ม่านรถเลิกออก อ๋องเจวี้ยนลงจากรถม้าซ่งอวิ๋นเหยามองชายหนุ่มตรงหน้า เขาสูงกว่าหลายปีก่อนหน้ามากเลย ตอนนี้นางต้องเงยหน้ามองเขาแล้วบนหน้าเขาสวมหน้ากากเงินไว้ ปิดบังหน้าผากจนถึงจมูก แต่เผยริมฝีปากกับคางของเขาออกมา เส้นโครงเองก็งดงามพอเทียบกับหลายปีก่อนหน้า ตอนนี้ก็กลายเป็นชายหนุ่มที่เติบโตสมบูรณ์แบบแล้วครั้งที่แล้วตอนที่นางเห็นเขา เขายังเป็นแค่เด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มร่างบาง ดูแล้วอ่อนแอกระเสาะกระแสะดังนั้นในสมองซ่งอวิ๋นเหยาจึงหยุดไว้ที่ความทรงจำนั้นมาตลอดครั้งนี้พบกับองค์รัชทายาทต้าชื่อ นางถึงถูกชายร่างสูงใหญ่เช่นนั้นดึงดูดไปแต่ตอนนี้พอมาเห็นอ๋องเจวี้ยนที่หล่อเหลาสูงชะลูด จู่ๆ นางก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา ทำไมถึงไม่คิดนะว่าอ๋องเจวี้ยนเองก็จะเติบโตขึ้นด้วย?นางเอาแต่จดจำเขาที่เป็นชายหนุ่มร่างผอมบางอ่อนแอไว้ตลอด ในใจไม่ได้ลุ่มหลงอะไรนัก เพียงแต่ตัวตนฐานะของอ๋องเจวี้ยน จึงเสียดายที่จะปล่อยไปตอนที่พบกับองค์รัชทายาทต้าชื่อนางถึงอ่อนไหวขึ้นมาถ้านางเห็นอ๋องเจวี้ยนเช่นนี้ก่อน นางไม่มีทางอ่อนไหวกับองค์รัชทายาทต้าชื่อแน่ ถึงอย่างไรถ้าหากเป็นไปได้ล่ะก็ นางก็คิดจะอยู่ในแคว้นเจา จะไม่ออกเรือนไ
แต่ว่าก็เข้าใจได้ ผู้ชายปกติก็คงจะสนใจกันนั่นล่ะท่านเสิ่นอาจะเพื่อเลี่ยงความระแวง ดันั้นตลอดทางจึงทำตัวห่างเหินกับนางกระมัง?"อื๋อ?"เซียวหลันยวนอันที่จริงก็ไม่เข้าในความหมายของนาง เขาคิดมากเรื่องอะไรกัน?"ข้าจะพูดกับเขาสักคำสองคำ มีปัญหาอะไรหรือ?"ยังไม่วางใจหรือ? ทำไมถึงต้องพูดกับเขาอีกคำสองคำ?ซ่งอวิ๋นเหยาในใจรู้สึกหวานชื่นขึ้นหน่อยๆ เซียวหลันยวนจะต้องหึงแน่ๆ จึงจะไปพูดคุยกับท่านเสิ่นเสียหน่อยไม่เจอกันหลายปี เซียวหลันยวนเห็นว่าหน้าของนางตอนนี้มีสีท้อขึ้นมาใช่ไหม ดังนั้นในใจเขาตอนนี้ก็เต้นโครมครามขึ้นเหมือนกันหรือ?พอเห็นผู้ชายของนางไม่ได้มีท่าทีไม่ชอบนาง ยิ่งไปกว่านั้นอ๋องเจวี้ยนยังถูกคนมากมายพูดตั้งแต่เด็กว่าเป็นคนที่ฟ้าส่งมาคู่กับนางอีกล่ะ?ไม่แน่ว่าในใจของเขาอาาจจะมองนางเป็นพระชายาของตนเองไว้นานแล้วก็ได้"ท่านไปเถิด ข้าไม่มีปัญหาอะไร"ซ่งอวิ๋นเหยาส่ายหัวพอเซียวหลันยวนเดินไปหาท่านเสิ่น ซ่งอวิ๋นเหยาก็รีบดึงซ่งหยวนหลินมาอยู่ข้างๆ"หลันยวนออกจากยอดเขาโยวชิงกลับเมืองหลวงนานเท่าไรแล้ว?""เกือบสองเดือน"ซ่งหยวนหลินมองพี่สาวมึนงงเช่นนี้ ท่นาพี่อวิ๋นเหยาไม่ได้รับจดหมายจา
แต่ว่าหลังจากราชวงศ์ต้าชื่อผ่านมาหลายสมัย ก็ไม่ค่อยอยากจะให้คนรู้สึกว่าเป็นคุณงามความดีของตระกูลเสิ่น อาจจะเพราะรู้สึกว่าราชวงศ์ไม่มีหน้ามีตาเสียแล้ว ดังนั้นจึงไม่ค่อยจะเอ่ยถึงตระกูลเสิ่นเท่าไรเหล่าลูกหลานตระกูลเสิ่นที่อยู่ในราชสำนักก็ล้วนลอบถูกกดดัน ถูกละเลยคนของตระกูลเสิ่นตอนแรกยังไม่รู้สึก ยี่สิบกว่าปีก่อน กุ่ยไฉเสิ่นเสวียนแห่งตระกูลเสิ่นมีชื่อเสียงขึ้นมาจากอุปกรณ์การทำนายปรากฎการณ์ฟ้าดินชุดหนึ่ง จึงถูกอวยยศเป็นกุ่ยไฉเดิมทีที่เขาสร้างอุปกรณ์นี้ขึ้น ก็ควรจะถูกอวยยศโหวแล้ว แต่ในราชวงศ์ไม่ว่าจะที่ใดก็ไม่มีการเชิญเลย ต่อมาเสิ่นเสวียนก็เจอเข้ากับเรื่องไม่คาดคิดอีกหลายต่อหลายครั้ง บางครั้งก็ไปเดินอยู่ริมปากเหวความเป็นความตายอีกด้วยเขาก็น่าจะเพิ่งได้สติฉุกคิดได้ จึงเริ่มให้คนในตระกูลลดความเฉิดฉายลง ค่อยๆ แฝงกายเร้นโลกขึ้นมาและโลกก็ค่อยๆ ไม่เอ่ยถึงตระกูลเสิ่นอีก ต้าชื่อเองก็ดันเอาข้าราชการแม่ทัพเลื่องชื่อหรือจอหงวนออกมาอีกหลายคน แล้วยังกินแคว้นเล็กสองแคว้นที่อยู่รอบๆ เข้ามาด้วย ชื่อเสียงบารมีขจรขจาร พลังแห่งแคว้นก็ยกขึ้นมาอีกระดับ และก็ยิ่งไม่มีใครพูดถึงตระกูลเสิ่นอีกผ่านไปยี่สิ
หงจั๋วตกตะลึง หลังจากได้สติกลับมาก็รีบตามขึ้นรถม้า จึงได้ยินเซียวหลันยวนกำชับขึ้นมาว่า "ไปหมู่บ้านตะวันออก"ดวงตาหงจั๋วเป็นประกายท่านอ๋องรู้ว่าพระชายาไปยังหมู่บ้านตะวันออก ดังนั้นเขาตอนนี้จึงล้มเลิกการรับตัวท่านหญิงอวิ๋นเหยากลับเมือง แต่เปลี่ยนเป็นไปรับพระชายาแทนใช่ไหม?มองรถม้าของอ๋องเจวี้ยนแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว สมองซ่งอวิ๋นเหยาก็ขาวโพลน"ฟู่ ฟู่จาวหนิง"ฟู่จาวหนิงดีขนาดนั้นเลยหรือ หลังจากแต่งงานกับนาง ในสายตาเซียวหลันยวนก็ไม่มีนางอีกแล้วหรือ?"คุณหนูอวิ๋นเหยา ต้องโทษฟู่จาวหนิง" ซ่งหยวนหลินประคองนาง กัดฟันกรอด "ฟู่จาวหนิงตอนนี้แตกต่างจากก่อนหน้าแล้วจริงๆ นางจะต้องใช้วิชากู่กับพี่หลันยวนแน่!แต่ว่าท่านก็อย่าเพิ่งท้อแท้เลย ก่อนหน้านี้ท่านไม่ใช่พูดไว้ว่า ตอนเด็กๆ ท่านเคยมีบุญคุณช่วยชีวิตกับอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนกับพี่หลันยวนหรอกหรือ?"ตอนเด็กๆซ่งอวิ๋นเหยามึนงง"ขอแค่ถัดจากนี้หาโอกาสมาเจอกับพี่หลันยวนมากหน่อย คุยเรื่องสมัยเด็กให้มากหน่อย ใจของพี่หลันยวนจะต้องถูกท่านดึงกลับมาได้แน่" ซ่งหยวนหลินมองซ่งอวิ๋นเหยานางคาดหวังกับซ่งอวิ๋นเหยาไว้สูงมากองค์รัชทายาทไท่ชื่อถูกนางทำให้ลุ่มห
ถึงแม้จะยังไม่ได้นำมาทำกำไล แต่ถ้าแกะออกมาสักชิ้นหนึ่ง ก็น่าจะมีมูลค่าสูงเทียมฟ้าแล้วดูท่าลางสังหรณ์ของนางก็ยังใช้การได้ดีอยู่!"คุณหนูฟู่นี่มีเทพเจ้าอวยพรจริงๆ ดวงดีเหลือเกิน" ผู้เฒ่ากู้พยายามสะกดความเจ็บปวดในใจนั่นของตนเองลง เดินเข้ามาเอ่ยยินดีกับฟู่จาวหนิงจะโกรธไม่ได้ จะโกรธไม่ได้ จะเจ็บปวดไม่ได้ เจ็บปวดไม่ได้เขาทำการค้ากับแคว้นเจามายาวนาน ฟู่จาวหนิงแค่เพิ่งเริ่มก็ตัดมรกตออกมาได้ชิ้นหนึ่ง ถ้าลือออกไปที่นี่ก็จะมีแขกเหรื่อเข้ามากันเหมือนเมฆลอยเลยนี่นะเขาไม่ต้องไปติดแปะหรือป่าวประกาศอะไรเลยพอคิดเช่นนี้ในใจก็เหมือนดีขึ้นหน่อยฮือๆ แต่เขาก็ยังอยากจะร้องไห้จริงๆ ชายหนุ่มสองคน ขนหินมาไกลนับพันลี้เพื่อขายให้เขา ส่งมาถึงมือเขาแล้วแท้ๆ แต่เขากลับผลักไสออกไปก้อนหนึ่งเสียอย่างนั้น!หินก้อนนี้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ"ก็แค่เทพเจ้าอวยพรเท่านั้นจริงๆ มีดวงนิดหน่อยเท่านั้น ผผู้เฒ่ากู้ซื้อมาตั้งหลายก้อนนี่ บางทีของชั้นยอดจริงๆ อาจจะอยู่ในนไม่กี่ก้อนของผู้เฒ่ากู้ตรงนั้นก็ได้"ฟู่จาวหนิงพูดเช่นนี้ ในใจผู้เฒ่ากู้ก็ถูกปลอบประโลมขึ้นมาบ้างแล้วก็เป็นไปได้มากอยู่ หินพวกนั้นของเขาก็ใหญ่โตอยู่ ถึงอ
การเดิมพันการพนันพ่ายแพ้จนบ้านล้มละลายได้เลยทีเดียว"ลุงฟางเองกว่าจะต่อสู้จนเป็นกิจการเช่นปัจจุบันนั้นไม่ง่ายเลย ข้าเคยได้ยินฟางซือฉิงพูดว่า ก่อนหน้านี้ลุงฟางเองทำไร่ทำนาด้วย แล้วยังขึ้นเหนือลงใต้ทำการค้า เจอกับการปล้นชิง ตกเขาลงน้ำลงห้วย ลำบากมากไม่น้อยจึงมีบ้านและที่ดินเช่นปัจจุบัน""ใช่ๆๆ""ดังนั้นต้องปกป้องกิจการที่บ้านให้ดี จะมาพ่ายแพ้ลงง่ายๆ ไม่ได้"เศรษฐีฟางฟังพลางพยักหน้าจะว่าไปก็แปลก ฟู่จาวหนิงกับฟางซือฉิงรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ตอนที่นางพูดเช่นนี้กับเขา เขาไม่ได้มองนางเป็นสาวน้อยคนหนึ่งเลย และไม่รู้สึกเลยว่าคำพูดที่นางอายุเพียงเท่านี้มาพูดกับเขาจะดูไร้สาระ แต่กลับรู้สึกว่ามีเหตุมีผล"จาวหนิง เจ้าพูดมาถูกต้อง ลุงฟางจะฟังเจ้านะ"เศรษฐีฟางรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงเองก็มองตนเองเป็นครอบครัวแล้วจริงๆให้ลูกสาวเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกับฟู่จาวหนิง เขาวางใจมากยิ่งไปกว่าฟู่จาวหนิงยังมีนิสัยดีมากอีกด้วย นางไม่ได้เปลี่ยนท่าทีต่อซือฉิงหรือพวกเขาเพียงเพราะตนเองกลายเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้วเลย ไม่ได้ทำตัวสูงส่ง แต่นิสัยกลับยังดีขึ้นกว่าเดิมด้วย ใจกว้างและจริงใจขึ้นมากเศรษฐีฟางเลือกหิ
หินของเศรษฐีฟางเองก็เริ่มตัดแล้ว แต่เพราะหินก้อนนี้เป็นก้อนใหญ่ อาจจะใช้เวลาตัดค่อนข้างนาน ดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงกลับไปกับฟางซือฉิงก่อนแล้วทิ้งให้เศรษฐีฟางคอยเฝ้าอย่างตึงเครียดอยู่ที่นั่นห้าร้อยตำลึง สำหรับเขาแล้วไม่ได้มากมายนัก แต่เรื่องนี้ก็แปลก พอมีผลลัพธ์ว่าจะราคาเพิ่มหรือลดแขวนรออยู่ ก็ทำเอาคนทั้งเฝ้ารอทั้งตึงเครียด"จาวหนิง หินที่เจ้าซื้อมาอีกสองก้อน ไม่ให้ผู้เฒ่ากู้ตัดแล้วหรือ?"หลังจากกลับไป ฟางซือฉิงเห็นฟู่จาวหนิงซื้อหินอีกสองก้อนก็รู้สึกแปลกๆคนทางนั้นเองก็ไม่มีอุปกรณ์ในการตัดหินนี่นา แล้วจาวหนิงไม่ตัดหินสองก้อนนี้ แล้วจะไปมีประโยชน์อย่างไร"ไม่ตัดแล้ว ข้าจู่ๆ ก็รู้สึกว่าซื้อหินไร่สักสองก้อนกลับไปวางไว้ที่บ้านเองก็ไม่เลว ถือว่าสะสมเงินเอาไว้เลยแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าในหินแร่ที่ตนเองเลือกออกมาต้องมีหินหยกที่ดีมากอยู่ข้างในแน่ แต่นางอยู่ตัดที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้วถ้าเผื่อมีหินที่ดีออกมาได้จริงๆ ไม่มีรอยปริรอยแตก เช่นนั้นก็คงจะก่อให้เกิดความสงสัยจากผู้เฒ่ากู้และคนอื่นแล้วนางซื้อหินมาตัดสามก้อน ทุกก้อนล้วนตัดออกมาได้ดี ได้ราคาหมด นี่มันไม่แปลกหรือ?สองก้อนนี้ย้าย
นางเดิมทีคิดจะไปหาอาจารย์ให้ไวที่สุด แต่ว่าตอนนี้พอเห็นท่าทีของฮูหยินฟาง หรือว่านางจะป่วยอะไร?"นั่นคือ ข้าเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร อาการนี้ของข้าบอกไปก็น่าอาย แล้วยังไปหาหมอไม่ได้ด้วย"ฮูหยินฟางถอนหายใจ "แต่ว่าอาการนี้ก็ทรมานคนเสียจริง แล้วยังทรมานมากด้วย""ป้าฟาง ท่านไม่สบายตรงไหนหรือ?"ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นไปล้างมือ หลังจากใช้ผ้าเช็ดจนแห้งก็เดินมาอยู่ข้างๆ ฮูหยินฟาง "ท่านลองบอกอาการดู ข้าจะจับชีพจรให้ท่าน"ฮูหยินฟางใบหน้าแดงหน่อยๆนางมองลูกสาวอย่างขวยเขิน จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง "ข้ารู้สึกไม่ค่อยอยากให้ฟางซือฉิงได้ยิน แต่ก็กังวลว่าโรคของสตรีนี้อีกหน่อยนางอาจจะเป็นด้วย"นางพูดเช่นนี้ฟู่จาวหนิงก็เริ่มมีการคาดเดา คาดเดาว่าน่าจะเป็นโรคทางนรีเวชนี่ก็เป็นเรื่องที่พวกนางยากจะเอื้อนเอ่ยจริงๆ โดยเฉพาะตอนนี้ก็แทบจะไม่มีหมอผู้หญิงเลย แล้วโรคแบบนี้จะกล้าไปหาหมอผู้ชายได้อย่างไรกันนางก่อนหน้านี้ได้ยินว่า สมัยโบราณมีหญิงสาวบางส่วนบอกอาการโรคกับหมอก็ถูกสามีหย่าร้าง บอกว่านางไร้ยางอาย ไม่รักษาขนบธรรมเนียม"เช่นนั้นก็ให้ซือฉิงฟังด้วยแล้วกัน ไม่เป็นไรหรอก"ฟู่จาวหนิงเองก็ดูใจกว้าง ความเขินอา
นางอยากจะให้เซียวหลันยวนไม่พอใจตัวฟู่จาวหนิงเสียเหลือเกินแต่พอสิ้นเสียงนาง เซียวหลันยวนก็หันมามองนาง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เฉินเซียงจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่านางถูกสายตาที่เย็นเยียบแหลมคนฆ่าตายไปแล้วนางใจสั่นวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่พูดไป แต่ก็สายไปแล้วนางได้ยินคำพูดเย็นชาของเซียวหลันยวนว่า"องค์หญิงใหญ่ถ้าหากมีเรื่องจะคุยกับข้า ก็ให้ทาสของเจ้าไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นก่อน"เซียวหลันยวนชี้ไปที่กลางสวนคุกเข่าที่นั่น คนป่วยทั้งหมดในห้องข้างฝั่งตะวันตกจะมองเห็นเฉินเซียงถลึงตาโตใส่อย่างไม่อยากเชื่อ"อ๋องเจวี้ยน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึงไป "เฉินเซียงก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไปเท่านั้น นางไม่ได้มีความคิดไม่ดี...""ให้นางคุกเข่า ข้าถึงจะฟังเจ้าพูด ถ้านางไม่ทำ ข้าก็จะไปแล้ว" เซียวหลันยวนตัดบทนางเฉินเซียงบอกว่าฟู่จาวหนิงแอบมีชู้กับอันเหนียน เขาจดจำมาโดยตลอด"อ๋องเจวี้ยน เฉินเซียงนางเองก็ป่วย ถ้าไปตากลมหนาวบนพื้น นางจะ...""เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"เซียวหลันยวนพูดจบก็หมุนตัวกลับทันทีเฉินเซียงลนลานขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยน ข้าจะไปคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ท่านโปรดรอก่อน!""เฉินเ
สิ่งที่ทำให้ตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขุ่นเคืองคือ ฟู่จาวหนิงคล้องแขนอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา"พวกเขาทำไมถึงคล้องแขนกันเดินแบบนั้นล่ะ?"เฉินเซียงถลึงตาโตนางไม่เคยเห็นสามีภรรยาเดินกันแบบนี้เลย ปกติแล้ว ภรรยาจะเดินอยู่ด้านหลังสามีประมาณครึ่งก้าวนี่ หรืออย่างมากก็ไหล่ชนไหล่แต่พออยู่ภายนอกก็ต้องคอยระวังเรื่องมารยาท มีใครเขามาคล้องแขนเดินกันแบบนี้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้นตัวฟู่จาวหนิงเองก็ยังเอนมาเบียดแขนอ๋องเจวี้ยนด้วย"นางเดินแบบนี้มันดูสง่างามตรงไหน บิดๆ เบียดๆ เงอะงะงุ่มง่ามเหมือนอะไรล่ะนั่น?" เฉินเซียงกดเสียงต่ำ พูดแบบไม่พอใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "นี่มันดูเป็นพระชายาตรงไหนกัน?"เหมือนพวกอนุภรรยาที่เอาแต่เบียดเสียดชายหนุ่มมากกว่าพระชายาตัวจริงต้องมีท่าทีสง่างาม มีคุณธรรม บุคลิกภาพโดดเด่นสิทำตัวออดอ้อนแบบนี้ มันเหมือนกับปีศาจสาวที่อยากจะสูบพลังหยางจากชายหนุ่มจนตัวสั่นอย่างไรอย่างนั้น เหมือนพวกอนุภรรยาที่ไร้เกียรติเฉินเซียงถึงอย่างไรก็ไม่ชินตาแต่ไม่รู้เพราะอะไร องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอิจฉาจนควบคุมไม่อยู่ชายหนุ่มที่เย็นชาขนาดนั้นแบบอ๋องเจวี้ยน ก็ยังตามใจให้ฟู่จาวหนิง แล้วยังปร
"ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะออกไป" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จิ้นเชินเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "นางน่าจะมีเรื่องมาขอร้องท่าน แต่ว่า เรื่องที่นางจะขอร้องข้าเองก็พอจะนึกออก"เขาอยากบอกว่า เรื่องแบบนี้ ถ้าหากรับปากไป ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์สามีภรรยากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือไม่ แต่การที่พานางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ถือเป็นการทรยศและทำร้ายจาวหนิงแต่ก็ไม่อยากพูดออกมาตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะเลือกอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงัดออกมาได้คืออะไร ถ้าเผื่อมันสำคัญอย่างมากกับเซียวหลันยวนจริงๆ ล่ะ?"ท่านพ่อตาอยากพูดอะไรหรือ?" เซียวหลันยวนย้อนถามเขา"อ๋า?"ฟู่จิ้นเชินถูกคำเรียก 'ท่านพ่อตา' ที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำเอางงงันไปหมด ตั้งตัวกลับมาไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเซียวหลันยวนก็พูดต่อมาอีก "วางใจเถิด ข้าไม่ทำเรื่องที่ผิดกับหนิงหนิงแน่นอน"พูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมเข้าห้อง ""หากไม่มีเรื่องอะไร คนป่วยทางนั้นรบกวนท่านดูไว้หน่อย ให้หนิงหนิงได้กินข้าวเช้าก่อนพอเซียวหลันยวนเข้าห้องไป ประตูก็ปิดลงมา ฟู่จิ้นเชินมองไปทางชิงอีที่อยู่ข้างๆ ช้าๆชิงอีเองก็
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกคนเหล่านี้พูดจนตาแทบแดงก่ำนางไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!นางเองก็มีเกียรตินะ นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เดิมทีควรจะล้ำค่าสูงส่ง สามารถเลือกราชบุตรเขยดีดีได้แต่ตอนนี้นางมีทางเลือกอะไรล่ะ?ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีพระเชษฐาแบบนั้น นางคงไม่ต้องทำให้มาถึงจุดนี้หรอกนางแค่อยากจะช่วยตนเองเท่านั้น แล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าหากทำได้ นางก็ไม่อยากไปทำร้ายใครทั้งนั้น นางเป็นคนที่มดแค่ตัวเดียวก็ยังทำใจเหยียบไม่ลงด้วยซ้ำ"รบกวนท่านลุงฟู่ด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง ถอยไปที่ประตูวงกลมทางนั้นเฉินเซียงถลึงตาใส่ห้องนั้น คารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง "รบกวนท่านลุงฟู่ช่วยเหลือด้วย องค์หญิงใหญ่พวกรเาจะไปรออ๋องเจวี้ยนที่นั่น"พูดจบนางก็รีบเดินไปหาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นฟู่จิ้นเชินส่ายหัวเขาก็เหมือนรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกอยู่ในสภาพไหน มาเจอกับฝ่าบาทต้าชื่อแบบนั้น นางเองอันที่จริงก็น่าสงสารแต่ว่า ท้ายสุดแล้วนางก็ยังไม่ฉลาดพอ เส้นทางที่เดินได้ นางกลับเดินอย่างสะเปะสะปะแต่พูดมาก็ถูก นางเติบโตมาที่สุสานจักรพรรดิ ไม่ค่อยได้พบเจอกับผู้คนสักเท่าไร และย
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่