"ลูกพี่หนิง!"ลู่ทงพอเห็นนางก็รีบหยุดม้า กระโจนตัวลงมา ตรงไปเบื้องหน้านางอย่างดีอกดีใจ"เจ้าไปอย่างไรมาอย่างไรนี่?"ฟู่จาวหนิงหลังจากกลับมาจากงานเลี้ยงวังครั้งที่แล้วก็ไม่เจอพวกลู่ทงอีกเลย ตอนนี้พอเห็นเขาก็รู้สึกเกินคาดหน่อยๆ"ข้ามาส่งจดหมายน่ะ!"ลู่ทงกลัวว่าอันเหนียนส่งเรื่องเร่งด่วนอะไรมา จึงไม่กล้าพูดมากนัก รีบยื่นกระดาษในมือส่งออกไปให้นางถึงอย่างไรก็บอกว่าไว้ว่าถ้าไม่เจออ๋องเจวี้ยนก็ให้มอบให้พระชายาอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้เขาเองก็เจอกับพระชายาก่อน เช่นนั้นที่ส่งให้นางเลยก็ถูกต้องอยู่"นี่เป็นสิ่งที่ผู้ตรวจการอันส่งมาให้ เขาเจอคนคุ้นเคยระห่างทางจึงให้เขาเอามาส่ง คนผู้นั้นสกุลซุน แต่ว่าเขาน่าจะกลัวอ๋องเจวี้ยนมาก ดังนั้นจึงไม่กล้ามา ข้าจึงรับงานนี้มาระหว่างทางพอดี ลูกพี่หนิง ข้ายังไม่ได้เปิดอ่านกระดาษแผ่นนี้นะ"ตอนที่ฟู่จาวหนิงมองกระดาษแผ่นนี้ ลู่ทงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างชัดเจน"นายท่านผังดูผิดปกติ ไปที่จวนโหวจวิ้นอัน เปลี่ยนรถม้าโหวจวิ้นอันแล้วออกไป ข้าตอนนี้กำลังติดตาม ทิศทางที่พวกเขาไป คือวังหลวง"ข้อความบนกระดาษเขียนไว้ลวกๆ มาก มองออกว่าน่าจะรีบเขียนออกมา"เข้ามา"ฟู่จาวหนิงหมุนต
"่ลูกพี่หนิง พวกเราตอนไหนไปเขาเมฆอรุณด้วยกันอีกดี? ก่อนที่หิมะจะมาข้ากับพวกเจิ้งหยางอยากจะไปกันอีกสักรอบ ไปล่าสัตว์ ถึงตอนนั้นช่วงสิ้นปีก็มีเนื้อสัตว์เอาไว้ส่งเป็นของขวัญ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราถ้าล่าได้มาก ผู้อาวุโสที่บ้านต้องดีใจแน่"ก่อนหน้านี้ลู่ทงกับพวกเจิ้งหยางหารือกันเรื่องนี้แล้ว ว่าก่อนหิมะจะมาจะไปอีกสักรอบหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นยังอยากจะดึงฟู่จาวหนิงไปด้วย เพราะพวกเขารู้สึกว่าขอแค่พาฟู่จาวหนิงไป สิ่งที่ได้รับจะต้องมากล้นแน่นอน"ขึ้นเขา?"ฟู่จาวหนิงเองก็หวั่นไหวเล็กๆ นางอยากไปหาสมุนไพรแต่ว่าพอคิดๆ นางก็ล้มเลิกแล้ว "ข้าน่าจะไม่มีเวลาว่างเลย"นางเกือบจะลืมว่าอีกไม่นานก็ต้องไปเขาอวี้เหิงกับเซียวหลันยวน เรื่องหายา ระหว่างทางไปเขาอวี้เหิง หรือบางทีบนเขาอวี้เหิงเองก็น่าจะมีอยู่"อ๋า? เช่นนั้นก็ได้" ลู่ทงดูผิดหวังหน่อยๆ "แต่ว่าครั้งหน้ามีเวลาถ้าจะมานัดลูกพี่หนิงไปด้วยกันก็คงได้ใช่ไหม?""แน่นอน ถ้ามีเวลาว่างจะไปแน่"ฟู่จาวหนิงพูดเช่นนี้ ลู่ทงก็ดีอีกดีใจขึ้นมา"จริงด้วย ลูกพี่หนิง ข้าเกือบลืมว่ามีอีกเรื่อง ข้าอยากให้ท่านไปดูท่านยายคนหนึ่งของข้าหน่อย""อื๋อ?""ก่อนหน้าที่ไทเฮาจะเ
สถานการณ์ของเฟิงจวิน ทำให้ฟู่จาวหนิงรู้สึกตกตะลึงไปบ้างตอนที่พวกเขารีบไปยังเรือนเฟิงจวิน ด้านในกำลังมีเสียงกรีดร้องดังติดกันออกมา จะบอกว่าเสียงกรีดร้องก็ไม่ค่อยคล้าย นั่นเป็นเสียงร้องคำรามที่ดูเสียแรงเปล่าและสิ้นหวังหลังจากผ่านไปหลายเสียง ก็มีเสียงครวญครางเหนื่อยล้าตามมา"ไอ๊...โยว.."ด้านในมีคนกำลังเตือน กำลังร้องไห้เสียงต่อ"อาซูเพิ่งจะวิ่งออกไปหาคนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา ไม่รู้ว่าจะเจ้าเด็กนั่นจะเชิญหมอหลวงมาได้ไหม"มีคนเอ่ยขึ้นอย่างกลั้นน้ำตาไม่อยู่ "คนในวังอาจจะกลัวว่าอาการป่วยของเฟิงจวินจะระบาดสู่คน ฮองเฮาเองคงกดดันไม่ให้หมอหลวงเข้ามา นี่ทำเกินไปแล้ว""เจ้าอย่าพูดส่งเดช ฮองเฮาเป็นคนที่เจ้าพาดพิงได้หรือ?""ฮูหยินใหญ่ นั่นมันเรื่องจริงนี่นา เช่นนั้นพวกเราหาคนส่งจดหมายให้ไทเฮาดีกว่า ไทเฮาถ้าลงมือก็น่าจะเชิญหมอหลวงมาได้""ข้าบอกแล้ว ว่าห้ามไปหาไทเฮา" เฟิงจวินยังไม่ทันพูดจบ ก็ครวญครางออกมาอย่างดไม่อยู่ ฟังเสียงของนางแล้วเจ็บปวดอย่างมาก"เฟิงจวิน ข้าเชิญหมอเทวดามาแล้ว!" โม่อิงซูพาคนเข้ามา"หมอเทวดา? หมอเทวดาหลี่หรือ? เฟิงจวินเคยบอกว่าว่าไม่ต้องเชิญเขา"หญิงสาวในห้องหลายคนเสี
"ซี๊ด เจ็บ.."จนท่านเฟิงจวินร้องขึ้นอย่างทนไม่ไหวอีกครั้ง ออกแรงคว้าจับมือของฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณ พวกเขาจึงเพิ่งเหมือนตื่นจากฝัน"พระชายาอ๋องเจวี้ยน อาการป่วยของท่านเฟิงจวิน ท่านรักษาได้ไหม?"ฮูหยินใหญ่โม่มองฟู่จาวหนิงอย่างเต็มไปด้วยความหวังตระกูลโม่ของพวกเขา อันที่จริงก็ล้วนได้ยินเรื่องราวของพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาตลอดแต่ว่าเพราะสาเหตุต่างๆ พวกเขาเองก็เหมือนกับคนอื่นที่ไม่กล้ามองพระชายาอ๋องเจวี้ยนเป็นหมอคนหนึ่ง แล้วสามารถตรงไปเชิญมาได้ตอนนี้พอเห็นว่าฟู่จาวหนิงเข้ามา พวกเขาอันที่จริงดีใจกันมาก และคาดหวังอย่างมาก บางทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนอาจจะสามารถรักษาอาการป่วยของเฟิงจวินได้กระมัง?"เจ้าโรคคนแก่นี่ เฮ้อ!"เฟิงจวินหายใจไม่ทันนางอยากจะพูดกับฟู่จาวหนิงหลายคำหน่อย แต่ก็พูดออกมาไม่ได้ ตอนนี้รู้สึกว่าทั่วทั้งตัวเหมือนคนจมน้ำอย่างไรอย่างนั้น"ท่านเฟิงจวิน!"คนทั้งหมดล้วนร้อนรนจนตาแดงแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรฟู่จาวหนิงยื่นมือไปกดที่จุดชีพจรของนาง ออกแรงกดท่านเฟิงจวินก็เรอออกดมาทีหนึ่ง จากนั้นก็ถอนใจโล่ง หายใจหายคอทันแล้วพริบตานี้เอง นางรู้สึกได้ว่าตนเองเหมือนกำลังจะจมน้ำตายแต่
"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ปีนั้นที่อ๋องเจวี้ยนเกิดเรื่อง ไท่ซ่างหวงตอนนั้นรับสั่งห้ามพูดเอาไว้" ฮูหยินใหญ่โม่เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังพวกเขาเองก็รู้ว่าพ่อแม่ของฟู่จาวหนิงในตอนนั้นเป็นตัวบุคคลที่สำคัญที่สุด อ๋องเจวี้ยนทำไมจึงรับปากแต่งงานกับฟู่จาวหนิง พวกเขาเหล่านี้รู้จักคนในส่วนหนึ่งในเหตุการณ์นั้น อันที่จริงก็มีการคาดเดาที่ไม่ดีไว้แล้ว อย่างเช่นว่า อ๋องเจวี้ยนคิดจะเอาความแค้นของแม่มาลงที่ลูกสาว ที่แต่งงานกับฟู่จาวหนิงก็เพื่อจะทรมานนางหรือเปล่า?และเพราะเช่นนี้ แม้จะได้ยินว่าวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงดีมาก แแต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปเชิญมาส่งเดชคิดไม่ถึงว่าตอนนี้ฟู่จาวหนิงจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเองฮูหยินใหญ่โม่สังเกตสีหน้าฟู่จาวหนิง ก็พบว่านางสงบนิ่งดีมาก"อืม ข้ารู้ แต่ว่าข้าเองก็ถือเป็นคนที่สำคัญคนหนึ่งกระมัง? ยิ่งไปกว่านั้นข้ากับอ๋องเจวี้ยนอยู่ในบ้านก็ไม่เคยหลบเลี่ยงเรื่องนี้ ดังนั้นพวกท่านพูดมาให้ละเอียดก็พอ ไม่เป็นไร"ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพวกเขากลัวจะละเมิดข้อห้าม"ใช่แล้ว ท่านเฟิงจวินตอนนั้นก็เข้าร่วมงานเลี้ยงนั่นด้วย""อืม ตอนนั้นนางไปเจอเรื่องแปลกๆ ในงานเลี้ยงมา บางทีอาจจะกินอะไรไม่ถูกมาก
ท่านเฟิงจวินพยักหน้า"ข้าขอคิดก่อน เหมือนมีอะไรลืมไปแล้ว"ฟู่จาวหนิงเลิกเส้นผมของนางออกตรวจสอบฮูหยินใหญ่โม่พวกนางตอนนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไร"จริงด้วย" ท่านเฟิงจวินยังพูดอีกว่า "ตอนนั้นข้ารู้สึกว่า แม่ของท่านบนตัวมีกลิ่นหอมอยู่ ไม่แน่ใจว่ากลิ่นอะไร กลิ่นไม่ค่อยดีนัก"ฟู่จาวหนิงมือชะงัก"ไม่ใช่กลิ่นธูปหรือ?""ไม่ใช่" ท่านเฟิงจวินส่ายหัว "รุ้สึกว่ากลิ่นไม่น่าดม ข้าตอนนั้นยังคิด บนตัวหญิงสาวตระกูลฟู่คนนี้มันกลิ่นอะไรนะ? เข้าวังมาทำไมถึงไม่พิถีพิถันหน่อย นี่ถ้ามาเจอพวกคนชั้นสูงมาได้กลิ่นเข้า คงได้เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแน่ๆ"นางพูดถึงจุดนี้ก็รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงฟู่จาวหนิงมองสีหน้านาง "ขอบคุณท่านเฟิงจวินมากที่บอกเรื่องเหล่านี้กับข้า ตอนนี้ท่านนอนพักผ่อนเสียก่อน ข้าจะฝังเข็มให้ท่าน จากนั้นจะจ่ายยาบางส่วนให้ ส่วนจะใช้ยาอย่างไรข้าอธิบายกับพวกฮูหยินไว้ก็พอ ท่านปล่อยใจให้สบาย แม้ว่าข้าตอนนี้จะยังพูดกับท่านชัดเจนไม่ได้ว่าโรคนี้คืออะไร แต่ว่ารักษาได้""จริงหรือ?""พระชายาอ๋องเจวี้ยน รักษาได้จริงหรือ?""หา?"หญิงสาวตระกูลโม่แต่ละคนที่นี่ล้วนดีใจกันขึ้นมาเป็นล้นพ้นฟู่จาวหนิงเป็นคนแรกที่พู
ฟู่จาวหนิงมองเขาอย่างเกินคาดหน่อยๆ "ไอ๊หยา คุณชายลู่นี่ไม่เลวเลย""ลูกพี่หนิงอย่าขำข้านะ ทำเอาเหมือนข้าเป็นคนโง่" ลู่ทงหัวเราะเหอะๆ "แต่ว่า ขอแค่ข้ายืนหยัดจุดนี้ พวกเขาตอนแรกเองก็เคยสงสัย แต่ว่าเชิญหมอหลายคนมาตรวจอาการ แต่ก็ไม่มีใครพูดว่าเฟิงจวินติดพิษ ดังนั้นคนของตระกูลโม่จึงไม่ได้สงสัยอีกแล้ว"ลู่ทงถอนหายใจอีกครั้ง"ข้าต่อมาก็เคยยกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่พวกเขาก็บอกว่าข้าเป็นคนที่ไม่ได้รู้เรื่องวิชาแพทย์เลย แล้วจะไปเก่งกาจกว่าพวกเขาได้อย่างไร? พวกหมอบอกว่านี่เป็นโรคประหลาด ยังมีคนมาพลิกตำราโบราณสมัยก่อนดูด้วย บอกว่าเคยมีบันทึกไว้ มีโรคที่ผู้ป่วยกลัวแสง ผิวหนังขาวผิดปกติ ไม่เหมือนมนุษย์"มีโรคคนเผือกบางประเภท ที่เป็นได้เช่นนี้จริงฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตัวอย่างที่หมอค้นออกมาน่าจะเป็นโรคคนเผือกแต่ของท่านเฟิงจวินนี้ไม่ใช่"หมอยังบอกว่า ในเมื่อเป็นโรคประหลาดที่ผิวเปลี่ยนเป็นสีขาว เช่นนั้นเฟิงจวินก็ควรจะน่าจะเป็นโรคคล้ายๆ กัน เพียงแต่ทำไมผิวจึงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเทียน ยังต้องหาสาเหตุจากอีกหลายๆ ด้าน ตระกูลโม่เชิญคนมาไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังเชิญคนมาตรวจในจวน ในเรือน อาหารการกิน เสื้อผ
ลู่ทงฟังอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง ก็รู้ว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของฟู่จาวหนิงในอดีตแน่ก่อนหน้าที่พวกเขาจะตรวจสอบเรื่องในอดีตชัดเจน เขาเองก็จะไม่พูดไปเรื่อยฟู่จาวหนิงปล่อยลู่ทงไว้ก่อน ตรงไปหาผู้อาวุโสจี้ใครจะรู้ว่าพอเพิ่งมาถึงประตูก็เห็นผู้อาวุโสจี้แบกถุงออกมา ทำท่าเหมือนจะออกไปข้างนอกอย่างไรอย่างนั้น"ท่านอาจารย์ ท่านจะไปไหนหรือ?""ศิษย์รัก เจ้ามาได้พอดีเลย" ผู้อาวุโสจี้เห็นนางแล้วดีใจมาก "พันธมิตรโอสถส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าได้รับวัตถุดิบยามากองหนึ่ง ล้ำค่าอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ขายวัตถุดิบยายังบอกว่าพบกับสถานที่ที่วัตถุดิบยาชั้นยอดงอกขึ้นมาอีกด้วย ข้าต้องรีบไปดูเสียหน่อย""ที่ไหนหรือ?""สถานที่ยังไม่รู้ ข้าต้องกลับไปที่พันธมิตรโอสถก่อนรอบหนึ่ง เจ้าจะไปกับอาจารย์ด้วยไหม? เจ้ามาเข้าร่วมพันธมิตรโอสถใต้หล้าตั้งนานแล้ว แต่อาจารย์ก็ยังไม่เคยพาเจ้ากลับไปพบเจ้าพันธมิตรกับเหล่าผู้อาวุโสเลย"ฟู่จาวหนิงชะงักไปนางเองก็หวั่นไหวขึ้นมานิดๆแต่คิดๆ แล้วก็ส่ายหัว "ท่านอาจารย์ ท่านก็รู้ ว่าตอนนี้ข้ามีเรื่องที่ยังออกไปไหนไม่ได้ชั่วคราว เซียวหลันยวนทางนั้นน่ะ"ผู้อาวุโสจี้ถอนหายใจ
ยาครั้งนี้ มีประสิทธิภาพมากจริงๆพอถึงตอนฟ้าสาง มีคนป่วยหนักแต่เดิมหลายคน มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเดิมทีที่ป่วยจนไม่รู้สึกตัวแล้ว วันนี้ตอนเช้าก็สามารถประคองตัวลุกขึ้นนั่งมากินข้าวต้มได้นี่ทำให้คนทั้งหมดดีใจกันมากมีผลลัพธ์เช่นนี้ ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกว่าตนเองวันนี้เดินเชิดหน้ายืดหลังตรงได้เสียทีนี่อธิบายได้ว่ามีความหวังแล้วจริงๆ! ไม่สิ พูดว่าเป็นความหวังไม่ได้แล้ว มันมีผลลัพธ์ที่ดีแล้วต่างหากตอนที่ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่ทั้งคืน เซียวหลันยวนเองก็ออกไปทั้งคืนไม่ได้กลับมาตอนที่ฟู่จาวหนิงได้พัก ได้กินข้าวเช้า จึงเพิ่งนึกได้ว่าเซียวหลันยวนไม่รู้หายไปไหนนางถามสืออี สืออีก็ดูจะตื่นเต้นขึ้นมารางๆ"ท่านอ๋องออกเมืองไปแล้วขอรับ"ออกเมือง?เซียวหลันยวนออกจากเมือง แล้วทำไมสืออีถึงดูตื่นเต้น?"หรือจะออกไปหาโจวติ้งเจิน?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึงถึงแม้ทหารส่วนใหญ่จะโดนพิษที่ทำให้เสียกำลังในการต่อสู้ไป แต่ก็มีส่วนน้อยที่ไม่ได้โดนพิษ หรืออาจจะมีคนที่โดนพิษไปน้อยมาก นั่นก็ยังสู้ได้อยู่นะองครักษ์ของเซียวหลันยวนส่วนใหญ่ยังอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อคืนตอนที่นางวิ่งไปดูแลคนป่วยตรงนั้นตรงนี้ ย
แต่ว่านางเองก็เห็นว่าฝนเองก็ตกอย่างที่ฟู่จิ้นเชินคำนวณไว้จริงๆตอนนี้พอเห็นสีหน้าของฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียน ก็รู้ว่าน่าจะเรียบร้อยดี"ให้ใต้เท้าอันเล่าเถอะ เขาเล่านิทานเก่งกว่าข้า" เซียวหลันยวนไม่ค่อยชินที่ต้องพูดอะไรยาวๆ สถานการณ์แบบนี้ให้อันเหนียนพูดดีที่สุดอันเหนียนเองก็ดูจนใจ นี่มองเขาเป็นพวกนักเล่านิทานหรือไรกัน?ปกติเขากับพูดกับพระชายามากหน่อย อ๋องเจวี้ยนก็จะหึงหวงขึ้นมา แล้วมาใช้เขาแบบนี้ ไม่หึงแล้วเรอะ?ถึงแม้จะไม่ค่อยพอใจ แต่ตอนที่สายตาคาดหวังของฟู่จาวหนิงหันมา อันเหนียนก็เล่าฉากเมื่อครู่ออกมาอย่างมีชีวิตชีวาฟู่จาวหนิงหลังจากฟังก็อดขำขึ้นมาไม่ได้"ดูท่าขุนพลโจวคืนนี้คงจะน่าเวทนาเอาเรื่อง ฤทธิ์ของผงยานั่น ก็ทำให้พวกเขากระทั่งแรงจะตั้งค่ายก็ยังไม่มีจริงๆ นั่นล่ะ"ยิ่งไปกว่นั้นพวกเขายังไม่มีแรงจะเดินไปไหนไกลได้ด้วยถ้าหากฝนตกทั้งคืน เช่นนั้นพวกเขาก็อาจจะต้องตากฝนกันทั้งคืนและคืนนี้ โจวติ้งเจินก็ซมซานจนต้องด่าพ่อล่อแม่ออกมาเลยทีเดียวแต่ว่าคนมากมายแค่แรงจะด่าก็ยังไม่มียังดีที่ฝนห่านี้ไม่ได้มีฟ้าผ่า พวกเขาถอยลงไปตีนเขากันอย่างยากลำบาก ที่นั่นมีต้นกล้วยอยู่ผืนใหญ่ แล
เหล่าทหารถ้าให้บอกว่าตัวเองไม่สบายตรงไหน แล้วยังไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือปวดท้องปวดบิดปวดหัวหรืออยากถ่ายอะไรทำนองนั้นเลยพวกเขาแค่รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงอย่างเดียวเท่านั้น!"แม่งเอ๊ยจู่ๆ ก็มาอ่อนแรงเป็นผู้หญิงได้ยังไงกัน!" มีคนอดก่นด่าตัวเองขึ้นมาไม่ได้ คิดจะยกมือขึ้นทุบตัวเองก็ยังไม่มีแรงเลยตอนนี้จู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าอะไรคืออ่อนแอดั่งหลิวต้องลม ปวกเปียกจนดูแลตัวเองไม่ได้มีคนลงไปนอนบนพื้นขนาดแค่จะปีนขึ้นมาก็ยังไม่มีแรง"ลุกขึ้นมา!""บอกให้พวกเจ้าลุกขึ้นมา ไม่ได้ยินรึ? อย่าบีบให้ข้าต้องซัดพวกเจ้านะ!"โจวติ้งเจินโมโหจนมึนงง ตะโกนขึ้นดังลั่น กระโจนลงมาจากม้า สาวเท้าเดินเข้าไปข้างตัวทหารที่อยู่ใกล้เขาที่สุด ยกเท้าขึ้นเตะคนที่นอนอยู่บนพื้น"ลุกขึ้นมาได้ยินไหม? พวกเจ้าดูซิพวกเหมือนตัวอะไรกันไปแล้ว?"มาตีเมืองกันแท้ๆ แต่ตอนนี้ดันมานอนบนพื้น! มานอนกันจนทำให้คนบนหอเมืองหัวเราะเยาะ! ดูแล้วยังเป็นเขาด้วยที่กลายเป็นเรื่องตลก!"พวกเจ้าสภาพแบบนี้ ขุนพลอย่างข้าก็เหมือนเข้ามาเป็นตัวตลกให้เขาดูแล้ว!"เข้ามาเป็นตัวตลกให้เซียวหลันยวน!และตอนนี้ บนหอเมืองก็มีเสียงของเซียวหลันยวนลอดเข้ามา"ข
มีคนตกใจมีคนร้องโหยหวนมีคนมีคนที่กระโดดโลดเต้นและมีคนที่จะกระโดดก็ยังกระโดดไม่ขึ้น หลังจากล้มลงบนพื้นก็ถูกคนข้างๆ ล้มทับกันเข้ามาอีกชั่วขณะหนึ่ง ท่วงท่าที่องอาจน่าเกรงขามแต่เดิมของทหาร ก็ดูสับสนโกลาหลเหมือนสุนัขเหมือนไก่ขึ้นมาแม้เอาทหารมากมายไปเทียบกับสุนัขกับไก่จะไม่ค่อยเหมาะสม แต่สภาพเช่นนี้ก็ค่อนข้างใกล้เคียงกัน เพราะเดิมทีเหล่าทหารก็เตรียมพร้อมจะโจมตี จัดกระบวนกันเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ก็หมดเรี่ยวแรงกัน จึงควบคุมไว้ไม่อยู่โจวติ้งเจินพอเห็นสถานการณ์ก็ยิ่งโกรธยิ่งร้อนรนชั่วขณะหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ยิ่งไปกว่านั้นฤทธิ์ยาของคนเหล่านี้ก็ไม่เหมือนกันด้วย มีพวกที่อยู่ใกล้หน่อยสูดกันเข้าไปก่อน มีบางส่วนสูดเข้าไปช้าหน่อย บางคนก็สูดเข้าไปมาก บางคนก็สูดเข้าไปน้อยแล้วยังต้องดูกำลังภายในคุณสมบัติร่างกายของแต่ละคนด้วยอย่างโจวติ้งเจิน วรยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งที่สุด กำลังภายในลึกล้ำ ดังนั้นเขาตอนนี้ยังไม่รู้สึกไม่สบายเท่าไรนักและเพราะเขาที่อยู่ตรงนี้ ตัวเขาไม่สังเกตเห็นความผิดปกติในร่างกาย จึงยิ่งไม่เข้าใจว่าเหล่าทหารเกิดอะไรกันขึ้น"วันนี้กินอะไรกันเข้าไป? โดนพิษอะไรเข้าหร
ฟู่จาวหนิงมั่นใจอย่างมากต่อยาที่ตนเองสกัดขอแค่องครักษ์เหล่านั้นสามารถสาดยาออกไปตามทิศทางลมได้ อย่างน้อยก็ต้องทำลายพลังต่อสู้ของทหารได้ครึ่งหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นประสิทธิภาพของยานี้ก็อยู่ได้ถึงเกือบหนึ่งวันเต็มจึงจะอ่อนกำลัง เวลาหนึ่งวัน เพียงพอจะให้โจวติ้งเจินลนลานจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ทหารจำนวนมากขนาดนี้ล้อมเมืองอยู่ อยู่ดีดีก็ไม่มีเรี่ยวแรง แค่ไปหาสาเหตุก็แทบแย่แล้วโจวติ้งเจินตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเห็นว่าหนึ่งชั่วยามที่กำหนดให้กับโหยวจางเหวิน อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเปิดประตูเมืองส่งคนป่วยออกมา ก็รู้ว่าโหยวจางเหวินต้องคิดจะปกป้องคนป่วยเหล่านั้นแน่นอน"โง่เขลาเสียจริง โหยวจางเหวินคิดว่าตัวเองเป็ฯคนใจบุญมากนักหรือไรกัน? เขาคิดว่าตัวเองจะปกป้องคนมากขนาดนี้ในเมืองเจ้อได้เรอะ? ยังคิดว่าอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนจะมาคอยหนุนเขาได้หรือไรกัน?"โจวติ้งเจินกัดฟัน เรียกรองขุนพลออกมา "เตรียมโจมตีด้วยไฟ แล้วก็เตรียมบุกประตูเมือง"พวกเขาเดิมทียังมีแผนสำรองแบบนี้ไว้ด้วยต่อให้ไม่คิดจะโจมตีเข้าเมืองจริงๆ แต่ก็ยังจะทำท่าทีแบบนั้น ใช้ไม้ซุงทลายประตูโจมตีเข้ามาที่ประตูเมือง ทำให้เกิ
ฟู่จาวหนิงพอได้ข่าว ก็เตรียมยาเสร็จแล้วผงยามีทั้งหมดสิบห้าห่อ พอพวกเขาคำนวณทิศทางลมดีแล้ว ก็ให้อาศัยต้นไม้สูงใหญ่ จากนั้นก็ใช้ปีกสายลมกับวิชาตัวเบา ก็สามารถโปรยผงยาออกไปในบริเวณกว้างได้"ผงยาเหล่านี้มียาแก้อยู่ พวกเจ้าต้องกินยาแก้ไว้ก่อน ถึงตอนนั้นถ้าเผื่อสูดเข้าไปจะได้ไม่เกิดเรื่อง"ฟู่จาวหนิงส่งยาแก้ให้กับพวกเขาฟู่จิ้นเชินดูทิศทางลมไว้แล้ว คนหาตำแหน่งเหมาะๆ ที่จะลงมือจนตอนที่พวกเขาเตรียมการเสร็จ ก็ถึงเวลาหนึ่งชั่วยามที่โจวติ้งเจินให้ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวพอดีโจวติ้งเจินส่งคนมาตะโกนที่ใต้หอเมือง"ใต้เท้าโหยว! หนึ่งชั่วยามแล้ว รีบเปิดประตูเมืองส่งคนป่วยออกมา ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!"ทางนั้น ภายใต้การชี้แนะของฟู่จิ้นเชิน เหล่าองครักษ์ที่สวมปีกสายลมก็แฝงตัวออกไปอย่างไร้ซุ่มเสียงเซียวหลันยวนยืนอยู่บนหอเมืองเขาปรากฏตัวตรงนั้น ก็ดึงดูดความสนใจของพวกโจวติ้งเจินได้พอดี ให้พวกเขามองข้ามสิ่งอื่น เพื่อให้เหล่าองครักษ์ปีกสายลมทำงานได้"ใต้หอเมืองเจ้อนี้ล้วนเป็นอิฐดำ โจวติ้งเจิน เจ้าคิดจะใช้ไฟโจมตี หัวสมองถูกไม้กระดานหนีบไว้หรืออย่างไร?" เซียวหลันยวนส่งเสียงลอดออกไปไกล
อ๋องเจวี้ยนจงใจดูถูกเขาหมิ่นเขาเพิกเฉยเขา จงใจแน่ๆ กลัวเขาเสียที่ไหนกัน?อ๋องเจวี้ยนยังจงใจแสดงวิชาตัวเบาที่แข็งแกร่งขนาดนั้นออกมาต่อหน้าเขาอีก นี่มันตบฉาดหน้าเขาชัดๆระหว่างทางที่มาโจวติ้งเจินคิดแผนการเอาไว้ดิบดี แต่ปฏิกิริยาของอ๋องเจวี้ยนกลับทำแผนของเขาวุ่นวายไปหมดใครจะรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนมีนิสัยแบบนี้?ทำเอาคนทั้งชิงชังทั้งจนใจเลยจริงๆ"อ๋องเจวี้ยน โจวติ้งเจินเอาแต่เรียกพระชายาให้ออกไป จะต้องคิดใช้พระชายา ล่อท่านออกไปแน่" อันเหนียนบอกกับเซียวหลันยวน "แต่พระชายาถ้ายังไม่ออกไปอีก ถึงตอนนั้นโจวติ้งเจินอาจจะผลักภาระทั้งหมดมาบนตัวพระชายาได้นะ องค์จักรพรรดิคงถือโอกาสนี้จัดการพระชาแน่"ถึงตอนนั้น โจวติ้งเจินแค่บอกกับองค์จักรพรรดิว่า พระชายาไม่ยอมออกมาพบหน้าเพื่ออธิบายอาการป่วยของเมืองเจ้อ ทำให้เขาไม่แน่ใจในสถานการณ์ การรักษาคนป่วยเหล่านั้นผิดพลาด ความรับผิดชอบนั้นทั้งหมดจะไปอยู่บนตัวพระชายาอันเหนียนถึงอย่างไรก็เป็นแค่ขุนนาง เขาไม่อาจต่อต้านจักรพรรดิได้ ดังนั้นตอนนี้จึงกังวลว่าจักรพรรดิจะคาดโทษฟู่จาวหนิงฟู่จิ้นเชินมองเซียวหลันยวน"จาวหนิงไม่ออกไป องค์จักรพรรดิก็คาดโทษนางไม่ได้" เซี
และถ้าสู้ชนะ...เอ่อ ต่อให้รองขุนพลของโจวติ้งเจินจะไม่ค่อยมั่นใจ ว่าท่านขุนพลจะสู้ชนะอ๋องเจวี้ยนได้ไหม?พวกเขาไม่เคยสู้กัน แต่ก็ลือกันว่าวรยุทธ์ของอ๋องเจวี้ยนแข็งแกร่งมาก...แค่ที่อ๋องเจวี้ยนลงมือเมื่อครู่ พวกเขาก็เห็นกับตากันแล้วกระโจนลงมาจากหอเมืองยังไม่เท่าไร แต่หลังจากร่อนลงมาแล้วก็ยังสามารถยืนอยู่บนหลังม้าได้ ทำให้ม้าตัวนั้นไม่กล้าจะขยับ พวกเขาเองทำไม่ได้แน่นอนยิ่งไปกว่านั้น เขาอยู่กลางอากาศก็ยังเตะขุนพลน้อยคนนั้นปลิวมาไกลขนาดนี้ กำลังภายในลึกล้ำแค่ไหนกัน?"ข้าต้องกลัวเขาด้วยเรอะ?"โจวติ้งเจินถูกยั่วยุง่ายมาก เขาอยากจะประลองกับเซียวหลันยวนมาตลอด แต่ก็ไม่เคยมีโอกาส"ท่านขุนพลไม่ต้องกลัวเขาอยู่แล้วขอรับ แต่ว่าเขาเป็นถึงอ๋องเจวี้ยน ท่านขุนพลไม่มีเหตุผลต้องไปลงมือกับเขานี่ขอรับ"รองขุนพลขวางโจวติ้งเจินเอาไว้ถ้าตอนนี้เขาออกไปสู้กับอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา เดี๋ยวจะอธิบายลำบากเปล่าๆองค์จักรพรรดิเกรงว่าก็อยากจะจัดการอ๋องเจวี้ยนอยู่ แต่ยังไม่กล้าทำอย่างโจ่งแจ้งนักถ้าหากลงมือกับอ๋องเจวี้ยนไปแบบนี้ ถึงตอนนั้นถ้าองค์จักรพรรดิต้องหาคำอธิบายกับเหล่าพระญาติและอ๋องเจวี้ยน คงได้หันมาลงโท
"หมอฟู่ออกมาก่อน ขุนพลโจวของพวกเรามีคำถาม! ทำให้การรักษาผู้ป่วยล่าช้า หมอฟู่แบกรับความรับผิดชอบนี้ไม่ไหวหรอกนะ!"ขุนพลน้อยคนนั้นยังคงตะโกนปาวๆ อยู่ใต้หอเมืองสีหน้าเซียวหลันยวนถมึงทึงไปแล้ว ถ้าไม่ใช่มีหน้ากากบังอยู่ หน้าของเขาตอนนี้คงจะดำยิ่งกว่าท้องฟ้าราตรีเสียอีกฟู่จิ้นเชินเองก็โกรธเหมือนกันเขายืนอยู่ข้างๆ เซียวหลันยวน คิดจะเตือนเขาว่าอย่าออกไปรับมือกับดจวติ้งเจินด้วยตนเอง แต่คิดไม่ถึงเลย ว่าโจวติ้งเจินจะมีความคิดไปอยู่บนตัวจาวหนิง!ตอนนี้ฟู่จาวหนิงถ้าออกไป โจวติ้งเจินจะปล่อยนางกลับมาได้อย่างไร?พวกเขาคิดแผนของโจวติ้งเจินออกแทบจะทันที"เขาคิดจะควบคุมฟู่จาวหนิงไว้ แล้วเอาจาวหนิงมาคุกคามเจ้า" ฟู่จิ้นเชินทั้งเคืองทั้งโกรธ"ฝันไปเถอะ"เซียวหลันยวนกระโจนลงมาจากหอเมืองราวกับเหยี่ยวโฉบขุนพลน้อยคนนั้นรู้สึกเหมือนมีพลังวูบหนึ่ง เงยหน้าขึ้นอย่างหวาดผวา ยังไม่ทันได้เห็นชัดว่าเป็นใคร ก็ได้ยินเสียงดังพลั่ก ส่วนตนเองถูกเตะลอยออกไปแล้วการลอยนี้ ปลิวไปไกลมาก เหมือนกับลอยตามลม หล่นกระแทกพื้นห่างไปลิบๆจุดที่ตกอยู่ใกล้กับโจวติ้งเจินและเซียวหลันยวนหลังจากถีบคนออกไปแล้ว ก็ร่อนลงมาบนหลั