ดูท่าตอนนี้นางพูดไปก็คงไม่มีประโยชน์แล้ว"ท่านดูสิ ท่านมายืมพักบ้านคนอื่นแบบนี้รบกวนคนอื่นแค่ไหน" ฟู่จาวหนิงถอยมาอยู่ข้างๆ เซียวหลันยวน กดเสียงต่ำพูดเกี่ยงงอนกับเขาขึ้นมาคำหนึ่งเซียวหลันยวนตอบ "ถ้าข้าไม่มาเจ้าก็ไม่ได้มารบกวนพวกเขาหรือ?""นั่นข้ากับท่านมันไม่เหมือนกัน ฐานะข้าก็ไม่ได้สูงส่งขนาดนี้นี่""เจ้าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนนะ"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงไปทำไม เขาถึงโพล่งตัวตนฐานะนี้ออกมากัน?"แล้วมันทำไมล่ะ? ข้ากับพวกเขามีความสัมพันธ์ดีต่อกัน เป็นเหมือนคนบ้านเดียวกัน"เซียวหลันยวนต่อประโยคมาแบบไม่ต้องคิด "เช่นนั้นรอพวกกเขาคุ้นเคยกับข้าแล้ว ก็เป็นคนบ้านเดียวกันเหมือนกัน มันต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้น"พูดจบเขาก็เดินไปยังห้องโถงใหญ่เพื่อดื่มชาตามการเชิญของเศรษฐีฟางฟู่จาวหนิงมองแผ่นหลังเขาอย่างรู้สึกตั้งตัวไม่ทันเล็กๆฟางซือฉิงตอนนี้เพิ่งจะประชิดมาข้างตัวนาง กระตุกชายเสื้อนาง"จางหนิง คำพูดของอ๋องเจวี้ยนนั่นหมายถึงอะไรหรือ?" ฟางซือฉิงตาเป็นประกาย ฝืนยิ้มออกมา "เขาบอกว่าหลังจากนี้ถ้าคุ้นเคยกับพวกเราก็จะเป็นคนบ้านเดียวกันกับเรา? ทำไมข้าฟังแล้วมันเหมือนก
เซียวหลันยวนถอนเสื้อคลุมนอกออก"ข้าไม่นอนเตียงแล้วต้องนอนที่ไหน?" เขาย้อนถามนางมาคำหนึ่งฟู่จาวหนิงถูกเขาถามจนนิ่งไปนางมองมอง ข้างหน้าต่างมีแคร่นิ่มอยู่ตัวหนึ่ง "ที่นั่น!"เซียววหลันยวนมองตามนิ้วนางไป ปลดหน้ากากลงมา "เจ้าจะให้ผู้ชายตัวโตอย่างข้าไปนอนที่แคร่สั้นๆ ตัวนั้นหรือ?"ฟู่จาวหนิงพิจารณาตัวเขาขึ้นมา จากนั้นก็มองไปทางแคร่นิ่มตัวนั้นถ้าเขานอนลงไป สองขาน่าจะไม่มีที่วางแน่ๆ"ไม่งั้นเจ้าก็นอนไปสิ?" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมา "ข้าเองก็ไม่ได้เตี้ยเสียหน่อย"นางทำไมถึงรู้สึกอดสูตนเองขนาดนี้? ที่สำคัญคือหมู่บ้านนี้อยู่ใกล้ภูเขาด้วย ที่ตีนเขาพอตกกลางคืนลมจะแรงมาก อุณหภูมิเองก็ต่ำกว่าในเมืองหลวงเสียอีกถ้าคืนนี้นางนอนบนแคร่นั่น ผ้าคมคงได้กองเรี่ยพื้น พรุ่งนี้นางต้องขึ้นเขาหาเถาข่มเฝื่อนแต่เช้าด้วย ไม่อยากให้ตัวเองต้องมาป่วยหรอกนะ"เช่นนั้นก็นอนเตียงด้วยกัน"เซ๊ยวหลันยวนถอดเสื้อบนทั้งหมดออกแล้วเขาค่อยๆ เอนตัวลงนอนที่ด้านนอกของเตียง หลับตาลง"จะนอนหรือไม่นอนเจ้าก็ดูเองแล้วกัน"เซียวหลันยวนวันนี้ก็ประหลาดหน่อยๆฟู่จาวหนิงมองไฟเทียนที่แกว่งไกว สับสนอยู่ครู่
แต่มุมเช่นนี้ก็ทำให้ริมฝีปากเขาประกบเข้ามาข้างหูนาง"ซือถูไป๋หลายปีนี้ตกดวงใจหญิงสาวไปแล้วไม่รู้ตั้งเท่าไร" ในหัวสมองเซียวหลันยวนมีภาพที่ซือถูไป๋ประคองตัวฟู่จาวหนิงฉากนั้นลอยขึ้นมา แล้วรู้สึกว่าหัวใจไม่ค่อยสบายนัก "ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเองก็ไม่อยากถูกคนอื่นมาหัวเราะเย้ยหยันว่าพระชายาแอบปีนข้ามกำแพงไปด้วย ต่อให้ใจเจ้าจะคันยุบยิบ แต่ก็ต้องรักษาประเพณีเอาไว้"เขาเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเช่นนี้ ลมหายใจเองก็รดอยู่ข้างหูนางฟู่จาวหนิงชาดิกไปทั้งตัวหูของนางเดิมทีก็รับเรื่องแบบนี้ไม่ไหว มันทำให้สะท้านไปทั้งตัวเซียวหลันยวนเองก็เอาแต่พูดว่านางกับซือถูไป๋ยั่วยวนนั่นโน่นนี่ อารมณ์นางหลังดื่มสุราเองก็ทะลักขึ้นมาแล้ว"ข้าทำไมต้องรักษาขนบประเพณีให้ท่านัน? หลังจากนี้ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องหย่าอยู่แล้วนี่""เจ้าเลิกคิดได้เลย รอให้ฟู่หลินซื่อกลับมาเสียก่อน""เซียวหลันยวน เคยมีคนบอกไหมว่าท่านมันน่ารังเกียจ?" ฟู่จาวหนิงตัดบทคำพูดเขา"ไม่เลย""เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะบอกให้ท่านได้ยิน ท่าน มันน่ารังเกียจเหลือเกิน""ขอบคุณ ต่อให้จะรังเกียจแค่ไหน แต่เจ้า็ต้องจดจำตัวตนฐานะของเจ้าด้วย พระชายาอ๋องเจวี้ยน" เซียวหลันย
ก่อนหน้าที่เซียวหลันยวนจะตื่น ฟู่จาวหนิงก็ทำเรื่องที่ตนเองรู้สึกโง่มากๆ นางหนีออกมาก่อนแล้ว!สมัยก่อนนางไม่เคยคิดเลยว่าตนเองตต้องทำเรื่องโง่เช่นนี้แต่ว่าพูดแล้วใครจะเชื่อกัน?ฟู่จาวหนิงแพทย์สาวสุดสวยที่เลื่องชื่อกระฉ่อนโลกที่อายุน้อยที่สุดตอนนั้น เป็นผู้อยู่โดดเดี่ยวมาตั้งแต่ในท้องแม่ แม้แต่จูบแรกก็ยังไม่เคยเสียให้ใครเหล่ารุ่นพี่รุ่นน้องของนางล้วนพูดกันว่า คนนี้น่ะนะ เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะโดดเด่นยอดเยี่ยมไปเสียทุกด้าน เวลาเองก็น้อยแค่นี้ เวลาทั้งหมดของนางล้วนอยู่ที่เรื่องวิชาแพทย์ การรักษา ค้นคว้าศาสตร์ยา จะเอาเวลาที่ไหนไปมีความรัก?ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ไม่มีเวลาไปฟังพวกผู้ชายที่อยากจะจีบนางโปรยคำหวานอะไรนั่นด้วยไอ้การจะเสียเวลาแต่งหน้าแต่งตัวออกไปกินข้าวดูหนังนี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยตอนที่ฟู่จาวหนิงคิดว่าตนเองใกล้จะผ่อนฝีเท้าลงจะมีความรักบ้าง นางก็ข้ามเวลามาแล้ว พอข้ามมาถึงก็แต่งงานเลยผลคือนางยังมาทำเรื่องที่โง่เง่าเช่นนี้อีก!วันนี้ตอนเช้าหลังจากหนีออกมานางก็รีบไปหาผู้อาวุโสจี้เพื่อขึ้นเขาแล้วระหว่างทางเจอเข้ากับซือถูไป๋ และยังพบกับป้าคนนั้นกับผู้ดูแลเติ้งอีก ด้านหลังเ
"เจ้าคงไม่รู้ บันทึกแพทย์สกุลกู่เล่มนี้เป็นสิ่งที่เหล่าหมอแพทย์กับหมอยาทั่วทั้งใต้หล้าใฝ่ฝันอยากจะได้มาเลยนะ!"ผู้อาวุโสจี้เอ่ยกับนางอย่างภาคภูมิใจ "เดิมทีข้าก็ไม่อยากจะบอกเจ้าเร็วขนาดนี้ เพราะข้าเดิมทีคิดจะต่อให้เจ้าเป็นวิชาแพทย์ แต่ชื่อเสียงก็ไม่น่าจะแพร่กระจายได้รวดเร็วนัก แต่ตอนนี้ดูท่า อาจารย์ประเมินเจ้าต่ำเกินไป"เขาเองก็ภาคภูมิใจมาก แต่ก็ยังกังวลอยู่หน่อยๆ เกี่ยวกับตัวฟู่จาวหนิง"ข้าคิดไม่ถึงว่าวิชาแพทย์เจ้าจะดีขนาดนี้ ดูท่าการที่เจ้าจะชื่อเสียงเลื่องลือทั้งฟ้าดินคงจะเป็นเรื่องที่เร็วมากแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้พกวเราต้องเคาะกำหนดไว้ก่อน บันทึกแพทย์สกุลกู่ ว่ากันว่าสมัยก่อนตอนที่แย่งชิงกันก็ถูกคนฉีกออกเป็นฉลับไม่สมบูรณ์หลายฉบับ กระจัดกระจายออกไปสู่ภายนอก""ไม่สิ ท่านอาจารย์ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือ? หรือว่าแค่เล่าลือกัน?""เรื่องจริงสิ!" ผู้อาวุโสจี้ถลึงตาโต หลังจากนั้นก็ชี้ไปที่ตนเอง "เจ้ารู้ไหมว่าทำไมอาจารย์ถึงได้รู้จักวัตถุดิบยาตั้งมากมาย?""อาจารย์ของอาจารย์สอนมาน่ะสิ""อาจารย์ของอาจารย์สอนมาก็ถูกต้อง แต่ว่าอาจารย์ปู่ของเจ้าน่ะส่งฉบับไม่สมบูรณ์ของบันทึกแพทย์สกุลกู
ตำแหน่งที่ฟู่จาวหนิงอนุมานไว้ อยู่ห่างจากหมู่บ้านที่เชิงเขาไกลพอสมควรป้าหวางบอกว่าผู้เฒ่าหวางทำเกษตรมาทั้งชีวิต มือเท้าแคล่วคล่อง เขาเข้าภูเขาอยู่บ่อยครั้ง คุ้นเคยกับภูเขาเป็นอย่างดี เดินในภูเขาก็ล้วนรวดเร็วกว่าผู้อื่นและตอนที่นางไปถึงใกล้ๆ ตำแหน่งที่นางอนุมานไว้ ก็เห็นเข้ากับผืนป่าผืนหนึ่ง"ต้นไม้เหล่านี้โตกันหนาแน่นจริงๆ" ฟู่จาวหนิงตกตะลึงขึ้นมาผู้อาวุโสจี้ดวงตากลับเป็นประกาย"ศิษย์เอ๋ย ข้าบอกเจ้าไว้นะ สถานที่แบบนี้มักจะมีวัตถุดิบยาอยู่มากมาย อาจจะไม่ใช่แค่เถาขมเฝื่อน"พวกเขาเองก็ล้วนแบกตะกร้ายาไว้แล้ว ไม่คิดที่จะลงเขาไปมือเปล่าฟู่จาวหนิงให้พวกเฉินซานตามขึ้นเขามา ทุกคนแบกตะกร้าไว้ใบหนึ่ง เพียงแต่พวกเขากลัวว่าเข้าใกล้มากจะไม่ค่อยดี จึงคอยตาอยู่ห่างๆฟู่จาวหนิงทิ้งสัญลักษณ์ไว้"อาจารย์ ท่านลองดูรอบๆ ไหม ข้าจะเข้าไปหาเอง"ฟู่จาวหนิงกลัวผู้อาวุโสจี้จะเหนื่อย"ไม่ต้อง ข้าพักสักหน่อยก็พอแล้ว เจ้าลองไปดูก่อน" ผู้อาวุโสจี้หาที่นั่งลงมา แอบร้องซี๊ด นวดๆ ขาเหนื่อยจริงๆ ขาแทบหลุดเด็กสาวคนนี้ก็เดินไวเหลือเกินฟู่จาวหนิงหางตากวาดไปเห็นการกระทำของเขา ก็รู้สึกผิดขึ้นมา จึงล้วงเอ
"ใช้กำลังภายในน่ะ" ซือถูไป๋ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ "เพื่อจะได้ไล่ตามท่านมา"คำพูดนี้ฟังแล้วดูสองแง่สองง่าม แต่ฟู่จาวหนิงก็เลือกจะมองข้ามไป"ท่านไม่ใช่ว่าพาอาเพียนมาด้วยกันหรือ?" ฟู่จาวหนิงมองไปรอบๆ ไม่เห็นเด็กหนุ่มที่ไม่ชอบหน้านางมาตลอดคนนั้นเลย"อาเพียนเมื่อคืนไม่สบายไปแล้ว เดินมาได้ครึ่งทางก็ปวดหัว ข้าจึงให้เขากลับไปก่อน""โอ้"ซือถูไป๋มองมาทางนาง "พวกเราไปด้วยกันไหม?""ด้วยกัน?""ไปหาเถาขมเฝื่อนด้วยกัน ข้าอยากจะบอกอะไรท่านสักเรื่องหนึ่งด้วย" ซือถูไป๋กระโจนลงมาจากต้นไม้ ล้วงของสิ่งหนึ่งออกมาจากในอก เดินมาเบื้องหน้าฟู่จาวหนิง"ท่านพูดมาก่อนเลย"ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะไปหาเถาขมเฝื่อนกับซือถูไป๋ แต่เขาบอกว่ามีเรื่องอะไรจะบอกนาง นางก็จะฟังไว้หน่อยซือถูไป๋กางมือออกเบื้องหน้านาง ในฝ่ามือมีกุญแจอายุยืนหยกขาวสลักทองคำชิ้นหนึ่ง ดูประณีต สวยงามมาก ผูกเชือกแดงถักเส้นหนึ่งเอาไว้ด้วยกุญแจนี้ชิ้นเล็กมาก พอเข้าใกล้จึงเห็นถึงความพิถีพิถันและฝีมือช่าง ไม่ใช่ของที่จะวางขายดาษเดื่อทั่วไปภายนอกแน่นอนแต่ว่า สิ่งนี้ดูแล้วน่าจะเป็นสำหรับเด็กน้อยพก"นี่คือ?"ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเข
ตอนนี้ฟู่จาวหนิงอยากรู้ว่าอีกฝ่ายนำกุญแจเล็กนี้ไปที่โรงยาทงฝูเมื่อไร"ห้าปีก่อนได้แล้ว"ซือถูไป๋รับกุญแจเล็กชิ้นนั้นมาจากมือนาง ยิ้มๆ เก็บกลับไปในอกฟู่จาวหนิงมองการกระทำของเขาแล้วไม่เข้าใจหน่อยๆทำไมจึงเก็บกลับไปล่ะ? ไม่ใช่จะเอามันมาทวงหนี้กับนางหรือ?"ห้าปีก่อน ข้ายังเป็นพวกคนหนุ่มเลือดร้อนอยู่ และถูกทำให้ประทับใจได้ง่ายๆ อีกด้วย" ซือถูไป๋เองก็ตรงไปตรงมา "อันที่จริงถ้าเปลี่ยนเป็นข้าในตอนนี้ คงไม่แน่ว่าจะรับกุญแจอายุยืนชิ้นนี้ไว้ แล้วเอายาที่ล้ำค่าเหล่านั้นมอบให้เขา"ห้าปีก่อน"แต่ว่าตอนนั้นข้าเห็นว่าคนผู้นั้นที่ดูมีบุคลิกเป็นของตนเอง แม้จะตกอับ แต่ก็มองออกว่าเป็นผู้มีความรู้ ไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่ พอบวกกับสิ่งที่เขาพูดอย่างหนักแน่น ว่าคนในบ้านไม่มีทางเล่นลิ้นไม่คืนเงินให้เขา ในใจข้าก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นเหลือเกิน คิดไปถึงว่าคนของบ้านนี้จะเป็นคนที่ไม่เบี้ยวหนี้จริงไหม""และผ่านไปห้าปีแล้ว ท่านไปหาที่บ้านตระกูลฟู่มาหรือยัง?" ฟู่จาวหนิงถามในความทรงจำนางไม่เคยเจอซือถูไป๋มาก่อน"ยัง ต่อมามีช่วงหนึ่งข้าถูกท่านพ่อบีบให้เรียนรู้ยาสมุนไพรกับการค้าขายอยู่ในแต่บ้าน ผ่านไปสองสามปีก็ลื
เซียวหลันยวนพูดพลางหัวเราะเสียงต่ำฟู่จาวหนิงเองก็ตกตะลึงไป "ผู้ตรวจการอันไปคุกคามองค์จักรพรรดิหรือ?"ถ้าหากผู้ประสบภัยทะลักเข้าเมืองหลวง เมืองหลวงก็จะวุ่นวาย องค์จักรพรรดิไม่อยากจะสนใจก็คงต้องสนใจแล้วแค่โรคระบาด องค์จักรพรรดิก็ยังกลัวจนไม่ประชุมเช้า ไม่ต้องพูดเรื่องผู้ประสบภัยนับหมื่นเลย? เขาได้ตกใจจนตายกันพอดี"ก็จริงนั่นล่ะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดด้านในที่นำไปปฏิบัติได้ก็มีเยอะมาก""แล้วองค์จักรพรรดิให้เงินบรรเทาภัยมาเท่าไร?""หนึ่งหมื่นตำลึง""ขี้เหนียว" ฟู่จาวหนิงเบ้ปากนางเองก็ยอมแล้ว ผู้ประสบภัยนับหมื่น แต่ให้เงินบรรเทาภัยมาหมื่นตำลึง? นางเค้นจากตัวพวกองค์หญิงเจ็ดยังได้มาตั้งสามหมื่นตำลึง"คลังหลวงว่างเปล่าแล้วจริงๆ""เอาเถะ พวกเราเองก็ลองไปเตรียมตัวดูก่อน ถ้าเงินไม่พอจริง ค่อยให้ผู้ตรวจการชิงกลับไปปล้นองค์จักรพรรดิอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นถ้ายังไม่เห็นสถานการณ์เมืองเจ้อกับตา ใต้เท้าอันหากคิดจะปล้นก็ปล้นลำบาก"อันเหนียนบอกว่าสามวันนั้นรีบไปหน่อย ขอเลื่อนไปวันหนึ่ง ข้าส่งคนไปดูลาดเลาก่อน ตอนพวกเจ้าไปถึงจะมีคนรอรับอยู่"เอาของไปด้วยตั้งมากมาย ตอนไปถึงต้อง
ผู้อาวุโสจี้รู้ว่า จะเตือนไม่ให้ฟู่จาวหนิงไปเมืองเจ้อนั้นเป็นไปไม่ได้การตัดสินใจที่นางพูดออกมา ไม่มีทางเปลี่ยนยิ่งไปวก่านั้น วิชาหมอของนางเองก็ดีขนาดนี้ ไปสถานที่แบบนั้นจะต้องช่วยเหลือชีวิตได้มากมายแน่นอน ผู้อาวุโสจี้ที่ทั้งใจเต็มไปด้วยความดีงามก็ไม่กล้าที่จะห้ามปรามแต่เขาเองก็ยังเป็นห่วงฟู่จาวหนิง"เมืองเจ้อทางนั้นผู้ประสบภัยมากเกินไป จะต้องวุ่นวายแน่นอน เจ้าไปที่นั่นความปลอดภัยเป็นปัญหา ต้องระวังหน่อย แล้วอ๋องเจวี้ยนจัดแจงให้แล้วหรือยัง? เจ้าคงต้องพาองครักษ์ไปมากหน่อย"ถึงแม้ถ้าผู้ประสบภัยก่อจราจลขึ้นมา ต่อให้มีองครักษ์มากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พาไปหน่อยก็ยังดีกว่าไม่พาไป"เจ้ามีของแปลกๆ ตอนสกัดยาเยอะไม่ใช่หรือ? ทำยาที่เอาไว้ทำให้คนล้มวงกว้างๆ ไว้เยอะหน่อย ถ้าถึงเวลาต้องใช้จริง เจ้าก็ไม่ต้องสนอะไร สาดยาออกไปเลย รักษาตัวเองไว้ก่อนเป็นสำคัญ""ฮ่าๆ ท่านอาจารย์ สอนลูกศิษย์แบบนี้ได้เหรอ?"ฟู่จาวหนิงอดขำขึ้นมาไม่ได้ ผู้อาวุโสจี้สอนให้นางใช้ยาสลบกับผู้ประสบภัยเนี่ยนะผู้อาวุโสจี้ถลึงตา "แค่นี้จะเป็นอะไรไป? ทำอะไรก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด!""ข้าย
"ศิษย์น้องหญิงเจ้าไปงานรับบริจาคของฮ่าวปิงมาหรือ?" ต่งฮ่วนจือเงยหน้ามองนาง"เปล่า ข้าตบนางไปฉาดหนึ่งด้วยซ้ำ"ฟู่จาวหนิงไม่ไว้หน้าเขาเลย เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบเล่าออกมาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง"ดังนั้น ศิษย์พี่รอง ข้าตอนนี้ข้าจะเน้นกับท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เข้าไม่ถูกกับเฉินฮ่าวปิง ถ้านางยังคิดจะมาทำอะไรต่อหน้าข้าอีกจะไม่จบแค่ตบหน้าแล้ว เรื่องที่นางทำมันโง่เง่ามาก ยิ่งไปกว่นั้นนางยังโกรธแค้นแล้วมองข้าเป็ฯศัตรูอีก"ฟู่จาวหนิงกดเสียงต่ำ "ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่เป็นอะไรกับพวกนางข้าไม่สนใจ แต่หลังจากนี้ ถ้าหากศิษย์พี่ยังยืนยันจะยืนอยู่ฝั่งนางทางนั้น ยังคิดจะปกป้องนาง เช่นนั้นข้าก็จะขีดเส้นกั้นกับศิษย์พี่แล้ว"ผู้อาวุโสจี้มองต่งฮ่วนจือหน้าขรึม"หลายปีนี้เจ้าเอาแต่ปกป้องแม่ลูกอย่างพวกนาง แล้วมองไม่ออกถึงความใจร้ายของนังเด็กนั่นเลยหรือ? หลังจากนางถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงก็ไม่มาสนใจเจ้าอีก เจ้าคิดว่านางยังจำบุญคุณของเจ้าได้ไหม? เจ้าคิดว่าตนเองกับนางมีความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัว แต่นางก็แค่หลอกใช้เจ้า""ถึงอย่างไรคนที่โง่แบบเจ้าก็มีไม่เยอะ! ต่งฮ่วนจือ ศิษย์น้องหญิงของเจ้าพู
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"ศิษย์พี่ พวกเราจะซื้อวัตถุดิบยาในราคาเดิม ไม่ต้องลดราคา แค่นี้ได้ไหม?""ถ้าอย่างนี้ก็ได้อยู่...""ต่ง ! ฮ่วน ! จือ!"ผู้อาวุโสจี้โกรธเป็นฟืนไฟแล้วจริงๆ"ท่านอาจารย์ สงบลงก่อน" ฟู่จาวหนิงรีบเดินไปอยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสจี้ รินน้ำชาให้กับเขา "ศิษย์พี่ทำงานอย่างเข้มงวด เข้าต้องทำตามกฏการทำงานของพันธมิตรโอสถ อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย""อาจารย์ เรื่องนี้ไม่ได้จะคุยกันลกบาก ข้าแค่ต้องใช้เวลาไปคำนวณต้นทุนของวัตถุดิบยาชนิดต่างๆ หน่อย ถึงตอนนั้นก็จะคำนวณส่วนลดลงมาได้"ต่งฮ่วนจือลุกขึ้นยืน ไม่กล้านั่งลงมา"แต่ถ้าศิษย์น้องหญิงไม่ต้องการลดต้นทุนสี่ส่วนล่ะก็ ข้าทางนี้จะหักกำไรทั้งหมดออกได้ ยิ่งไปกว่นั้น พวกเรายังสามารถบริจาควัตถุดิบยาที่ค่อนข้างพิเศษบางอย่างได้นิดหน่อยด้วย ข้าทางนี้ยังมีส่วนที่เหลืออยู่ เพราะสาขาย่อยเมืองเจ้อทางนั้นไม่มีวัตถุดิบยาชนิดนี้ ดังนั้นสิ่งนี้ข้ามอบให้ได้..."ต่งฮ่วนจือพยายามจะอธิบาย"ตัวข้าเองก็ยังบริจาคเงินช่วยได้ เงินพวกนี้เอาไปเพิ่มกับเงินที่ซื้อวัตถุดิบยาก็พอแล้ว ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวเสียหน่อย""เฮอะ" ผู้อาวุโสจี้โมโหจนหัวเราะ "
ต่งฮ่วนจือหลายวันนี้ดูผ่านไปแบบซึมเศร้าอยู่ ตอนนี้สีหน้าก็ยังไม่ค่อยดีนัก พูดจาเองก็ยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเขาพยายามอธิบายจุดนี้"วัตถุดิบยาชุดใหญ่ที่อ๋องเจวี้ยนต้องการ ก็ล้วนเป็นวัตถุดิบยารักษาหวัดหรืออาการบาดเจ็บภายนอกทั้งนั้น เป็นของที่หาได้ทั่วไป แล้วก็เป็นพวกที่ราคาถูกำไรน้อยพวกนั้น หลายอย่างพวกเราเก็บกำไรแค่หนึ่งถึงสองส่วน รักษาไม่ให้พันธมิตรโอสถต้องขาดทุน ถ้าหากวัตถุดิบยาเหล่านี้ลดราคาต้นทุนไปสี่ส่วน บัญชีของพันธมิตรก็จะมีช่องว่างเบ้อเร่อเลย"ต่งฮ่วนจือบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างจนใจ "ศิษย์น้องหญิง ถ้าแบบนี้บัญชีที่ข้าต้องส่งให้พันธมิตรสาขาตอนครึ่งปีจะอธิบายลำบากเอา"เข้าใจ ก็คือ ขาดทุนนั่นล่ะฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูด ผู้อาวุโสจี้ก็ร้องเชอะขึ้นมา "นี่มีอะไรพูดลำบากกัน? ข้าบอกให้เจ้าโยนทั้งหมดมาที่ตัวข้าแล้ว""ท่านอาจารย์ นี่มันทำได้ที่ไหนกัน? ถึงอย่างไรข้าก็ดูแลสาขาของเมืองหลวงนะ เป็นข้าที่ต้องรับผิดชอบ" ต่งฮ่วนจือเองก็ทำเรื่องอย่างการผลักภาระทุกอย่างไปให้อาจารย์หมดไม่ได้"เจ้าเอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ กล้าๆ กลัวๆ ก็แค่เพราะเจ้าเพิ่งมารับช่วงดูแลที่นี่ กลัวจะทำเรื่องโดดเด่นออกมาไม่ได้
เรื่องนี้เจ้ากลับไปถามพ่อเจ้าดู พวกเจาจะเอาของออกมาได้แค่ไหน ข้าจะใช้เงินที่ได้มาจากพวกนาง แล้วข้าเองก็จะเติมเข้าไปส่วนหนึ่ง หลังจากซื้อกับเจ้าทางนั้นก็จะขนไปที่เมืองเจ้อถึงแม้นางจะไม่อยากถูกเฉินฮ่าวปิงชี้นิ้วสั่ง แต่แผนของเฉินฮ่าวปิง ก็มีบางส่วนที่ตรงกับแผนการของนางพอดี"พ่อของข้าอันที่จริงช่วงนี้ก็เตรียมของเอาไว้แล้วส่วนหนึ่ง" ฟางซือฉิงรู้สึกเชิงขอโทษขึ้นมา "ก่อนหน้านี้ตอนที่สถานที่อื่นเกิดภัยพิบัติ พ่อแม่ข้าก็บริจาคสิ่งของกับเงินไป""ผู้เฒ่าฟางไม่เคยบอกมาก่อนหรือ?""ไม่เลย ท่านพ่อบอกข้าว่า ทำเรื่องเหล่านี้ต้องทำด้วยใจ ไม่จำเป็นต้องออกไปตะโกนร้องป่าว""คำพูดนี้ก็ถูกต้อง ผู้เฒ่าฟางเป็นคนดี แต่ว่า วันนี้เจ้าเองก็เห็นแล้ว ขนาดเฉินฮ่าวปิงที่เพิ่งเข้าเมืองหลวงยังไม่ทันหยั่งเท้ามั่นคงดีก็จับจ้องตระกูลฟางเสียแล้ว นี่อธิบายอะไรได้ล่ะ?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกนับถือเศรษฐีฟาง เขาไม่ใช่คนที่ไร้ความเมตตาเพื่อความร่ำรวย"อธิบายได้ว่าอะไรหรือ?" ฟางซือฉิงงงงันไป"อธิบายได้ว่าบางครั้ง การทำบุญก็ควรจะพูดออกไปบ้าง"ฟู่จาวหนิงตบมือนางเบาๆ "ชื่อเสียงที่ดีบางครั้งก็เป็นเกราะคุ้มกันอย่างหนึ่ง"เพียงแต
นั่นสิ นางไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงกล้ามาพูดจาไม่เกรงใจเขาแบบนี้?"แล้วก็ หลังจากอ๋องฉยงเข้าไปแล้วก็เตือนท่านหญิงปิงอวี้เสียหน่อย หลังจากนี้อย่ามาโผล่ตรงหน้าข้าอีก ข้าหมดความอดทนกับนางแล้ว"ฟู่จาวหนิงพูดจบคำนี้ ก็หมุนตัวขึ้นม้า "พวกเราไป"รถม้าแล่นออกไป สะบัดก้นรถให้อ๋องฉยงอ๋องฉยงยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถลึงตาอ้าปากค้างมองรถม้าที่แล่นออกไปฟู่จาวหนิงเป็นคนแบบนี้หรือ!บนรถม้า ฟางซือฉิงถอนใจโล่งออกมา จากนั้นจึงระวังขึ้น"จาวหนิง วันนี้ผิดใจกับท่านหญิงปิงอวี้กับองค์หญิงเจ็ดเข้า แล้วยังพวกคุณหนูสี่หลี่นั่นอีก พวกนเางจะร่วมมือกันมารังแกเจ้าไหม?"ถ้าคนเหล่านี้กลับบ้านไปฟ้องผู้อาวุโส แล้วเกือบสิบตระกูลก็จับมือกัน นี่มันจะเรื่องใหญ่เอากระมัง?ยังมีองค์หญิงเจ็ดอีก องค์จักรพรรดิกับตระกูลฝ่ายแม่ขององค์หญิงเจ็ดก็ไม่รู้ว่าจะกดดันมาทางอ๋องเจวี้ยนหรือเปล่า"อ๋องเจวี้ยนเขา..."อ๋องเจวี้ยนก็ตามใจฟู่จาวหนิงจริงๆแต่ฟางซือฉิงเองก็กลัวว่าวันหนึ่งเขาจะรำคาญที่ต้องมาช่วยฟู่จาวหนิงแก้ปัญหาต่างๆ น่ะสิ ถ้าหากฟู่จาวหนิงยังเอาแต่ผิดใจคนมากมายขนาดนี้ สำหรับอ๋องเจวี้ยนแล้วมันเป็นปัญหาใหญ่หรือเปล่า?"ไม
อ๋องฉยงเป็นคนแบบไหน?ฟู่จาวหนิงพอสบกับดวงตาที่สว่างวาวราวกับหลอดไฟของเขาก็รู้แล้วว่าตามหลักการ อ๋องฉยงกล้าทิ้งพระชายาอ๋องฉยงออกจากที่ดินศักดินา แจ้นกลับมาเจรจาธุรกิจกับองค์จักรพรรดิได้ ก็น่าจะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราวเป็นหลัก รอบคอบมีการวางแผนเป็นอย่างดีถึงจะถูกแต่ตอนนี้พอเจอกับสายตาเช่นนี้ของอ๋องฉยง ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่า นางก่อนหน้านี้ประเมินอ๋องฉยงไว้สูงเกินไป?แต่ว่า ตอนที่ได้ยินนางบอกว่าต้องเรียกนางว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยน สายตาของอ๋องฉยงก็เก็บกลับไปไม่น้อย สีหน้าจริงจังขึ้นมาพอควรอย่างนี้สิถึงจะถูก?ไม่เช่นนั้นคนที่มองคนแต่รูปลักษณ์ภายนอก จะไปทำเรื่องใหญ่อะไรได้?"พระชายาอ๋องเจวี้ยน เจ้าเห็นข้าแล้ว จะไม่ทักทายหน่อยหรือ? อ๋องเจวี้ยนไม่เคยพูดถึงข้าให้เจ้าฟังหรือ?"อ๋องฉยงตอนนี้จึงยกความอาวุโสเข้ามา"คารวะอ๋องฉยง"ฟู่จาวหนิงทักทายแบบขอไปทีอ๋องฉยงชะงักไป นี่จะบอกว่านางไม่มีมารยาทก็ไม่ใช่ ได้ยินว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนขนาดเข้าวังก็ยังไม่คารวะองค์จักรพรรดิด้วยซ้ำไม่ต้องพูดถึงเขาเลย?"เจ้าเพิ่งออกมาจากวังราชนิเวศน์ เจอกับน้องฮาวปิงบ้างไหม? ข้าได้ยินว่า พวกเจ้ารู้จักกั
อ๋องฉยงอยากพบฟู่จาวหนิงมาตลอดสำหรับหญิงสาวที่อยู่ในใจเซียวหลันยวน เขารู้สึกสนใจมาก แล้วยังตัวตนฐานหมอเทวดาของฟู่จาวหนิงด้วย เขายิ่งรู้สึกปรารถนาแต่ว่าอ๋องเจวี้ยนอาจจะติดโรคร้าย เขาเองก็ไม่กล้าไปจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วก็ การร่วมมือกับองค์จักรพรรดิที่เขาคุยไว้ ตอนนี้จำเป็นต้องให้องค์จักรพรรดิเชื่อมั่น ถ้าหากเขาไปที่จวนอ๋องเจวี้ยนส่งเดช องค์จักรพรรดิไม่รู้ว่าจะคาดเดาอะไรไปอีกตอนนี้มาเจอกับฟู่จาวหนิงที่นี่พอดีเขาขอดูก่อนว่าฟู่จาวหนิงคนนี้งดงามแค่ไหน ถึงสามารถทำให้เซียวหลันยวนหลงจนถึงกับปล่อยวางความแค้นเคืองในอดีตไป"ฟู่จาวหนิง หันมาทางนี้!"ฟู่จาวหนิงได้ยินคำสั่งอ๋องฉยง รู้สึกขำขึ้นมาทันที ทำไมถึงรู้สึกว่าคำสั่งของอ๋องฉยงตอนนี้ดูสุดโต่งเหลือเกิน?อีกด้าน องค์หญิงหนานฉือกับอันชิงก็ขึ้นรถม้าแล้ว แต่ยังกงวลสถานการณ์ทางนั้น พอเห็นอ๋องฉยงเรียกฟู่จาวหนิง อันชิงก็กังวลขึ้นมา"พี่สะใภ้ อ๋องฉยงจะสร้างความลำบากให้พี่หญิงจาวหนิงหรือเปล่า?""เข้าไม่ได้เข้าไปในวังราชนิเวศน์ ยังไม่รู้ว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้นมา น่าจะไม่หรอก" องค์หญิงหนานฉือตอบถ้าหากอ๋องฉยงรู้ว่าฟู่จาวหนิงตบลูกสาวตนเอง ก็น่าจะโมโ