แต่ว่าหลังจากราชวงศ์ต้าชื่อผ่านมาหลายสมัย ก็ไม่ค่อยอยากจะให้คนรู้สึกว่าเป็นคุณงามความดีของตระกูลเสิ่น อาจจะเพราะรู้สึกว่าราชวงศ์ไม่มีหน้ามีตาเสียแล้ว ดังนั้นจึงไม่ค่อยจะเอ่ยถึงตระกูลเสิ่นเท่าไรเหล่าลูกหลานตระกูลเสิ่นที่อยู่ในราชสำนักก็ล้วนลอบถูกกดดัน ถูกละเลยคนของตระกูลเสิ่นตอนแรกยังไม่รู้สึก ยี่สิบกว่าปีก่อน กุ่ยไฉเสิ่นเสวียนแห่งตระกูลเสิ่นมีชื่อเสียงขึ้นมาจากอุปกรณ์การทำนายปรากฎการณ์ฟ้าดินชุดหนึ่ง จึงถูกอวยยศเป็นกุ่ยไฉเดิมทีที่เขาสร้างอุปกรณ์นี้ขึ้น ก็ควรจะถูกอวยยศโหวแล้ว แต่ในราชวงศ์ไม่ว่าจะที่ใดก็ไม่มีการเชิญเลย ต่อมาเสิ่นเสวียนก็เจอเข้ากับเรื่องไม่คาดคิดอีกหลายต่อหลายครั้ง บางครั้งก็ไปเดินอยู่ริมปากเหวความเป็นความตายอีกด้วยเขาก็น่าจะเพิ่งได้สติฉุกคิดได้ จึงเริ่มให้คนในตระกูลลดความเฉิดฉายลง ค่อยๆ แฝงกายเร้นโลกขึ้นมาและโลกก็ค่อยๆ ไม่เอ่ยถึงตระกูลเสิ่นอีก ต้าชื่อเองก็ดันเอาข้าราชการแม่ทัพเลื่องชื่อหรือจอหงวนออกมาอีกหลายคน แล้วยังกินแคว้นเล็กสองแคว้นที่อยู่รอบๆ เข้ามาด้วย ชื่อเสียงบารมีขจรขจาร พลังแห่งแคว้นก็ยกขึ้นมาอีกระดับ และก็ยิ่งไม่มีใครพูดถึงตระกูลเสิ่นอีกผ่านไปยี่สิ
หงจั๋วตกตะลึง หลังจากได้สติกลับมาก็รีบตามขึ้นรถม้า จึงได้ยินเซียวหลันยวนกำชับขึ้นมาว่า "ไปหมู่บ้านตะวันออก"ดวงตาหงจั๋วเป็นประกายท่านอ๋องรู้ว่าพระชายาไปยังหมู่บ้านตะวันออก ดังนั้นเขาตอนนี้จึงล้มเลิกการรับตัวท่านหญิงอวิ๋นเหยากลับเมือง แต่เปลี่ยนเป็นไปรับพระชายาแทนใช่ไหม?มองรถม้าของอ๋องเจวี้ยนแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว สมองซ่งอวิ๋นเหยาก็ขาวโพลน"ฟู่ ฟู่จาวหนิง"ฟู่จาวหนิงดีขนาดนั้นเลยหรือ หลังจากแต่งงานกับนาง ในสายตาเซียวหลันยวนก็ไม่มีนางอีกแล้วหรือ?"คุณหนูอวิ๋นเหยา ต้องโทษฟู่จาวหนิง" ซ่งหยวนหลินประคองนาง กัดฟันกรอด "ฟู่จาวหนิงตอนนี้แตกต่างจากก่อนหน้าแล้วจริงๆ นางจะต้องใช้วิชากู่กับพี่หลันยวนแน่!แต่ว่าท่านก็อย่าเพิ่งท้อแท้เลย ก่อนหน้านี้ท่านไม่ใช่พูดไว้ว่า ตอนเด็กๆ ท่านเคยมีบุญคุณช่วยชีวิตกับอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนกับพี่หลันยวนหรอกหรือ?"ตอนเด็กๆซ่งอวิ๋นเหยามึนงง"ขอแค่ถัดจากนี้หาโอกาสมาเจอกับพี่หลันยวนมากหน่อย คุยเรื่องสมัยเด็กให้มากหน่อย ใจของพี่หลันยวนจะต้องถูกท่านดึงกลับมาได้แน่" ซ่งหยวนหลินมองซ่งอวิ๋นเหยานางคาดหวังกับซ่งอวิ๋นเหยาไว้สูงมากองค์รัชทายาทไท่ชื่อถูกนางทำให้ลุ่มห
ถึงแม้จะยังไม่ได้นำมาทำกำไล แต่ถ้าแกะออกมาสักชิ้นหนึ่ง ก็น่าจะมีมูลค่าสูงเทียมฟ้าแล้วดูท่าลางสังหรณ์ของนางก็ยังใช้การได้ดีอยู่!"คุณหนูฟู่นี่มีเทพเจ้าอวยพรจริงๆ ดวงดีเหลือเกิน" ผู้เฒ่ากู้พยายามสะกดความเจ็บปวดในใจนั่นของตนเองลง เดินเข้ามาเอ่ยยินดีกับฟู่จาวหนิงจะโกรธไม่ได้ จะโกรธไม่ได้ จะเจ็บปวดไม่ได้ เจ็บปวดไม่ได้เขาทำการค้ากับแคว้นเจามายาวนาน ฟู่จาวหนิงแค่เพิ่งเริ่มก็ตัดมรกตออกมาได้ชิ้นหนึ่ง ถ้าลือออกไปที่นี่ก็จะมีแขกเหรื่อเข้ามากันเหมือนเมฆลอยเลยนี่นะเขาไม่ต้องไปติดแปะหรือป่าวประกาศอะไรเลยพอคิดเช่นนี้ในใจก็เหมือนดีขึ้นหน่อยฮือๆ แต่เขาก็ยังอยากจะร้องไห้จริงๆ ชายหนุ่มสองคน ขนหินมาไกลนับพันลี้เพื่อขายให้เขา ส่งมาถึงมือเขาแล้วแท้ๆ แต่เขากลับผลักไสออกไปก้อนหนึ่งเสียอย่างนั้น!หินก้อนนี้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ"ก็แค่เทพเจ้าอวยพรเท่านั้นจริงๆ มีดวงนิดหน่อยเท่านั้น ผผู้เฒ่ากู้ซื้อมาตั้งหลายก้อนนี่ บางทีของชั้นยอดจริงๆ อาจจะอยู่ในนไม่กี่ก้อนของผู้เฒ่ากู้ตรงนั้นก็ได้"ฟู่จาวหนิงพูดเช่นนี้ ในใจผู้เฒ่ากู้ก็ถูกปลอบประโลมขึ้นมาบ้างแล้วก็เป็นไปได้มากอยู่ หินพวกนั้นของเขาก็ใหญ่โตอยู่ ถึงอ
การเดิมพันการพนันพ่ายแพ้จนบ้านล้มละลายได้เลยทีเดียว"ลุงฟางเองกว่าจะต่อสู้จนเป็นกิจการเช่นปัจจุบันนั้นไม่ง่ายเลย ข้าเคยได้ยินฟางซือฉิงพูดว่า ก่อนหน้านี้ลุงฟางเองทำไร่ทำนาด้วย แล้วยังขึ้นเหนือลงใต้ทำการค้า เจอกับการปล้นชิง ตกเขาลงน้ำลงห้วย ลำบากมากไม่น้อยจึงมีบ้านและที่ดินเช่นปัจจุบัน""ใช่ๆๆ""ดังนั้นต้องปกป้องกิจการที่บ้านให้ดี จะมาพ่ายแพ้ลงง่ายๆ ไม่ได้"เศรษฐีฟางฟังพลางพยักหน้าจะว่าไปก็แปลก ฟู่จาวหนิงกับฟางซือฉิงรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ตอนที่นางพูดเช่นนี้กับเขา เขาไม่ได้มองนางเป็นสาวน้อยคนหนึ่งเลย และไม่รู้สึกเลยว่าคำพูดที่นางอายุเพียงเท่านี้มาพูดกับเขาจะดูไร้สาระ แต่กลับรู้สึกว่ามีเหตุมีผล"จาวหนิง เจ้าพูดมาถูกต้อง ลุงฟางจะฟังเจ้านะ"เศรษฐีฟางรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงเองก็มองตนเองเป็นครอบครัวแล้วจริงๆให้ลูกสาวเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกับฟู่จาวหนิง เขาวางใจมากยิ่งไปกว่าฟู่จาวหนิงยังมีนิสัยดีมากอีกด้วย นางไม่ได้เปลี่ยนท่าทีต่อซือฉิงหรือพวกเขาเพียงเพราะตนเองกลายเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้วเลย ไม่ได้ทำตัวสูงส่ง แต่นิสัยกลับยังดีขึ้นกว่าเดิมด้วย ใจกว้างและจริงใจขึ้นมากเศรษฐีฟางเลือกหิ
หินของเศรษฐีฟางเองก็เริ่มตัดแล้ว แต่เพราะหินก้อนนี้เป็นก้อนใหญ่ อาจจะใช้เวลาตัดค่อนข้างนาน ดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงกลับไปกับฟางซือฉิงก่อนแล้วทิ้งให้เศรษฐีฟางคอยเฝ้าอย่างตึงเครียดอยู่ที่นั่นห้าร้อยตำลึง สำหรับเขาแล้วไม่ได้มากมายนัก แต่เรื่องนี้ก็แปลก พอมีผลลัพธ์ว่าจะราคาเพิ่มหรือลดแขวนรออยู่ ก็ทำเอาคนทั้งเฝ้ารอทั้งตึงเครียด"จาวหนิง หินที่เจ้าซื้อมาอีกสองก้อน ไม่ให้ผู้เฒ่ากู้ตัดแล้วหรือ?"หลังจากกลับไป ฟางซือฉิงเห็นฟู่จาวหนิงซื้อหินอีกสองก้อนก็รู้สึกแปลกๆคนทางนั้นเองก็ไม่มีอุปกรณ์ในการตัดหินนี่นา แล้วจาวหนิงไม่ตัดหินสองก้อนนี้ แล้วจะไปมีประโยชน์อย่างไร"ไม่ตัดแล้ว ข้าจู่ๆ ก็รู้สึกว่าซื้อหินไร่สักสองก้อนกลับไปวางไว้ที่บ้านเองก็ไม่เลว ถือว่าสะสมเงินเอาไว้เลยแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าในหินแร่ที่ตนเองเลือกออกมาต้องมีหินหยกที่ดีมากอยู่ข้างในแน่ แต่นางอยู่ตัดที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้วถ้าเผื่อมีหินที่ดีออกมาได้จริงๆ ไม่มีรอยปริรอยแตก เช่นนั้นก็คงจะก่อให้เกิดความสงสัยจากผู้เฒ่ากู้และคนอื่นแล้วนางซื้อหินมาตัดสามก้อน ทุกก้อนล้วนตัดออกมาได้ดี ได้ราคาหมด นี่มันไม่แปลกหรือ?สองก้อนนี้ย้าย
นางเดิมทีคิดจะไปหาอาจารย์ให้ไวที่สุด แต่ว่าตอนนี้พอเห็นท่าทีของฮูหยินฟาง หรือว่านางจะป่วยอะไร?"นั่นคือ ข้าเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร อาการนี้ของข้าบอกไปก็น่าอาย แล้วยังไปหาหมอไม่ได้ด้วย"ฮูหยินฟางถอนหายใจ "แต่ว่าอาการนี้ก็ทรมานคนเสียจริง แล้วยังทรมานมากด้วย""ป้าฟาง ท่านไม่สบายตรงไหนหรือ?"ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นไปล้างมือ หลังจากใช้ผ้าเช็ดจนแห้งก็เดินมาอยู่ข้างๆ ฮูหยินฟาง "ท่านลองบอกอาการดู ข้าจะจับชีพจรให้ท่าน"ฮูหยินฟางใบหน้าแดงหน่อยๆนางมองลูกสาวอย่างขวยเขิน จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง "ข้ารู้สึกไม่ค่อยอยากให้ฟางซือฉิงได้ยิน แต่ก็กังวลว่าโรคของสตรีนี้อีกหน่อยนางอาจจะเป็นด้วย"นางพูดเช่นนี้ฟู่จาวหนิงก็เริ่มมีการคาดเดา คาดเดาว่าน่าจะเป็นโรคทางนรีเวชนี่ก็เป็นเรื่องที่พวกนางยากจะเอื้อนเอ่ยจริงๆ โดยเฉพาะตอนนี้ก็แทบจะไม่มีหมอผู้หญิงเลย แล้วโรคแบบนี้จะกล้าไปหาหมอผู้ชายได้อย่างไรกันนางก่อนหน้านี้ได้ยินว่า สมัยโบราณมีหญิงสาวบางส่วนบอกอาการโรคกับหมอก็ถูกสามีหย่าร้าง บอกว่านางไร้ยางอาย ไม่รักษาขนบธรรมเนียม"เช่นนั้นก็ให้ซือฉิงฟังด้วยแล้วกัน ไม่เป็นไรหรอก"ฟู่จาวหนิงเองก็ดูใจกว้าง ความเขินอา
ฟู่จาวหนิงดูอาการให้ฮูหยินฟางเรียบร้อย ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ จึงจ่ายรายการยาให้นางสองอย่าง"ป้าฟาง อันนี้คำรายการยากิน แล้วก็อันนี้สำหรับใช้ภายนอก วัตถุดิบยาหามาจนครบแล้วต้มเป็นน้ำ ปล่อยให้อุ่นแล้วนำมาล้างส่วนที่เป็นโรค แล้วก็เสื้อผ้าน้อยที่แนบกับร่างกายต้องต้มน้ำลวกเสียหน่อย เปลี่ยนทุกวัน ต้องระวังเรื่องความสะอาด ไม่กี่วันก็จะดีขึ้น"ฟู่จาวหนิงกำชับอย่างละเอียด "แต่ว่าต่อให้ไม่คันแล้ว ความสะอาดของแต่ละคนก็ยังต้องรักษาเอาว้ด้วย ตอนที่ระดูมาผ้าระดูก็ต้องเปลี่ยนอย่างระมัดระวังด้วย"ฮูหยินฟางพยักหน้าไม่หยุด"ซือฉิง เจ้าก็จำไว้ด้วยนะ ฟังคำพูดของจาวหนิงเอาไว้""แล้วก็ ไม่ใช่แค่ตนเองต้องดูแลเรื่องความสะอาด ท่านเองก็กำชับลุงฟางให้ระวังเรื่องความสะอาดของตนเองด้วย...""ทำไมล่ะ?" ฟางซือฉิงไม่ค่อยเข้าใจ ถามขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณฮูหยินฟางหน้าแดงขึ้นอีกครั้ง"จาวหนิง เจ้าบอกมา บอกมาเร็ว"ฟู่จาวหนิงรู้สึกเขินๆ นี่เป็นความเคยชินของหมอ ที่ต้องพูดอะไรที่ควรพูดออกมาให้หมดรอจนนางอธิบายกับฟางซือฉิง หน้าของฟางซือฉิงเองก็แดงจนเหมือนเลือดไหลซิบ"เรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับร่างกายตนเองอย่างใกล้ชิด ต้องรัก
ในห้องยังมีคนอยู่ส่วนหนึ่ง ผู้อาวุโสจี้นั่งอยู่ข้างโต๊ะ อีกด้านหนึ่งมีซือถูไป๋นั่งอยู่ อาเพียนยืนอยู่ข้างเขา กำลังเบ้ปากหน้าบูดบึ้ง น่าจะถูกใครทำให้เคืองมามุมกำแพงมีชายชรานั่งยองอยู่คนหนึ่ง ข้างกายชายชรายังมีป้าอีกคนหนึ่งอยู่ กำลังตำหนิเขาอยู่และบนเก้าอี้ตัวหนึ่งริมหน้าต่างมีชายขาวตัวอ้วนอีกคนหนึ่ง ขาวมาก และอ้วนมาก ผิวนั่นแทบจะเปล่งแสงคะนิ้งได้เลยอย่างไรอย่างนั้น ชั่วขณะหนึ่งถึงกับดูอายุของเขาไม่ออกเลยทีเดียวฟู่จาวหนิงเห็นว่าผู้ดูแลเติ้งคอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ ชายคนนี้ ก็รู้ว่านี่คือคนบนรถม้าคนนั้นรูปร่างนี้ของเขา สามารถเดินทางนับพันลี้มาเมืองหลวงเพื่อหายา ก็ถือว่าทรมานอยู่ไม่เบาฟู่จาวหนิงพอเข้ามา คนในห้องก็เห็นเข้าแล้วซือถูไป๋เห็นนางก่อน "คุณหนูฟู่?"ผู้อาวุโสจี้เองก็มองเข้ามา ตกตะลึงไปทันที "เจ้ามาได้อย่างไรกัน?"ชายขาวตัวอ้วนคนนั้นเองก็หันหน้ามองมา มองเขาหมุนคอ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่าน่าจะหายใจหายคอลำบากอยู่ชายคนนี้แค่มาหายา หรือว่าจะเคยไปหาหมอแล้ว และรู้ว่าอาการป่วยนี้ของเขารักษาอย่างไร?นางเองก็ดูอยากรู้อยากเห็นมาก"ข้าได้ยินว่าพวกท่านอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงตามมาดูเสียห