เซียวหลันยวนคิดว่าจะใช้แค่ปณิธานของตนเอง ฤทธิ์ยานี้ต่อให้กำเริบขึ้นมา เขาก็สามารถสะกดมันไว้ได้อย่างไร้ซุ่มเสียงคิดไม่ถึงว่าเขาจะประเมินตนเองสูงไปหลับไปครึ่งคืน เขาก็รู้สึกว่าทั่วร่างตนเองเหมือนมีไฟเผาอยู่ด้านใน เหงื่อไหลออกมาตลอด เพียงไม่นานก็เปียกเต็มเสื้อผ้าเขาคิดจะเรียกฟู่จาวหนิง แต่ก็รู้สึกว่าถ้าให้นางมาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าจะดูเหมือนกลั่นแกล้งนางไปหน่อยเขาไม่ได้จะให้นางมาเป็นสาวใช้เสียหน่อยขณะที่คิดจะทน ก็รู้สึกว่ามีสองมือยื่นออกมาปลดเสื้อผ้าของเขาออกเซียวหลันยวนสมองมึนงง หนังตาหนักอึ้ง คิดจะลืมตาแต่ก็ดูยากลำบากเหลือเกิน จึงคว้าไว้แค่มือของนาง"ท่านต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า"ฟู่จาวหนิงพลิกมือดึงเขาขึ้นมา ปลดเสื้อผ้าของเขาออกนางเดิมทีก็รู้สึกว่าไม่ได้ยากเท่าไร ถึงอย่างไรก็มองตนเองเป็นพยาบาลดูแลคนไข้เสียแต่ตอนที่เห็นร่างกายของเซียวหลันยวนใจนางก็อดเต้นตึกตักไม่ได้คิดไม่ถึงว่าอ๋องที่อ่อนแออย่างเซียวหลันยวน ร่างกายกลับดีเสียขนาดนี้ หน้าอกแน่น กล้ามท้องก็ดี เป็นประเภทที่สวมเสื้อผ้าแล้วผอมแห้งแต่ถอดมากลับดูแน่นปั๊กแบบนั้นสมแล้่วที่เป็นวิชายุทธ์นางออกแรงเปลี่ยนเสื้อผ้าเขา
ก้มหน้าลงมอง จากนั้นก็ย้ายสายตาไปบนใบหน้าฟู่จาวหนิงที่อยู่ข้างๆ เขามองจ้องอยู่ครู่หนึ่งระหว่างแคร่กับเตียงไม้ห่างแค่นิดเดียวเท่านั้น เขากำมือนางไว้แน่นแบบนี้ แขนของนางจึงพาดอยู่ระหว่างช่องว่างไม่ได้คลุมผ้าห่มมิน่าเขาจึงรู้สึกว่ามือของนางเย็น สบายดีเหลือเกินตอนที่ร่างกายร้อนวาบ ความเย็นของนางเช่นนี้ ทำให้เขาไม่อยากจะปล่อยเลยจริงๆตอนนี้เซ๊ยวหลันยวนเองก็ดูไม่อยากจะปล่อยจริงๆ แต่ว่าดูแล้วที่กำไว้เช่นนี้นางคงไม่สบายนัก เขาจึงดึงตัวออกแล้วแขนของนางใส่ไว้ในผ้าห่ม คลุมผ้าให้กับนางเมื่อคืนเขามึนๆ งงๆ ถึงแม้จะลืมตาขึ้นลำบาก แต่ก็ยังรู้ว่านางเช็ดเหงื่อให้กับเขาหลายครั้ง แล้วยังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาหลายรอบด้วย"เจ้าคงเห็นข้าเปลือยหมดแล้วสินะ" เขาเอ่ยขึ้นเสียงต่ำนางตอนนี้หลับไปแล้ว มองท่าทางที่ดูว่าง่าย คิ้วตาดกดำราวกับพัดเล็กสองใบทำให้เกิดเงา ดูน่าเอ็นดดูกว่าตอนที่ตื่นมาพอสมควรเลย"ข้าคงจะเสียเปรียบไปแล้ว"เซียวหลันยวนพูดขึ้นอีกคำ จากนั้นก็ยื่นมือไป ใช้นิ้วเกี่ยวหน้านางเบาๆความรู้สึกลื่นเหมือนกับที่เขาจินตนาการไว้เมื่อคืนเลยเขาเก็บมือกลับมา นั่งลงมา เปิดผ้าห่มแล้วลงจากเตียง ตอนน
อันเหนียนคุกเข่าอยู่หน้าแท่นหนังสือขององค์จักรพรรดิ ก้มหน้าต่ำ พอได้ยินคำพูดของเขา ก็สัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายขององค์จักรพรรดิลึกๆ ขึ้นมาองค์จักรพรรดินี่รังเกียจเขาอยู่ใช่ไหม?คนอื่นถ้าคิดจะวิจารณ์ตระกูลอันของพวกเขา องค์จักรพรรดิจะอุดปากพวกเขาได้หรือ?อย่างมากก็คงจะพูดออกมาอย่างคลุมเครือต่อหน้าพวกเขา แต่ลับหลังก็ไม่รู้ว่าจะลือกันแย่แค่ไหนจะว่าไป องค์จักรพรรดิตอนนี้รังเกียจพวกเขาแล้ว ถึงตอนนั้นถ้าพวกเขาได้ยินคนอื่นพูดกัน ก็ต้องเข้าวังมาให้อค์จักรพรรดิออกหน้าให้ทุกครั้งไปหรือ?องค์จักรพรรดิจะออกหน้าแทนพวกเขาได้ทุกครั้ง แล้วจัดการคนเหล่านั้นได้หรือ?ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเคยถามอันชิง อันชิงถึงแม้จะรู้สึกขอบคุณต่ออ๋องเจวี้ยน แต่นางก็ไม่ใช่ผู้หญิงไร้สมองแบบนั้น"องค์จักรพรรดิ น้องสาวข้าไม่เคยเห็นหน้าตาอ๋องเจวี้ยนเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นนางไม่มีเหตุผลต้องออกเรือนกับอ๋องเจวี้ยนเลย ยิ่งไปกว่านั้นกฎของตระกูลข้าก็มีอยู่ ห้ามเป็นสนมโดยเด็ดขาด องค์จักรพรรดิอาจจะลืมไปแล้วหรือ ว่านั่นเป็นเพราะศาลบรรพบุรษของเราแต่ก่อนโดนภรรยาผู้น้อยเล่นงานจนลำบาก ตระกูลอันเกือบจะต้องบ้านแตกสาแหรกขาดเพียงเพราะภรรยาผู้น
น้ำเสียงของเขาขรึมลงมาอันเหนียนก็น่าขันเสียจริง เขาเป็นจักรพรรดิถึงกับพูดว่าจะจัดงานเลี้ยงในวังให้ ในฐานะขุนนาง ตอนนี้ยังคิดจะทำให้เขาหมดอารมณ์อีกหรือ?เขาจะจัดงานเลี้ยงในวัง ต้องสนใจด้วยหรือว่าเขาจะมีอารมณ์หรือไม่มี?ดังนั้นถึงบอกว่าอันเหนียนไม่ทำให้คนรู้สึกชอบใจเอาเสียเลย"องค์จักรพรรดิ""เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว เอาเช่นนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ตอนบ่าย เจ้าพาน้องสาวเจ้าเข้ามาในวัง"องค์จักรพรรดิพูดจบก็ลุกขึ้นยืน "ถอยไปเถิด"พูดจบเขาก็สะบัดชายเสื้อเดินออกไปอันเหนียนทำได้เพียงถอยออกมา มองแผ่นหลังขององค์จักรพรรดิ สีหน้าเขาก็ขรึมลงมาองค์จักรพรรดิไปหาฮองเฮา แจ้งเรื่องนี้กับนางฮองเฮารินน้ำชาให้เขา เอ่ยขึ้นว่า "บังเอิญเสียจริง องค์จักรพรรดิ อี้ไห่เจ้าเด็กคนนันก่อนหน้านี้ก็เข้ามาหาหม่อมฉันแล้ว บอกว่าเขารู้สึกรักใครแม่นางอันชิงจนถอนตัวไม่ขึ้น บอกว่าไม่ว่านางจะบริสุทธิ์หรือไม่ ก็ยินยอมจะรับนางเอาไว้"องค์จักรพรรดิตะลึงงัน"จริงหรือ?""ก็นั่นล่ะ""คนที่ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของอันชิงไป เป็นอายวนหรือว่าอี้ไห่กันแน่?" องค์จักรพรรดิรู้สึกสอดรู้สอดเห็นขึ้นมาฮองเฮายิ้มๆ "เรื่องนี้ หม่อมฉันเ
อ๋องเจวี้ยนได้รับการแจ้งจากในวัง ตอนได้ยินว่าพรุ่งนี้ให้เขาพาพระชายาเข้าวังเพื่อร่วมงานเลี้ยงก็รู้ขึ้นมาทันทีว่าองค์จักรพรรดิจะต้องทำเรื่องน่าเบื่ออีกแน่เขาหัวเราะเย็นชาขึ้นมาชิงอีกังวลเล็กน้อย"ท่านอ๋อง งานเลี้ยงครั้งที่แล้วคืองานเลี้ยงหงเหมิน ครั้งนั้นท่านก็มีปานประหลาดลามขึ้นมาทั้งตัว หายามารักษาอยู๋นานกว่าจะดีขึ้น ตอนนี้ยังจะเชิญท่านไปงานเลี้ยงในวังอีก"งานเลี้ยงวังครั้งที่แล้วคือเมื่อหลายปีก่อนแต่ว่าครั้งนั้นท่านอ๋องก็เหมือนทิ้งชีวิตไปครึ่งหนึ่งครั้งน้นเองก็ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้ องค์จักรพรรดิจึงผลักขันทีกับสาวใช้ในวังหลายคนออกมารับเคราะห์ โบยจนตายไปตั้งหลายคนต่อหน้าท่านอ๋องแต่ว่าท่านอ๋องเองก็ได้รับความทรมานมานานพอควรครั้งนั้นองค์จักรพรรดิเอ่ยขึ้นอย่างเสียใจว่าหลังจากนี้ถ้ามีงานเลี้ยงในวังก็จะไม่ให้อ๋องเจวี้ยนมาเข้าร่วมอีกแล้ว อนุญาตให้ท่านอ๋องไม่ต้องเข้าวังร่วมงานเลี้ยงใดๆอีกตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?เป็นถึงจักรพรรดิ แต่พูดเหมือนผายลมแบบนี้ได้ด้วยหรือ?คนที่ไม่รักษาคำพูดแบบนี้มันก็เป็ฯขยะทั้งนั้นคำว่าขยะคำนี้ ชิงอีก็เรียนรู้มาจากฟู่จาวหนิง เขารู้สึกว่ามีเหตุผลดี"พวก
ฟู่จาวหนิงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่นางยังต้องให้เจ้าเด็กน้อยนี่มาเลี้ยงดูหรือ?เจ้าเด็กน้อยไม่ได้เรื่องที่มาหาคนไกลถึงพันลี้ แต่กลับไม่มีเบาะแสอะไรเลย แล้วยังเกือบจะถูกคนตีจนตายเหมือนเหยื่อล่า อย่างเขาเนี่ยนะ คิดจะมาเลี้ยงดูนางกับท่านปู่?"จริงนะ ท่านอย่าไม่เชื่อสิ ตั้งแต่เด็กข้าไม่เคยมีผู้อาวุโสเลย มีแค่ท่านแม่คนเดียวเท่านั้น แต่ว่าท่านแม่เองก็ดูแลมากไม่ไหว ตอนที่ข้าเห็นท่านก็รู้สึกว่าท่านคือพี่สาวของข้า พอเห็นท่านปู่ก็รู้สึกว่าเขาคือท่านปู่ของข้า ข้าพักเข้ามา ก็รู้สึกว่าที่นี่เหมือนบ้านของข้า"เฮ่อเหลียนเฟยกลัวฟู่จาวหนิงจะไม่เชื่อ จึงคิดจะยกมือลั่นคำสาบาน่"เอาล่ะเอาล่ะ เจ้าดูแลตัวเองดีดี ถ้าหากมีคนจากบ้านอื่นมาหาเรื่อง เจ้าก็ให้พวกเขามาขวางเอาไว้แล้วกัน อย่าบุ่มบ่ามรู้ไหม?""ขอรับ พี่หญิง ข้าจะไม่เพิ่มความลำบากให้ท่านแน่""คุณหนู"เสี่ยวเถารีบร้อนวิ่งเข้ามา "ท่านพี่หงจั๋วมาอีกแล้ว"นางรู้จักหงจั๋วกับเฝิ่นซิงแล้ว"นางมาทำอะไรหรือ?"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกแปลกๆ มากันอีกทำไม?"ท่านพี่หงจั๋วบอกว่า องค์จักรพรรดิมีรับสั่ง ให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ ด
คนมากมายล้วนได้รับข่าวในวังหลวงแล้วจู่ๆ ก็มีงานเลี้ยงในวัง ทุกคนล้วนรู้สึกแปลกใจ แต่นี่ก็เป็นรับสั่งจากองค์จักรพรรดิ ทุกคนแน่นอนว่าทำได้เพียงไปตระเตรียม วันถัดมาตอนบ่ายก็ทยอยกันเข้าวังงานเลี้ยงวังนี้จัดขึ้นในตำหนักเหอชิงตำหนักเหอชิงไม่ใหญ่มากนัก ดังนั้นวันนี้จึงไม่ได้มีมหรสพยิ่งใหญ่นัก คนที่เรียกเข้าส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเครือพระญาติในราชวงศ์ และยังมีพวกคนใหญ่โตที่มียศถาหน่อยอีกบางส่วน พาเหล่าภรรยาและทายาทเข้ามาแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่คนที่มาก็ยังมีไม่น้อยในตำหนักจัดโต๊ะไว้สองแถว ตรงกลางเว้นว่างเอาไว้เหล่าสาวชาวเดินเข้าออกจัดวางสำรับอาหารสุราเลิศรสไว้แล้วด้านนอกยังมองเห็นดอกไม้ที่เบ่งบานสะพรั่ง นี่อยู่ในวัง แต่ด้านนอกกลับเหมือนฤดูใบไม้ร่วง ไม่มีดอกไม้เหลืออยู่เลยนายท่านจ้าวก็พาจ้าวเฉินจ้าวหรูมาด้วยนายท่านจ้าวพอเข้ามาก็พูดคุยกับสหายก่อน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่เข้ามาประจบประแจงเยินยอเขา จนทำให้จ้าวเฉินจ้าวหรูที่ได้ยินยืดอกภูมิใจขึ้นมาดูเอาเถิด บิดาของพวกเขาจะได้รับการเอ็นดูจากองค์จักรพรรดิ คนอื่นๆ จึงยกยอพวกเขาเช่นนี้รอจนอันเหนียนอันชิงเข้ามา สีหน้าของพี่น้องก็ดูขรึมลงทันทีเ
พอคนคู่นี้เดินเข้ามา ครู่หนึ่งก็ดึงสายตาคนทั้งหมดไปทันทีในนี้มีคนไม่น้อยที่ตั้งอกตั้งใจแต่งหน้าแต่งตัวมา และยังมีหญิงสูงศักดิ์อีกลหายคนที่อยากจะเข้าวัง ดังนั้นวันนี้จึงแข่งกันสวยแข่งกันงามเดิมทีพวกนางล้วนกำลังแอบพิจารณาการแต่งกายของคนอื่น ต่างฝ่ายต่างมีความคิดขึ้นมาแต่ว่าขณะที่คู่สามีภรรยาอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา ความคิดเหล่านี้ก็ถูกสั่นสะเทือนลอยไปทั้งหมด คนอื่นๆ แต่งตัวกันอย่างไรก็ไม่มีใครสนใจแล้วอ๋องเจวี้ยนมาในชุดจักรพรรดิสีม่วง บนสีม่วงเข้มปักอินทรีเงิน คอปกสีดำ แขนเสื้อสีดำ เข็มขัดเอวสีดำรองเท้าสีดำ ทำให้คนล้วนต้องศิโรราบ ต่อให้เขาสวมหน้ากากเงินครึ่งหน้าอยู่ ก็ไม่ได้ทำลายท่วงท่าของเขาเลย ซ้ำยังทำให้เขาดูแล้วยิ่งเพิ่มความลึกลับขึ้นไปอีกฟู่จาวหนิงที่อยู่ข้างๆ เขาก็อยู่ในชุดชาววังสีม่วง ในสีม่วงมีประกายสีเงิน ขณะที่เดินก็ราวกับจันทราบนฟ้าราตรี ด้นบนปักโบตั๋นสีเงินไว้ ดูสูงส่งเรียบสงบและรูปร่างของนางก็สวยสง่า เรียวคอยาวราวหงส์ฟ้า ไหล่กลึงกลมเกลี้ยงทั้งสอง เอวที่โอบได้รอบ กระโปรงยาวลากพื้น ทรงสง่ามีระดับผมสีดำขลับของนางถูกรวบเป็นมวย เสียบเอาไว้ด้วยปิ่นไข่มุกสองเล่ม และยังมีด
เหล่าคุณหนูพวกนี้พอเอ่ยถึงผู้ประสบภัย ก็มีสีหน้าหวาดกลัวและดูถูกพวกนางล้วนมีอำนาจในเมืองหลวง กินดีอยู่ดีมาตั้งแต่เด็ก ผุ้ประสบภัยน่ะห่างจากพวกนางไกลโขเลยกระทั่งจินตนาการ พวกนางก็ยังจินตนาการไม่ออกว่าผู้ประสบภัยเป็นอย่างไรด้วยซ้ำคุณหนูเหล่านี้ไม่กล้าไปสถานที่วุ่นวายมาก่อน ในเมื่อเมืองเจ้อเต้มไปด้วยผู้ประสบภัย แล้วพวกนางจะกล้าไปได้อย่างไรกัน?"จริงด้วย ต่อให้มีผู้ประสบภัยหญิงมากแค่ไหน พวกเราเองจะไปช่วยอะไรได้? หรือว่าพวกเรายังต้องรับพวกนางกลับมาเมืองหลวงด้วย?""นั่นไม่ได้หรอก เมืองหลวงไม่มีทางให้ผู้ประสบภัยเข้ามาแน่""แล้วก็ ถึงแม้จะเป็นหญิง แต่ผู้ประสบภัยก็ยังเป็นผู้ประสบภัย ล้วนเป็นประชาชนชั้นต่ำทั้งนั้น" มีหญิงสาวคนหนึ่งมีสีหน้าดุร้ายขึ้นมาหน่อยๆคำพูดนี้มีหลายคนที่ยอมรับ เพียงแต่ว่า ไม่ได้แสดงออกมาตรงๆเฉินฮ่าวปิงหน้าแข็งทื่อไปคนเหล่านี้เป็นคุณหนูจากตระกูลดังนะ แต่เรื่องใหญ่พวกนี้ก็ทำกันไม่ได้หรือ!แต่ว่านางต้องการเรื่องใหญ่สักเรื่องเพื่อสร้างความนิยมให้ตนเอง ให้คนทั้งแคว้นเจารู้จักท่านหญิงปิงอวี้ในทันทีถึงตอนที่นางมีชื่อเสียง มีบารมี องค์จักรพรรดิก็จะตบรางวัลให้นางอ
คนเหล่านี้ล้วนดูถูกนาง!ขณะเดียวกัน นางก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก ทำให้ตนเองสงบลงมาหน่อย จากนั้นจึงพูดเป้าหมายของวันนี้ออกมา"ข้าเองช่วงนี้ก็เพิ่งถูกท่านพ่อยอมรับ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ตัวตนฐานะของตัวเอง แต่ท่านพ่อก็บอกข้าแล้ว เขาจะให้ท่านแม่เป็นพระชายารอง องค์จักรพรรดิเองก็เห็นด้วย ข้ารู้ว่าทุกคนล้วนคิดว่าท่านแม่ข้าเป็นบ้านน้อย แต่หลังจากนี้ไม่ใช่แล้ว ข้าเองก็หวังว่าจะได้เป็นเพื่อนกับทุกคน"ทุกคนเองก็คิดไม่ถึงว่านางจะพูดออกมาตรงๆ ว่าฮูหยินเฉินเป็นบ้านน้อย"เฮอะ อ๋องฉยงบอกจะให้แม่ของเจ้าเป็นพระชายารอง แล้วพระชายาอ๋องเจวี้ยนเห็นด้วยหรือยัง?" องค์หญิงหนานฉือเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจเฉินฮ่าวปิงข่มตัวเองไว้"องค์จักรพรรดิเห็นด้วยแล้ว เชื่อว่าพระชายาอ๋องฉยงคงไม่ขัดราชโองการแน่""เจ้านี่ชอบงัดองค์จักรพรรดิออกมาเหลือเกิน ว่ามา เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับที่เจ้าเรียกพวกเรามาวันนี้?""เป็นเช่นนี้ ข้าได้ยินว่าช่วงนี้แต่ละพื้นที่ล้วนประสบภัย มีผู้ประสบภายมากมาย คนมากมายพลัดพรากจากบ้าน ดังนั้นในใจคงลำบากมาก" เฉินฮ่าวปิงเอ่ยขึ้น"ชิ" องค์หญิงเจ็ดร้องเชอะขึ้นมาอย่าอดไม่อยู่นางม
การปักสองด้านของอันชิงโดดเด่นมากการปักสองด้านของฟางซือฉิงก็ดีมากพวกนางล้วนลงมือปักชุดแต่งงานของตนเองกันเอง ก่อนที่จะตกลงแต่งงานก็เริ่มปักกันแล้วตอนนี้จู่ๆ พอได้ยินว่ามีคนด้อยค่าการปักสองด้าน พวกนางจึงไม่ค่อยสบายใจนักแต่ว่า เมื่อครู่ได้เห็นโคมไฟวังงานปักที่ด้านนอกแล้ว พวกนางเองก็รู้เรื่องฝีมืองานปักของเฉินฮ่าวปิงมาระดับหนึ่ง และรู้ว่าพวกนางนั้นเทียบไม่ได้จริงๆประโยคเมื่อครู่นี้ คนที่พูดคือองค์หญิงหนานฉือองค์หญิงหนานฉือชอบการปักสองด้านอยู่โคมไฟวังงานปักเมื่อครู่เหล่านั้นก็ยังไม่ได้ดูดีดี แต่รู้สึกรำคาญหูและไม่ชอบในความอวดดีของเฉินฮ่าวปิงลูกสาวบ้านน้อยคนหนึ่ง จะมาอวดดีที่นี่ทำไมกัน? แล้วก็ เอางานปักพวกนี้ออกมาแสดงอย่างภาคภูมิใจ จะหยิ่งยโสขึ้นมาก็ไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่ถือดีอย่างไรมาด้อยค่าคนอื่นเขา? ต่อให้มันด้อยค่าจริง แต่ใช้สิ่งที่นางต้องมาพูดไหม?"คารวะองค์หญิงหนานฉือ"มีคนลุกขึ้นยืน คารวะไปทางองค์หญิงหนานฉือแต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ก็มีคนที่เยอะกว่าลุกขึ้นมา และล้วนคารวะให้แก่นาง "คารวะพระชายาอ๋องเจวี้ยน"ก่อนหน้านี้คนไม่น้อยในเมืองหลวงยังคิดจะย่ำฟู่จาวหนิงอยู่เลย แต่พ
"ท่านพ่อในเมื่อให้องค์จักรพรรดิแต่งตั้งข้าเป็นท่านหญิง นั่นก็คือ แน่นอนว่าให้สถานะกับแม่ข้าด้วย องค์หญิงเจ็ด หลังากนี้คำพูดอย่างลูกสาวบ้านน้อย ได้โปรดอย่าเอ่ยขึ้นอีกเลย" เฉินฮ่าวปิงเอ่ยขึ้นอย่างอย่างอดกลั้นเกินพอแล้ว!นางเป็นท่านหญิงแล้ว แล้วทำไมตัวตนลูกสาวบ้านน้อยถึงยังมากดอยู่บนตัวนางอีก?เดิมทีนางยังคิดจะแสดงออกถึงความสูงส่งความหยิ่งยโสสักหน่อย ถึงอย่างไรนางก็เป็นท่านหญิงแล้ว แต่ถูกองค์หญิงเจ็ดพูดเช่นนี้ เกียรติของนางก็หล่นร่วงมาบนพื้นจนหมดชั่วขณะหนึ่ง เฉินฮ่าวปิงรู้สึกว่าสายตาคนทั้งหมดที่มองนางผิดปกติไป"ชิ"องค์หญิงเจ็ดไม่ใส่ใจถ้าไม่เห็นแก่หน้าพระชายาเยว่ นางไม่มีทางมาหรอกชิวอวิ๋นเดิมทีเป็นคนของพระชายาเยว่ ตอนนี้พอเห็นจึงรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย"องค์หญิงเจ็ด องค์จักรพรรดิกับพระชายาเยว่ล้วนชื่นชอบงานปักของท่านหญิงมาก ท่านหญิงของพวกเราเองก็เตรียมของขวัญให้กับองค์หญิงเจ็ดและคุณหนูทุกท่านด้วย เป็นงานปักด้วยมือทั้งหมด หวังว่าทุกท่านจะชอบ"นางรีบไปนำของขวัญออกมาทุกคนล้วนได้รับผ้าไหมผืนหนึ่ง"ผ้าไหมประกายหิมะ?"มีแม่นางรับผ้าไหมไปแล้วจำได้ขึ้นมาผ้าไหมประกายหิมะยอดเยี่ยมกว
ดังนั้นคนไม่น้อยจึงหัวเราะเยาะนาง อยากจะดูว่านางจะใช้ชีวิตเวทนาแค่ไหนตอนนี้พอได้เห็น องค์หญิงหนานฉือก็เหมือนจะงดงามกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด สายตาพริ้วไหวดูมีเสน่ห์ดึงใจอย่างมาก"ดูจากสภาพขององค์หญิงหนานฉือ น่าจะได้รับความโปรดปรานน่าดูเลยกระมัง?""ผู้ตรวจการอันเป็นอัจฉริยะลือชื่อในเมืองหลวงเราเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังหล่อเหลามากด้วย"ใช่ไหมล่ะ ก่อนหน้านี้ยังมีแม่นางตั้งมากมายชอบผู้ตรวจการอันเถอะ น่าเสียดายที่ผู้ตรวจการอันไม่ค่อยออกไปเที่ยว คนที่รู้จึงมีไม่เยอะ ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยบอกว่าไม่อยากรีบแต่งงานไม่เช่นนั้นจะวนมาถึงองค์หญิงหนานฉือได้อย่างไรกัน?ตอนนี้พอเห็นองค์หญิงหนานฉือดูดีราศีจับเหมือนเลี้ยงดูมาอย่างมีความสุขเช่นนี้ ก็มีแม่นางหลายคนอดรวดร้าวขึ้นมาไม่ได้ผู้ตรวจการอันต้องดีกับนางมากแน่นอน ไม่เช่นนั้นนางไม่มีทางดูมีความสุขขนาดนี้"ตระกูลของผู้ตรวจการอันก็มีคุณธรรมด้วย ไม่มีการรับอนุภรรยา ไม่มีเรื่องวุ่นวายเหล่านั้นของพวกเรือนหลัง ดูท่าองค์หญิงหนานฉือกับน้องสะใภ้อันชิงก็น่าจะเข้ากันได้ดีด้วย"ฮือๆๆ มองพวกนางแล้วก็อิจฉาถ้ารู้ว่าจะมีความสุขแบบนี้ พวกนางคงหน้าด้านให้
แม่ลูกฮูหยินเฉินหลังจากมาถึงเมืองหลวงแคว้นเจา ตอนแรกสุดไม่มีที่จะอยู่ด้วยซ้ำ ยังต้องอาศัยอยู่กับต่งฮ่วนจืออยู่เลยดังนั้นถ้าบอกว่าพวกนางมีเงิน ฟู่จาวหนิงยิ่งไม่เชื่อฟางซือฉิงดูไปพักหนึ่งจึงเข้ามา บอกกับนางเสียงแผ่วว่า "โคมไฟวังพวกนี้ใช้ผ้าไหมวาวระยับของต้าชื่อมาปัก ผ้าไหมวาวระยับแพงมากเลยนะ ปกติต้งจะเอามาทำฉากกั้นลม พัดกลม หรือพวกหน้าต่างอะไรพวกนั้น คนปกติทั่วไปไม่มีทางได้ใช้""เจ้ารู้จักผ้าไหมวาวระยับด้วยหรือ?""พ่อข้าเปิดร้านผ้านี่นา ไม่ใช่แค่ขายแต่ผ้าที่บ้านพวกเราทำออกมาเท่านั้น ยังมีผ้าไหมชั้นดีที่หาจากแคว้นต่างๆที่แคว้นเจาไม่มีด้วย บางครั้งก็มีคนมาหาซื้อของที่โดดเด่นไม่มีใครซ้ำ ผ้าไหมวาวระยับนี่พวกเราก็มีอยู่หลายม้วน แพงมาก"ตระกูลฟางทำการค้ากว้างไกล รู้จักข้าวของก็กว้างตาม ฟางซือฉิงจึงรู้จึกมากขึ้นหน่อย"ถ้าอย่างนั้นโคมไฟวังมากขนาดนี้ ดูท่าแต่ละใบราคาคงไม่ธรรมดาเลย""ใช่ เดิมทีแค่ผ้าไหมวาวระยับก็แพงแล้ว บวกกับงานปักชั้นสูงนี่อีก ใบละร้อยตำลึงยังถือว่าถูกไปเลย" ฟางซือฉิงเอ่ยขึ้นพอนางพูดจบก็ยังประหลาดใจหน่อยๆ ถึงอย่างไรที่นี่ก็มีโคมไฟวังอยู่อย่างน้อยสิบหกใบแล้ว นี่ถือว่าไ
ยิ่งไปกว่านั้น เทียบกับตอนที่ฟู่จาวหนิงมาก่อนหน้านี้ประดับประดาเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอย่างเช่น โคมไฟสลักงานปักที่เป็นเอกลักษณ์พวกนั้นตอนนี้แม้จะเป็นกลางวัน ดคมไฟวังยังไม่จุดสว่าง แต่ตอนกลางวันก็ยังมองเห็นงานเย็บปักด้านบนนั้นอย่างชัดเจน แต่ละชิ้นล้วนวิจิตรประณีต ฝีมือไม่ธรรมดามีคุณหนูหลายคนกำลังชื่นชมโคมไฟวังเหล่านั้น ดูชอบกันมาก แต่ละคนดูหลงใหลจนวางไม่ลงกันเลยทีเดียว"ข้าอยากจะเอากลับไปสักใบจัง สวยกมากเลย เมืองหลวงของพวกเราไม่มีปรากฏโคมไฟงานปักแบบนี้มาก่อนเลย""สวยมากจริงๆ นั่นล่ะ ท่านหญิงปิงอวี้กับฮูหยินเฉินเอาแค่ฝีมือด้านนี้ ก็ทำให้พวกนางเป็นที่สนใจในเมืองหลวงได้แล้ว"ฟู่จาวหนิงได้ยินคำวิจารณ์ของเหล่าแม่นางพวกนั้น ฟางซือฉิงเองก็ดูสนใจกับโคมไฟวังเหล่านั้นเหมือนกัน มองๆ ฟู่จาวหนิง สีหน้าก็ประหลาดใจหน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอยากไปดูโคมไฟวังพวกนั้นหรือ? อยากดูก็ไปดูสิ""เจ้าไม่ใช่ไม่ชอบเฉินฮ่าวปิงหรือ? เจ้าไม่ชอบ ข้าก็ไม่ชอบ" เฉินฮ่าวปิงบอกฟู่จาวหนิงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่"ไม่ถึงกับต้องขนาดนั้น ถึงข้าจะรู้สึกไม่ค่อยดีกับเฉินฮ่าวปิงนัก แต่ว่า งานปักของพวกนางก็ประณีตสวยง
ฟู่จาวหนิงหัวเราะ"ความสัมพันธ์มันก่อตัวขึ้นมานั่นล่ะ ก่อหนน้านี้ก็มีช่วงที่เขาทำให้ข้าโมโหแทบคลั่งตายเหมือนกัน"ยิ่งไปกว่านั้นตอนแรกสุด พวกเขายังมีความสัมพันธ์แบบจะฆ่ากันตายจริงๆ ด้วยก่อนหน้านางนี้นางแอบด่าเซียวหลันยวนว่าเป็นผู้ชายหมาๆ น้อยเสียที่ไหน"จริงหรือ? ตอนนี้มองไม่ออกเลยว่าอ๋องเจวี้ยนจะทำให้เจ้าโมโหได้"ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ใครจะเชื่อว่าอ๋องเจวี้ยนที่ถูกือกันว่าเย็นชาอย่างมากมาแต่ไหนแต่ไร จะโปรดปรานฟู่จาวหนิงเสียขนาดนี้?น้ำเสียงเวลาพูดจาก็หวานหยดย้อย"ตอนนี้ดีมากจริงๆ"โดยเฉพาะเมื่อคือน หลังจากที่พูดว่าไม่อยากให้นางมีโอกาสต้องดื่มยาน้ำเลี่ยงตั้งครรภ์ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่าเซียวหลันยวนหล่อเหลากว่าแต่ก่อนเยอะเลยชายหนุ่มที่สามารถสะกดความบุ่มบ่ามของตนเองเพื่อสุขภาพร่างกายของนางได้ ต้องบวกคะแนนให้จริงๆ"แต่ว่า จาวหนิง อ๋องเจวี้ยนยังคงสวมหน้ากากอยู่ หน้าของเขายังไม่ดีขึ้นหรือ?"หลังจากฟางซือฉิงเข้ามา เซียวหลันยวนก็สวมหน้ากากไว้แล้วเมื่อวานนางไม่กล้ามองหน้าเขา วันนี้ก็มองไม่เห็นหน้าเขาแล้วฟางซือฉิงเดิมทีรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ควรพูดมาก กลัวว่าถ้าไปสาดเกลือใส่แผลฟู่จาวหน
"พรวด" ฟู่จาวหนิงสนุกขึ้นมาแล้ว "มองมาตั้งนานขนาดนี้ ยังไม่เบื่ออีกหรือ?"ได้ยินว่าชายหนุ่มรักความสดใหม่ ไม่ว่าภรรยาจะสวยแค่ไหน ดอกไม้ป่าข้างนอกที่แตกต่างก็ย่อมดึงดูดพวกเขาได้"ไม่มีทางเบื่อ" เซียวหลันยวนกอดนาง"ท่านรักข้าแค่เปลือกนอกจริงๆ ด้วย" ฟู่จาวหนิงจงใจพูดขึ้น"รักหมดนั่นล่ะ รูปลักษณ์ของเจ้าข้าชอบหมด แต่ถ้ามีแต่รูปลักษณ์ภายนอก คงชอบได้ไม่นานนัก ทว่าพอมีเจ้าอยู่ด้านใน ความชอบนี้จึงยั่งยืนยาวนาน"ใครไม่รักความสวยความงามบ้างล่ะ? แต่ความงามก็เป็นแค่ความประทับใจแรกพบ หากจะทำให้ยั่งยืน ก็ต้องมีจิตวิญญาณด้วยเขาโชคดีแค่ไหน ที่มีภรรยาแบบนี้ ภายนอกกับจิตวิญญาณเขารักมันทั้งหมด"เซียวหลันยวน ท่านตอนนี้ยิ่งปากหวานขึ้นทุกวันแล้วนะ"ฟู่จาวหนิงเพิ่งเงยหน้า ริมฝีปากก็ถูกเขากดลงมา"ประทินปาก..." ของข้าประทินปากของฟู่จาวหนิงนางทำขึ้นมาเอง ใส่แต่วัตถุดิบที่ไม่มีพิษอย่างพวกน้ำผึ้งดอกไม้เข้าไป ดังนั้นจึงดูมันวาวเป็นพิเศษ แล้วยังเป็นสีธรรมชาติ ไม่เหมือนกับที่ด้านนอกขายกัน ที่มีแต่แดงก่ำ แดงดอกท้อ แดงเลือดดันั้นหลังจากทาแล้วจึงดูน่าดึงดูดพอเห็นนาง เซียวหลันยวนก็อดเข้ามาจูบไม่ได้แล้วจู