"พระชายา ข้าน้อยมาช่วย"ตอนที่เสียงเล็กของหงจั๋วพูดกับฟู่จาหนิง ป้าหวางเองก็ตึงเครียดหวาดกลัวจนมึนไปแล้ว ยังฟังไม่ออกถึงคำพูดของหงจั๋ว ไม่เช่นนั้นนางก็เหมือนได้ยินคำเรียกว่าพระชายา"ได้ เจ้าประคองตัวป้าหวางไปเตรียมน้ำร้อนเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่เงยหน้าขึ้น "แล้วก็ช่วยดูให้หน่อยว่ามีสุราแรงๆ ไหม ถ้าในบ้านพวกเขาไม่มี เจ้าก็ให้เฉินซษนไปเอาที่บ้านตระกูลฟางมาไหหนึ่ง""เจ้าค่ะ"หงจั๋วเห็นฟู่จาวหนิงไม่พูดอะไร จึงกำชับเรื่องที่ตนเองต้องทำ ในใจกลับยิ่งดีใจขึ้นมานางรีบประคองป้าหวังออกไปทำงานหลัจากพวกนางออกไป ฟู่จาวหนิงก็เปิดผ้าของผู้เฒ่าหวางออกเพื่อตรวจดูบาดแผลเขา นางพบว่าบาดแผลอันที่จริงไม่ลึกมาก แต่ว่าริมบาดแผลมีอาการบวมขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นยังม่วงคล้ำไปแล้วด้วยผู้เฒ่าหวางตอนนี้แม้จะไม่อาเจียนแล้ว แต่กำลังวังชาก็ยังไม่มี หัวมึนๆ งงๆ แรงที่จะลืมตามองนางให้ชัดก็ยังไม่มี"ท่าน ท่านหมอ ข้าจะตายไหม?"ผู้เฒ่าหวางเอ่ยถามฟู่จาวหนิงอย่างอ่อนแรง เมื่อครู่เขาอาเจียนจนฟ้าหมุนไปขนาดนั้น ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองนอนอยู่บนกระดานที่ลอยได้ ถูกน้ำพัดไหลหมุนไปเวียนมา ทรมานสุดๆเขาเองก็ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงเ
เขาไม่ค่อยถูกชะตากับสกุลซือถูเท่าไรถ้าไม่ใช่ว่าคนผู้นี้มาจากตระกูลซือถูก เขาอาจจะสร้างเรื่องให้เขากับเซียวหลันยวนได้มาแย่งชิงกันหน่อย เช่นนี้เซียวหลันยวนก็จะยิ่งหวงแหนฟู่จาวหนิงมากขึ้นน่าเสียดายย เด็กคนนี้ดันเป็นคนจากตระกูลซือถู เขาเองก็มีหลักการอยู่นะแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องยืนอยู่ข้างเซียวหลันยวน!"ไม่ต้องรบกวนผู้อาวุโสจี้แล้ว เพื่อเถาขมเฝื่อน ข้าน้อยยังรอต่อไปได้" ซือถูไป๋หัวเราะเขาเองก็มองไปทางแผ่นหลังของเซียวหลันยวนด้วยย ประกายตาลึกทึมเล็กน้อยเขามาช้าไปก้าวหนึ่งเท่านั้นฟู่จาวหนิงนวดมือนวดข้อมือนวดๆ นิ้ว จากนั้นก็ผ่อนคลาย แล้วจึงดึงเข็มขึ้นมา"ทำไมเจ้าไปที่ไหนก็ต้องเจอกับคนป่วยตลอดเลย?"เซียวหลันยวนตอนนี้จึงเพิ่งส่งเสียงขึ้นมาฟู่จาวหนิงหันมามอง "ให้ตายเถอะ ท่านจะทำให้ข้าตกใจตายหรือไรกัน?""ตกใจขนาดนี้เชียว? ข้ายืนอยู่นี่ตั้งนานสองนานแล้วเจ้าไม่เห็นหรือ?""ใครเขาคอยแต่สนใจท่านกันล่ะ" ฟู่จาวหนิงร้องเชอะตอนที่นางตรวจอาการผู้เฒ่าหวางเมื่อครู่ก็ใช้สมาธิไปมากจริงๆเซียวหลันยวนพบว่าหน้าของนางซีดขาวไปตอนที่หันกลับมา ยิ่งไปกว่านั้นหน้าผากยังมีเหงื่อผุดซึมเมื่อครู่เห็นน
ฟู่จาวหนิงรอจนป้าหวังวุ่นธุระเสร็จ จึงบอกเล่าสถานการณ์ของผู้เฒ่าหวางขึ้นมา"กระแทกที่หัวมา ในหัวมีเลือดออกและมีลิ่มเลือดอยู่ ซ้ำยังมีอาการสมองกระทบกระเทือน ดังนั้นเขาจึงลืมเรื่องนี้ไป แล้วที่อาเจียน ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับก้อนเลือดก้อนนั้นด้วย"เพราะจะให้พวกเขาได้ยินแล้วเข้าใจ ดังนั้นนางจึงอธิบายให้ง่ายลงหน่อยแต่ป้าหวางก็ยังไม่เข้าใจ"เลือไม่ใช่ว่าไหลออกมาแล้วหรือ? จุดที่เขาโขกก็มีเลือดไหลออกมาไม่น้อยเลยนะ" ป้าหวางดูทำอะไรไม่ถูก ดูเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งด้วย"ไม่ใช่เลือดจากบาดแผล แต่เป็นที่อยู่ในสมอง" ฟู่จาวหนิงทำเสียงให้เบาลง "ก็คือกระแทกรุนแรงเกินไป ด้านในมีเลือดออก จุดนั้นไม่มีบาดแผล เลือดจึงไหลออกมาไม่ได้ ท่านเข้าใจแบบนี้ได้ ผู้เฒ่าหวางตอนนี้มีบาดแผลสองแห่ง จุดหนึ่งคือที่เลือดไหลตรงนั้น ส่วนอีกที่คือด้านในหัว ท่านมองไม่เห็น"นางชี้ไปในสมองตอนนี้ป้าหวางก็เข้าใจขึ้นมาแล้วแต่หลังจากเข้าใจนางก็ลนลานขึ้นมา"เช่นนั้นทำอย่างไรดี? ตาเฒ่าของบ้านข้าจะตายไหม? แล้วบาดแผลในหัวนี่ รักษายากหรือไม่?"อาเพียนที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นด้วยสัญชาตญาณ "อยู่ข้างในกะโหลกแบบนี้ มองไม่เห็นจับก็ไม่ได้
หลังจากฟู่จาวหนิงเขียนรายการยา นางก็คิดออกถึงปัญหาที่ร้ายแรงข้อหนึ่ง"แต่ แต่ค่าตรวจอาการของเจ้าต้องแพงมากใช่ไหม? บ้าข้าไม่มีเงินเลย" ป้าหวางตบขาร้องไห้ออกมา "ไม่มีเงินเลยจริงๆ ไม่ใช่นั้นผู้เฒ่าบ้านข้าคงไม่รีบร้อนขายวัตถุดิบยาเช่นนี้"ฟู่จาวหนิงพิจารณาในบ้านพวกเขาแล้วบ้านหลังนี้ก็มีกำแพงสี่ด้านจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นโต๊ะเก้าอี้ก็ทำขึ้นด้วยตัวเองอีกต่างหาก เรียบง่ายมาก บางชิ้นก็ประกอบส่งเดชเข้ามาด้วยซ้ำเมื่อครู่ห้องนั้นของผู้เฒ่าหวาง ผ้าห่มเองก็มีรอยเย็บบ้านหลังนี้จนมาก ยากจนอย่างข้นแค้นและยาที่นางต้องใช้ เข็มที่นางต้องมี ราคาก็แพงมากจริงๆผู้เฒ่าจี้มองฟู่จาวหนิง จากนั้นจึงเหลือบมองรายการยาในมือนางผาดหนึ่ง ถอนหายใจ "เอาอย่างนี้ ศิษย์เอ๋ย วัตถุดิบยาของเจ้านี้ ส่วนใหญ่ในพันธมิตรโอสถของเรามีอยู่ หลังข้ากลับไปค่อยให้พวกเขาคิดราคายาต่ำสุดให้กับพวกเขาเขาจะให้พันธมิตรมอบให้เปล่าๆ ไม่ได้ พันธมิตรโอสถใต้หล้าไม่ใช่ของเขาคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องเช่นนี้ในช่วงหลายปีนี้ก็มีอยู่นับครั้งไม่ถ้วนเลยใต้หล้าคนจนตั้งมากมายขนาดนั้น ช่วยหมดไม่ไหว ถ้าหาทุกคนล้วนจะเอาแต่ยาโดยไม่ต้องจ่ายเงิน เช่น
"ท่านพ่อ ท่านบอกว่าถ้าผ่าได้มรกตแล้วจะทำกำไลให้ข้ากับจาวหนิงคนละชิ้นนะ อย่าบิดพริ้วล่ะ" ฟางซือฉิงเองก็กำลังโหวกเหวกกับผู้เฒ่าฟาง"แน่นอน พ่อของเจ้าเป็นพวกไม่รักษาคำพูดเมื่อไรกัน? เคยหลอกเจ้าตอนไหน? มรกตชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ขนาดผู้เฒ่ากู้ยังพูดเลย ว่ามรกตชิ้นนี้ทำกำไลออกมาได้ถึงสี่ชิ้น แล้วตรงกลางของกำไลยังเอามาทำจี้ห้อยได้อีกสี่ชิ้นด้วย หรือจะทำแหวนวงเล็กก็ได้ ข้าตกลงไว้แล้ว ถึงตอนนั้นเจ้ากับจาวหนิงก็ได้กำไลคนละหนึ่งชิ้น ส่วนแม้เจ้าได้สองชิ้น""ขอบคุณท่านพ่อ""ข้าว่าให้จาวหนิงคู่หนึ่งดีกว่า ข้ากับซือฉิงคนละชิ้นก็พอแล้ว หลังจากจาวหนิงแต่งงานไปพวกเราก็ยังไม่ได้ให้ของขวัญดีดีเลย กำไลชิ้นเดียวเองก็ไม่พอ ถึงตอนนั้นข้าค่อยหาเครื่องประดับศีรษะแดงทองให้อีกชุด"ฮูหยินฟางตอนนี้ชอบฟู่จาวหนิงมากแล้วจริงๆนางรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงไม่มีพ่อแม่ ต้องคอยดูแลท่านปู่ที่ป่วยอ่อนแอมาตั้งแต่เล็ก นี่ก็ไม่ง่ายเลย ทำให้นางพอคิดขึ้นมาแล้วรู้สึกปวดใจหดหู่ยิ่งไปกว่านั้นเด็กที่เติบโตมาในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ ก็ยังยอดเยี่ยมเสียขนาดนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกคนปวดใจเหลือเกินเซียวหลันยวนได้ยินบทสนทนาบางส่วนของครองครัวคระกูลฟางที
ดูท่าตอนนี้นางพูดไปก็คงไม่มีประโยชน์แล้ว"ท่านดูสิ ท่านมายืมพักบ้านคนอื่นแบบนี้รบกวนคนอื่นแค่ไหน" ฟู่จาวหนิงถอยมาอยู่ข้างๆ เซียวหลันยวน กดเสียงต่ำพูดเกี่ยงงอนกับเขาขึ้นมาคำหนึ่งเซียวหลันยวนตอบ "ถ้าข้าไม่มาเจ้าก็ไม่ได้มารบกวนพวกเขาหรือ?""นั่นข้ากับท่านมันไม่เหมือนกัน ฐานะข้าก็ไม่ได้สูงส่งขนาดนี้นี่""เจ้าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนนะ"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงไปทำไม เขาถึงโพล่งตัวตนฐานะนี้ออกมากัน?"แล้วมันทำไมล่ะ? ข้ากับพวกเขามีความสัมพันธ์ดีต่อกัน เป็นเหมือนคนบ้านเดียวกัน"เซียวหลันยวนต่อประโยคมาแบบไม่ต้องคิด "เช่นนั้นรอพวกกเขาคุ้นเคยกับข้าแล้ว ก็เป็นคนบ้านเดียวกันเหมือนกัน มันต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้น"พูดจบเขาก็เดินไปยังห้องโถงใหญ่เพื่อดื่มชาตามการเชิญของเศรษฐีฟางฟู่จาวหนิงมองแผ่นหลังเขาอย่างรู้สึกตั้งตัวไม่ทันเล็กๆฟางซือฉิงตอนนี้เพิ่งจะประชิดมาข้างตัวนาง กระตุกชายเสื้อนาง"จางหนิง คำพูดของอ๋องเจวี้ยนนั่นหมายถึงอะไรหรือ?" ฟางซือฉิงตาเป็นประกาย ฝืนยิ้มออกมา "เขาบอกว่าหลังจากนี้ถ้าคุ้นเคยกับพวกเราก็จะเป็นคนบ้านเดียวกันกับเรา? ทำไมข้าฟังแล้วมันเหมือนก
เซียวหลันยวนถอนเสื้อคลุมนอกออก"ข้าไม่นอนเตียงแล้วต้องนอนที่ไหน?" เขาย้อนถามนางมาคำหนึ่งฟู่จาวหนิงถูกเขาถามจนนิ่งไปนางมองมอง ข้างหน้าต่างมีแคร่นิ่มอยู่ตัวหนึ่ง "ที่นั่น!"เซียววหลันยวนมองตามนิ้วนางไป ปลดหน้ากากลงมา "เจ้าจะให้ผู้ชายตัวโตอย่างข้าไปนอนที่แคร่สั้นๆ ตัวนั้นหรือ?"ฟู่จาวหนิงพิจารณาตัวเขาขึ้นมา จากนั้นก็มองไปทางแคร่นิ่มตัวนั้นถ้าเขานอนลงไป สองขาน่าจะไม่มีที่วางแน่ๆ"ไม่งั้นเจ้าก็นอนไปสิ?" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมา "ข้าเองก็ไม่ได้เตี้ยเสียหน่อย"นางทำไมถึงรู้สึกอดสูตนเองขนาดนี้? ที่สำคัญคือหมู่บ้านนี้อยู่ใกล้ภูเขาด้วย ที่ตีนเขาพอตกกลางคืนลมจะแรงมาก อุณหภูมิเองก็ต่ำกว่าในเมืองหลวงเสียอีกถ้าคืนนี้นางนอนบนแคร่นั่น ผ้าคมคงได้กองเรี่ยพื้น พรุ่งนี้นางต้องขึ้นเขาหาเถาข่มเฝื่อนแต่เช้าด้วย ไม่อยากให้ตัวเองต้องมาป่วยหรอกนะ"เช่นนั้นก็นอนเตียงด้วยกัน"เซ๊ยวหลันยวนถอดเสื้อบนทั้งหมดออกแล้วเขาค่อยๆ เอนตัวลงนอนที่ด้านนอกของเตียง หลับตาลง"จะนอนหรือไม่นอนเจ้าก็ดูเองแล้วกัน"เซียวหลันยวนวันนี้ก็ประหลาดหน่อยๆฟู่จาวหนิงมองไฟเทียนที่แกว่งไกว สับสนอยู่ครู่
แต่มุมเช่นนี้ก็ทำให้ริมฝีปากเขาประกบเข้ามาข้างหูนาง"ซือถูไป๋หลายปีนี้ตกดวงใจหญิงสาวไปแล้วไม่รู้ตั้งเท่าไร" ในหัวสมองเซียวหลันยวนมีภาพที่ซือถูไป๋ประคองตัวฟู่จาวหนิงฉากนั้นลอยขึ้นมา แล้วรู้สึกว่าหัวใจไม่ค่อยสบายนัก "ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเองก็ไม่อยากถูกคนอื่นมาหัวเราะเย้ยหยันว่าพระชายาแอบปีนข้ามกำแพงไปด้วย ต่อให้ใจเจ้าจะคันยุบยิบ แต่ก็ต้องรักษาประเพณีเอาไว้"เขาเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเช่นนี้ ลมหายใจเองก็รดอยู่ข้างหูนางฟู่จาวหนิงชาดิกไปทั้งตัวหูของนางเดิมทีก็รับเรื่องแบบนี้ไม่ไหว มันทำให้สะท้านไปทั้งตัวเซียวหลันยวนเองก็เอาแต่พูดว่านางกับซือถูไป๋ยั่วยวนนั่นโน่นนี่ อารมณ์นางหลังดื่มสุราเองก็ทะลักขึ้นมาแล้ว"ข้าทำไมต้องรักษาขนบประเพณีให้ท่านัน? หลังจากนี้ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องหย่าอยู่แล้วนี่""เจ้าเลิกคิดได้เลย รอให้ฟู่หลินซื่อกลับมาเสียก่อน""เซียวหลันยวน เคยมีคนบอกไหมว่าท่านมันน่ารังเกียจ?" ฟู่จาวหนิงตัดบทคำพูดเขา"ไม่เลย""เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะบอกให้ท่านได้ยิน ท่าน มันน่ารังเกียจเหลือเกิน""ขอบคุณ ต่อให้จะรังเกียจแค่ไหน แต่เจ้า็ต้องจดจำตัวตนฐานะของเจ้าด้วย พระชายาอ๋องเจวี้ยน" เซียวหลันย