ก้มหน้าลงมอง จากนั้นก็ย้ายสายตาไปบนใบหน้าฟู่จาวหนิงที่อยู่ข้างๆ เขามองจ้องอยู่ครู่หนึ่งระหว่างแคร่กับเตียงไม้ห่างแค่นิดเดียวเท่านั้น เขากำมือนางไว้แน่นแบบนี้ แขนของนางจึงพาดอยู่ระหว่างช่องว่างไม่ได้คลุมผ้าห่มมิน่าเขาจึงรู้สึกว่ามือของนางเย็น สบายดีเหลือเกินตอนที่ร่างกายร้อนวาบ ความเย็นของนางเช่นนี้ ทำให้เขาไม่อยากจะปล่อยเลยจริงๆตอนนี้เซ๊ยวหลันยวนเองก็ดูไม่อยากจะปล่อยจริงๆ แต่ว่าดูแล้วที่กำไว้เช่นนี้นางคงไม่สบายนัก เขาจึงดึงตัวออกแล้วแขนของนางใส่ไว้ในผ้าห่ม คลุมผ้าให้กับนางเมื่อคืนเขามึนๆ งงๆ ถึงแม้จะลืมตาขึ้นลำบาก แต่ก็ยังรู้ว่านางเช็ดเหงื่อให้กับเขาหลายครั้ง แล้วยังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาหลายรอบด้วย"เจ้าคงเห็นข้าเปลือยหมดแล้วสินะ" เขาเอ่ยขึ้นเสียงต่ำนางตอนนี้หลับไปแล้ว มองท่าทางที่ดูว่าง่าย คิ้วตาดกดำราวกับพัดเล็กสองใบทำให้เกิดเงา ดูน่าเอ็นดดูกว่าตอนที่ตื่นมาพอสมควรเลย"ข้าคงจะเสียเปรียบไปแล้ว"เซียวหลันยวนพูดขึ้นอีกคำ จากนั้นก็ยื่นมือไป ใช้นิ้วเกี่ยวหน้านางเบาๆความรู้สึกลื่นเหมือนกับที่เขาจินตนาการไว้เมื่อคืนเลยเขาเก็บมือกลับมา นั่งลงมา เปิดผ้าห่มแล้วลงจากเตียง ตอนน
อันเหนียนคุกเข่าอยู่หน้าแท่นหนังสือขององค์จักรพรรดิ ก้มหน้าต่ำ พอได้ยินคำพูดของเขา ก็สัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายขององค์จักรพรรดิลึกๆ ขึ้นมาองค์จักรพรรดินี่รังเกียจเขาอยู่ใช่ไหม?คนอื่นถ้าคิดจะวิจารณ์ตระกูลอันของพวกเขา องค์จักรพรรดิจะอุดปากพวกเขาได้หรือ?อย่างมากก็คงจะพูดออกมาอย่างคลุมเครือต่อหน้าพวกเขา แต่ลับหลังก็ไม่รู้ว่าจะลือกันแย่แค่ไหนจะว่าไป องค์จักรพรรดิตอนนี้รังเกียจพวกเขาแล้ว ถึงตอนนั้นถ้าพวกเขาได้ยินคนอื่นพูดกัน ก็ต้องเข้าวังมาให้อค์จักรพรรดิออกหน้าให้ทุกครั้งไปหรือ?องค์จักรพรรดิจะออกหน้าแทนพวกเขาได้ทุกครั้ง แล้วจัดการคนเหล่านั้นได้หรือ?ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเคยถามอันชิง อันชิงถึงแม้จะรู้สึกขอบคุณต่ออ๋องเจวี้ยน แต่นางก็ไม่ใช่ผู้หญิงไร้สมองแบบนั้น"องค์จักรพรรดิ น้องสาวข้าไม่เคยเห็นหน้าตาอ๋องเจวี้ยนเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นนางไม่มีเหตุผลต้องออกเรือนกับอ๋องเจวี้ยนเลย ยิ่งไปกว่านั้นกฎของตระกูลข้าก็มีอยู่ ห้ามเป็นสนมโดยเด็ดขาด องค์จักรพรรดิอาจจะลืมไปแล้วหรือ ว่านั่นเป็นเพราะศาลบรรพบุรษของเราแต่ก่อนโดนภรรยาผู้น้อยเล่นงานจนลำบาก ตระกูลอันเกือบจะต้องบ้านแตกสาแหรกขาดเพียงเพราะภรรยาผู้น
น้ำเสียงของเขาขรึมลงมาอันเหนียนก็น่าขันเสียจริง เขาเป็นจักรพรรดิถึงกับพูดว่าจะจัดงานเลี้ยงในวังให้ ในฐานะขุนนาง ตอนนี้ยังคิดจะทำให้เขาหมดอารมณ์อีกหรือ?เขาจะจัดงานเลี้ยงในวัง ต้องสนใจด้วยหรือว่าเขาจะมีอารมณ์หรือไม่มี?ดังนั้นถึงบอกว่าอันเหนียนไม่ทำให้คนรู้สึกชอบใจเอาเสียเลย"องค์จักรพรรดิ""เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว เอาเช่นนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ตอนบ่าย เจ้าพาน้องสาวเจ้าเข้ามาในวัง"องค์จักรพรรดิพูดจบก็ลุกขึ้นยืน "ถอยไปเถิด"พูดจบเขาก็สะบัดชายเสื้อเดินออกไปอันเหนียนทำได้เพียงถอยออกมา มองแผ่นหลังขององค์จักรพรรดิ สีหน้าเขาก็ขรึมลงมาองค์จักรพรรดิไปหาฮองเฮา แจ้งเรื่องนี้กับนางฮองเฮารินน้ำชาให้เขา เอ่ยขึ้นว่า "บังเอิญเสียจริง องค์จักรพรรดิ อี้ไห่เจ้าเด็กคนนันก่อนหน้านี้ก็เข้ามาหาหม่อมฉันแล้ว บอกว่าเขารู้สึกรักใครแม่นางอันชิงจนถอนตัวไม่ขึ้น บอกว่าไม่ว่านางจะบริสุทธิ์หรือไม่ ก็ยินยอมจะรับนางเอาไว้"องค์จักรพรรดิตะลึงงัน"จริงหรือ?""ก็นั่นล่ะ""คนที่ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของอันชิงไป เป็นอายวนหรือว่าอี้ไห่กันแน่?" องค์จักรพรรดิรู้สึกสอดรู้สอดเห็นขึ้นมาฮองเฮายิ้มๆ "เรื่องนี้ หม่อมฉันเ
อ๋องเจวี้ยนได้รับการแจ้งจากในวัง ตอนได้ยินว่าพรุ่งนี้ให้เขาพาพระชายาเข้าวังเพื่อร่วมงานเลี้ยงก็รู้ขึ้นมาทันทีว่าองค์จักรพรรดิจะต้องทำเรื่องน่าเบื่ออีกแน่เขาหัวเราะเย็นชาขึ้นมาชิงอีกังวลเล็กน้อย"ท่านอ๋อง งานเลี้ยงครั้งที่แล้วคืองานเลี้ยงหงเหมิน ครั้งนั้นท่านก็มีปานประหลาดลามขึ้นมาทั้งตัว หายามารักษาอยู๋นานกว่าจะดีขึ้น ตอนนี้ยังจะเชิญท่านไปงานเลี้ยงในวังอีก"งานเลี้ยงวังครั้งที่แล้วคือเมื่อหลายปีก่อนแต่ว่าครั้งนั้นท่านอ๋องก็เหมือนทิ้งชีวิตไปครึ่งหนึ่งครั้งน้นเองก็ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้ องค์จักรพรรดิจึงผลักขันทีกับสาวใช้ในวังหลายคนออกมารับเคราะห์ โบยจนตายไปตั้งหลายคนต่อหน้าท่านอ๋องแต่ว่าท่านอ๋องเองก็ได้รับความทรมานมานานพอควรครั้งนั้นองค์จักรพรรดิเอ่ยขึ้นอย่างเสียใจว่าหลังจากนี้ถ้ามีงานเลี้ยงในวังก็จะไม่ให้อ๋องเจวี้ยนมาเข้าร่วมอีกแล้ว อนุญาตให้ท่านอ๋องไม่ต้องเข้าวังร่วมงานเลี้ยงใดๆอีกตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?เป็นถึงจักรพรรดิ แต่พูดเหมือนผายลมแบบนี้ได้ด้วยหรือ?คนที่ไม่รักษาคำพูดแบบนี้มันก็เป็ฯขยะทั้งนั้นคำว่าขยะคำนี้ ชิงอีก็เรียนรู้มาจากฟู่จาวหนิง เขารู้สึกว่ามีเหตุผลดี"พวก
ฟู่จาวหนิงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่นางยังต้องให้เจ้าเด็กน้อยนี่มาเลี้ยงดูหรือ?เจ้าเด็กน้อยไม่ได้เรื่องที่มาหาคนไกลถึงพันลี้ แต่กลับไม่มีเบาะแสอะไรเลย แล้วยังเกือบจะถูกคนตีจนตายเหมือนเหยื่อล่า อย่างเขาเนี่ยนะ คิดจะมาเลี้ยงดูนางกับท่านปู่?"จริงนะ ท่านอย่าไม่เชื่อสิ ตั้งแต่เด็กข้าไม่เคยมีผู้อาวุโสเลย มีแค่ท่านแม่คนเดียวเท่านั้น แต่ว่าท่านแม่เองก็ดูแลมากไม่ไหว ตอนที่ข้าเห็นท่านก็รู้สึกว่าท่านคือพี่สาวของข้า พอเห็นท่านปู่ก็รู้สึกว่าเขาคือท่านปู่ของข้า ข้าพักเข้ามา ก็รู้สึกว่าที่นี่เหมือนบ้านของข้า"เฮ่อเหลียนเฟยกลัวฟู่จาวหนิงจะไม่เชื่อ จึงคิดจะยกมือลั่นคำสาบาน่"เอาล่ะเอาล่ะ เจ้าดูแลตัวเองดีดี ถ้าหากมีคนจากบ้านอื่นมาหาเรื่อง เจ้าก็ให้พวกเขามาขวางเอาไว้แล้วกัน อย่าบุ่มบ่ามรู้ไหม?""ขอรับ พี่หญิง ข้าจะไม่เพิ่มความลำบากให้ท่านแน่""คุณหนู"เสี่ยวเถารีบร้อนวิ่งเข้ามา "ท่านพี่หงจั๋วมาอีกแล้ว"นางรู้จักหงจั๋วกับเฝิ่นซิงแล้ว"นางมาทำอะไรหรือ?"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกแปลกๆ มากันอีกทำไม?"ท่านพี่หงจั๋วบอกว่า องค์จักรพรรดิมีรับสั่ง ให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ ด
คนมากมายล้วนได้รับข่าวในวังหลวงแล้วจู่ๆ ก็มีงานเลี้ยงในวัง ทุกคนล้วนรู้สึกแปลกใจ แต่นี่ก็เป็นรับสั่งจากองค์จักรพรรดิ ทุกคนแน่นอนว่าทำได้เพียงไปตระเตรียม วันถัดมาตอนบ่ายก็ทยอยกันเข้าวังงานเลี้ยงวังนี้จัดขึ้นในตำหนักเหอชิงตำหนักเหอชิงไม่ใหญ่มากนัก ดังนั้นวันนี้จึงไม่ได้มีมหรสพยิ่งใหญ่นัก คนที่เรียกเข้าส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเครือพระญาติในราชวงศ์ และยังมีพวกคนใหญ่โตที่มียศถาหน่อยอีกบางส่วน พาเหล่าภรรยาและทายาทเข้ามาแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่คนที่มาก็ยังมีไม่น้อยในตำหนักจัดโต๊ะไว้สองแถว ตรงกลางเว้นว่างเอาไว้เหล่าสาวชาวเดินเข้าออกจัดวางสำรับอาหารสุราเลิศรสไว้แล้วด้านนอกยังมองเห็นดอกไม้ที่เบ่งบานสะพรั่ง นี่อยู่ในวัง แต่ด้านนอกกลับเหมือนฤดูใบไม้ร่วง ไม่มีดอกไม้เหลืออยู่เลยนายท่านจ้าวก็พาจ้าวเฉินจ้าวหรูมาด้วยนายท่านจ้าวพอเข้ามาก็พูดคุยกับสหายก่อน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่เข้ามาประจบประแจงเยินยอเขา จนทำให้จ้าวเฉินจ้าวหรูที่ได้ยินยืดอกภูมิใจขึ้นมาดูเอาเถิด บิดาของพวกเขาจะได้รับการเอ็นดูจากองค์จักรพรรดิ คนอื่นๆ จึงยกยอพวกเขาเช่นนี้รอจนอันเหนียนอันชิงเข้ามา สีหน้าของพี่น้องก็ดูขรึมลงทันทีเ
พอคนคู่นี้เดินเข้ามา ครู่หนึ่งก็ดึงสายตาคนทั้งหมดไปทันทีในนี้มีคนไม่น้อยที่ตั้งอกตั้งใจแต่งหน้าแต่งตัวมา และยังมีหญิงสูงศักดิ์อีกลหายคนที่อยากจะเข้าวัง ดังนั้นวันนี้จึงแข่งกันสวยแข่งกันงามเดิมทีพวกนางล้วนกำลังแอบพิจารณาการแต่งกายของคนอื่น ต่างฝ่ายต่างมีความคิดขึ้นมาแต่ว่าขณะที่คู่สามีภรรยาอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา ความคิดเหล่านี้ก็ถูกสั่นสะเทือนลอยไปทั้งหมด คนอื่นๆ แต่งตัวกันอย่างไรก็ไม่มีใครสนใจแล้วอ๋องเจวี้ยนมาในชุดจักรพรรดิสีม่วง บนสีม่วงเข้มปักอินทรีเงิน คอปกสีดำ แขนเสื้อสีดำ เข็มขัดเอวสีดำรองเท้าสีดำ ทำให้คนล้วนต้องศิโรราบ ต่อให้เขาสวมหน้ากากเงินครึ่งหน้าอยู่ ก็ไม่ได้ทำลายท่วงท่าของเขาเลย ซ้ำยังทำให้เขาดูแล้วยิ่งเพิ่มความลึกลับขึ้นไปอีกฟู่จาวหนิงที่อยู่ข้างๆ เขาก็อยู่ในชุดชาววังสีม่วง ในสีม่วงมีประกายสีเงิน ขณะที่เดินก็ราวกับจันทราบนฟ้าราตรี ด้นบนปักโบตั๋นสีเงินไว้ ดูสูงส่งเรียบสงบและรูปร่างของนางก็สวยสง่า เรียวคอยาวราวหงส์ฟ้า ไหล่กลึงกลมเกลี้ยงทั้งสอง เอวที่โอบได้รอบ กระโปรงยาวลากพื้น ทรงสง่ามีระดับผมสีดำขลับของนางถูกรวบเป็นมวย เสียบเอาไว้ด้วยปิ่นไข่มุกสองเล่ม และยังมีด
ช่วงนี้นางก็ยังไปหาเซียวเหยียนจิ่งอยู่ตลอด แต่ว่าเขาก็ไม่เออไม่ออกับตนเองสักเท่าไร นางเดิมทีก็รู้สึกไม่วางใจอยู่แล้ว ตอนนี้พอเห็นเซียวเหยียนจิงเป็นแบบนี้ หลี่จื่อเหยาในใจจึงดำดิ่งอยู่ตลอด"องค์จักรพรรดิ"ฮองเฮากว่าจะหาเสียงตนเองเจอ หันหน้าไปมององค์จักรพรรดิ แต่กลับเห็นว่าในตาขององค์จักรพรรดิก็เผยความเคลิบเคลิ้มออกมาด้วย ใจก็ปะทุไฟโกรธขึ้นมาทันทีเจ้าผู้ชายต่ำช้า!นั่นมันน้องสะใภ้ของเจ้านะ!ก่อนหน้านี้เขาเห็นๆ อยู่ว่าไม่ชอบฟู่จาวหนิง ตอนนี้กลับมาเคลิบเคลิ้มเสียอย่างนั้น?ฟู่จาวหนิงนี่มันภัยพิบัติจริงๆ!นางจะต้องกำจัดฟู่จาวหนิงออกไปให้ได้!ถ้าหากหลังจากนี้อ๋องเจวี้ยนป่วยจนตาย ฟู่จาวหนิงในฐานะพระชายาอ๋องเจวี้ยน ก็คงจะมีโอกาสมากเลยทีเดียวที่จะต้องเข้าวัง พอถึงตอนนั้นใครจะรู้ว่านางจะอยากปีนตัวจักรพรรดิ ไปยั่วยวนองค์จักรพรรดิเพราะความเหงาหรือไม่?ตอนนี้ฮองเฮาเกลียดฟู่จาวหนิงแล้วจริงๆฟู่จาวหนิงไม่สนใจสายตาคนทั้งหมด เดินตามอ๋องเจวี้ยนไปหาที่นั่งด้านหน้าอ๋องเจวี้ยนเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"เจ้าดูนิ่งมากจริงๆ"เขารู้สึกว่าฟู่จาวหนิงทำนางเกินคาดจริงๆเดิมทีคิดว่าในฐานะคุณหนูตกอับคนหนึ