ฟู่จาวหนิงมองเขาอย่างเกินคาดหน่อยๆ "ไอ๊หยา คุณชายลู่นี่ไม่เลวเลย""ลูกพี่หนิงอย่าขำข้านะ ทำเอาเหมือนข้าเป็นคนโง่" ลู่ทงหัวเราะเหอะๆ "แต่ว่า ขอแค่ข้ายืนหยัดจุดนี้ พวกเขาตอนแรกเองก็เคยสงสัย แต่ว่าเชิญหมอหลายคนมาตรวจอาการ แต่ก็ไม่มีใครพูดว่าเฟิงจวินติดพิษ ดังนั้นคนของตระกูลโม่จึงไม่ได้สงสัยอีกแล้ว"ลู่ทงถอนหายใจอีกครั้ง"ข้าต่อมาก็เคยยกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่พวกเขาก็บอกว่าข้าเป็นคนที่ไม่ได้รู้เรื่องวิชาแพทย์เลย แล้วจะไปเก่งกาจกว่าพวกเขาได้อย่างไร? พวกหมอบอกว่านี่เป็นโรคประหลาด ยังมีคนมาพลิกตำราโบราณสมัยก่อนดูด้วย บอกว่าเคยมีบันทึกไว้ มีโรคที่ผู้ป่วยกลัวแสง ผิวหนังขาวผิดปกติ ไม่เหมือนมนุษย์"มีโรคคนเผือกบางประเภท ที่เป็นได้เช่นนี้จริงฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตัวอย่างที่หมอค้นออกมาน่าจะเป็นโรคคนเผือกแต่ของท่านเฟิงจวินนี้ไม่ใช่"หมอยังบอกว่า ในเมื่อเป็นโรคประหลาดที่ผิวเปลี่ยนเป็นสีขาว เช่นนั้นเฟิงจวินก็ควรจะน่าจะเป็นโรคคล้ายๆ กัน เพียงแต่ทำไมผิวจึงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเทียน ยังต้องหาสาเหตุจากอีกหลายๆ ด้าน ตระกูลโม่เชิญคนมาไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังเชิญคนมาตรวจในจวน ในเรือน อาหารการกิน เสื้อผ
ลู่ทงฟังอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง ก็รู้ว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของฟู่จาวหนิงในอดีตแน่ก่อนหน้าที่พวกเขาจะตรวจสอบเรื่องในอดีตชัดเจน เขาเองก็จะไม่พูดไปเรื่อยฟู่จาวหนิงปล่อยลู่ทงไว้ก่อน ตรงไปหาผู้อาวุโสจี้ใครจะรู้ว่าพอเพิ่งมาถึงประตูก็เห็นผู้อาวุโสจี้แบกถุงออกมา ทำท่าเหมือนจะออกไปข้างนอกอย่างไรอย่างนั้น"ท่านอาจารย์ ท่านจะไปไหนหรือ?""ศิษย์รัก เจ้ามาได้พอดีเลย" ผู้อาวุโสจี้เห็นนางแล้วดีใจมาก "พันธมิตรโอสถส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าได้รับวัตถุดิบยามากองหนึ่ง ล้ำค่าอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ขายวัตถุดิบยายังบอกว่าพบกับสถานที่ที่วัตถุดิบยาชั้นยอดงอกขึ้นมาอีกด้วย ข้าต้องรีบไปดูเสียหน่อย""ที่ไหนหรือ?""สถานที่ยังไม่รู้ ข้าต้องกลับไปที่พันธมิตรโอสถก่อนรอบหนึ่ง เจ้าจะไปกับอาจารย์ด้วยไหม? เจ้ามาเข้าร่วมพันธมิตรโอสถใต้หล้าตั้งนานแล้ว แต่อาจารย์ก็ยังไม่เคยพาเจ้ากลับไปพบเจ้าพันธมิตรกับเหล่าผู้อาวุโสเลย"ฟู่จาวหนิงชะงักไปนางเองก็หวั่นไหวขึ้นมานิดๆแต่คิดๆ แล้วก็ส่ายหัว "ท่านอาจารย์ ท่านก็รู้ ว่าตอนนี้ข้ามีเรื่องที่ยังออกไปไหนไม่ได้ชั่วคราว เซียวหลันยวนทางนั้นน่ะ"ผู้อาวุโสจี้ถอนหายใจ
"ได้ เช่นนั้นก็ให้คนของจวนอ๋องเจวี้ยนอยู่ เช่นนั้นข้าไปก่อน เดิมทีเมื่อครู่ก็อยากจะไปหาเจ้าอยู่ แต่ตอนนี้เจ้ากลับให้ข้าต้องวิ่งวนไปรอบหนึ่งเสียแล้ว ไว้ข้าไปพันธมิตรโอสถถามถึงสถานที่นั้นแล้วจะเขียนจดหมายมาบอกเจ้า เจ้าลองดูว่าถ้าตอนนั้นว่าง ค่อยคิดว่าจะไปก็ได้"ผู้อาวุโสจี้อยากจะพาฟู่จาวหนิงไปจริงๆ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็จะได้สอนสิ่งที่เจอระหว่างทางให้กับนางไปเลยแต่ว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้ไปไหนไม่ได้เขาก็พอจะเข้าใจอยู่"ท่านอาจารย์ เช่นนั้นก็เดินทางปลอดภัยนะ""อืม ไปแล้ว"ผู้อาวุโสจี้จึงอาจากเมืองหลวงไปกลับมาพูดถึงทางเซียวหลันยวน เขาพาคนตรงไปที่วังหลวงก่อนหน้านี้ รถม้าของโหวจวิ้นอันขับเข้าไปในประตูวังแล้ว อันเหนียนติดตามอยู่ด้านหลัง พอเห็นว่าอีกฝ่ายเข้าวังไปแล้วจริงๆ จึงรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องเพราะทั้งบ้านโหวจวิ้นอันอันที่จริงไม่ได้เข้าวังมานานมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นมีช่วงหนึ่งที่ฮูหยินโหวจวิ้นอันกับฮองเฮาไม่ลงรอยกัน ฮองเฮาแม้จะไม่ได้คิดลงมืออะไรกับโหวจวิ้นอัน แต่เขาก็ได้ยินข้อมูลส่วนในมา ฮองเฮาเคยให้คนมาบอกกับโหวจวิ้นอันว่าไม่อยากจเห็นฮูหยินโหวอีกแล้วโหวจวิ้นอันบอกกับฮูหยิน ถ้าไม่เข้
นอกประตูมีเสียงตะโกนของอันเหนียนลอดเข้ามา"ข้ากำลังหงุดหงิด ให้เขาสงบปากแล้วไสหัวไป""องค์จักรพรรดิ ข้ามีเรื่องประหลาดจะมาแจ้งกับฝ่าบาท!"เรื่องประหลาด?องค์จักรพรรดิถูกประโยคนี้ดึงดุดไว้ทันที ผู้ตรวจการอันเองก็เป็นปฏิปักษ์กับเขาบ่อยครั้ง และเป็นคนที่เอาจริงเอาจังด้วย แล้วจะมีเรื่องประหลาดอะไรที่ต้องมาบอกเขากัน?หรือว่าจะมีเรื่องอะไรจริงๆ?เขากระแอมออกมาเสียงหนึ่ง "เอาล่ะ ข้าจะลองฟังดู ให้เขาเข้ามา"อันเหนียนรีบเดินเข้ามา พอเห็นองค์จักรพรรดิ ก็เอ่ยอย่างตื่นเต้นกับเขาขึ้นทันที "องค์จักรพรรดิ! ได้ยินว่านายท่านผังได้รับของประหลาดชิ้นหนึ่งส่งไปให้กับท่างไทเฮา! ข้าขอหยิบยืมสายตาของฝ่าบาทไปเปิดโลกหน่อยได้ไหม?""เจ้าพูดเรื่องอะไรออกมากัน?"องค์จักรพรรดิงงงันไปเมื่อครู่บอกว่ามีเรื่องประหลาดอยู่ที่หน้าประตูหรือ? ตอนนี้ทำไมกลายเป็นว่านายท่านผังมีของประหลาดส่งไปให้ไทเฮากัน?"นี่เจ้าเข้ามาในวังเพื่อดูผังอ้ายชิงส่งของขวัญให้กับไทเฮาหรือ?""ถูกต้อง องค์จักรพรรดิ นายท่านผังน่ะ ท่านเองก็เข้าใจตัวเขาอยู่กระมัง? คนที่ขี้งกขี้เหนียวขนาดนั้น ปีที่แล้วงานฉลองวันเกิดของฝ่าบาท นายท่านผังส่งอะไรม
ไทเฮาพอตะคอก ก็ทำให้นายท่านผังที่อยู่ด้านนอกตกใจสะดุ้งโหยงเขามองไปยังชายหนุ่มข้างๆ"พวกเจ้าอยากจะพูดอะไรกับไทเฮากันแน่?""นายท่านผังไม่ต้องตึงเครียด นี่ไม่ใช่เรืองแย่สำหรับไทเฮาและองค์จักรพรรดิ" ชายหนุ่มที่ตามมาข้างๆ เงยหน้าพูดขึ้น และก็เป็นฮู่เจียไท่ที่พวกของเซียวหลันยวนตามหามาหลายวันแล้วนั่นเอง"ไม่ใช่แค่พูดกับไทเฮาเท่านั้น พวกท่านยังคิดจะพูดอะไรกังองค์จักรพรรดิอีก?""นายท่านผัง อีกเดี๋ยวท่านก็จะรู้""ข้าเคยพูดไว้แล้ว ว่าข้าไม่ใช่คนที่เลอะเลือนไม่รู้อะไรเลยแบบในอดีตอีกแล้ว ข้าไม่อยากจะทำเรื่องเหล่านั้นกับพวกท่านอีกแล้ว"นายท่านผังยังพูดไม่ทันจบ ฮู่เจียไท่ก็ยื่นมือมากดบนบ่าของเขา ใช้กำลังภายในกดลงไป จนทำเอาบ่าเขาทั้งเจ็บทั้งชา ขยับไม่ได้ชั่วขณะฮู่เจียไท่กดเสียงลงต่ำ "ท่านคิดว่าเรื่องบางเรื่องนึกจะถอนตัวก็ถอนตัวได้หรือ? นายท่านผัง ท่านไร้เดียงสาเกินไปแล้ว"ในห้อง ไทเฮากำลังโกรธเคืองโหวจวิ้นอัน "ข้าบอกไปแล้วเมื่อตอนนั้น ไม่ว่าสิ่งที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ให้อายวนจะเป็นอะไร นั่นมันก็เป็นสิ่งของของเขา ใครก็ห้ามไปแตะต้องแย่งชิง นี่เป็นสิ่งที่ข้ารับปากไท่ซ่างหวงไว้ จะคอยดูแทนเขา""ใช
"ไร้สาระ นี่เจ้าพูดเรื่องที่โง่เขลาเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!"ไทเฮาโมโหแล้วจริงๆ ถ้าองค์จักรพรรดิ คิดจะให้ใครไปเป็นข้าราชการก็ให้คนนั้นเป็นข้าราชการได้โดยที่ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น เช่นนั้นแผ่นดินนี้ก็คงเป็นแผ่นดินที่ใกล้จะล่มสลายไปแล้ว!คิดว่าควบคุมแคว้นหนึ่งมันเป็นเรื่องง่ายดายหรือไรกัน?"นี่มันโง่เขลาตรงไหน? ไทเฮา พวกเราเองก็ไม่เคยเข้าวังมาเพื่อขออะไรเลย ตอนนี้แค่ขอเงื่อนไขเล็กๆ นี้ ทำไมจึงทำไม่ได้กัน?" โหวจวิ้นอันกัดฟันพูดถึงอย่างไรตอนที่เข้ามาเขาก็คิดไว้แล้ว ไทเฮากับองค์จักรพรรดิจะต้องโกรธแน่ แต่หลังจากโกรธก็ควรจะรับปากเพื่อความรุ่งโรจน์ในภายหลัง เขาเองก็ต้องงัดกับแรงกดดันนี้"ต่อให้เจ้าอยากจะขอตำแหน่งข้ารชการ อย่าน้อยก็ควรจะขอเพื่อคนของตระกูลตนสิ?" ไทเฮาสูดลมหายใจลึก นางเองก็มองออกแล้ว โหวจวิ้นอันครั้งนี้ถ้าทำไม่สำเร็จจะไม่ยอมลดละแน่"คนผู้นี้สำหรับข้าแล้วสำคัญอย่างมาก พูดได้ว่าเป็นผู้มีบุญคุณเลยทีเดียว"คนที่หลังจากนี้สามารถทำให้เขากลายเป็นคนที่สูงส่งมั่งมี จะไม่สำคัญได้อย่างไรกัน?"โอ๋? ผู้มีบุญคุณ? เช่นนั้นก็พอเข้าใจได้ แล้วเป็นใครกัน?" ไทเฮาถาม"เขาอยู่ด้านนอกนี้ ไทเฮ
ถ้าหากเลือกระหว่างองค์จักรพรรดิและอ๋องเจวี้ยน คนมากมายคงคิดว่าไทเฮายืนอยู่ด้านองค์จักรพรรดิทางนี้ ถึงอย่างไรประชาชนก็ล้วนคิดว่าอ๋องเจวี้ยนจะดวงใจของไท่ซ่างหวงกับไทเฮาในอดีต เป็นลูกชายของผู้หญิงคนอื่นที่รับเข้ามาจากด้านนอกตอนนั้นไท่ซ่างหวงรักแม่ผู้ให้กำเนิดอ๋องเจวี้ยนมาก คนทั้งหมดล้วนคิดว่าในใจไทเฮาจะต้องสะกิดใจอยู่ สำหรับอ๋องเจวี้ยน นางจะต้องรังเกียจอยู่อย่างแน่นอนดังนั้นหลายปีมานี้ นางจึงไม่ถามไม่ไถ่ต่ออ๋องเจวี้ยน และไม่ได้ปกป้องเขาด้วยดังนั้นพวกของฮู่เจียไท่่จึงเลือกเข้ามากล่อมไทเฮา แล้วค่อยให้ไทเฮาไปกล่อมองค์จักรพรรดิทีละนิดทีละนิดฮู่เจียไท่ไม่รอให้ไทเฮาตั้งตัวติด เอ่ยต่อมาว่า"ไทเฮาอยากรู้ไหมว่าไท่ซ่างหวงทิ้งอะไรไว้ให้อ๋องเจวี้ยน? ตระกูลฮู่ของข้าปลายปีนี้ จะมากน้อยก็ล้วนได้ยินท่านผู้เฒ่าเอ่ยถึงเรื่องไท่ซ่างหวงในอดีต ไท่ซ่างหวงเคยกำชับเขาอะไร และหลังจากที่อ๋องเจวี้ยนแต่งงานจะทำอะไร กระทั่งเพราะอะไรต้องรอให้อ๋องเจวี้ยนแต่งงานก่อนค่อยส่งสิ่งยืนยันให้เขา เรื่องเหล่านี้ข้ารู้ทั้งหมด"ฮู่เจียไท่มั่นใจมาก ไทเฮาจะต้องอยากรู้เรื่องเหล่านี้แน่ถึงอย่างไรไทเฮาตอนนั้นก็รังเกียจตัวตน
นางทำไมถึงจับคำออกมาแค่นั้นจากประโยคตั้งมากมายกัน?"ยังไม่รีบจับพวกเขาอีก! แล้วก็โหวจวิ้นอันกับนายท่านผัง!จับให้หมด! พวกเจ้ากล้าเอาคนที่วางยาพิษสังหารพ่อตนเองมาในบ้านข้า พวกเจ้าคิดจะทำร้ายบ้านข้าหรือไรกัน?"ทหารเข้ามาจับกุมคนเหล่านี้ทันทีฮู่เจียไท่เองก็คิดจะลงมือ แต่ที่นี่คือในวัง วังบรรทมของไทเฮา ถ้าเขาลงมือตอนนี้ เช่นนั้นก็เหมือนจะไม่ดีกับไทเฮาเสียแล้วเขาควบคุมตนเองเาอไว้ ผลคือถูกทหารพลิกสองมือกดลงบนพื้นไม่เหลือความองอาจอยู่อีกเลยแม้แต่น้อยโหวจวิ้นอันเองก็งงงันไปหมด"ไทเฮา ท่านทำไมจึงทำเช่นนี้?""ทำไมหรือ ข้าทำผิดหรือ? แม้ว่าราชวงศ์จะติดค้างตระกูลพวกเจ้า แต่ก่อนหน้านี้ไท่หวงเองก็ไม่เคยพูดว่าถ้าหากพวกเจ้าคิดจะทำร้ายราชวงศ์ พวกเราจะยืนนิ่งไม่ไหวติง"ไทเฮาถลึงตาโต สีหน้าเหมือนไม่เห็นว่าเป็นเรื่องผิดราวกับว่ารอยย่นทุกรอยบนใบหน้านางล้วนเขียนคำว่าบริสุทธิ์เอาไว้อย่างไรอย่างนั้นนายท่านผังล้วนนิ่งงันไม่ขยับตัว"องค์จักรพรรดิมาถึงแล้ว!"ตอนนี้เอง องค์จักรพรรดิกับอันเหนียนเข้ามาแล้วพวกเขาพอเข้ามาก็เห็นฉากที่ทำให้คนงงงันองค์จักรพรรดิหน้าเปลี่ยนสี "เสด็จแม่ นี่มันอะไรกัน?"
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั