ฟู่จาวหนิงดูอาการให้ฮูหยินฟางเรียบร้อย ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ จึงจ่ายรายการยาให้นางสองอย่าง"ป้าฟาง อันนี้คำรายการยากิน แล้วก็อันนี้สำหรับใช้ภายนอก วัตถุดิบยาหามาจนครบแล้วต้มเป็นน้ำ ปล่อยให้อุ่นแล้วนำมาล้างส่วนที่เป็นโรค แล้วก็เสื้อผ้าน้อยที่แนบกับร่างกายต้องต้มน้ำลวกเสียหน่อย เปลี่ยนทุกวัน ต้องระวังเรื่องความสะอาด ไม่กี่วันก็จะดีขึ้น"ฟู่จาวหนิงกำชับอย่างละเอียด "แต่ว่าต่อให้ไม่คันแล้ว ความสะอาดของแต่ละคนก็ยังต้องรักษาเอาว้ด้วย ตอนที่ระดูมาผ้าระดูก็ต้องเปลี่ยนอย่างระมัดระวังด้วย"ฮูหยินฟางพยักหน้าไม่หยุด"ซือฉิง เจ้าก็จำไว้ด้วยนะ ฟังคำพูดของจาวหนิงเอาไว้""แล้วก็ ไม่ใช่แค่ตนเองต้องดูแลเรื่องความสะอาด ท่านเองก็กำชับลุงฟางให้ระวังเรื่องความสะอาดของตนเองด้วย...""ทำไมล่ะ?" ฟางซือฉิงไม่ค่อยเข้าใจ ถามขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณฮูหยินฟางหน้าแดงขึ้นอีกครั้ง"จาวหนิง เจ้าบอกมา บอกมาเร็ว"ฟู่จาวหนิงรู้สึกเขินๆ นี่เป็นความเคยชินของหมอ ที่ต้องพูดอะไรที่ควรพูดออกมาให้หมดรอจนนางอธิบายกับฟางซือฉิง หน้าของฟางซือฉิงเองก็แดงจนเหมือนเลือดไหลซิบ"เรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับร่างกายตนเองอย่างใกล้ชิด ต้องรัก
ในห้องยังมีคนอยู่ส่วนหนึ่ง ผู้อาวุโสจี้นั่งอยู่ข้างโต๊ะ อีกด้านหนึ่งมีซือถูไป๋นั่งอยู่ อาเพียนยืนอยู่ข้างเขา กำลังเบ้ปากหน้าบูดบึ้ง น่าจะถูกใครทำให้เคืองมามุมกำแพงมีชายชรานั่งยองอยู่คนหนึ่ง ข้างกายชายชรายังมีป้าอีกคนหนึ่งอยู่ กำลังตำหนิเขาอยู่และบนเก้าอี้ตัวหนึ่งริมหน้าต่างมีชายขาวตัวอ้วนอีกคนหนึ่ง ขาวมาก และอ้วนมาก ผิวนั่นแทบจะเปล่งแสงคะนิ้งได้เลยอย่างไรอย่างนั้น ชั่วขณะหนึ่งถึงกับดูอายุของเขาไม่ออกเลยทีเดียวฟู่จาวหนิงเห็นว่าผู้ดูแลเติ้งคอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ ชายคนนี้ ก็รู้ว่านี่คือคนบนรถม้าคนนั้นรูปร่างนี้ของเขา สามารถเดินทางนับพันลี้มาเมืองหลวงเพื่อหายา ก็ถือว่าทรมานอยู่ไม่เบาฟู่จาวหนิงพอเข้ามา คนในห้องก็เห็นเข้าแล้วซือถูไป๋เห็นนางก่อน "คุณหนูฟู่?"ผู้อาวุโสจี้เองก็มองเข้ามา ตกตะลึงไปทันที "เจ้ามาได้อย่างไรกัน?"ชายขาวตัวอ้วนคนนั้นเองก็หันหน้ามองมา มองเขาหมุนคอ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่าน่าจะหายใจหายคอลำบากอยู่ชายคนนี้แค่มาหายา หรือว่าจะเคยไปหาหมอแล้ว และรู้ว่าอาการป่วยนี้ของเขารักษาอย่างไร?นางเองก็ดูอยากรู้อยากเห็นมาก"ข้าได้ยินว่าพวกท่านอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงตามมาดูเสียห
ซือถูไป๋ตอนนี้เองก็ลุกขึ้นมาด้วย ให้ฟู่จาวหนิงนั่งลงเพราะในห้องไม่มีเก้าอี้ตัวอื่นแล้ว"ไม่ต้องหรอก ท่านนั่งเถิด" ฟู่จาวหนิงโบกไม้โบกมืออาเพียนเหลือบมองนาง ปากเหมือนจะขยับ แต่ก็ข่มไว้ไม่พูดจาผู้อาวุโสจี้ดึงฟู่จาวหนิง "เจ้าอยู่ห่างเขาหน่อย พวกเราเป็นแบ่งพรรคฝ่ายกัน ไม่ใช่พวกเดียวกัน เข้าใจไหม?"ซือถูไป๋พอได้ยินคำพูดนี้ก็เอ่ยขึ้นอย่างจำใจ "ผู้อาวุโสจี้ ข้าเองก็เคารพท่านมากนะ ความแค้นเก่าแก่ของพันธมิตรโอสถใต้หล้ากับโรงยาทงฝูของพวกข้า พวกเราวางเอาไว้ข้างๆ ก่อนได้หรือไม่?""วางไม่ลง" ผู้อาวุโสจี้ฮึดฮัด ดึงฟู่จาวหนิงมาอยู่อีกฝั่งเขามองไม่ออกเสียที่ไหน ซือถูไป๋เจ้าเด็กคนนี้ชอบจาวหนิงเข้าแล้วเจ้าเด็กคนนี้มีเจตนาไม่ดี รู้อยู่แล้วว่าจาวหนิงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน แต่ยังแอบคิดไม่ซื่อหรือ? เขาบอกแล้วว่าตระกูลซือถูไม่ใช่พวกคนดีเด่อะไร ซือถูเฒ่าแต่ก่อนก็ทรยศพันธมิตรโอสถ ตอนนี้เสี่ยวถูน้อยก็ยังคิดจะแย่งพระชายาคนอื่นอีก"พวกเจ้ารีบไปเถอะ พวกเจ้าพูดจาเอะอะจนข้าปวดหัวหมดแล้ว"ผู้เฒ่าหวางยังไม่ทันจะพูดจา จู่ๆ หน้าก็เปลี่ยนสี จากนั้นก็พุ่งออกไปฉับพลัน สำรอกออกมาที่ลานบ้านยกใหญ่"อ๊อก!""ตา
"เอาล่ะ เจ้ามาเลย เบาๆ หน่อยนะ อย่าให้ตัวเขาโยก ท่านป้า เตียงอยู่ในห้องไหน?" ฟู่จาวหนิงพูดพลางยื่นมือไปกดจุดชีพจรบนมือผู้เฒ่าหวางเขาอาเจียนออกมาขนาดนี้ ตอนนี้เกือบจะอาเจียนไม่ออกอยู่แล้ว แต่ก็สติสัมปชัญญะยังไม่ฟื้นขึ้นมา"นี่ ที่นี่" ป้าหวังเช็ดน้ำตารีบพาพวกเขาเข้าไปในห้องคนอื่นก็คิดจะตามมาด้วย ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นโดยไม่หันหน้า "อย่ามาล้อมมุงดู!"นางก็กลัวว่าในห้องจะแคบไป คนตั้งมากมายถ้าเบียดเข้ามา ตอนนั้นอากาศคงไม่ปลอดโปร่งพอดีเสียงของนางเพิ่งออกไป ผู้อาวุโสจี้ก็ไปยืนอีกด้าน ยื่นมือขวางคนอื่นๆ"ได้ยินแล้วนี่ ศิษย์ของข้าบอกว่าห้ามเข้าไป"ซือถูไป๋ยืนนิ่งไปแล้วชายอ้วนผิวขาวมองอยู่ที่ประตูห้องโถง เอ่ยขึ้นเสียงต่ำกับผู้ดูแลเติ้ง ผู้ดูแลเติ้งรีบเข้ามาถามผู้อาวุโสจี้"ผู้อาวุโสจี้ เมื่อครู่แม่นางคนนั้นคือศิษย์ของท่านหรือ? นางเป็นหมอหรือ?"ผู้อาวุโสจี้เหลือบมองชายอ้วนผิวขาว พยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ"ใช่แล้ว"ผุ้ดูแลเติ้งดวงตาเป็นประกาย จากนั้นก็วิ่งไปข้างกายชายอ้วนผิวขาว "นายท่าน แม่นางคนนี้เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสจี้จริง และเป็นหมอจริงๆ"ชายอ้วนผิวขาวพยักหน้าไม่ขยับเขยื้อน เนื้อหลา
"พระชายา ข้าน้อยมาช่วย"ตอนที่เสียงเล็กของหงจั๋วพูดกับฟู่จาหนิง ป้าหวางเองก็ตึงเครียดหวาดกลัวจนมึนไปแล้ว ยังฟังไม่ออกถึงคำพูดของหงจั๋ว ไม่เช่นนั้นนางก็เหมือนได้ยินคำเรียกว่าพระชายา"ได้ เจ้าประคองตัวป้าหวางไปเตรียมน้ำร้อนเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่เงยหน้าขึ้น "แล้วก็ช่วยดูให้หน่อยว่ามีสุราแรงๆ ไหม ถ้าในบ้านพวกเขาไม่มี เจ้าก็ให้เฉินซษนไปเอาที่บ้านตระกูลฟางมาไหหนึ่ง""เจ้าค่ะ"หงจั๋วเห็นฟู่จาวหนิงไม่พูดอะไร จึงกำชับเรื่องที่ตนเองต้องทำ ในใจกลับยิ่งดีใจขึ้นมานางรีบประคองป้าหวังออกไปทำงานหลัจากพวกนางออกไป ฟู่จาวหนิงก็เปิดผ้าของผู้เฒ่าหวางออกเพื่อตรวจดูบาดแผลเขา นางพบว่าบาดแผลอันที่จริงไม่ลึกมาก แต่ว่าริมบาดแผลมีอาการบวมขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นยังม่วงคล้ำไปแล้วด้วยผู้เฒ่าหวางตอนนี้แม้จะไม่อาเจียนแล้ว แต่กำลังวังชาก็ยังไม่มี หัวมึนๆ งงๆ แรงที่จะลืมตามองนางให้ชัดก็ยังไม่มี"ท่าน ท่านหมอ ข้าจะตายไหม?"ผู้เฒ่าหวางเอ่ยถามฟู่จาวหนิงอย่างอ่อนแรง เมื่อครู่เขาอาเจียนจนฟ้าหมุนไปขนาดนั้น ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองนอนอยู่บนกระดานที่ลอยได้ ถูกน้ำพัดไหลหมุนไปเวียนมา ทรมานสุดๆเขาเองก็ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงเ
เขาไม่ค่อยถูกชะตากับสกุลซือถูเท่าไรถ้าไม่ใช่ว่าคนผู้นี้มาจากตระกูลซือถูก เขาอาจจะสร้างเรื่องให้เขากับเซียวหลันยวนได้มาแย่งชิงกันหน่อย เช่นนี้เซียวหลันยวนก็จะยิ่งหวงแหนฟู่จาวหนิงมากขึ้นน่าเสียดายย เด็กคนนี้ดันเป็นคนจากตระกูลซือถู เขาเองก็มีหลักการอยู่นะแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องยืนอยู่ข้างเซียวหลันยวน!"ไม่ต้องรบกวนผู้อาวุโสจี้แล้ว เพื่อเถาขมเฝื่อน ข้าน้อยยังรอต่อไปได้" ซือถูไป๋หัวเราะเขาเองก็มองไปทางแผ่นหลังของเซียวหลันยวนด้วยย ประกายตาลึกทึมเล็กน้อยเขามาช้าไปก้าวหนึ่งเท่านั้นฟู่จาวหนิงนวดมือนวดข้อมือนวดๆ นิ้ว จากนั้นก็ผ่อนคลาย แล้วจึงดึงเข็มขึ้นมา"ทำไมเจ้าไปที่ไหนก็ต้องเจอกับคนป่วยตลอดเลย?"เซียวหลันยวนตอนนี้จึงเพิ่งส่งเสียงขึ้นมาฟู่จาวหนิงหันมามอง "ให้ตายเถอะ ท่านจะทำให้ข้าตกใจตายหรือไรกัน?""ตกใจขนาดนี้เชียว? ข้ายืนอยู่นี่ตั้งนานสองนานแล้วเจ้าไม่เห็นหรือ?""ใครเขาคอยแต่สนใจท่านกันล่ะ" ฟู่จาวหนิงร้องเชอะตอนที่นางตรวจอาการผู้เฒ่าหวางเมื่อครู่ก็ใช้สมาธิไปมากจริงๆเซียวหลันยวนพบว่าหน้าของนางซีดขาวไปตอนที่หันกลับมา ยิ่งไปกว่านั้นหน้าผากยังมีเหงื่อผุดซึมเมื่อครู่เห็นน
ฟู่จาวหนิงรอจนป้าหวังวุ่นธุระเสร็จ จึงบอกเล่าสถานการณ์ของผู้เฒ่าหวางขึ้นมา"กระแทกที่หัวมา ในหัวมีเลือดออกและมีลิ่มเลือดอยู่ ซ้ำยังมีอาการสมองกระทบกระเทือน ดังนั้นเขาจึงลืมเรื่องนี้ไป แล้วที่อาเจียน ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับก้อนเลือดก้อนนั้นด้วย"เพราะจะให้พวกเขาได้ยินแล้วเข้าใจ ดังนั้นนางจึงอธิบายให้ง่ายลงหน่อยแต่ป้าหวางก็ยังไม่เข้าใจ"เลือไม่ใช่ว่าไหลออกมาแล้วหรือ? จุดที่เขาโขกก็มีเลือดไหลออกมาไม่น้อยเลยนะ" ป้าหวางดูทำอะไรไม่ถูก ดูเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งด้วย"ไม่ใช่เลือดจากบาดแผล แต่เป็นที่อยู่ในสมอง" ฟู่จาวหนิงทำเสียงให้เบาลง "ก็คือกระแทกรุนแรงเกินไป ด้านในมีเลือดออก จุดนั้นไม่มีบาดแผล เลือดจึงไหลออกมาไม่ได้ ท่านเข้าใจแบบนี้ได้ ผู้เฒ่าหวางตอนนี้มีบาดแผลสองแห่ง จุดหนึ่งคือที่เลือดไหลตรงนั้น ส่วนอีกที่คือด้านในหัว ท่านมองไม่เห็น"นางชี้ไปในสมองตอนนี้ป้าหวางก็เข้าใจขึ้นมาแล้วแต่หลังจากเข้าใจนางก็ลนลานขึ้นมา"เช่นนั้นทำอย่างไรดี? ตาเฒ่าของบ้านข้าจะตายไหม? แล้วบาดแผลในหัวนี่ รักษายากหรือไม่?"อาเพียนที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นด้วยสัญชาตญาณ "อยู่ข้างในกะโหลกแบบนี้ มองไม่เห็นจับก็ไม่ได้
หลังจากฟู่จาวหนิงเขียนรายการยา นางก็คิดออกถึงปัญหาที่ร้ายแรงข้อหนึ่ง"แต่ แต่ค่าตรวจอาการของเจ้าต้องแพงมากใช่ไหม? บ้าข้าไม่มีเงินเลย" ป้าหวางตบขาร้องไห้ออกมา "ไม่มีเงินเลยจริงๆ ไม่ใช่นั้นผู้เฒ่าบ้านข้าคงไม่รีบร้อนขายวัตถุดิบยาเช่นนี้"ฟู่จาวหนิงพิจารณาในบ้านพวกเขาแล้วบ้านหลังนี้ก็มีกำแพงสี่ด้านจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นโต๊ะเก้าอี้ก็ทำขึ้นด้วยตัวเองอีกต่างหาก เรียบง่ายมาก บางชิ้นก็ประกอบส่งเดชเข้ามาด้วยซ้ำเมื่อครู่ห้องนั้นของผู้เฒ่าหวาง ผ้าห่มเองก็มีรอยเย็บบ้านหลังนี้จนมาก ยากจนอย่างข้นแค้นและยาที่นางต้องใช้ เข็มที่นางต้องมี ราคาก็แพงมากจริงๆผู้เฒ่าจี้มองฟู่จาวหนิง จากนั้นจึงเหลือบมองรายการยาในมือนางผาดหนึ่ง ถอนหายใจ "เอาอย่างนี้ ศิษย์เอ๋ย วัตถุดิบยาของเจ้านี้ ส่วนใหญ่ในพันธมิตรโอสถของเรามีอยู่ หลังข้ากลับไปค่อยให้พวกเขาคิดราคายาต่ำสุดให้กับพวกเขาเขาจะให้พันธมิตรมอบให้เปล่าๆ ไม่ได้ พันธมิตรโอสถใต้หล้าไม่ใช่ของเขาคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องเช่นนี้ในช่วงหลายปีนี้ก็มีอยู่นับครั้งไม่ถ้วนเลยใต้หล้าคนจนตั้งมากมายขนาดนั้น ช่วยหมดไม่ไหว ถ้าหาทุกคนล้วนจะเอาแต่ยาโดยไม่ต้องจ่ายเงิน เช่น