"รายงานทางการ?""ราชวงศ์ต้าชื่อกับจวนทางการเองก็เกลียดชังต่อลัทธิเทพทำลายล้าง แต่ว่า""พี่หญิง"นอกประตูมีเสียงเฮ่อเหลียนเฟยร้องขึ้นมา"เด็กคนนั้นจากเผ่าเฮ่อเหลียนหรือ?" ผู้อาวุโสจี้ถาม"ใช่""ให้เขาเข้ามา เผ่าเฮ่อเหลียนตอนนั้นก็เหมือนจะเคยสัมผัสกับลัทธิเทพชั่วร้ายด้วยเหมือนกัน" ผู้อาวุโสจี้เอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงให้เฮ่อเหลียนเฟยเข้ามาเฮ่อเหลียนเฟยถูกแบกเข้ามา หลังจากนั่งลงจมูกก็ขยับ มองไปทางจงเจี้ยนอยู่ที่บนเตียง"พี่หญิง ท่านปู่เห็นว่ามีการเคลื่อนไหว เลยให้ข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น""จงเจี้ยนติดพิษเสียแล้ว"เฮ่ยเหลียนเฟยเม้มปาก ลังเลครู่หนึ่งจึงถามขึ้นมา "ข้าเพิ่งได้ยินว่าผู้อาวุโสจี้พูดถึงลัทธิเทพทำลายล้างหรือ?""เจ้ารู้จักลัทธิเทพทำลายล้างด้วยหรือ?""ข้ารู้จัก พี่หญิง ลัทธิเทพทำลายล้างแต่ก่อนมีพวกสาวกลอบแฝงเข้ามาในเผ่าเฮ่อเหลียน พวกเขาคิดจะมารับสาวกเพิ่ม เผ่าเฮ่อเหลียนตอนนั้นมีคนไม่น้อยที่ถูกกล่อมไปพ่อของข้าลงกำลังไปไม่น้อยกว่าจะขับไล่พวกเขาออกไปได้ แต่ก็จ่ายไปด้วยราคาที่น่าเวทนาด้วยเช่นกัน"ผู้อาวุโสจี้พยักหน้า "ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้มา""ตอนนั้นลัทธิเทพทำลายล้างใช้พิษ พิษ
"เรื่องนี้ข้าจะไปบอกกับเซียวหลันยวนก่อน"แม้ว่าฟู่จาวหนิงไม่อยากจะพบกับเซียวหลันยวนนัก แต่ตอนนี้เรื่องนี้จะปิดบังเขาไม่ได้ โดยเฉพาะจงเจี้ยนที่จงเจี้ยนยังเป็นลูกน้องของเขาด้วย"ได้""พี่หญิง ท่านต้องระวังตัวเองด้วย" เฮ่อเหลียนเฟยกังวลมาก"แน่นอน เสี่ยวเฟย เจ้าเองก็ไม่ต้องพูดอะไรกับท่านปู่มากนัก เขาจะได้ไม่ต้องกังวลจนเกินไป เจ้าแค่บอกว่าจงเจี้ยนบาดเจ็บก็พอ ข้าจะรักษาเขาให้ดี""ได้""แล้วก็ พวกเจ้าอยู่ในบ้านต้องระมัดระวังด้วย คอยป้องกันคนในเรือนหน้าเหล่านั้น"ฟู่จาวหนิงยังคิดจะหาวิธีรีบไล่คนออกไป ไม่เช่นนั้นนางก็วางใจไม่ลง ถ้านางไม่อยู่บ้านทุกวันแล้วคนเหล่านั้นมาลงมือกับท่านปู่ล่ะ?"พิษเช่นนี้ ถ้าหากช้าไปนิดเดียวข้าก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน" อารมณ์นางเองก็เคร่งขรึมนิดหน่อย กลัวว่านางเองก็จะช่วยเขาไม่ทันเหมือนกันผุ้อาวุโสจี้ส่ายหัว "เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ว่ากันว่ายาพิษอย่างหุ่นกำสรวลนี้ไม่ใช่สิ่งที่สกัดได้ง่ายๆ พวกเขาไม่มีทางใช้หุ่นกำสรวลออกมาง่ายๆ แน่"เขายังเหลือบมองจงเจี้ยนที่สลบเหมือดอยู่บนเตียง คาดเดาว่า "เด็กคนนี้น่าจะเพราะได้ยินเรื่องที่สำคัญอะไรมากๆ มา อีกฝ่ายจึงใช้งานหุ
เซียวหลันยวนส่งสัญญาณให้ชิงอีไปรินน้ำชามาชิงอีหมุนตัวออกไปรินน้ำชาฟู่จาวหนิงถามเซียวหลันยวนตรงๆ "ท่านเคยได้ยินลัทธิเทพทำลายล้างไหม?""เจ้าว่าอะไรนะ?"เซียวหลันยวนหน้าเปลี่ยนสีกระทั่งการเคลื่อนไหวของชิงอีที่หมุนตัวไปรินน้ำชาทางโต๊ะน้ำชาก็ยังชะงัก หันหน้ากลับมามองนางทันที"พระชายา?""ดูท่าพวกท่านจะรู้สินะ"ฟู่จาวหนิงพอเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาก็รู้"เจ้าไปพบกับคนของลัทธิเทพทำลายล้างมาหรือ?""จงเจี้ยนติดพิษมา ข้าไม่รู้ว่านั่นคือพิษอะไร จึงเชิญท่านอาจารย์ไปดู ท่านอาจารย์บอกว่าเป็นหุ่นกำสรวลของลัทธิเทพทำลายล้าง"ครั้งนี้ขนาดเซียวหลันยวนก็ยังหน้าเปลี่ยนสี"หุ่นกำสรวล!""พระชายา เช่นนั้นจงเจี้ยนตอนนี้คง..."คงตายไปแล้วเพราะหุ่นกำสรวลนี้ไม่มียาที่สามารถแก้ไขได้ จะตายลงอย่างรวดเร็ว ชิงอีคิดถึงจงเจี้ยนที่ตอนนี้น่าจะตายไปแล้ว ในใจก็เหมือนร่วงลงไปก้นเหวขึ้นพริบตา"ข้ารีดพิษออกมาได้แล้วส่วนหนึ่ง พิษที่เหลือยังสะกดไว้ได้ชั่วคราว ตอนนี้จึงคิดจะเข้ามาบอกท่านเรื่องหนึ่ง""เจ้าพูดมาเถอะ" เซียวหลันยวนสีหน้าจริงจัง"ถ้าจะช่วยจงเจี้ยน ไหมใจโลหิตตัวนั้นต้องเอามาใช้แล้ว"ตอนที่พูดประโยคนี
แต่ว่าฟู่จาวหนิง็ไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องห้องเภสัช ไม่อยากให้มีคนเข้าไปด้านในแต่ตอนนี้เซียวหลันยวนกลับเห็นด้วยแล้ว"จงเจี้ยนตอนนี้จะตื่นมาเห็นด้วยได้เสียที่ไหน พวกท่านอ๋องเห็นด้วยก็พอแล้ว ใจไหมโลหิตเป็นของเขา!"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้ว่าชิงอีจะต้องอยากช่วยจงเจี้ยนอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรสำหรับพวกเขา การใช้วัตถุดิบยาที่ล้ำค่าของเจ้านายก็ดูจะเกินเลยไปจุดนี้ฟู่จาวหนิงเองก็นับถือเซียวเหยียนจิ่งอยู่ไหมใจโลหิตหามาได้ยากจริงๆ พวกเขาหามานมนานก็ยังหาไม่พบอย่าว่าแต่จงเจี้ยนที่เป็นแค่ลูกน้องของเขาเลย ต่อให้เป็นคนในบ้านเขา มีคนมากมายพอเกี่ยวข้องกับชีวิตของตนเองก็มักจะลังเลขึ้นมาถึงอย่างไรใครก็ล้วนรู้สึกว่าชีวิตของตนเองนั้นสำคัญที่สุดแต่ว่าเซียวหลันยวนกลับไม่แม้แต่จะคิดแล้วตอบรับมาทันที"ท่านอ๋องโปรดพิจารณาอีกครั้งเถิด" ชิงอีมองเซียวหลันยวนมองออกว่าเขาเองก็รู้สึกยุ่งยากมากเช่นกันฟู่จาวหนิงเองก็มองไปทางเซียวหลันยวน นางไม่ได้เร่งรัดเขา เรื่องนี้ให้เขามาตัดสินใจเองก็ดูสมเหตุสมผลอยู่"ไม่ต้องพิจารณาแล้ว ตอนนี้จงเจี้ยนชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ข้ายังพอทนไหวอยู่ ช่วยชีวิตจงเจี้ยนก่อน""เซียวห
ถ้าเขารับคำมาตรงๆ เช่นนี้แล้ว นางไม่ใช่ว่าต้องดีใจจนกระดิกหางขึ้นมาหรอกหรือ?เซียวหลันยวนมีความคิดจะหยอกล้อนาง จงใจถอนหายใจ"แต่ว่าก็เป็นไปได้ ฟู่หลินซื่อถ้าที่จะเป็นทั้งน้องสาวของเสิ่นเสวียน และเป็นสาวกของลัทธิเทพทำลายล้างด้วย"และตามคาด พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็กลอกตาขาวใส่แต่ว่านางก็ไม่คัดค้านอะไรชิงอีกลับตั้งใจมาก "ท่านอ๋อง จริงด้วย นี่ก็เป็นไปได้เหมือนกัน ถึงอย่างไรท่านเสิ่นก็พูดไว้ ว่าเสิ่นเชี่ยวน้องสาวของเขาหายสาบสูญไปตั้งแต่ยังเล็ก ตอนนั้นพวกสาวกของลัทธิเทพทำลายล้างเองก็มีอยู่ไม่น้อย ศิษย์ฝ่ายธรรมะแต่ละสำนักของต้าชื่อถูกส่งออกไปทุกวัน บ้างก็บอกว่าไปฝึกฝน บ้างก็บอกว่าออกไปไล่ล่าสาวกของลัทธิเทพทำลายล้าง""สาวกลัทธิเทพทำลายล้างเพื่อที่จะหลบหนีการไล่สังหารของพวกฝ่ายธรรมะ ก็คิดหาวิธีปิดบังตัวตนฐานะอย่างสุดกำลัง ดังนั้นคนมากมายล้วนปิดบังซ่อนชื่อเข้าไปอยู่ในกลุ่มสำนักตระกูลต่างๆ ตระกูลเสิ่นเมื่อตอนนั้นก็าจจะถูกลัทธิเทพทำลายล้างแทรกซึมเข้าไปแล้วด้วยกระมัง? ต่อมาคนเหล่านั้นก็มาเจอกับคุณหนูเสิ่น ต่อมาจึงพานางไปไหม?"ชิงอีเอ่ยขึ้นเป็นตุเป็นตะ"อดพูดไม่ได้เลย ชิงอี ทักษะ
"แน่นอน ในโลกกว้างนี้มีของอยู่ทุกสิ่งอย่างนั่นล่ะ ของบางอย่างจะแผ่วัตถุที่ทำร้ายร่างกายมนุษย์ออกมาด้วย พอนานวันเข้า จะทำให้ร่างกายบาดเจ็บจนไม่อาจย้อนคืนได้อีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"เจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร?" เซียวหลันยวนเริ่มมีความคิดที่จะสำรวจตัวนางขึ้นมา"แน่นอนว่าท่านอาจารย์สอนมาสิ" ฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบ "ไม่ใช่ผู้อาวุโสจี้ แต่เป็นอาจารย์ลึกลับที่สอนวิชาแพทย์ให้ข้าแต่ก่อนคนนั้น"และไม่รู้ว่าเรื่องที่ท่านอาจารย์วางเอาไว้ใกล้จะส่งข่าวมาถึงเมืองหลวงหรือยัง ถึงตอนนั้นวิชาแพทย์ของนางก็อธิบายให้ใครเขาฟังได้แล้วส่วนตอนนี้น่ะหรือ..."ถึงอย่างไรผู้อาวุโสก็บอกว่าอย่าเปิดเผยตัวเขา ดังนั้นใครจะถามข้าข้าก็ไม่บอกหรอก""ไม่ถามก็ไม่ถามสิ" เซียวหลันยวนส่ายหัวว "แล้วเจ้ามั่นใจว่าช่วยเสิ่นเสวียนได้หรือ?""มั่นใจ แต่มันไม่ค่อยง่ายก็เท่านั้น""แล้วจะเอาหินดาราไปบอกสถานการณ์กับเขาตอนไหน" หลังจากกเขาถามประโยคนี้สีหน้าจู่ๆ ก็เปลี่ยนไป เสียงเองก็สูงขึ้น "ไม่สิ ในเมื่อหินดาราคุ่นั้นทำให้คนป่วยได้ ตอนนี้ยังอยู่ในมือเจ้าหรือ เจ้า..."เขาคว้าข้อมือฟู่จาวหนิง ความร้อนรนก็เอ่อล้นเกินคำพูดขึ้นมา
เหล่าทหารตอบกลับ "เมื่อครู่มีแต่พระชายาอยู่ที่นี่..."ฟู่จาวหนิงมาแตะของบนโต๊ะเขาหรือ?และมีลมอีกวูบหนึ่งพัดเข้ามา เป่ากระดาษเหล่านั้นจนปลิวว่อน ชิงอีรีบเข้ามาปิดหน้าต่าง "ลมเริ่มมาแล้ว"เซียวหลันยวนเข้าใจแล้วดังนั้น ลมพัดจดหมายตกลงมา ฟู่จาวหนิงเก็บขึ้นมา ดังนั้นจึงทับไว้อย่างเรียบร้อยแล้วนางเห็นกระดาษแผ่นนั้นแล้วหรือยัง?ฟู่จาวหนิงหลังจากกลับมาก็เขียนจดหมายให้เฉินซานส่งไปยังเศรษฐีฟางที่หมู่บ้านตะวันออก นางคิดออกขึ้นมาแล้ว จะให้คนรอบตัวนางมีแต่คนของเซียวหลันยวนไม่ได้ดังนั้นต่อให้ให้เขามาปกป้องเรือน วิชาความสามารถจะดีกว่าทางเศรษฐีฟาง แต่นางก็ยังอยากจะให้เศรษฐีฟางช่วยเหลือพอเห็นนางกลับมา ผู้อาวุโสจี้ก็ผ่อนลมโล่ง"ท่านอาจารย์ จงเจี้ยนเป็นอย่างไรบ้าง?"เมื่อครู่อาเจียนออกมาครั้งหนึ่ง กรอกยาให้เขาแล้ว ตอนนี้ยังมึนงงสลบไสลอยู่ ข้าตรวจสอบดวงตาของเขาแล้ว ถึงแม้จะยังไม่ฟื้นกลับมา แต่ตาขาวเองก็ไม่เปลี่ยนเป็นสีดำอีกแล้ว"ขอบคุณท่านอาจารย์"ฟู่จาวหนิงเดินเข้ามา จับชีพจรให้กับจงเจี้ยนอีกครั้ง จากนั้นก็ฝังเข็มอีกรอบ ระบายเลือดพิษออกผู้อาวุโสจี้คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ตลอด"พิษบนตัวเ
หมอเทวดาหลี่รู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก"ข้าจับชีพจรไปแล้ว ท่านเสิ่นเขาติดพิษ แต่ว่าพิษนี้แปลกประหลาดมาก เวลาแค่เล็กน้อยยังตรวจให้ชัดเจนไม่ได้ ว่าไปติดจากที่ไหน ติดพิษอะไรมา แล้วจะแก้ไขอย่างไร"หมอเทวดาหลี่ก็อัดอั้นไฟโกรธอยู่เช่นกัน"ในเมื่อสถานการณ์ซ้บซ้อนเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะถามมากหน่อยไม่ได้หรือ? ข้าสงสัยว่าปกติเขากินเขาดื่มอะไรลงไป แน่นอนว่าต้องการให้เขาเอาของที่กินที่ดื่มลงไปในช่วงหลายปีนี้พูดออกมา ทางที่ดีควรให้เขาเอาพวกชาออกมาให้ข้าศึกษาอย่างละเอียดสิ แต่นี่ท่านเสิ่นกลับบอกว่าพอแล้ว นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?"ก่อนหน้านี้ตอนที่ซ่งอวิ๋นเหยาคุยกับเขา ก็ยังดูเคารพดูถ่อมตัวมาก แต่หลังจากกลับจากต้าชื่อครั้งนี้ก็ดูหยิ่งผยองขึ้นมาไม่น้อยเลย ก็แค่หญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่ง แต่พูดจากับเขาดันใช้น้ำเสียงกล่าวโทษเขาหรือ?"เขาเป็นคนป่วยที่ไม่ให้ความร่วมมือเช่นนี้ หมอทุกคนก็ต้องยกมือยอมแพ้ทั้งนั้น ดังนั้นท่านลองดูเอาเถิด เดินทางจากนับพันลี้กลับมาแคว้นเจาแล้วสุดยอดนักหรือ? ไม่ใช่ว่าสกุลหลี่อย่างข้าโอ้อวดตนนะ ถ้าหากข้าทางนี้ยังตรวจไม่ได้ เช่นนั้นหมอคนอื่นก็คงไม่ต้องไปหาแล้ว"หมอ
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ
เฉินฮ่าวปิงมองต่งฮ่วนจือนางสามารถใช้วัตถุดิบยาของพันธมิตรโอสถทำการกุศลต่อได้ และยังพังแผนการของฟู่จาวหนิงได้อีก ทำให้นางไม่ได้รับวัตถุดิบยาหลังจากเฉินฮ่าวปิงกลับมาพูดเรื่องวันนี้กับฮูหยินเฉิน ฮูหยินเฉินโกรธมากดังนั้นนางจึงคิดวิธีนี้ออกมา รู้สึกว่าพวกนางตอนนี้รับมือฟู่จาวหนิงไม่ไหว แต่ถ้าลงแรงกับต่งฮ่วนจือทางนี้สักหน่อย สร้างความลำบากให้กับฟู่จาวหนิงได้บ้างก็ยังดีมีสิทธิ์อะไรที่จะยอมให้ฟู่จาวหนิงทำทุกอย่างได้ราบรื่นขนาดนั้น?ต่งฮ่วนจือถ้าหากขัดฟู่จาวหนิงได้ ไม่ใช่แค่ฟู่จาวหนิงจะไม่ชอบใจ แต่ผู้อาวุโสจี้ก็จะโกรธด้วย ถ้าผู้อาวุโสจี้โกรธ ฟู่จาวหนิงก็จะอารมณ์ไม่ดีดังนั้น ขอแค่กล่อมต่งฮ่วนจือ ก็จะทำได้ฟู่จาวหนิงอึดอัดได้ ดีจะตาย?ดังนั้น จึงได้เห็นเฉินฮ่าวปิงที่มาแสดงความอ่อนแอออดอ้อนต่งฮ่วนจือในตอนนี้นางรู้สึกว่า ความรักทีต่งฮ่วนจือมีให้นาง เรื่องนี้ไม่ใช่จะทำไม่สำเร็จแต่ตอนได้ยินคำพูดของนาง ต่งฮ่วนจือก็งงงันไปครู่หนึ่ง"ลุงต่ง..." เฉินฮ่าวปิงดึงแขนเสื้อของเขา "ได้ไหม?"ต่งฮ่วนจือดึงแขนเสื้อในมือนางกลับมา"เรื่องนี้ไม่ได้""ทำไมล่ะ?""อันดับแรก วัตถุดิบยาที่เจ้าคิดจะเอาไ
หลายปีก่อนที่เขาช่วยพวกนางแม่ลูกไว้ เฉินฮ่าวปิงยังเป็นเด็กสาวร่างผ่อนอ่อนแอ หลายปีนี้ยังถือว่าเขาเลี้ยงดูมาจนโต เขาแทบจะมองเฉินฮ่าวปิงเป็นลูกสาวตนเองไปแล้วแม้ตอนนี้นางเจอกับพ่อแท้ๆ แล้ว แต่พ่อแท้ๆ คนนั้นก็ไม่ใช่จะได้เรื่องกระมัง ต่งฮ่วนจือยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่เขาคิดคิด ยังคิดจะไปบ้านเล็กในซอยนั่นเพื่อหาเฉินฮ่าวปิงหลายวันนี้เฉินฮ่าวปิงก็ไม่ยอมพบเขา ทุกครั้งที่เขามา คนใช้ก็จะบอกว่าท่านหญิงไม่อยู่วันนี้เขามา แต่เฉินฮ่าวปิงกลับอยู่ และยังยอมพบเขาด้วยพอเข้ามาในบ้าน มาถึงเรือนหน้า ฮูหยินเฉินก็อยู่ด้วยแม่ลูกหันมามองนางพร้อมกัน สายตาของคนทั้งคู่ล้วนแดงก่ำ ดูแล้วน่าสงสารมาก เฉินฮ่าวปิงพอเห็นเขาก็ร้องไห้โฮออกมา"ลุงต่ง!"นางพุ่งเข้ามาหาต่งฮ่วนจือ สองมือดึงแขนเสื้อเขา ร้องไห้ตัวโยน "ท่านมาได้เสียที!"ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาตั้งหลายครั้ง ก็ไม่ยอมออกมาเจอ ไม่ได้ว่าเขาไม่เคยมาเสียหน่อยแต่ต่งฮ่วนจือก็ไม่ได้พูดออกมา มองสภาพเฉินฮ่าวปิงแล้วเขาก็ยังคงปวดใจอยู่"ทำไมหรือ? เกิดอะไรขึ้น? อ๋อง อ๋องฉยงไม่ได้ช่วยเจ้าหรือ?"พอพูดถึงอ๋องฉยง เฉินฮ่าวปิงก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาเพราะวันนี้อ๋อง
ก่อนค่ำวันเดียวกันฟู่จาวหนิงให้สืออีไปเก็บตั๋วเงินพวกนี้มาแล้วกระทั่งองค์หญิงเจ็ดก็ยังไม่กล้าที่จะไม่ให้หลังจากให้สามพันตำลึงมาแล้ว คนเหล่านี้ก็ล้วนรู้สึกเหมือนเสียปราณชี่ขนานใหญ่ไป ไม่มีทั้งหน้าไม่มีทั้งเงิน แล้วยังหวาดผวา ไม่รู้หลังจากนี้จะมีเรื่องอะไรอีกถ้าเผื่อพระชายาอ๋องเจวี้ยนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนมาหาเรื่องบ้านพวกเขาอีกจะทำอย่างไร?โดยเฉพาะคุณหนูสี่หลิน หลังจากกลับมาก็ได้ยินพี่สาวคนโตกับคนรองพูดถึงเฉินฮ่าวปิง จึงได้รู้ว่าพวกนางเดิมทีก็ดูถูกท่านหญิงปิงอวี้อยู่แล้วพ่อของนางกับพี่สาวนางเองก็กำลังเดาว่าอ๋องฉยงทำไมจึงยังอยู่ในเมืองหลวง ยังพูดอีกว่า ไม่ว่าจะเพราะเรื่องอะไร การที่องค์จักรพรรดิให้อ๋องฉยงอยู่ในเมืองต่อโดยไม่สนกฏ ต้องไม่ใช่เรื่องดี พวกเขากำลังพูดว่า หลังจากนี้จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่อ๋องฉยงอาจจะก่อความวุ่นวายอะไรขึ้น ไม่ต้องพูดถึงลูกสาวบ้านน้อยของเขาคนนั้นเลย?ในคำพูด คืออ๋องฉยงทำเรื่องไม่ถูกต้อง ลูกสาวบ้านน้อย ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรดีดีเลย แต่ดันไปขอยศท่านหญิงมาองค์จักรพรรดิก็ยังรับปากอีก ดูจะเลอะเลือนหน่อยๆแน่นอน พวกเขาแอบคุยเรื่องน
เซียวหลันยวนพูดพลางหัวเราะเสียงต่ำฟู่จาวหนิงเองก็ตกตะลึงไป "ผู้ตรวจการอันไปคุกคามองค์จักรพรรดิหรือ?"ถ้าหากผู้ประสบภัยทะลักเข้าเมืองหลวง เมืองหลวงก็จะวุ่นวาย องค์จักรพรรดิไม่อยากจะสนใจก็คงต้องสนใจแล้วแค่โรคระบาด องค์จักรพรรดิก็ยังกลัวจนไม่ประชุมเช้า ไม่ต้องพูดเรื่องผู้ประสบภัยนับหมื่นเลย? เขาได้ตกใจจนตายกันพอดี"ก็จริงนั่นล่ะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดด้านในที่นำไปปฏิบัติได้ก็มีเยอะมาก""แล้วองค์จักรพรรดิให้เงินบรรเทาภัยมาเท่าไร?""หนึ่งหมื่นตำลึง""ขี้เหนียว" ฟู่จาวหนิงเบ้ปากนางเองก็ยอมแล้ว ผู้ประสบภัยนับหมื่น แต่ให้เงินบรรเทาภัยมาหมื่นตำลึง? นางเค้นจากตัวพวกองค์หญิงเจ็ดยังได้มาตั้งสามหมื่นตำลึง"คลังหลวงว่างเปล่าแล้วจริงๆ""เอาเถะ พวกเราเองก็ลองไปเตรียมตัวดูก่อน ถ้าเงินไม่พอจริง ค่อยให้ผู้ตรวจการชิงกลับไปปล้นองค์จักรพรรดิอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นถ้ายังไม่เห็นสถานการณ์เมืองเจ้อกับตา ใต้เท้าอันหากคิดจะปล้นก็ปล้นลำบาก"อันเหนียนบอกว่าสามวันนั้นรีบไปหน่อย ขอเลื่อนไปวันหนึ่ง ข้าส่งคนไปดูลาดเลาก่อน ตอนพวกเจ้าไปถึงจะมีคนรอรับอยู่"เอาของไปด้วยตั้งมากมาย ตอนไปถึงต้อง
ผู้อาวุโสจี้รู้ว่า จะเตือนไม่ให้ฟู่จาวหนิงไปเมืองเจ้อนั้นเป็นไปไม่ได้การตัดสินใจที่นางพูดออกมา ไม่มีทางเปลี่ยนยิ่งไปวก่านั้น วิชาหมอของนางเองก็ดีขนาดนี้ ไปสถานที่แบบนั้นจะต้องช่วยเหลือชีวิตได้มากมายแน่นอน ผู้อาวุโสจี้ที่ทั้งใจเต็มไปด้วยความดีงามก็ไม่กล้าที่จะห้ามปรามแต่เขาเองก็ยังเป็นห่วงฟู่จาวหนิง"เมืองเจ้อทางนั้นผู้ประสบภัยมากเกินไป จะต้องวุ่นวายแน่นอน เจ้าไปที่นั่นความปลอดภัยเป็นปัญหา ต้องระวังหน่อย แล้วอ๋องเจวี้ยนจัดแจงให้แล้วหรือยัง? เจ้าคงต้องพาองครักษ์ไปมากหน่อย"ถึงแม้ถ้าผู้ประสบภัยก่อจราจลขึ้นมา ต่อให้มีองครักษ์มากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พาไปหน่อยก็ยังดีกว่าไม่พาไป"เจ้ามีของแปลกๆ ตอนสกัดยาเยอะไม่ใช่หรือ? ทำยาที่เอาไว้ทำให้คนล้มวงกว้างๆ ไว้เยอะหน่อย ถ้าถึงเวลาต้องใช้จริง เจ้าก็ไม่ต้องสนอะไร สาดยาออกไปเลย รักษาตัวเองไว้ก่อนเป็นสำคัญ""ฮ่าๆ ท่านอาจารย์ สอนลูกศิษย์แบบนี้ได้เหรอ?"ฟู่จาวหนิงอดขำขึ้นมาไม่ได้ ผู้อาวุโสจี้สอนให้นางใช้ยาสลบกับผู้ประสบภัยเนี่ยนะผู้อาวุโสจี้ถลึงตา "แค่นี้จะเป็นอะไรไป? ทำอะไรก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด!""ข้าย
"ศิษย์น้องหญิงเจ้าไปงานรับบริจาคของฮ่าวปิงมาหรือ?" ต่งฮ่วนจือเงยหน้ามองนาง"เปล่า ข้าตบนางไปฉาดหนึ่งด้วยซ้ำ"ฟู่จาวหนิงไม่ไว้หน้าเขาเลย เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบเล่าออกมาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง"ดังนั้น ศิษย์พี่รอง ข้าตอนนี้ข้าจะเน้นกับท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เข้าไม่ถูกกับเฉินฮ่าวปิง ถ้านางยังคิดจะมาทำอะไรต่อหน้าข้าอีกจะไม่จบแค่ตบหน้าแล้ว เรื่องที่นางทำมันโง่เง่ามาก ยิ่งไปกว่นั้นนางยังโกรธแค้นแล้วมองข้าเป็ฯศัตรูอีก"ฟู่จาวหนิงกดเสียงต่ำ "ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่เป็นอะไรกับพวกนางข้าไม่สนใจ แต่หลังจากนี้ ถ้าหากศิษย์พี่ยังยืนยันจะยืนอยู่ฝั่งนางทางนั้น ยังคิดจะปกป้องนาง เช่นนั้นข้าก็จะขีดเส้นกั้นกับศิษย์พี่แล้ว"ผู้อาวุโสจี้มองต่งฮ่วนจือหน้าขรึม"หลายปีนี้เจ้าเอาแต่ปกป้องแม่ลูกอย่างพวกนาง แล้วมองไม่ออกถึงความใจร้ายของนังเด็กนั่นเลยหรือ? หลังจากนางถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงก็ไม่มาสนใจเจ้าอีก เจ้าคิดว่านางยังจำบุญคุณของเจ้าได้ไหม? เจ้าคิดว่าตนเองกับนางมีความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัว แต่นางก็แค่หลอกใช้เจ้า""ถึงอย่างไรคนที่โง่แบบเจ้าก็มีไม่เยอะ! ต่งฮ่วนจือ ศิษย์น้องหญิงของเจ้าพู
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"ศิษย์พี่ พวกเราจะซื้อวัตถุดิบยาในราคาเดิม ไม่ต้องลดราคา แค่นี้ได้ไหม?""ถ้าอย่างนี้ก็ได้อยู่...""ต่ง ! ฮ่วน ! จือ!"ผู้อาวุโสจี้โกรธเป็นฟืนไฟแล้วจริงๆ"ท่านอาจารย์ สงบลงก่อน" ฟู่จาวหนิงรีบเดินไปอยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสจี้ รินน้ำชาให้กับเขา "ศิษย์พี่ทำงานอย่างเข้มงวด เข้าต้องทำตามกฏการทำงานของพันธมิตรโอสถ อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย""อาจารย์ เรื่องนี้ไม่ได้จะคุยกันลกบาก ข้าแค่ต้องใช้เวลาไปคำนวณต้นทุนของวัตถุดิบยาชนิดต่างๆ หน่อย ถึงตอนนั้นก็จะคำนวณส่วนลดลงมาได้"ต่งฮ่วนจือลุกขึ้นยืน ไม่กล้านั่งลงมา"แต่ถ้าศิษย์น้องหญิงไม่ต้องการลดต้นทุนสี่ส่วนล่ะก็ ข้าทางนี้จะหักกำไรทั้งหมดออกได้ ยิ่งไปกว่นั้น พวกเรายังสามารถบริจาควัตถุดิบยาที่ค่อนข้างพิเศษบางอย่างได้นิดหน่อยด้วย ข้าทางนี้ยังมีส่วนที่เหลืออยู่ เพราะสาขาย่อยเมืองเจ้อทางนั้นไม่มีวัตถุดิบยาชนิดนี้ ดังนั้นสิ่งนี้ข้ามอบให้ได้..."ต่งฮ่วนจือพยายามจะอธิบาย"ตัวข้าเองก็ยังบริจาคเงินช่วยได้ เงินพวกนี้เอาไปเพิ่มกับเงินที่ซื้อวัตถุดิบยาก็พอแล้ว ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวเสียหน่อย""เฮอะ" ผู้อาวุโสจี้โมโหจนหัวเราะ "
ต่งฮ่วนจือหลายวันนี้ดูผ่านไปแบบซึมเศร้าอยู่ ตอนนี้สีหน้าก็ยังไม่ค่อยดีนัก พูดจาเองก็ยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเขาพยายามอธิบายจุดนี้"วัตถุดิบยาชุดใหญ่ที่อ๋องเจวี้ยนต้องการ ก็ล้วนเป็นวัตถุดิบยารักษาหวัดหรืออาการบาดเจ็บภายนอกทั้งนั้น เป็นของที่หาได้ทั่วไป แล้วก็เป็นพวกที่ราคาถูกำไรน้อยพวกนั้น หลายอย่างพวกเราเก็บกำไรแค่หนึ่งถึงสองส่วน รักษาไม่ให้พันธมิตรโอสถต้องขาดทุน ถ้าหากวัตถุดิบยาเหล่านี้ลดราคาต้นทุนไปสี่ส่วน บัญชีของพันธมิตรก็จะมีช่องว่างเบ้อเร่อเลย"ต่งฮ่วนจือบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างจนใจ "ศิษย์น้องหญิง ถ้าแบบนี้บัญชีที่ข้าต้องส่งให้พันธมิตรสาขาตอนครึ่งปีจะอธิบายลำบากเอา"เข้าใจ ก็คือ ขาดทุนนั่นล่ะฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูด ผู้อาวุโสจี้ก็ร้องเชอะขึ้นมา "นี่มีอะไรพูดลำบากกัน? ข้าบอกให้เจ้าโยนทั้งหมดมาที่ตัวข้าแล้ว""ท่านอาจารย์ นี่มันทำได้ที่ไหนกัน? ถึงอย่างไรข้าก็ดูแลสาขาของเมืองหลวงนะ เป็นข้าที่ต้องรับผิดชอบ" ต่งฮ่วนจือเองก็ทำเรื่องอย่างการผลักภาระทุกอย่างไปให้อาจารย์หมดไม่ได้"เจ้าเอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ กล้าๆ กลัวๆ ก็แค่เพราะเจ้าเพิ่งมารับช่วงดูแลที่นี่ กลัวจะทำเรื่องโดดเด่นออกมาไม่ได้