จงเจี้ยนพอได้ยินก็ตกตะลึงขึ้นทันทีพวกนางกำลังพูดเรื่องอะไรกัน"นางไม่ใช่ฟู่จาวหนิงแล้วนางจะเป็นใครได้กัน? พวกเจ้าก่อนหน้าไม่ใช่บอกว่าตรวจสอบนางแล้วหรือ? จะรูปร่างภายนอกหรือน้ำเสียงนาง ก็เป็นตัวฟู่จาวหนิงชัดๆ""ถูกต้อง ความหมายของข้ากับอาหนงก็คือ นางคือฟู่จาวหนิง แต่ด้านในก็ไม่แน่ว่าจะใช่""พรึบ"ฮูหยินหรงเยว่ถลึงตาโต "เดี๋ยวก่อน เจ้าให้ข้าคิดหน่อย ข้าเริ่มงงแล้ว หมายความว่าอย่างไรนะ?""ครั้งที่แล้วที่ไห่ฉางจวิ้นเข้ามา ไหมใจโลหิตของนางกลับบินตรงไปทางฟู่จาวหนิงเอง ท่านเองก็รู้ ว่าไหมใจโลหิตมีจุดที่มหัศจรรย์อยู่จุดหนึ่ง นั่นก็คือจะถูกจิตวิญญาณดึงดูด ท่านรู้ไหมว่าทำไมข้ากับอาหนงถึงได้สงสัยขึ้นมา?""เพราะเจ้าเองก็มีไหมใจโลหิตด้วย" ฮูหยินหรงเยว่พูดออกมา"ถูกต้อง ข้ามีไหมใจโลหิต แต่ว่าก่อนหน้านี้ไหมใจโลหิตของข้าตอนปล่อยอยู่ต่อหน้าฟู่จาวหนิง มันก็ไม่เคยบินไปทางฟู่จาวหนิงเลย ตอนนี้ฟู่จาวหนิงแตกต่างไปจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง ไหมใจโลหิตของไห่ฉางจวิ้นก็ยังบินไปกับนาง นี่อธิบายได้ว่า ฟู่จาวหนิงในตอนนี้มีวิญญาณที่แตกต่างกับเมื่อก่อนอยู่""นี่เป็นไปได้อย่างไร?""ดังนั้น หลังจากข้ากับอาหนงหา
สืออีเองก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอธิบาย ดูแล้วสถานการณ์ของจงเจี้ยนวิกฤตมาก จากที่เขาเห็นนี่แทบจะไม่มียาที่รักษาได้แล้วแต่ว่าตอนนี้พวกเขามีพระชายาอยู่ วิชาแพทย์ของพระชายานั้นมหัศจรรย์มากเขารีบออกไปสั่งการคนให้จัดเตรียมทันฟู่จาวหนิงพาจงเจี้ยนนอนลงบนเตียง กระชากเสื้อผ้าของเขชาออกจงเจี้ยนคว้าข้อมือนางไว้ฉับพลัน น้ำเสียงกระด้างเล็กๆ คอเหมือนถูกแช่แข็งไว้อย่างไรอย่างนั้น คำพูดก็ดูพูดได้ลำบาก"ฮู ฮูหยินสี่ พูดได้""เอาล่ะ เรื่องนี้ยังไม่ต้องพูดก่อน ข้าจะรักษาเจ้า"ฟู่จาวหนิงจับมือของเขาออก หยิบเข็มยาวแทงลงไปที่หน้าอกเขาอย่างรวดเร็ว "เจ้าอย่าขยับ ข้ารักษาเจ้าได้ ผ่อนคลาย""หรงเยว่"จงเจี้ยนในใจร้อนรนมาก เขารู้สึกว่าตนเองจะตายอยู่แล้ว สภาพอย่างเขาเช่นนี้น่าจะช่วยไม่ไหวแล้ว แต่ว่าก่อนหน้าที่จะตายเขาจะเอาเรื่องที่ได้ยินมาบอกกับพระชายา ถ้าหากไม่พูดออกไป พระชายาก็คงไม่มีทางรู้ ถึงตอนนั้นถูกพวกผู้เฒ่าฟู่สี่ทำร้ายเอาจะทำอย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น แผนที่ลับที่พวกนางพูดกันอะไรนั่น น่าจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินในอดีต เรื่องนี้เองก็ควรเป็นเรื่องที่พระชายาอยากรู้ด้วยเร
จงเจี้ยนช่วยเอาไว้ได้หรือไม่?ฟู่จาวหนิงจับชีพจรจงเจี้ยนอีกครั้ง เอ่ยขึ้นอย่างสงบว่า "ข้าจะไม่ให้เขาตาย"หลายปีมานี้นางแย่งชีวิตกลับมาจากเงื้อมมือยมฑูตน้อยๆ เสียที่ไหน"เขาไม่ใช่ว่าติดพิษหรือ?" สืออีถาม"ใช่""พระชายารู้ไหมว่าเป็นพิษอะไร? พวกเราจะไปตรวจสอบว่าพิษนี้มาจากที่ไหน" น้ำเสียงสืออีเคร่งขรึมขึ้นมาพิษนี้อันที่จริงก็ร้ายกาจมาก ไม่ใช่แค่จะทำให้คนตาย ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถทำให้คนไม่เห็นอย่างรวดเร็วได้อีกด้วย ปากเองก็ไม่สามารถพูดได้ แล้วยังขยับเขยื้อนไม่ได้อีกต่างหากต่อให้ตายไปก็ยังสภาพดูไม่ได้ จะเปลี่ยนเป็นดำมะเมี่ยมเหมือนถูกไฟเผาจนเกรียม ยิ่งกว่านั้นยังไหม้ดำห่อเหี่ยวทั้งข้างในและข้างนอกอีกด้วยพิษที่ร้ายแรงอหังการพลังพิษเช่นนี้จะแพร่ออกไปไม่ได้เด็ดขาด"ความเป็นไปได้นี้ต้องถามท่านอาจารย์" ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยเข้าใจอะไรกับเรื่องพิษของทางนี้นัก"เ่ช่นนั้นข้าน้อยจะไปเชิญผู้อาวุโสจี้มาเสียรอบหนึ่งดีไหม?"มองออกว่าสืออีอยากจะแก้แค้นแทนจงเจี้ยนแล้ว"ได้ เจ้าไปเชิญอาจรย์มา ฟู่าวหนิงคิดๆ เอ่ยต่วา หาคนสองคนไปที่เรือนผุ้เฒ่าฟู่สี่ด้วย แไม่ต้องเข้าใกล้่นัก เพียงแแค่จับาดูเงียบๆ
"รายงานทางการ?""ราชวงศ์ต้าชื่อกับจวนทางการเองก็เกลียดชังต่อลัทธิเทพทำลายล้าง แต่ว่า""พี่หญิง"นอกประตูมีเสียงเฮ่อเหลียนเฟยร้องขึ้นมา"เด็กคนนั้นจากเผ่าเฮ่อเหลียนหรือ?" ผู้อาวุโสจี้ถาม"ใช่""ให้เขาเข้ามา เผ่าเฮ่อเหลียนตอนนั้นก็เหมือนจะเคยสัมผัสกับลัทธิเทพชั่วร้ายด้วยเหมือนกัน" ผู้อาวุโสจี้เอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงให้เฮ่อเหลียนเฟยเข้ามาเฮ่อเหลียนเฟยถูกแบกเข้ามา หลังจากนั่งลงจมูกก็ขยับ มองไปทางจงเจี้ยนอยู่ที่บนเตียง"พี่หญิง ท่านปู่เห็นว่ามีการเคลื่อนไหว เลยให้ข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น""จงเจี้ยนติดพิษเสียแล้ว"เฮ่ยเหลียนเฟยเม้มปาก ลังเลครู่หนึ่งจึงถามขึ้นมา "ข้าเพิ่งได้ยินว่าผู้อาวุโสจี้พูดถึงลัทธิเทพทำลายล้างหรือ?""เจ้ารู้จักลัทธิเทพทำลายล้างด้วยหรือ?""ข้ารู้จัก พี่หญิง ลัทธิเทพทำลายล้างแต่ก่อนมีพวกสาวกลอบแฝงเข้ามาในเผ่าเฮ่อเหลียน พวกเขาคิดจะมารับสาวกเพิ่ม เผ่าเฮ่อเหลียนตอนนั้นมีคนไม่น้อยที่ถูกกล่อมไปพ่อของข้าลงกำลังไปไม่น้อยกว่าจะขับไล่พวกเขาออกไปได้ แต่ก็จ่ายไปด้วยราคาที่น่าเวทนาด้วยเช่นกัน"ผู้อาวุโสจี้พยักหน้า "ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้มา""ตอนนั้นลัทธิเทพทำลายล้างใช้พิษ พิษ
"เรื่องนี้ข้าจะไปบอกกับเซียวหลันยวนก่อน"แม้ว่าฟู่จาวหนิงไม่อยากจะพบกับเซียวหลันยวนนัก แต่ตอนนี้เรื่องนี้จะปิดบังเขาไม่ได้ โดยเฉพาะจงเจี้ยนที่จงเจี้ยนยังเป็นลูกน้องของเขาด้วย"ได้""พี่หญิง ท่านต้องระวังตัวเองด้วย" เฮ่อเหลียนเฟยกังวลมาก"แน่นอน เสี่ยวเฟย เจ้าเองก็ไม่ต้องพูดอะไรกับท่านปู่มากนัก เขาจะได้ไม่ต้องกังวลจนเกินไป เจ้าแค่บอกว่าจงเจี้ยนบาดเจ็บก็พอ ข้าจะรักษาเขาให้ดี""ได้""แล้วก็ พวกเจ้าอยู่ในบ้านต้องระมัดระวังด้วย คอยป้องกันคนในเรือนหน้าเหล่านั้น"ฟู่จาวหนิงยังคิดจะหาวิธีรีบไล่คนออกไป ไม่เช่นนั้นนางก็วางใจไม่ลง ถ้านางไม่อยู่บ้านทุกวันแล้วคนเหล่านั้นมาลงมือกับท่านปู่ล่ะ?"พิษเช่นนี้ ถ้าหากช้าไปนิดเดียวข้าก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน" อารมณ์นางเองก็เคร่งขรึมนิดหน่อย กลัวว่านางเองก็จะช่วยเขาไม่ทันเหมือนกันผุ้อาวุโสจี้ส่ายหัว "เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ว่ากันว่ายาพิษอย่างหุ่นกำสรวลนี้ไม่ใช่สิ่งที่สกัดได้ง่ายๆ พวกเขาไม่มีทางใช้หุ่นกำสรวลออกมาง่ายๆ แน่"เขายังเหลือบมองจงเจี้ยนที่สลบเหมือดอยู่บนเตียง คาดเดาว่า "เด็กคนนี้น่าจะเพราะได้ยินเรื่องที่สำคัญอะไรมากๆ มา อีกฝ่ายจึงใช้งานหุ
เซียวหลันยวนส่งสัญญาณให้ชิงอีไปรินน้ำชามาชิงอีหมุนตัวออกไปรินน้ำชาฟู่จาวหนิงถามเซียวหลันยวนตรงๆ "ท่านเคยได้ยินลัทธิเทพทำลายล้างไหม?""เจ้าว่าอะไรนะ?"เซียวหลันยวนหน้าเปลี่ยนสีกระทั่งการเคลื่อนไหวของชิงอีที่หมุนตัวไปรินน้ำชาทางโต๊ะน้ำชาก็ยังชะงัก หันหน้ากลับมามองนางทันที"พระชายา?""ดูท่าพวกท่านจะรู้สินะ"ฟู่จาวหนิงพอเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาก็รู้"เจ้าไปพบกับคนของลัทธิเทพทำลายล้างมาหรือ?""จงเจี้ยนติดพิษมา ข้าไม่รู้ว่านั่นคือพิษอะไร จึงเชิญท่านอาจารย์ไปดู ท่านอาจารย์บอกว่าเป็นหุ่นกำสรวลของลัทธิเทพทำลายล้าง"ครั้งนี้ขนาดเซียวหลันยวนก็ยังหน้าเปลี่ยนสี"หุ่นกำสรวล!""พระชายา เช่นนั้นจงเจี้ยนตอนนี้คง..."คงตายไปแล้วเพราะหุ่นกำสรวลนี้ไม่มียาที่สามารถแก้ไขได้ จะตายลงอย่างรวดเร็ว ชิงอีคิดถึงจงเจี้ยนที่ตอนนี้น่าจะตายไปแล้ว ในใจก็เหมือนร่วงลงไปก้นเหวขึ้นพริบตา"ข้ารีดพิษออกมาได้แล้วส่วนหนึ่ง พิษที่เหลือยังสะกดไว้ได้ชั่วคราว ตอนนี้จึงคิดจะเข้ามาบอกท่านเรื่องหนึ่ง""เจ้าพูดมาเถอะ" เซียวหลันยวนสีหน้าจริงจัง"ถ้าจะช่วยจงเจี้ยน ไหมใจโลหิตตัวนั้นต้องเอามาใช้แล้ว"ตอนที่พูดประโยคนี
แต่ว่าฟู่จาวหนิง็ไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องห้องเภสัช ไม่อยากให้มีคนเข้าไปด้านในแต่ตอนนี้เซียวหลันยวนกลับเห็นด้วยแล้ว"จงเจี้ยนตอนนี้จะตื่นมาเห็นด้วยได้เสียที่ไหน พวกท่านอ๋องเห็นด้วยก็พอแล้ว ใจไหมโลหิตเป็นของเขา!"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้ว่าชิงอีจะต้องอยากช่วยจงเจี้ยนอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรสำหรับพวกเขา การใช้วัตถุดิบยาที่ล้ำค่าของเจ้านายก็ดูจะเกินเลยไปจุดนี้ฟู่จาวหนิงเองก็นับถือเซียวเหยียนจิ่งอยู่ไหมใจโลหิตหามาได้ยากจริงๆ พวกเขาหามานมนานก็ยังหาไม่พบอย่าว่าแต่จงเจี้ยนที่เป็นแค่ลูกน้องของเขาเลย ต่อให้เป็นคนในบ้านเขา มีคนมากมายพอเกี่ยวข้องกับชีวิตของตนเองก็มักจะลังเลขึ้นมาถึงอย่างไรใครก็ล้วนรู้สึกว่าชีวิตของตนเองนั้นสำคัญที่สุดแต่ว่าเซียวหลันยวนกลับไม่แม้แต่จะคิดแล้วตอบรับมาทันที"ท่านอ๋องโปรดพิจารณาอีกครั้งเถิด" ชิงอีมองเซียวหลันยวนมองออกว่าเขาเองก็รู้สึกยุ่งยากมากเช่นกันฟู่จาวหนิงเองก็มองไปทางเซียวหลันยวน นางไม่ได้เร่งรัดเขา เรื่องนี้ให้เขามาตัดสินใจเองก็ดูสมเหตุสมผลอยู่"ไม่ต้องพิจารณาแล้ว ตอนนี้จงเจี้ยนชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ข้ายังพอทนไหวอยู่ ช่วยชีวิตจงเจี้ยนก่อน""เซียวห
ถ้าเขารับคำมาตรงๆ เช่นนี้แล้ว นางไม่ใช่ว่าต้องดีใจจนกระดิกหางขึ้นมาหรอกหรือ?เซียวหลันยวนมีความคิดจะหยอกล้อนาง จงใจถอนหายใจ"แต่ว่าก็เป็นไปได้ ฟู่หลินซื่อถ้าที่จะเป็นทั้งน้องสาวของเสิ่นเสวียน และเป็นสาวกของลัทธิเทพทำลายล้างด้วย"และตามคาด พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็กลอกตาขาวใส่แต่ว่านางก็ไม่คัดค้านอะไรชิงอีกลับตั้งใจมาก "ท่านอ๋อง จริงด้วย นี่ก็เป็นไปได้เหมือนกัน ถึงอย่างไรท่านเสิ่นก็พูดไว้ ว่าเสิ่นเชี่ยวน้องสาวของเขาหายสาบสูญไปตั้งแต่ยังเล็ก ตอนนั้นพวกสาวกของลัทธิเทพทำลายล้างเองก็มีอยู่ไม่น้อย ศิษย์ฝ่ายธรรมะแต่ละสำนักของต้าชื่อถูกส่งออกไปทุกวัน บ้างก็บอกว่าไปฝึกฝน บ้างก็บอกว่าออกไปไล่ล่าสาวกของลัทธิเทพทำลายล้าง""สาวกลัทธิเทพทำลายล้างเพื่อที่จะหลบหนีการไล่สังหารของพวกฝ่ายธรรมะ ก็คิดหาวิธีปิดบังตัวตนฐานะอย่างสุดกำลัง ดังนั้นคนมากมายล้วนปิดบังซ่อนชื่อเข้าไปอยู่ในกลุ่มสำนักตระกูลต่างๆ ตระกูลเสิ่นเมื่อตอนนั้นก็าจจะถูกลัทธิเทพทำลายล้างแทรกซึมเข้าไปแล้วด้วยกระมัง? ต่อมาคนเหล่านั้นก็มาเจอกับคุณหนูเสิ่น ต่อมาจึงพานางไปไหม?"ชิงอีเอ่ยขึ้นเป็นตุเป็นตะ"อดพูดไม่ได้เลย ชิงอี ทักษะ
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้