ฟู่จาวหนิงรอจนป้าหวังวุ่นธุระเสร็จ จึงบอกเล่าสถานการณ์ของผู้เฒ่าหวางขึ้นมา"กระแทกที่หัวมา ในหัวมีเลือดออกและมีลิ่มเลือดอยู่ ซ้ำยังมีอาการสมองกระทบกระเทือน ดังนั้นเขาจึงลืมเรื่องนี้ไป แล้วที่อาเจียน ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับก้อนเลือดก้อนนั้นด้วย"เพราะจะให้พวกเขาได้ยินแล้วเข้าใจ ดังนั้นนางจึงอธิบายให้ง่ายลงหน่อยแต่ป้าหวางก็ยังไม่เข้าใจ"เลือไม่ใช่ว่าไหลออกมาแล้วหรือ? จุดที่เขาโขกก็มีเลือดไหลออกมาไม่น้อยเลยนะ" ป้าหวางดูทำอะไรไม่ถูก ดูเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งด้วย"ไม่ใช่เลือดจากบาดแผล แต่เป็นที่อยู่ในสมอง" ฟู่จาวหนิงทำเสียงให้เบาลง "ก็คือกระแทกรุนแรงเกินไป ด้านในมีเลือดออก จุดนั้นไม่มีบาดแผล เลือดจึงไหลออกมาไม่ได้ ท่านเข้าใจแบบนี้ได้ ผู้เฒ่าหวางตอนนี้มีบาดแผลสองแห่ง จุดหนึ่งคือที่เลือดไหลตรงนั้น ส่วนอีกที่คือด้านในหัว ท่านมองไม่เห็น"นางชี้ไปในสมองตอนนี้ป้าหวางก็เข้าใจขึ้นมาแล้วแต่หลังจากเข้าใจนางก็ลนลานขึ้นมา"เช่นนั้นทำอย่างไรดี? ตาเฒ่าของบ้านข้าจะตายไหม? แล้วบาดแผลในหัวนี่ รักษายากหรือไม่?"อาเพียนที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นด้วยสัญชาตญาณ "อยู่ข้างในกะโหลกแบบนี้ มองไม่เห็นจับก็ไม่ได้
หลังจากฟู่จาวหนิงเขียนรายการยา นางก็คิดออกถึงปัญหาที่ร้ายแรงข้อหนึ่ง"แต่ แต่ค่าตรวจอาการของเจ้าต้องแพงมากใช่ไหม? บ้าข้าไม่มีเงินเลย" ป้าหวางตบขาร้องไห้ออกมา "ไม่มีเงินเลยจริงๆ ไม่ใช่นั้นผู้เฒ่าบ้านข้าคงไม่รีบร้อนขายวัตถุดิบยาเช่นนี้"ฟู่จาวหนิงพิจารณาในบ้านพวกเขาแล้วบ้านหลังนี้ก็มีกำแพงสี่ด้านจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นโต๊ะเก้าอี้ก็ทำขึ้นด้วยตัวเองอีกต่างหาก เรียบง่ายมาก บางชิ้นก็ประกอบส่งเดชเข้ามาด้วยซ้ำเมื่อครู่ห้องนั้นของผู้เฒ่าหวาง ผ้าห่มเองก็มีรอยเย็บบ้านหลังนี้จนมาก ยากจนอย่างข้นแค้นและยาที่นางต้องใช้ เข็มที่นางต้องมี ราคาก็แพงมากจริงๆผู้เฒ่าจี้มองฟู่จาวหนิง จากนั้นจึงเหลือบมองรายการยาในมือนางผาดหนึ่ง ถอนหายใจ "เอาอย่างนี้ ศิษย์เอ๋ย วัตถุดิบยาของเจ้านี้ ส่วนใหญ่ในพันธมิตรโอสถของเรามีอยู่ หลังข้ากลับไปค่อยให้พวกเขาคิดราคายาต่ำสุดให้กับพวกเขาเขาจะให้พันธมิตรมอบให้เปล่าๆ ไม่ได้ พันธมิตรโอสถใต้หล้าไม่ใช่ของเขาคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องเช่นนี้ในช่วงหลายปีนี้ก็มีอยู่นับครั้งไม่ถ้วนเลยใต้หล้าคนจนตั้งมากมายขนาดนั้น ช่วยหมดไม่ไหว ถ้าหาทุกคนล้วนจะเอาแต่ยาโดยไม่ต้องจ่ายเงิน เช่น
"ท่านพ่อ ท่านบอกว่าถ้าผ่าได้มรกตแล้วจะทำกำไลให้ข้ากับจาวหนิงคนละชิ้นนะ อย่าบิดพริ้วล่ะ" ฟางซือฉิงเองก็กำลังโหวกเหวกกับผู้เฒ่าฟาง"แน่นอน พ่อของเจ้าเป็นพวกไม่รักษาคำพูดเมื่อไรกัน? เคยหลอกเจ้าตอนไหน? มรกตชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ขนาดผู้เฒ่ากู้ยังพูดเลย ว่ามรกตชิ้นนี้ทำกำไลออกมาได้ถึงสี่ชิ้น แล้วตรงกลางของกำไลยังเอามาทำจี้ห้อยได้อีกสี่ชิ้นด้วย หรือจะทำแหวนวงเล็กก็ได้ ข้าตกลงไว้แล้ว ถึงตอนนั้นเจ้ากับจาวหนิงก็ได้กำไลคนละหนึ่งชิ้น ส่วนแม้เจ้าได้สองชิ้น""ขอบคุณท่านพ่อ""ข้าว่าให้จาวหนิงคู่หนึ่งดีกว่า ข้ากับซือฉิงคนละชิ้นก็พอแล้ว หลังจากจาวหนิงแต่งงานไปพวกเราก็ยังไม่ได้ให้ของขวัญดีดีเลย กำไลชิ้นเดียวเองก็ไม่พอ ถึงตอนนั้นข้าค่อยหาเครื่องประดับศีรษะแดงทองให้อีกชุด"ฮูหยินฟางตอนนี้ชอบฟู่จาวหนิงมากแล้วจริงๆนางรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงไม่มีพ่อแม่ ต้องคอยดูแลท่านปู่ที่ป่วยอ่อนแอมาตั้งแต่เล็ก นี่ก็ไม่ง่ายเลย ทำให้นางพอคิดขึ้นมาแล้วรู้สึกปวดใจหดหู่ยิ่งไปกว่านั้นเด็กที่เติบโตมาในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ ก็ยังยอดเยี่ยมเสียขนาดนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกคนปวดใจเหลือเกินเซียวหลันยวนได้ยินบทสนทนาบางส่วนของครองครัวคระกูลฟางที
ดูท่าตอนนี้นางพูดไปก็คงไม่มีประโยชน์แล้ว"ท่านดูสิ ท่านมายืมพักบ้านคนอื่นแบบนี้รบกวนคนอื่นแค่ไหน" ฟู่จาวหนิงถอยมาอยู่ข้างๆ เซียวหลันยวน กดเสียงต่ำพูดเกี่ยงงอนกับเขาขึ้นมาคำหนึ่งเซียวหลันยวนตอบ "ถ้าข้าไม่มาเจ้าก็ไม่ได้มารบกวนพวกเขาหรือ?""นั่นข้ากับท่านมันไม่เหมือนกัน ฐานะข้าก็ไม่ได้สูงส่งขนาดนี้นี่""เจ้าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนนะ"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงไปทำไม เขาถึงโพล่งตัวตนฐานะนี้ออกมากัน?"แล้วมันทำไมล่ะ? ข้ากับพวกเขามีความสัมพันธ์ดีต่อกัน เป็นเหมือนคนบ้านเดียวกัน"เซียวหลันยวนต่อประโยคมาแบบไม่ต้องคิด "เช่นนั้นรอพวกกเขาคุ้นเคยกับข้าแล้ว ก็เป็นคนบ้านเดียวกันเหมือนกัน มันต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้น"พูดจบเขาก็เดินไปยังห้องโถงใหญ่เพื่อดื่มชาตามการเชิญของเศรษฐีฟางฟู่จาวหนิงมองแผ่นหลังเขาอย่างรู้สึกตั้งตัวไม่ทันเล็กๆฟางซือฉิงตอนนี้เพิ่งจะประชิดมาข้างตัวนาง กระตุกชายเสื้อนาง"จางหนิง คำพูดของอ๋องเจวี้ยนนั่นหมายถึงอะไรหรือ?" ฟางซือฉิงตาเป็นประกาย ฝืนยิ้มออกมา "เขาบอกว่าหลังจากนี้ถ้าคุ้นเคยกับพวกเราก็จะเป็นคนบ้านเดียวกันกับเรา? ทำไมข้าฟังแล้วมันเหมือนก
เซียวหลันยวนถอนเสื้อคลุมนอกออก"ข้าไม่นอนเตียงแล้วต้องนอนที่ไหน?" เขาย้อนถามนางมาคำหนึ่งฟู่จาวหนิงถูกเขาถามจนนิ่งไปนางมองมอง ข้างหน้าต่างมีแคร่นิ่มอยู่ตัวหนึ่ง "ที่นั่น!"เซียววหลันยวนมองตามนิ้วนางไป ปลดหน้ากากลงมา "เจ้าจะให้ผู้ชายตัวโตอย่างข้าไปนอนที่แคร่สั้นๆ ตัวนั้นหรือ?"ฟู่จาวหนิงพิจารณาตัวเขาขึ้นมา จากนั้นก็มองไปทางแคร่นิ่มตัวนั้นถ้าเขานอนลงไป สองขาน่าจะไม่มีที่วางแน่ๆ"ไม่งั้นเจ้าก็นอนไปสิ?" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมา "ข้าเองก็ไม่ได้เตี้ยเสียหน่อย"นางทำไมถึงรู้สึกอดสูตนเองขนาดนี้? ที่สำคัญคือหมู่บ้านนี้อยู่ใกล้ภูเขาด้วย ที่ตีนเขาพอตกกลางคืนลมจะแรงมาก อุณหภูมิเองก็ต่ำกว่าในเมืองหลวงเสียอีกถ้าคืนนี้นางนอนบนแคร่นั่น ผ้าคมคงได้กองเรี่ยพื้น พรุ่งนี้นางต้องขึ้นเขาหาเถาข่มเฝื่อนแต่เช้าด้วย ไม่อยากให้ตัวเองต้องมาป่วยหรอกนะ"เช่นนั้นก็นอนเตียงด้วยกัน"เซ๊ยวหลันยวนถอดเสื้อบนทั้งหมดออกแล้วเขาค่อยๆ เอนตัวลงนอนที่ด้านนอกของเตียง หลับตาลง"จะนอนหรือไม่นอนเจ้าก็ดูเองแล้วกัน"เซียวหลันยวนวันนี้ก็ประหลาดหน่อยๆฟู่จาวหนิงมองไฟเทียนที่แกว่งไกว สับสนอยู่ครู่
แต่มุมเช่นนี้ก็ทำให้ริมฝีปากเขาประกบเข้ามาข้างหูนาง"ซือถูไป๋หลายปีนี้ตกดวงใจหญิงสาวไปแล้วไม่รู้ตั้งเท่าไร" ในหัวสมองเซียวหลันยวนมีภาพที่ซือถูไป๋ประคองตัวฟู่จาวหนิงฉากนั้นลอยขึ้นมา แล้วรู้สึกว่าหัวใจไม่ค่อยสบายนัก "ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเองก็ไม่อยากถูกคนอื่นมาหัวเราะเย้ยหยันว่าพระชายาแอบปีนข้ามกำแพงไปด้วย ต่อให้ใจเจ้าจะคันยุบยิบ แต่ก็ต้องรักษาประเพณีเอาไว้"เขาเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเช่นนี้ ลมหายใจเองก็รดอยู่ข้างหูนางฟู่จาวหนิงชาดิกไปทั้งตัวหูของนางเดิมทีก็รับเรื่องแบบนี้ไม่ไหว มันทำให้สะท้านไปทั้งตัวเซียวหลันยวนเองก็เอาแต่พูดว่านางกับซือถูไป๋ยั่วยวนนั่นโน่นนี่ อารมณ์นางหลังดื่มสุราเองก็ทะลักขึ้นมาแล้ว"ข้าทำไมต้องรักษาขนบประเพณีให้ท่านัน? หลังจากนี้ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องหย่าอยู่แล้วนี่""เจ้าเลิกคิดได้เลย รอให้ฟู่หลินซื่อกลับมาเสียก่อน""เซียวหลันยวน เคยมีคนบอกไหมว่าท่านมันน่ารังเกียจ?" ฟู่จาวหนิงตัดบทคำพูดเขา"ไม่เลย""เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะบอกให้ท่านได้ยิน ท่าน มันน่ารังเกียจเหลือเกิน""ขอบคุณ ต่อให้จะรังเกียจแค่ไหน แต่เจ้า็ต้องจดจำตัวตนฐานะของเจ้าด้วย พระชายาอ๋องเจวี้ยน" เซียวหลันย
ก่อนหน้าที่เซียวหลันยวนจะตื่น ฟู่จาวหนิงก็ทำเรื่องที่ตนเองรู้สึกโง่มากๆ นางหนีออกมาก่อนแล้ว!สมัยก่อนนางไม่เคยคิดเลยว่าตนเองตต้องทำเรื่องโง่เช่นนี้แต่ว่าพูดแล้วใครจะเชื่อกัน?ฟู่จาวหนิงแพทย์สาวสุดสวยที่เลื่องชื่อกระฉ่อนโลกที่อายุน้อยที่สุดตอนนั้น เป็นผู้อยู่โดดเดี่ยวมาตั้งแต่ในท้องแม่ แม้แต่จูบแรกก็ยังไม่เคยเสียให้ใครเหล่ารุ่นพี่รุ่นน้องของนางล้วนพูดกันว่า คนนี้น่ะนะ เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะโดดเด่นยอดเยี่ยมไปเสียทุกด้าน เวลาเองก็น้อยแค่นี้ เวลาทั้งหมดของนางล้วนอยู่ที่เรื่องวิชาแพทย์ การรักษา ค้นคว้าศาสตร์ยา จะเอาเวลาที่ไหนไปมีความรัก?ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ไม่มีเวลาไปฟังพวกผู้ชายที่อยากจะจีบนางโปรยคำหวานอะไรนั่นด้วยไอ้การจะเสียเวลาแต่งหน้าแต่งตัวออกไปกินข้าวดูหนังนี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยตอนที่ฟู่จาวหนิงคิดว่าตนเองใกล้จะผ่อนฝีเท้าลงจะมีความรักบ้าง นางก็ข้ามเวลามาแล้ว พอข้ามมาถึงก็แต่งงานเลยผลคือนางยังมาทำเรื่องที่โง่เง่าเช่นนี้อีก!วันนี้ตอนเช้าหลังจากหนีออกมานางก็รีบไปหาผู้อาวุโสจี้เพื่อขึ้นเขาแล้วระหว่างทางเจอเข้ากับซือถูไป๋ และยังพบกับป้าคนนั้นกับผู้ดูแลเติ้งอีก ด้านหลังเ
"เจ้าคงไม่รู้ บันทึกแพทย์สกุลกู่เล่มนี้เป็นสิ่งที่เหล่าหมอแพทย์กับหมอยาทั่วทั้งใต้หล้าใฝ่ฝันอยากจะได้มาเลยนะ!"ผู้อาวุโสจี้เอ่ยกับนางอย่างภาคภูมิใจ "เดิมทีข้าก็ไม่อยากจะบอกเจ้าเร็วขนาดนี้ เพราะข้าเดิมทีคิดจะต่อให้เจ้าเป็นวิชาแพทย์ แต่ชื่อเสียงก็ไม่น่าจะแพร่กระจายได้รวดเร็วนัก แต่ตอนนี้ดูท่า อาจารย์ประเมินเจ้าต่ำเกินไป"เขาเองก็ภาคภูมิใจมาก แต่ก็ยังกังวลอยู่หน่อยๆ เกี่ยวกับตัวฟู่จาวหนิง"ข้าคิดไม่ถึงว่าวิชาแพทย์เจ้าจะดีขนาดนี้ ดูท่าการที่เจ้าจะชื่อเสียงเลื่องลือทั้งฟ้าดินคงจะเป็นเรื่องที่เร็วมากแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้พกวเราต้องเคาะกำหนดไว้ก่อน บันทึกแพทย์สกุลกู่ ว่ากันว่าสมัยก่อนตอนที่แย่งชิงกันก็ถูกคนฉีกออกเป็นฉลับไม่สมบูรณ์หลายฉบับ กระจัดกระจายออกไปสู่ภายนอก""ไม่สิ ท่านอาจารย์ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือ? หรือว่าแค่เล่าลือกัน?""เรื่องจริงสิ!" ผู้อาวุโสจี้ถลึงตาโต หลังจากนั้นก็ชี้ไปที่ตนเอง "เจ้ารู้ไหมว่าทำไมอาจารย์ถึงได้รู้จักวัตถุดิบยาตั้งมากมาย?""อาจารย์ของอาจารย์สอนมาน่ะสิ""อาจารย์ของอาจารย์สอนมาก็ถูกต้อง แต่ว่าอาจารย์ปู่ของเจ้าน่ะส่งฉบับไม่สมบูรณ์ของบันทึกแพทย์สกุลกู