การเดิมพันการพนันพ่ายแพ้จนบ้านล้มละลายได้เลยทีเดียว"ลุงฟางเองกว่าจะต่อสู้จนเป็นกิจการเช่นปัจจุบันนั้นไม่ง่ายเลย ข้าเคยได้ยินฟางซือฉิงพูดว่า ก่อนหน้านี้ลุงฟางเองทำไร่ทำนาด้วย แล้วยังขึ้นเหนือลงใต้ทำการค้า เจอกับการปล้นชิง ตกเขาลงน้ำลงห้วย ลำบากมากไม่น้อยจึงมีบ้านและที่ดินเช่นปัจจุบัน""ใช่ๆๆ""ดังนั้นต้องปกป้องกิจการที่บ้านให้ดี จะมาพ่ายแพ้ลงง่ายๆ ไม่ได้"เศรษฐีฟางฟังพลางพยักหน้าจะว่าไปก็แปลก ฟู่จาวหนิงกับฟางซือฉิงรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ตอนที่นางพูดเช่นนี้กับเขา เขาไม่ได้มองนางเป็นสาวน้อยคนหนึ่งเลย และไม่รู้สึกเลยว่าคำพูดที่นางอายุเพียงเท่านี้มาพูดกับเขาจะดูไร้สาระ แต่กลับรู้สึกว่ามีเหตุมีผล"จาวหนิง เจ้าพูดมาถูกต้อง ลุงฟางจะฟังเจ้านะ"เศรษฐีฟางรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงเองก็มองตนเองเป็นครอบครัวแล้วจริงๆให้ลูกสาวเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกับฟู่จาวหนิง เขาวางใจมากยิ่งไปกว่าฟู่จาวหนิงยังมีนิสัยดีมากอีกด้วย นางไม่ได้เปลี่ยนท่าทีต่อซือฉิงหรือพวกเขาเพียงเพราะตนเองกลายเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้วเลย ไม่ได้ทำตัวสูงส่ง แต่นิสัยกลับยังดีขึ้นกว่าเดิมด้วย ใจกว้างและจริงใจขึ้นมากเศรษฐีฟางเลือกหิ
หินของเศรษฐีฟางเองก็เริ่มตัดแล้ว แต่เพราะหินก้อนนี้เป็นก้อนใหญ่ อาจจะใช้เวลาตัดค่อนข้างนาน ดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงกลับไปกับฟางซือฉิงก่อนแล้วทิ้งให้เศรษฐีฟางคอยเฝ้าอย่างตึงเครียดอยู่ที่นั่นห้าร้อยตำลึง สำหรับเขาแล้วไม่ได้มากมายนัก แต่เรื่องนี้ก็แปลก พอมีผลลัพธ์ว่าจะราคาเพิ่มหรือลดแขวนรออยู่ ก็ทำเอาคนทั้งเฝ้ารอทั้งตึงเครียด"จาวหนิง หินที่เจ้าซื้อมาอีกสองก้อน ไม่ให้ผู้เฒ่ากู้ตัดแล้วหรือ?"หลังจากกลับไป ฟางซือฉิงเห็นฟู่จาวหนิงซื้อหินอีกสองก้อนก็รู้สึกแปลกๆคนทางนั้นเองก็ไม่มีอุปกรณ์ในการตัดหินนี่นา แล้วจาวหนิงไม่ตัดหินสองก้อนนี้ แล้วจะไปมีประโยชน์อย่างไร"ไม่ตัดแล้ว ข้าจู่ๆ ก็รู้สึกว่าซื้อหินไร่สักสองก้อนกลับไปวางไว้ที่บ้านเองก็ไม่เลว ถือว่าสะสมเงินเอาไว้เลยแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าในหินแร่ที่ตนเองเลือกออกมาต้องมีหินหยกที่ดีมากอยู่ข้างในแน่ แต่นางอยู่ตัดที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้วถ้าเผื่อมีหินที่ดีออกมาได้จริงๆ ไม่มีรอยปริรอยแตก เช่นนั้นก็คงจะก่อให้เกิดความสงสัยจากผู้เฒ่ากู้และคนอื่นแล้วนางซื้อหินมาตัดสามก้อน ทุกก้อนล้วนตัดออกมาได้ดี ได้ราคาหมด นี่มันไม่แปลกหรือ?สองก้อนนี้ย้าย
นางเดิมทีคิดจะไปหาอาจารย์ให้ไวที่สุด แต่ว่าตอนนี้พอเห็นท่าทีของฮูหยินฟาง หรือว่านางจะป่วยอะไร?"นั่นคือ ข้าเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร อาการนี้ของข้าบอกไปก็น่าอาย แล้วยังไปหาหมอไม่ได้ด้วย"ฮูหยินฟางถอนหายใจ "แต่ว่าอาการนี้ก็ทรมานคนเสียจริง แล้วยังทรมานมากด้วย""ป้าฟาง ท่านไม่สบายตรงไหนหรือ?"ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นไปล้างมือ หลังจากใช้ผ้าเช็ดจนแห้งก็เดินมาอยู่ข้างๆ ฮูหยินฟาง "ท่านลองบอกอาการดู ข้าจะจับชีพจรให้ท่าน"ฮูหยินฟางใบหน้าแดงหน่อยๆนางมองลูกสาวอย่างขวยเขิน จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง "ข้ารู้สึกไม่ค่อยอยากให้ฟางซือฉิงได้ยิน แต่ก็กังวลว่าโรคของสตรีนี้อีกหน่อยนางอาจจะเป็นด้วย"นางพูดเช่นนี้ฟู่จาวหนิงก็เริ่มมีการคาดเดา คาดเดาว่าน่าจะเป็นโรคทางนรีเวชนี่ก็เป็นเรื่องที่พวกนางยากจะเอื้อนเอ่ยจริงๆ โดยเฉพาะตอนนี้ก็แทบจะไม่มีหมอผู้หญิงเลย แล้วโรคแบบนี้จะกล้าไปหาหมอผู้ชายได้อย่างไรกันนางก่อนหน้านี้ได้ยินว่า สมัยโบราณมีหญิงสาวบางส่วนบอกอาการโรคกับหมอก็ถูกสามีหย่าร้าง บอกว่านางไร้ยางอาย ไม่รักษาขนบธรรมเนียม"เช่นนั้นก็ให้ซือฉิงฟังด้วยแล้วกัน ไม่เป็นไรหรอก"ฟู่จาวหนิงเองก็ดูใจกว้าง ความเขินอา
ฟู่จาวหนิงดูอาการให้ฮูหยินฟางเรียบร้อย ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ จึงจ่ายรายการยาให้นางสองอย่าง"ป้าฟาง อันนี้คำรายการยากิน แล้วก็อันนี้สำหรับใช้ภายนอก วัตถุดิบยาหามาจนครบแล้วต้มเป็นน้ำ ปล่อยให้อุ่นแล้วนำมาล้างส่วนที่เป็นโรค แล้วก็เสื้อผ้าน้อยที่แนบกับร่างกายต้องต้มน้ำลวกเสียหน่อย เปลี่ยนทุกวัน ต้องระวังเรื่องความสะอาด ไม่กี่วันก็จะดีขึ้น"ฟู่จาวหนิงกำชับอย่างละเอียด "แต่ว่าต่อให้ไม่คันแล้ว ความสะอาดของแต่ละคนก็ยังต้องรักษาเอาว้ด้วย ตอนที่ระดูมาผ้าระดูก็ต้องเปลี่ยนอย่างระมัดระวังด้วย"ฮูหยินฟางพยักหน้าไม่หยุด"ซือฉิง เจ้าก็จำไว้ด้วยนะ ฟังคำพูดของจาวหนิงเอาไว้""แล้วก็ ไม่ใช่แค่ตนเองต้องดูแลเรื่องความสะอาด ท่านเองก็กำชับลุงฟางให้ระวังเรื่องความสะอาดของตนเองด้วย...""ทำไมล่ะ?" ฟางซือฉิงไม่ค่อยเข้าใจ ถามขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณฮูหยินฟางหน้าแดงขึ้นอีกครั้ง"จาวหนิง เจ้าบอกมา บอกมาเร็ว"ฟู่จาวหนิงรู้สึกเขินๆ นี่เป็นความเคยชินของหมอ ที่ต้องพูดอะไรที่ควรพูดออกมาให้หมดรอจนนางอธิบายกับฟางซือฉิง หน้าของฟางซือฉิงเองก็แดงจนเหมือนเลือดไหลซิบ"เรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับร่างกายตนเองอย่างใกล้ชิด ต้องรัก
ในห้องยังมีคนอยู่ส่วนหนึ่ง ผู้อาวุโสจี้นั่งอยู่ข้างโต๊ะ อีกด้านหนึ่งมีซือถูไป๋นั่งอยู่ อาเพียนยืนอยู่ข้างเขา กำลังเบ้ปากหน้าบูดบึ้ง น่าจะถูกใครทำให้เคืองมามุมกำแพงมีชายชรานั่งยองอยู่คนหนึ่ง ข้างกายชายชรายังมีป้าอีกคนหนึ่งอยู่ กำลังตำหนิเขาอยู่และบนเก้าอี้ตัวหนึ่งริมหน้าต่างมีชายขาวตัวอ้วนอีกคนหนึ่ง ขาวมาก และอ้วนมาก ผิวนั่นแทบจะเปล่งแสงคะนิ้งได้เลยอย่างไรอย่างนั้น ชั่วขณะหนึ่งถึงกับดูอายุของเขาไม่ออกเลยทีเดียวฟู่จาวหนิงเห็นว่าผู้ดูแลเติ้งคอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ ชายคนนี้ ก็รู้ว่านี่คือคนบนรถม้าคนนั้นรูปร่างนี้ของเขา สามารถเดินทางนับพันลี้มาเมืองหลวงเพื่อหายา ก็ถือว่าทรมานอยู่ไม่เบาฟู่จาวหนิงพอเข้ามา คนในห้องก็เห็นเข้าแล้วซือถูไป๋เห็นนางก่อน "คุณหนูฟู่?"ผู้อาวุโสจี้เองก็มองเข้ามา ตกตะลึงไปทันที "เจ้ามาได้อย่างไรกัน?"ชายขาวตัวอ้วนคนนั้นเองก็หันหน้ามองมา มองเขาหมุนคอ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่าน่าจะหายใจหายคอลำบากอยู่ชายคนนี้แค่มาหายา หรือว่าจะเคยไปหาหมอแล้ว และรู้ว่าอาการป่วยนี้ของเขารักษาอย่างไร?นางเองก็ดูอยากรู้อยากเห็นมาก"ข้าได้ยินว่าพวกท่านอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงตามมาดูเสียห
ซือถูไป๋ตอนนี้เองก็ลุกขึ้นมาด้วย ให้ฟู่จาวหนิงนั่งลงเพราะในห้องไม่มีเก้าอี้ตัวอื่นแล้ว"ไม่ต้องหรอก ท่านนั่งเถิด" ฟู่จาวหนิงโบกไม้โบกมืออาเพียนเหลือบมองนาง ปากเหมือนจะขยับ แต่ก็ข่มไว้ไม่พูดจาผู้อาวุโสจี้ดึงฟู่จาวหนิง "เจ้าอยู่ห่างเขาหน่อย พวกเราเป็นแบ่งพรรคฝ่ายกัน ไม่ใช่พวกเดียวกัน เข้าใจไหม?"ซือถูไป๋พอได้ยินคำพูดนี้ก็เอ่ยขึ้นอย่างจำใจ "ผู้อาวุโสจี้ ข้าเองก็เคารพท่านมากนะ ความแค้นเก่าแก่ของพันธมิตรโอสถใต้หล้ากับโรงยาทงฝูของพวกข้า พวกเราวางเอาไว้ข้างๆ ก่อนได้หรือไม่?""วางไม่ลง" ผู้อาวุโสจี้ฮึดฮัด ดึงฟู่จาวหนิงมาอยู่อีกฝั่งเขามองไม่ออกเสียที่ไหน ซือถูไป๋เจ้าเด็กคนนี้ชอบจาวหนิงเข้าแล้วเจ้าเด็กคนนี้มีเจตนาไม่ดี รู้อยู่แล้วว่าจาวหนิงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน แต่ยังแอบคิดไม่ซื่อหรือ? เขาบอกแล้วว่าตระกูลซือถูไม่ใช่พวกคนดีเด่อะไร ซือถูเฒ่าแต่ก่อนก็ทรยศพันธมิตรโอสถ ตอนนี้เสี่ยวถูน้อยก็ยังคิดจะแย่งพระชายาคนอื่นอีก"พวกเจ้ารีบไปเถอะ พวกเจ้าพูดจาเอะอะจนข้าปวดหัวหมดแล้ว"ผู้เฒ่าหวางยังไม่ทันจะพูดจา จู่ๆ หน้าก็เปลี่ยนสี จากนั้นก็พุ่งออกไปฉับพลัน สำรอกออกมาที่ลานบ้านยกใหญ่"อ๊อก!""ตา
"เอาล่ะ เจ้ามาเลย เบาๆ หน่อยนะ อย่าให้ตัวเขาโยก ท่านป้า เตียงอยู่ในห้องไหน?" ฟู่จาวหนิงพูดพลางยื่นมือไปกดจุดชีพจรบนมือผู้เฒ่าหวางเขาอาเจียนออกมาขนาดนี้ ตอนนี้เกือบจะอาเจียนไม่ออกอยู่แล้ว แต่ก็สติสัมปชัญญะยังไม่ฟื้นขึ้นมา"นี่ ที่นี่" ป้าหวังเช็ดน้ำตารีบพาพวกเขาเข้าไปในห้องคนอื่นก็คิดจะตามมาด้วย ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นโดยไม่หันหน้า "อย่ามาล้อมมุงดู!"นางก็กลัวว่าในห้องจะแคบไป คนตั้งมากมายถ้าเบียดเข้ามา ตอนนั้นอากาศคงไม่ปลอดโปร่งพอดีเสียงของนางเพิ่งออกไป ผู้อาวุโสจี้ก็ไปยืนอีกด้าน ยื่นมือขวางคนอื่นๆ"ได้ยินแล้วนี่ ศิษย์ของข้าบอกว่าห้ามเข้าไป"ซือถูไป๋ยืนนิ่งไปแล้วชายอ้วนผิวขาวมองอยู่ที่ประตูห้องโถง เอ่ยขึ้นเสียงต่ำกับผู้ดูแลเติ้ง ผู้ดูแลเติ้งรีบเข้ามาถามผู้อาวุโสจี้"ผู้อาวุโสจี้ เมื่อครู่แม่นางคนนั้นคือศิษย์ของท่านหรือ? นางเป็นหมอหรือ?"ผู้อาวุโสจี้เหลือบมองชายอ้วนผิวขาว พยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ"ใช่แล้ว"ผุ้ดูแลเติ้งดวงตาเป็นประกาย จากนั้นก็วิ่งไปข้างกายชายอ้วนผิวขาว "นายท่าน แม่นางคนนี้เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสจี้จริง และเป็นหมอจริงๆ"ชายอ้วนผิวขาวพยักหน้าไม่ขยับเขยื้อน เนื้อหลา
"พระชายา ข้าน้อยมาช่วย"ตอนที่เสียงเล็กของหงจั๋วพูดกับฟู่จาหนิง ป้าหวางเองก็ตึงเครียดหวาดกลัวจนมึนไปแล้ว ยังฟังไม่ออกถึงคำพูดของหงจั๋ว ไม่เช่นนั้นนางก็เหมือนได้ยินคำเรียกว่าพระชายา"ได้ เจ้าประคองตัวป้าหวางไปเตรียมน้ำร้อนเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่เงยหน้าขึ้น "แล้วก็ช่วยดูให้หน่อยว่ามีสุราแรงๆ ไหม ถ้าในบ้านพวกเขาไม่มี เจ้าก็ให้เฉินซษนไปเอาที่บ้านตระกูลฟางมาไหหนึ่ง""เจ้าค่ะ"หงจั๋วเห็นฟู่จาวหนิงไม่พูดอะไร จึงกำชับเรื่องที่ตนเองต้องทำ ในใจกลับยิ่งดีใจขึ้นมานางรีบประคองป้าหวังออกไปทำงานหลัจากพวกนางออกไป ฟู่จาวหนิงก็เปิดผ้าของผู้เฒ่าหวางออกเพื่อตรวจดูบาดแผลเขา นางพบว่าบาดแผลอันที่จริงไม่ลึกมาก แต่ว่าริมบาดแผลมีอาการบวมขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นยังม่วงคล้ำไปแล้วด้วยผู้เฒ่าหวางตอนนี้แม้จะไม่อาเจียนแล้ว แต่กำลังวังชาก็ยังไม่มี หัวมึนๆ งงๆ แรงที่จะลืมตามองนางให้ชัดก็ยังไม่มี"ท่าน ท่านหมอ ข้าจะตายไหม?"ผู้เฒ่าหวางเอ่ยถามฟู่จาวหนิงอย่างอ่อนแรง เมื่อครู่เขาอาเจียนจนฟ้าหมุนไปขนาดนั้น ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองนอนอยู่บนกระดานที่ลอยได้ ถูกน้ำพัดไหลหมุนไปเวียนมา ทรมานสุดๆเขาเองก็ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงเ
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ