จงเจี้ยนพอได้ยินก็ตกตะลึงขึ้นทันทีพวกนางกำลังพูดเรื่องอะไรกัน"นางไม่ใช่ฟู่จาวหนิงแล้วนางจะเป็นใครได้กัน? พวกเจ้าก่อนหน้าไม่ใช่บอกว่าตรวจสอบนางแล้วหรือ? จะรูปร่างภายนอกหรือน้ำเสียงนาง ก็เป็นตัวฟู่จาวหนิงชัดๆ""ถูกต้อง ความหมายของข้ากับอาหนงก็คือ นางคือฟู่จาวหนิง แต่ด้านในก็ไม่แน่ว่าจะใช่""พรึบ"ฮูหยินหรงเยว่ถลึงตาโต "เดี๋ยวก่อน เจ้าให้ข้าคิดหน่อย ข้าเริ่มงงแล้ว หมายความว่าอย่างไรนะ?""ครั้งที่แล้วที่ไห่ฉางจวิ้นเข้ามา ไหมใจโลหิตของนางกลับบินตรงไปทางฟู่จาวหนิงเอง ท่านเองก็รู้ ว่าไหมใจโลหิตมีจุดที่มหัศจรรย์อยู่จุดหนึ่ง นั่นก็คือจะถูกจิตวิญญาณดึงดูด ท่านรู้ไหมว่าทำไมข้ากับอาหนงถึงได้สงสัยขึ้นมา?""เพราะเจ้าเองก็มีไหมใจโลหิตด้วย" ฮูหยินหรงเยว่พูดออกมา"ถูกต้อง ข้ามีไหมใจโลหิต แต่ว่าก่อนหน้านี้ไหมใจโลหิตของข้าตอนปล่อยอยู่ต่อหน้าฟู่จาวหนิง มันก็ไม่เคยบินไปทางฟู่จาวหนิงเลย ตอนนี้ฟู่จาวหนิงแตกต่างไปจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง ไหมใจโลหิตของไห่ฉางจวิ้นก็ยังบินไปกับนาง นี่อธิบายได้ว่า ฟู่จาวหนิงในตอนนี้มีวิญญาณที่แตกต่างกับเมื่อก่อนอยู่""นี่เป็นไปได้อย่างไร?""ดังนั้น หลังจากข้ากับอาหนงหา
สืออีเองก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอธิบาย ดูแล้วสถานการณ์ของจงเจี้ยนวิกฤตมาก จากที่เขาเห็นนี่แทบจะไม่มียาที่รักษาได้แล้วแต่ว่าตอนนี้พวกเขามีพระชายาอยู่ วิชาแพทย์ของพระชายานั้นมหัศจรรย์มากเขารีบออกไปสั่งการคนให้จัดเตรียมทันฟู่จาวหนิงพาจงเจี้ยนนอนลงบนเตียง กระชากเสื้อผ้าของเขชาออกจงเจี้ยนคว้าข้อมือนางไว้ฉับพลัน น้ำเสียงกระด้างเล็กๆ คอเหมือนถูกแช่แข็งไว้อย่างไรอย่างนั้น คำพูดก็ดูพูดได้ลำบาก"ฮู ฮูหยินสี่ พูดได้""เอาล่ะ เรื่องนี้ยังไม่ต้องพูดก่อน ข้าจะรักษาเจ้า"ฟู่จาวหนิงจับมือของเขาออก หยิบเข็มยาวแทงลงไปที่หน้าอกเขาอย่างรวดเร็ว "เจ้าอย่าขยับ ข้ารักษาเจ้าได้ ผ่อนคลาย""หรงเยว่"จงเจี้ยนในใจร้อนรนมาก เขารู้สึกว่าตนเองจะตายอยู่แล้ว สภาพอย่างเขาเช่นนี้น่าจะช่วยไม่ไหวแล้ว แต่ว่าก่อนหน้าที่จะตายเขาจะเอาเรื่องที่ได้ยินมาบอกกับพระชายา ถ้าหากไม่พูดออกไป พระชายาก็คงไม่มีทางรู้ ถึงตอนนั้นถูกพวกผู้เฒ่าฟู่สี่ทำร้ายเอาจะทำอย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น แผนที่ลับที่พวกนางพูดกันอะไรนั่น น่าจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินในอดีต เรื่องนี้เองก็ควรเป็นเรื่องที่พระชายาอยากรู้ด้วยเร
จงเจี้ยนช่วยเอาไว้ได้หรือไม่?ฟู่จาวหนิงจับชีพจรจงเจี้ยนอีกครั้ง เอ่ยขึ้นอย่างสงบว่า "ข้าจะไม่ให้เขาตาย"หลายปีมานี้นางแย่งชีวิตกลับมาจากเงื้อมมือยมฑูตน้อยๆ เสียที่ไหน"เขาไม่ใช่ว่าติดพิษหรือ?" สืออีถาม"ใช่""พระชายารู้ไหมว่าเป็นพิษอะไร? พวกเราจะไปตรวจสอบว่าพิษนี้มาจากที่ไหน" น้ำเสียงสืออีเคร่งขรึมขึ้นมาพิษนี้อันที่จริงก็ร้ายกาจมาก ไม่ใช่แค่จะทำให้คนตาย ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถทำให้คนไม่เห็นอย่างรวดเร็วได้อีกด้วย ปากเองก็ไม่สามารถพูดได้ แล้วยังขยับเขยื้อนไม่ได้อีกต่างหากต่อให้ตายไปก็ยังสภาพดูไม่ได้ จะเปลี่ยนเป็นดำมะเมี่ยมเหมือนถูกไฟเผาจนเกรียม ยิ่งกว่านั้นยังไหม้ดำห่อเหี่ยวทั้งข้างในและข้างนอกอีกด้วยพิษที่ร้ายแรงอหังการพลังพิษเช่นนี้จะแพร่ออกไปไม่ได้เด็ดขาด"ความเป็นไปได้นี้ต้องถามท่านอาจารย์" ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยเข้าใจอะไรกับเรื่องพิษของทางนี้นัก"เ่ช่นนั้นข้าน้อยจะไปเชิญผู้อาวุโสจี้มาเสียรอบหนึ่งดีไหม?"มองออกว่าสืออีอยากจะแก้แค้นแทนจงเจี้ยนแล้ว"ได้ เจ้าไปเชิญอาจรย์มา ฟู่าวหนิงคิดๆ เอ่ยต่วา หาคนสองคนไปที่เรือนผุ้เฒ่าฟู่สี่ด้วย แไม่ต้องเข้าใกล้่นัก เพียงแแค่จับาดูเงียบๆ
"รายงานทางการ?""ราชวงศ์ต้าชื่อกับจวนทางการเองก็เกลียดชังต่อลัทธิเทพทำลายล้าง แต่ว่า""พี่หญิง"นอกประตูมีเสียงเฮ่อเหลียนเฟยร้องขึ้นมา"เด็กคนนั้นจากเผ่าเฮ่อเหลียนหรือ?" ผู้อาวุโสจี้ถาม"ใช่""ให้เขาเข้ามา เผ่าเฮ่อเหลียนตอนนั้นก็เหมือนจะเคยสัมผัสกับลัทธิเทพชั่วร้ายด้วยเหมือนกัน" ผู้อาวุโสจี้เอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงให้เฮ่อเหลียนเฟยเข้ามาเฮ่อเหลียนเฟยถูกแบกเข้ามา หลังจากนั่งลงจมูกก็ขยับ มองไปทางจงเจี้ยนอยู่ที่บนเตียง"พี่หญิง ท่านปู่เห็นว่ามีการเคลื่อนไหว เลยให้ข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น""จงเจี้ยนติดพิษเสียแล้ว"เฮ่ยเหลียนเฟยเม้มปาก ลังเลครู่หนึ่งจึงถามขึ้นมา "ข้าเพิ่งได้ยินว่าผู้อาวุโสจี้พูดถึงลัทธิเทพทำลายล้างหรือ?""เจ้ารู้จักลัทธิเทพทำลายล้างด้วยหรือ?""ข้ารู้จัก พี่หญิง ลัทธิเทพทำลายล้างแต่ก่อนมีพวกสาวกลอบแฝงเข้ามาในเผ่าเฮ่อเหลียน พวกเขาคิดจะมารับสาวกเพิ่ม เผ่าเฮ่อเหลียนตอนนั้นมีคนไม่น้อยที่ถูกกล่อมไปพ่อของข้าลงกำลังไปไม่น้อยกว่าจะขับไล่พวกเขาออกไปได้ แต่ก็จ่ายไปด้วยราคาที่น่าเวทนาด้วยเช่นกัน"ผู้อาวุโสจี้พยักหน้า "ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้มา""ตอนนั้นลัทธิเทพทำลายล้างใช้พิษ พิษ
"เรื่องนี้ข้าจะไปบอกกับเซียวหลันยวนก่อน"แม้ว่าฟู่จาวหนิงไม่อยากจะพบกับเซียวหลันยวนนัก แต่ตอนนี้เรื่องนี้จะปิดบังเขาไม่ได้ โดยเฉพาะจงเจี้ยนที่จงเจี้ยนยังเป็นลูกน้องของเขาด้วย"ได้""พี่หญิง ท่านต้องระวังตัวเองด้วย" เฮ่อเหลียนเฟยกังวลมาก"แน่นอน เสี่ยวเฟย เจ้าเองก็ไม่ต้องพูดอะไรกับท่านปู่มากนัก เขาจะได้ไม่ต้องกังวลจนเกินไป เจ้าแค่บอกว่าจงเจี้ยนบาดเจ็บก็พอ ข้าจะรักษาเขาให้ดี""ได้""แล้วก็ พวกเจ้าอยู่ในบ้านต้องระมัดระวังด้วย คอยป้องกันคนในเรือนหน้าเหล่านั้น"ฟู่จาวหนิงยังคิดจะหาวิธีรีบไล่คนออกไป ไม่เช่นนั้นนางก็วางใจไม่ลง ถ้านางไม่อยู่บ้านทุกวันแล้วคนเหล่านั้นมาลงมือกับท่านปู่ล่ะ?"พิษเช่นนี้ ถ้าหากช้าไปนิดเดียวข้าก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน" อารมณ์นางเองก็เคร่งขรึมนิดหน่อย กลัวว่านางเองก็จะช่วยเขาไม่ทันเหมือนกันผุ้อาวุโสจี้ส่ายหัว "เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ว่ากันว่ายาพิษอย่างหุ่นกำสรวลนี้ไม่ใช่สิ่งที่สกัดได้ง่ายๆ พวกเขาไม่มีทางใช้หุ่นกำสรวลออกมาง่ายๆ แน่"เขายังเหลือบมองจงเจี้ยนที่สลบเหมือดอยู่บนเตียง คาดเดาว่า "เด็กคนนี้น่าจะเพราะได้ยินเรื่องที่สำคัญอะไรมากๆ มา อีกฝ่ายจึงใช้งานหุ
เซียวหลันยวนส่งสัญญาณให้ชิงอีไปรินน้ำชามาชิงอีหมุนตัวออกไปรินน้ำชาฟู่จาวหนิงถามเซียวหลันยวนตรงๆ "ท่านเคยได้ยินลัทธิเทพทำลายล้างไหม?""เจ้าว่าอะไรนะ?"เซียวหลันยวนหน้าเปลี่ยนสีกระทั่งการเคลื่อนไหวของชิงอีที่หมุนตัวไปรินน้ำชาทางโต๊ะน้ำชาก็ยังชะงัก หันหน้ากลับมามองนางทันที"พระชายา?""ดูท่าพวกท่านจะรู้สินะ"ฟู่จาวหนิงพอเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาก็รู้"เจ้าไปพบกับคนของลัทธิเทพทำลายล้างมาหรือ?""จงเจี้ยนติดพิษมา ข้าไม่รู้ว่านั่นคือพิษอะไร จึงเชิญท่านอาจารย์ไปดู ท่านอาจารย์บอกว่าเป็นหุ่นกำสรวลของลัทธิเทพทำลายล้าง"ครั้งนี้ขนาดเซียวหลันยวนก็ยังหน้าเปลี่ยนสี"หุ่นกำสรวล!""พระชายา เช่นนั้นจงเจี้ยนตอนนี้คง..."คงตายไปแล้วเพราะหุ่นกำสรวลนี้ไม่มียาที่สามารถแก้ไขได้ จะตายลงอย่างรวดเร็ว ชิงอีคิดถึงจงเจี้ยนที่ตอนนี้น่าจะตายไปแล้ว ในใจก็เหมือนร่วงลงไปก้นเหวขึ้นพริบตา"ข้ารีดพิษออกมาได้แล้วส่วนหนึ่ง พิษที่เหลือยังสะกดไว้ได้ชั่วคราว ตอนนี้จึงคิดจะเข้ามาบอกท่านเรื่องหนึ่ง""เจ้าพูดมาเถอะ" เซียวหลันยวนสีหน้าจริงจัง"ถ้าจะช่วยจงเจี้ยน ไหมใจโลหิตตัวนั้นต้องเอามาใช้แล้ว"ตอนที่พูดประโยคนี
แต่ว่าฟู่จาวหนิง็ไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องห้องเภสัช ไม่อยากให้มีคนเข้าไปด้านในแต่ตอนนี้เซียวหลันยวนกลับเห็นด้วยแล้ว"จงเจี้ยนตอนนี้จะตื่นมาเห็นด้วยได้เสียที่ไหน พวกท่านอ๋องเห็นด้วยก็พอแล้ว ใจไหมโลหิตเป็นของเขา!"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้ว่าชิงอีจะต้องอยากช่วยจงเจี้ยนอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรสำหรับพวกเขา การใช้วัตถุดิบยาที่ล้ำค่าของเจ้านายก็ดูจะเกินเลยไปจุดนี้ฟู่จาวหนิงเองก็นับถือเซียวเหยียนจิ่งอยู่ไหมใจโลหิตหามาได้ยากจริงๆ พวกเขาหามานมนานก็ยังหาไม่พบอย่าว่าแต่จงเจี้ยนที่เป็นแค่ลูกน้องของเขาเลย ต่อให้เป็นคนในบ้านเขา มีคนมากมายพอเกี่ยวข้องกับชีวิตของตนเองก็มักจะลังเลขึ้นมาถึงอย่างไรใครก็ล้วนรู้สึกว่าชีวิตของตนเองนั้นสำคัญที่สุดแต่ว่าเซียวหลันยวนกลับไม่แม้แต่จะคิดแล้วตอบรับมาทันที"ท่านอ๋องโปรดพิจารณาอีกครั้งเถิด" ชิงอีมองเซียวหลันยวนมองออกว่าเขาเองก็รู้สึกยุ่งยากมากเช่นกันฟู่จาวหนิงเองก็มองไปทางเซียวหลันยวน นางไม่ได้เร่งรัดเขา เรื่องนี้ให้เขามาตัดสินใจเองก็ดูสมเหตุสมผลอยู่"ไม่ต้องพิจารณาแล้ว ตอนนี้จงเจี้ยนชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ข้ายังพอทนไหวอยู่ ช่วยชีวิตจงเจี้ยนก่อน""เซียวห
ถ้าเขารับคำมาตรงๆ เช่นนี้แล้ว นางไม่ใช่ว่าต้องดีใจจนกระดิกหางขึ้นมาหรอกหรือ?เซียวหลันยวนมีความคิดจะหยอกล้อนาง จงใจถอนหายใจ"แต่ว่าก็เป็นไปได้ ฟู่หลินซื่อถ้าที่จะเป็นทั้งน้องสาวของเสิ่นเสวียน และเป็นสาวกของลัทธิเทพทำลายล้างด้วย"และตามคาด พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็กลอกตาขาวใส่แต่ว่านางก็ไม่คัดค้านอะไรชิงอีกลับตั้งใจมาก "ท่านอ๋อง จริงด้วย นี่ก็เป็นไปได้เหมือนกัน ถึงอย่างไรท่านเสิ่นก็พูดไว้ ว่าเสิ่นเชี่ยวน้องสาวของเขาหายสาบสูญไปตั้งแต่ยังเล็ก ตอนนั้นพวกสาวกของลัทธิเทพทำลายล้างเองก็มีอยู่ไม่น้อย ศิษย์ฝ่ายธรรมะแต่ละสำนักของต้าชื่อถูกส่งออกไปทุกวัน บ้างก็บอกว่าไปฝึกฝน บ้างก็บอกว่าออกไปไล่ล่าสาวกของลัทธิเทพทำลายล้าง""สาวกลัทธิเทพทำลายล้างเพื่อที่จะหลบหนีการไล่สังหารของพวกฝ่ายธรรมะ ก็คิดหาวิธีปิดบังตัวตนฐานะอย่างสุดกำลัง ดังนั้นคนมากมายล้วนปิดบังซ่อนชื่อเข้าไปอยู่ในกลุ่มสำนักตระกูลต่างๆ ตระกูลเสิ่นเมื่อตอนนั้นก็าจจะถูกลัทธิเทพทำลายล้างแทรกซึมเข้าไปแล้วด้วยกระมัง? ต่อมาคนเหล่านั้นก็มาเจอกับคุณหนูเสิ่น ต่อมาจึงพานางไปไหม?"ชิงอีเอ่ยขึ้นเป็นตุเป็นตะ"อดพูดไม่ได้เลย ชิงอี ทักษะ
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั
ฟู่จาวหนิงพยักหน้า เดินเข้าไปด้านใน ตอนที่ผ่านตัวพวกนาง น้ำเสียงก็ขรึมลง เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า "ดังนั้น ข้ากับพวกเจ้าตอนนี้จึงเป็นคู่แค้นกันแล้ว"พูดจบ นางก็เดินผ่านตัวพวกนางไปชิวอวิ๋นกับซือหรูสบตากันเอง เป็นสีหน้าที่ทั้งสับสนและตกตะลึง"องค์จักรพรรดิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนขอเข้าพบ!""ฟู่จาวหนิง? นางมาทำอะไรกัน? ไม่ใช่ว่าไปทรมานตัวอยู่ในคุกใหญ่หรือ?"องค์จักรพรรดิเกือบจะกระโจนตัวขึ้นมาวันนี้ตอนประชุมเช้าเหล่าขุนนางยื่นหนังสือฏีกามาไม่น้อย มีหลายจุดเกิดภัยธรรมชาติ กระทรวงการคลังเริ่มร้องเรียนเรื่องความยากจนอีกครั้ง ที่ชายแดนก็บอกว่ามีพวกชนเผ่าป่าเถื่อนบางกลุ่มเริ่มแสดงท่าทีไม่สงบแล้วยังมีฐานที่มั่นทหารในสถานที่ต่างๆ ก็เริ่มร้องขอเงินเดือนและเสบียงไม่ใช่ข่าวดีอะไรเลย ถึงอย่างไรพอฟังข้อความเหล่านั้น หัวของเขาก็แทบจะระเบิดแล้วหลังจากเสร็จการประชุมเขาก็ไปงีบมาพักหนึ่ง แต่ก็ยังฝันร้ายขึ้นมาอีก ในฝันมีมังกรสีม่วงทองตัวหนึ่งไล่กัดเขา ไล่จนกวานจักรพรรดิของเขาร่วงลงมา หลังจากเข้าสะดุ้งตื่นใจก็เต้นตุบๆ อย่างบ้าคลั่งฝันนี้ไม่ใช่ฝันดีอะไรอย่างแน่นอนตอนไปถึงห้องหนังสือหลวงเตรียมอนุมั
นั่นสิ ฟู่จาวหนิงทำไมจึงไม่กลัวเลย?อ๋องฉยงคิดถึงจุดนี้"ในเมื่อนางไม่กลัว ก็อธิบายได้ในคุกนั้นไม่มีอะไรน่ากลัวสิ เจ้าวางใจเถอะ พ่อจะไปคุยกับหัวหน้าคุก ให้เขาคอยดูแลเจ้าด้านในนั้น""ท่านด่อ ท่านยังจะบีบให้ข้าเข้าไปที่คุกหรือ?" อวิ๋นจูมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ"ในเมื่อราชโองการสั่งลงมาแล้ว นี่ก็ถือเป็นโอกาสหนึ่งนะ เจ้ารับราชโองการแล้ว แล้วยังได้ติดตามอ๋องเจวี้ยนอย่างใกล้ชิดอีก ทำให้อ๋องเจวี้ยนเห็นความเด็ดเดี่ยวของเจ้าได้พอดี เขาจะซาบซึ้ง รอให้ผ่านช่วงนีน้ไปก่อน ไม่แน่อ๋องเจวี้ยนอาจจะชอบเจ้าขึ้นมา ถึงตอนนั้นข้าก็ลงแรงอีกหน่อย ก็จะช่วงชิงให้เจ้าได้เป็นพระชายารองของอ๋องเจวี้ยน"ลูกสาวของเขาทั้งคน จะให้ไปเป็นอนุภรรยาได้อย่างไรกันเดิมทีเขาก็มีความคิดนี้ ให้นางเข้าไปจวนอ๋องเจวี้ยนก่อน พอลงเท้าได้มั่นคง จากนั้นค่อยหาโอกาสให้นางได้ขึ้นเป็นพระชายารองด้วยหน้าตาของอวิ๋นจู เขาไม่เชื่อว่าอ๋องเจวี้ยนจะไม่หวั่นไหวต่อให้มีแค่ความสงสารสักนิดก็พอแล้ว"ไม่ใช่ไม่กี่วัน อ๋องเจวี้ยนต้องอยู่ในคุกสองเดือน สองเดือนเลยนะ!" อวิ๋นจูร้องไห้ขึ้นมา "วันเดียวข้าก็จะป่วยแล้ว สองเดือนข้าจะไม่ตายเอาเลยหรือ?""
ฟู่จาวหนิงกอดเซียวหลันยวน ตบหลังเขาเพื่อปลอบโยน"คิดไม่ถึงว่าพวกนางจะไม่สนใจพระราชโองการขององค์จักรพรรดิ เพราะรังเกียจท่านขนาดนี้ ข้าเองก็สงสารท่านนะ ถ้าท่านเสียใจเพราะเรื่องนี้จะทำอย่างไร? ถ้าหลังจากนี้โดนงูกัดแล้วกลัวเชือกไปสิบปี ไม่กล้ารับสาวงามเข้ามาอีกจะทำอย่างไรกัน?"ผู้คุมได้ยินนางถามซ้ำๆ ว่า"ทำอย่างไรๆ" หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาคำพูดนี้ทำไมฟังแล้วแปลกๆ กัน?แต่สามงามสามคนนั้นก็เกินไปหน่อยไหม? พระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่ที่นี่มาวันหนึ่งไม่เห็นจะพูดอะไรเลย นางเองก็ยังดูดีอยู่ ปฏิกิริยาของพวกนางต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ?ผู้คุมที่พูดเรื่องโรคเพศสัมพันธ์เหลือบมองอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่งอ๋องเจวี้ยนเองก็พยักหน้าขึ้นมาอย่างไม่ให้ใครจับได้ เขาจึงถอยออกไปอวิ๋นจูกลับไปที่วังราชนิเวศน์ อ๋องฉยงพอรู้ข่าว ก็พาหมอเข้ามาดูนางทันที และถูกตุ่มแดงเหล่านั้นบนหน้านางทำเอาตกใจสะดุ้งโหยง"จูเอ๋อร์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"อ๋องฉยงแม้จะอายุวัยกลางคนแล้ว แต่กรรมพันธุ์ทางราชวงศ์เองก็ถือว่าไม่เลวนัก อย่างน้อเขาก็ยังเป็นชายกลางคนที่ดูดีมีเสน่ห์อยู่พอควรสามารถให้กำเนิดลูกสาวอย่างอวิ๋นจูออกมาได้ หน้าตาของเขาเอง
อวิ๋นจูรู้สึกแย่มาก ออกแรงเการ่างกายของตนเองบนตัวนางคันจนไม่ไหวแล้วแต่ต่อนห้าคนมากขนาดนี้ โดยเฉพาะยังมีผู้คุมอีก นางที่เป็นหญิงสาวสูงศักดิ์มายืนเกาแบบนี้ มันดูเสียท่าทีไม่สุภาพเอาเสียเลยนางอยากจะทนไว้ แต่ว่า! มันทนไม่ไหวจริงๆ!คันมากเลย นางอยากจะแก้ผ้าตัวเองแล้วก็เกาๆ มันทั้งตัวให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!แค่ถูๆ ใบหน้า ตอนนี้จุดแดงบนหน้านางก็ยิ่งลามเป็นตุ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว"คุณหนู หน้าของท่าน..." สาวใช้นางเหลือบมองผาดหนึ่ง สายตาก็สะพรึงขึ้นมาอวิ๋นจูพอเห็นสายตาของนาง ก็รีบกุมหน้าไว้ "หน้าของข้ามันทำไม? เป็นอะไรไป?""ในห้องขังนี้มันจะสะอาดแค่ไหนกัน โอ้ ข้านึกออกแล้ว ก่อนหน้าห้องขังพวกนั้นเหมือนจะขังนักโทษที่เคยเป็นโรคติดต่อเพศสัมพันธ์อยู่คนสองคน แต่ลืมไปแล้วว่าห้องไหน" ผู้คุมคนหนึ่งเหลือบมองนางผาดหนึ่ง จากนั้นจึงถอยห่างออกมาหลายก้าวทำเหมือนนางเป็นสิ่งสกปรกอย่างไรอย่างนั้น"อะไรนะ?!"ไม่ใช่แค่อวิ๋นจู กระทั่งชิวอวิ๋นกับซือหรูพวกนางก็ยังกระโดดเหยงขึ้นมาทันทีพอเห็นสภาพนี้ของอวิ๋นจู พวกนางก็ไม่กล้าเข้าใกล้แล้วอวิ๋นจูพังทลายไปแล้วนางร้องไห้ขึ้นมา "ข้าจะออกไป ข้าไม่อยากอยู่ท