก็รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงฟู่จาวหนิงมองสีหน้านาง "ขอบคุณท่านเฟิงจวินมากที่บอกเรื่องเหล่านี้กับข้า ตอนนี้ท่านนอนพักผ่อนเสียก่อน ข้าจะฝังเข็มให้ท่าน จากนั้นจะจ่ายยาบางส่วนให้ ส่วนจะใช้ยาอย่างไรข้าอธิบายกับพวกฮูหยินไว้ก็พอ ท่านปล่อยใจให้สบาย แม้ว่าข้าตอนนี้จะยังพูดกับท่านชัดเจนไม่ได้ว่าโรคนี้คืออะไร แต่ว่ารักษาได้""จริงหรือ?""พระชายาอ๋องเจวี้ยน รักษาได้จริงหรือ?""หา?"หญิงสาวตระกูลโม่แต่ละคนที่นี่ล้วนดีใจกันขึ้นมาเป็นล้นพ้นฟู่จาวหนิงเป็นคนแรกที่พู
ฟู่จาวหนิงมองเขาอย่างเกินคาดหน่อยๆ "ไอ๊หยา คุณชายลู่นี่ไม่เลวเลย""ลูกพี่หนิงอย่าขำข้านะ ทำเอาเหมือนข้าเป็นคนโง่" ลู่ทงหัวเราะเหอะๆ "แต่ว่า ขอแค่ข้ายืนหยัดจุดนี้ พวกเขาตอนแรกเองก็เคยสงสัย แต่ว่าเชิญหมอหลายคนมาตรวจอาการ แต่ก็ไม่มีใครพูดว่าเฟิงจวินติดพิษ ดังนั้นคนของตระกูลโม่จึงไม่ได้สงสัยอีกแล้ว"ลู่ทงถอนหายใจอีกครั้ง"ข้าต่อมาก็เคยยกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่พวกเขาก็บอกว่าข้าเป็นคนที่ไม่ได้รู้เรื่องวิชาแพทย์เลย แล้วจะไปเก่งกาจกว่าพวกเขาได้อย่างไร? พวกหมอบอกว่านี่เป็นโรคประหลาด ยังมีคนมาพลิกตำราโบราณสมัยก่อนดูด้วย บอกว่าเคยมีบันทึกไว้ มีโรคที่ผู้ป่วยกลัวแสง ผิวหนังขาวผิดปกติ ไม่เหมือนมนุษย์"มีโรคคนเผือกบางประเภท ที่เป็นได้เช่นนี้จริงฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตัวอย่างที่หมอค้นออกมาน่าจะเป็นโรคคนเผือกแต่ของท่านเฟิงจวินนี้ไม่ใช่"หมอยังบอกว่า ในเมื่อเป็นโรคประหลาดที่ผิวเปลี่ยนเป็นสีขาว เช่นนั้นเฟิงจวินก็ควรจะน่าจะเป็นโรคคล้ายๆ กัน เพียงแต่ทำไมผิวจึงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเทียน ยังต้องหาสาเหตุจากอีกหลายๆ ด้าน ตระกูลโม่เชิญคนมาไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังเชิญคนมาตรวจในจวน ในเรือน อาหารการกิน เสื้อผ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั