ซ่งหยวนหลินลงจากม้า วิ่งมาด้านหน้าซ่งอวิ๋นเหยา กอดนางอย่างตื่นเต้น"ท่านพี่อวิ๋นเหยากลับมาแล้ว!""ทำไมพูดเสียเหมือนเป็นเรื่องใหญ่เลย?" ซ่งอวิ๋นเหยาประคองนางให้ยืนมั่นคง "แล้วทำไมเจ้าถึงยังกระโตกกระตากแบบนี้อยู่อีก?""ใช่เสียที่ไหนกัน?" ซ่งหยวนหลินอดกลั้นมานานแล้ว นางรออยู่ว่าเมื่อไรท่านพี่จะกลับมาล้างอายให้นางเสียทีเพราะนางรำคาญฟู่จาวหนิงอยู่ตลอดเวลา!นางทำอะไรฟู่จาวหนิงไม่ได้ เพราะอ๋องเจวี้ยนคอยปกป้องฟู่จาวหนิงอยู่!แต่ว่าตอนนี้ท่านพี่กลับมาก็แตกต่างออกไปแล้ว อ๋องเจวี้ยนจะต้องมาปกป้องพี่สาวนางแล้วกระมัง? นางเองก็อยากจะเห็น ว่าอ๋องเจวี้ยนจะปกป้องใครกันแน่!ถ้าหากอ๋องเจวี้ยนยืนอยู่ข้างพี่สาวนางทางนี้ ถ้าฟู่จาวหนิงมาเห็น ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะเสียใจจนร้องไห้ไหม?พอจินตนาการถึงภาพนี้ ซ่งหยวนหลินก็รู้สึกทนรอไม่ไหวแล้วขึ้นมา"เดิมทีก็มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นจริงๆ! ท่านพี่ไม่รู้สินะ ว่าพี่หลันยวนทรยศหักหลังท่านเสียแล้ว!"หลังจากซ่งหยวนหลินโพล่งคำนี้ออกมา หางตาก็เหลือบมองไปเห็นท่านเสิ่นที่นั่งอยู่มุมหนึงของเพิงน้ำชา จึงรีบปิดปากขึ้นมา ใช้สายตาสอบถามซ่งอวิ๋นเหยาท่านพี่ นี่คือคนป่วยคนนั
ม่านรถเลิกออก อ๋องเจวี้ยนลงจากรถม้าซ่งอวิ๋นเหยามองชายหนุ่มตรงหน้า เขาสูงกว่าหลายปีก่อนหน้ามากเลย ตอนนี้นางต้องเงยหน้ามองเขาแล้วบนหน้าเขาสวมหน้ากากเงินไว้ ปิดบังหน้าผากจนถึงจมูก แต่เผยริมฝีปากกับคางของเขาออกมา เส้นโครงเองก็งดงามพอเทียบกับหลายปีก่อนหน้า ตอนนี้ก็กลายเป็นชายหนุ่มที่เติบโตสมบูรณ์แบบแล้วครั้งที่แล้วตอนที่นางเห็นเขา เขายังเป็นแค่เด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มร่างบาง ดูแล้วอ่อนแอกระเสาะกระแสะดังนั้นในสมองซ่งอวิ๋นเหยาจึงหยุดไว้ที่ความทรงจำนั้นมาตลอดครั้งนี้พบกับองค์รัชทายาทต้าชื่อ นางถึงถูกชายร่างสูงใหญ่เช่นนั้นดึงดูดไปแต่ตอนนี้พอมาเห็นอ๋องเจวี้ยนที่หล่อเหลาสูงชะลูด จู่ๆ นางก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา ทำไมถึงไม่คิดนะว่าอ๋องเจวี้ยนเองก็จะเติบโตขึ้นด้วย?นางเอาแต่จดจำเขาที่เป็นชายหนุ่มร่างผอมบางอ่อนแอไว้ตลอด ในใจไม่ได้ลุ่มหลงอะไรนัก เพียงแต่ตัวตนฐานะของอ๋องเจวี้ยน จึงเสียดายที่จะปล่อยไปตอนที่พบกับองค์รัชทายาทต้าชื่อนางถึงอ่อนไหวขึ้นมาถ้านางเห็นอ๋องเจวี้ยนเช่นนี้ก่อน นางไม่มีทางอ่อนไหวกับองค์รัชทายาทต้าชื่อแน่ ถึงอย่างไรถ้าหากเป็นไปได้ล่ะก็ นางก็คิดจะอยู่ในแคว้นเจา จะไม่ออกเรือนไ
แต่ว่าก็เข้าใจได้ ผู้ชายปกติก็คงจะสนใจกันนั่นล่ะท่านเสิ่นอาจะเพื่อเลี่ยงความระแวง ดันั้นตลอดทางจึงทำตัวห่างเหินกับนางกระมัง?"อื๋อ?"เซียวหลันยวนอันที่จริงก็ไม่เข้าในความหมายของนาง เขาคิดมากเรื่องอะไรกัน?"ข้าจะพูดกับเขาสักคำสองคำ มีปัญหาอะไรหรือ?"ยังไม่วางใจหรือ? ทำไมถึงต้องพูดกับเขาอีกคำสองคำ?ซ่งอวิ๋นเหยาในใจรู้สึกหวานชื่นขึ้นหน่อยๆ เซียวหลันยวนจะต้องหึงแน่ๆ จึงจะไปพูดคุยกับท่านเสิ่นเสียหน่อยไม่เจอกันหลายปี เซียวหลันยวนเห็นว่าหน้าของนางตอนนี้มีสีท้อขึ้นมาใช่ไหม ดังนั้นในใจเขาตอนนี้ก็เต้นโครมครามขึ้นเหมือนกันหรือ?พอเห็นผู้ชายของนางไม่ได้มีท่าทีไม่ชอบนาง ยิ่งไปกว่านั้นอ๋องเจวี้ยนยังถูกคนมากมายพูดตั้งแต่เด็กว่าเป็นคนที่ฟ้าส่งมาคู่กับนางอีกล่ะ?ไม่แน่ว่าในใจของเขาอาาจจะมองนางเป็นพระชายาของตนเองไว้นานแล้วก็ได้"ท่านไปเถิด ข้าไม่มีปัญหาอะไร"ซ่งอวิ๋นเหยาส่ายหัวพอเซียวหลันยวนเดินไปหาท่านเสิ่น ซ่งอวิ๋นเหยาก็รีบดึงซ่งหยวนหลินมาอยู่ข้างๆ"หลันยวนออกจากยอดเขาโยวชิงกลับเมืองหลวงนานเท่าไรแล้ว?""เกือบสองเดือน"ซ่งหยวนหลินมองพี่สาวมึนงงเช่นนี้ ท่นาพี่อวิ๋นเหยาไม่ได้รับจดหมายจา
แต่ว่าหลังจากราชวงศ์ต้าชื่อผ่านมาหลายสมัย ก็ไม่ค่อยอยากจะให้คนรู้สึกว่าเป็นคุณงามความดีของตระกูลเสิ่น อาจจะเพราะรู้สึกว่าราชวงศ์ไม่มีหน้ามีตาเสียแล้ว ดังนั้นจึงไม่ค่อยจะเอ่ยถึงตระกูลเสิ่นเท่าไรเหล่าลูกหลานตระกูลเสิ่นที่อยู่ในราชสำนักก็ล้วนลอบถูกกดดัน ถูกละเลยคนของตระกูลเสิ่นตอนแรกยังไม่รู้สึก ยี่สิบกว่าปีก่อน กุ่ยไฉเสิ่นเสวียนแห่งตระกูลเสิ่นมีชื่อเสียงขึ้นมาจากอุปกรณ์การทำนายปรากฎการณ์ฟ้าดินชุดหนึ่ง จึงถูกอวยยศเป็นกุ่ยไฉเดิมทีที่เขาสร้างอุปกรณ์นี้ขึ้น ก็ควรจะถูกอวยยศโหวแล้ว แต่ในราชวงศ์ไม่ว่าจะที่ใดก็ไม่มีการเชิญเลย ต่อมาเสิ่นเสวียนก็เจอเข้ากับเรื่องไม่คาดคิดอีกหลายต่อหลายครั้ง บางครั้งก็ไปเดินอยู่ริมปากเหวความเป็นความตายอีกด้วยเขาก็น่าจะเพิ่งได้สติฉุกคิดได้ จึงเริ่มให้คนในตระกูลลดความเฉิดฉายลง ค่อยๆ แฝงกายเร้นโลกขึ้นมาและโลกก็ค่อยๆ ไม่เอ่ยถึงตระกูลเสิ่นอีก ต้าชื่อเองก็ดันเอาข้าราชการแม่ทัพเลื่องชื่อหรือจอหงวนออกมาอีกหลายคน แล้วยังกินแคว้นเล็กสองแคว้นที่อยู่รอบๆ เข้ามาด้วย ชื่อเสียงบารมีขจรขจาร พลังแห่งแคว้นก็ยกขึ้นมาอีกระดับ และก็ยิ่งไม่มีใครพูดถึงตระกูลเสิ่นอีกผ่านไปยี่สิ
หงจั๋วตกตะลึง หลังจากได้สติกลับมาก็รีบตามขึ้นรถม้า จึงได้ยินเซียวหลันยวนกำชับขึ้นมาว่า "ไปหมู่บ้านตะวันออก"ดวงตาหงจั๋วเป็นประกายท่านอ๋องรู้ว่าพระชายาไปยังหมู่บ้านตะวันออก ดังนั้นเขาตอนนี้จึงล้มเลิกการรับตัวท่านหญิงอวิ๋นเหยากลับเมือง แต่เปลี่ยนเป็นไปรับพระชายาแทนใช่ไหม?มองรถม้าของอ๋องเจวี้ยนแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว สมองซ่งอวิ๋นเหยาก็ขาวโพลน"ฟู่ ฟู่จาวหนิง"ฟู่จาวหนิงดีขนาดนั้นเลยหรือ หลังจากแต่งงานกับนาง ในสายตาเซียวหลันยวนก็ไม่มีนางอีกแล้วหรือ?"คุณหนูอวิ๋นเหยา ต้องโทษฟู่จาวหนิง" ซ่งหยวนหลินประคองนาง กัดฟันกรอด "ฟู่จาวหนิงตอนนี้แตกต่างจากก่อนหน้าแล้วจริงๆ นางจะต้องใช้วิชากู่กับพี่หลันยวนแน่!แต่ว่าท่านก็อย่าเพิ่งท้อแท้เลย ก่อนหน้านี้ท่านไม่ใช่พูดไว้ว่า ตอนเด็กๆ ท่านเคยมีบุญคุณช่วยชีวิตกับอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนกับพี่หลันยวนหรอกหรือ?"ตอนเด็กๆซ่งอวิ๋นเหยามึนงง"ขอแค่ถัดจากนี้หาโอกาสมาเจอกับพี่หลันยวนมากหน่อย คุยเรื่องสมัยเด็กให้มากหน่อย ใจของพี่หลันยวนจะต้องถูกท่านดึงกลับมาได้แน่" ซ่งหยวนหลินมองซ่งอวิ๋นเหยานางคาดหวังกับซ่งอวิ๋นเหยาไว้สูงมากองค์รัชทายาทไท่ชื่อถูกนางทำให้ลุ่มห
ถึงแม้จะยังไม่ได้นำมาทำกำไล แต่ถ้าแกะออกมาสักชิ้นหนึ่ง ก็น่าจะมีมูลค่าสูงเทียมฟ้าแล้วดูท่าลางสังหรณ์ของนางก็ยังใช้การได้ดีอยู่!"คุณหนูฟู่นี่มีเทพเจ้าอวยพรจริงๆ ดวงดีเหลือเกิน" ผู้เฒ่ากู้พยายามสะกดความเจ็บปวดในใจนั่นของตนเองลง เดินเข้ามาเอ่ยยินดีกับฟู่จาวหนิงจะโกรธไม่ได้ จะโกรธไม่ได้ จะเจ็บปวดไม่ได้ เจ็บปวดไม่ได้เขาทำการค้ากับแคว้นเจามายาวนาน ฟู่จาวหนิงแค่เพิ่งเริ่มก็ตัดมรกตออกมาได้ชิ้นหนึ่ง ถ้าลือออกไปที่นี่ก็จะมีแขกเหรื่อเข้ามากันเหมือนเมฆลอยเลยนี่นะเขาไม่ต้องไปติดแปะหรือป่าวประกาศอะไรเลยพอคิดเช่นนี้ในใจก็เหมือนดีขึ้นหน่อยฮือๆ แต่เขาก็ยังอยากจะร้องไห้จริงๆ ชายหนุ่มสองคน ขนหินมาไกลนับพันลี้เพื่อขายให้เขา ส่งมาถึงมือเขาแล้วแท้ๆ แต่เขากลับผลักไสออกไปก้อนหนึ่งเสียอย่างนั้น!หินก้อนนี้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ"ก็แค่เทพเจ้าอวยพรเท่านั้นจริงๆ มีดวงนิดหน่อยเท่านั้น ผผู้เฒ่ากู้ซื้อมาตั้งหลายก้อนนี่ บางทีของชั้นยอดจริงๆ อาจจะอยู่ในนไม่กี่ก้อนของผู้เฒ่ากู้ตรงนั้นก็ได้"ฟู่จาวหนิงพูดเช่นนี้ ในใจผู้เฒ่ากู้ก็ถูกปลอบประโลมขึ้นมาบ้างแล้วก็เป็นไปได้มากอยู่ หินพวกนั้นของเขาก็ใหญ่โตอยู่ ถึงอ
การเดิมพันการพนันพ่ายแพ้จนบ้านล้มละลายได้เลยทีเดียว"ลุงฟางเองกว่าจะต่อสู้จนเป็นกิจการเช่นปัจจุบันนั้นไม่ง่ายเลย ข้าเคยได้ยินฟางซือฉิงพูดว่า ก่อนหน้านี้ลุงฟางเองทำไร่ทำนาด้วย แล้วยังขึ้นเหนือลงใต้ทำการค้า เจอกับการปล้นชิง ตกเขาลงน้ำลงห้วย ลำบากมากไม่น้อยจึงมีบ้านและที่ดินเช่นปัจจุบัน""ใช่ๆๆ""ดังนั้นต้องปกป้องกิจการที่บ้านให้ดี จะมาพ่ายแพ้ลงง่ายๆ ไม่ได้"เศรษฐีฟางฟังพลางพยักหน้าจะว่าไปก็แปลก ฟู่จาวหนิงกับฟางซือฉิงรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ตอนที่นางพูดเช่นนี้กับเขา เขาไม่ได้มองนางเป็นสาวน้อยคนหนึ่งเลย และไม่รู้สึกเลยว่าคำพูดที่นางอายุเพียงเท่านี้มาพูดกับเขาจะดูไร้สาระ แต่กลับรู้สึกว่ามีเหตุมีผล"จาวหนิง เจ้าพูดมาถูกต้อง ลุงฟางจะฟังเจ้านะ"เศรษฐีฟางรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงเองก็มองตนเองเป็นครอบครัวแล้วจริงๆให้ลูกสาวเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกับฟู่จาวหนิง เขาวางใจมากยิ่งไปกว่าฟู่จาวหนิงยังมีนิสัยดีมากอีกด้วย นางไม่ได้เปลี่ยนท่าทีต่อซือฉิงหรือพวกเขาเพียงเพราะตนเองกลายเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้วเลย ไม่ได้ทำตัวสูงส่ง แต่นิสัยกลับยังดีขึ้นกว่าเดิมด้วย ใจกว้างและจริงใจขึ้นมากเศรษฐีฟางเลือกหิ
หินของเศรษฐีฟางเองก็เริ่มตัดแล้ว แต่เพราะหินก้อนนี้เป็นก้อนใหญ่ อาจจะใช้เวลาตัดค่อนข้างนาน ดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงกลับไปกับฟางซือฉิงก่อนแล้วทิ้งให้เศรษฐีฟางคอยเฝ้าอย่างตึงเครียดอยู่ที่นั่นห้าร้อยตำลึง สำหรับเขาแล้วไม่ได้มากมายนัก แต่เรื่องนี้ก็แปลก พอมีผลลัพธ์ว่าจะราคาเพิ่มหรือลดแขวนรออยู่ ก็ทำเอาคนทั้งเฝ้ารอทั้งตึงเครียด"จาวหนิง หินที่เจ้าซื้อมาอีกสองก้อน ไม่ให้ผู้เฒ่ากู้ตัดแล้วหรือ?"หลังจากกลับไป ฟางซือฉิงเห็นฟู่จาวหนิงซื้อหินอีกสองก้อนก็รู้สึกแปลกๆคนทางนั้นเองก็ไม่มีอุปกรณ์ในการตัดหินนี่นา แล้วจาวหนิงไม่ตัดหินสองก้อนนี้ แล้วจะไปมีประโยชน์อย่างไร"ไม่ตัดแล้ว ข้าจู่ๆ ก็รู้สึกว่าซื้อหินไร่สักสองก้อนกลับไปวางไว้ที่บ้านเองก็ไม่เลว ถือว่าสะสมเงินเอาไว้เลยแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าในหินแร่ที่ตนเองเลือกออกมาต้องมีหินหยกที่ดีมากอยู่ข้างในแน่ แต่นางอยู่ตัดที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้วถ้าเผื่อมีหินที่ดีออกมาได้จริงๆ ไม่มีรอยปริรอยแตก เช่นนั้นก็คงจะก่อให้เกิดความสงสัยจากผู้เฒ่ากู้และคนอื่นแล้วนางซื้อหินมาตัดสามก้อน ทุกก้อนล้วนตัดออกมาได้ดี ได้ราคาหมด นี่มันไม่แปลกหรือ?สองก้อนนี้ย้าย