"ใครก็ได้!"จ้าวหรูร้องขึ้นมาอีกครั้งเพียงไม่นานก็มีทหารหลายคนพุ่งเข้ามายืนอยู่ข้างๆ นาง ดูแล้วองอาจน่าตกตะลึง"เจ้าก็แค่คนขับรถจนๆ คนหนึ่ง ถือดีอย่างไรจะมาสู้กับทหารของขุนนางผู้บัญชาการกัน?" จ้าวหรูหัวเราะเย้ยขณะพิจารณาตัวเฉินซานสีหน้าเฉินซานเปลี่ยนไปแล้วคุณหนูจ้าวคนนี้เป็นลูกสาวของขุนนางผู้บัญชาการหรือ?ทหารหลายคนนั่นดูแล้วก็น่าตกตะลึงจริง เฉินซานรู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของพวกเขา แต่พอเขาหันหน้ากลับไปมองฟู่จาวหนิงกับเสี่ยวเถาผาดหนึ่ง ก็กัดฟัน ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว"ไม่ยอมให้พวกเจ้าได้แตะต้องคุณหนูของข้าแม้แต่ผมสักเส้นหรอก!"เฉินซานก่อนหน้านี้ตอนเป็นนักเลงหัวไม้ที่ตลาดก็ทะเลาะเบาะแว้งอยู่บ่อยๆ หลายครั้งที่ใช้วิธีไม่คิดชีวิต สละตัวเอง กระดูกกระเดี้ยวจะหักไปกี่ท่อนก็เข้าขวางพวกเขาไว้ รั้งพวกเขาไว้ไม่ให้ผ่านไป"น่าขันเหลือเกิน"จ้าวหรูเห็นว่าเขาไม่ยอมปล่อยวาง ยังคิดว่าตนเองสามารถปกป้องฟู่จาวหนิงได้ จึงหัวเราะร่าขึ้นมา"เช่นนั้นก็จะทำให้เจ้าสมหวัง ให้คุณหนูของเจ้าเห็นเจ้าถูกตีจนปางตายก่อนก็แล้วกัน จากนั้นพวกเราค่อยโกนหัวของนางทิ้ง!"จ้าวหรูจู่ๆ ก็รู้สึกว่าความคิดนี้ใช้ได้
"คิดจะหนีหรือ ไม่มีทาง"พวกเขาล้วนกำลังเอาอกเอาใจจ้าวหรู ตอนนี้จึงพยายามแสดงออกอย่างเต็มที่"คุณหนูจ้าว บิดาของท่านเคยมาเรือนรับรองพินิศทิวเขาของพวกเราแล้ว ข้ากับเขาเองก็เคยดื่มชาด้วยกัน" ผู้เฒ่าซุนโผล่ออกมา คิดจะเตือนห้ามจ้าวหรูไว้เดิมทีนางก็อยากพูดเรื่องที่ฟู่จาวหนิงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่ แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ยินเรื่องอ๋องเจวี้ยนกับหลินหว่านซิน พอบวกกับที่ฟู่จาวหนิงไม่ให้เรียกนางว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยน ดังนั้นตอนนี้ผู้เฒ่าซุนล้วนไม่กล้ายืนยันความสัมพันธ์ของนางกับอ๋องเจวี้ยนยังดีอยู่หรือไม่ถ้าเผื่ออ๋องเจวี้ยนไม่ยืนอยู่ฝ่ายนางล่ะ เช่นนั้นถ้าพูดตัวตนฐานพระชายาอ๋องเจวี้ยนออกไป ไม่แน่ว่าจะยิ่งยั่วโมโหคุณหนูจ้าวเข้าไปอีกจ้าวหรูถลึงตาใส่นาง"เจ้าหุบปากไป เคยดื่มชากับพ่อข้าแล้วยอดเยี่ยมนักหรือ เจ้ามันเป็นใครกัน?"ถ้าไม่ใช่เพราะนางช่วงนี้ทะเลาะกับพวกของหลินหว่านซินล่ะก็ จึงไม่อยากจะพักอยู่กับพวกหลินหว่านซิน นางถึงต้องมาพักอยู่ในเรือนรับรองที่ไม่คู่ควรกับตัวตนฐานะนางเช่นนี้ไม่ใช่หรือไรกัน?ผู้เฒ่าซุนถูกนางจนโมโหใส่จนหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาวไปแล้วคุณหนูจ้าวคนนี้เกะกะระรานเสี
"ดี พวกเจ้าทำตัวดีมาก!"จ้าวหรูเห็นคนมากมายอยู่ทางผู้เฒ่าซุน ก็รู้ว่าเลยว่าตนเองช่วงสั้นๆ นี้ยังทำได้ไม่ดีพอ ไม่สามารถเล่นงานคนมากมายพวกนี้ได้แน่หลังจากกลับบ้านนางจะไปหาบิดานาง ถึงตอนนั้นพอบิดานางลงมือ จะต้องทำให้สกุลซุนแบกรับผลที่ตามมาแน่!"สกุลซุนเอ๋ย เจ้าหวงแหนวันเหล่านี้เอาไว้เถอะ" จ้าวหรูมองผู้เฒ่าซุน ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กดเสียงต่ำพูดว่า "ถ้าข้าเล่นงานพวกเจ้าให้บ้านแตกสาแหรกขาดไม่ได้ ข้าก็ไม่ใช่สกุลจ้าว"บิดานางมีวิธีการอยู่คิดว่าจะปิดแค่เรือนรับรองเดียวได้หรือไรกัน?ผู้เฒ่าซุนสีหน้าเปลี่ยนเขาเดิมทีคิดว่ากลับไปแล้วจะรีบเตรียมของกำนัลชิ้นใหญ่ไปตระกูลจ้าวแล้วขอขมากับนายท่านจ้าวเสีย แต่ขอแค่ปกป้องฟู่จาวหนิงได้ การปลดปลงเรื่องในวันนี้ ก็ถือว่าคุ้มแล้วแต่ว่าเขาคิดไม่ถึงว่าจ้าวหรูอายุก็แค่นี้ทำไมถึงได้โหดเหี้ยมเสียขนาดนี้!โมโหเสียใหญ่โตกับเรื่องเล็กแค่นี้ คิดจะทำให้เขาบ้านแตกสาแหรกขาดหรือ?!"คุณหนูจ้าว"ผู้เฒ่าซุนคิดจะพูดอะไร แต่จ้าวหรูก็โมโหหมุนตัวจากไปแล้ว"พวกเราไป! เรือนรับรองเน่าๆ นี้พวกเราไม่ต้องอยู่มันแล้ว!"เหล่าคุณชายคุณหนูที่ติตดามนางเหล่านั้นมองไปที่ผู้เฒ่าซุน
"ขอบคุณทั้งสองท่านมากที่เตือนข้า"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขอบคุณกับคุณหนูหน้าตาสะสวยกับคุณชายคนนั้นพวกเขาล้วนโบกไม้โบกมือ จากนั้นก็รีบขอตัวออกไปถึงแม้พวกเขาจะมาพูดกับฟู่จาวหนิงไม่กี่คำ แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่กล้าอยู่ใกล้ฟู่จาวหนิงมากนัก เดี๋ยวจ้าวหรูรู้เข้า จะถูกนางจดบัญชีแค้นขึ้นมาเอา"พวกเจ้าก็ไปทำงานเถอะ วางใจได้ ต่อให้ฟ้าทลายลงมาข้าก็ค้ำเอาไว้ให้ นายท่านจ้าวไม่ทำอะไรพวกเจ้าหรอก"ผู้เฒ่าซุนยิ้มขืนโบกไม้โบกมือ ให้พวกพนักงานไปทำงานซุนกุ้ยยังไม่ยอมไป เขาเป็นผู้ดูแลที่นี่ และเป็นคนสนิทของผู้เฒ่าซุน ถ้าเรื่องราวยังไม่คลี่คลายเขาก็ยังไม่มีกะจิตกะใจไปทำงานหรอกโดยไม่รอให้ฟู่จาวหนิงพูดอะไร ผู้เฒ่าซุนกลับเอ่ยขึ้นเชิงขอโทษกับฟู่จาวหนิง "คุณหนูฟู่ ข้าคนนี้แม้ในมือจะมีเงินอยู่บ้าง เส้นสายไม่ได้กว้างขวาง แต่ว่าเรื่องนี้ก็ปกป้องไว้ไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ข้ายังพอกัดฟันขวางจ้าวหรูไว้ได้"เขาถอนหายใจ แต่ก็ดูจำใจ"แต่ว่าท่านเมื่อครู่ก็ได้ยินแล้ว จ้าวหรูโหดเหี้ยมเสียขนาดนี้ พอกลับถึงเมืองหลวง นางจะต้องลงมือกับท่านแน่ ถึงตอนนั้นข้าก็ไมมีความสามารถทำอะไรได้แล้ว ท่านรีบคิดหาวิธีเถอะ"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าแม้
กลุ่มคนถึงแม้จะยังอารมณ์ดำดิ่ง และยังกังวลอย่างมาก แต่ท้องก็หิวแล้วนี่ พอได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าซุนจึงเอาเรื่องวางไว้ก่อน แล้วลงมือกินแพะย่างขึ้นมาฟู่จาวหนิงกินอย่างพออกพอใจ แต่คนอื่นกลับกินไม่ค่อยรู้รสนักพอกินแพะย่าง ฟู่จาวหนิงถึงได้พูดกับเรื่องที่ถูกตัดบทไปก่อนหน้านี้กับผู้เฒ่าซุนความล้ำค่าของวัตถุดิบยานั้นหลังจากผู้เฒ่าซุนได้ยินก็ตาเป็นประกาย ถามขึ้นทันที "คุณหนูฟู่ หญ้าสมุนไพรนี้ล้ำค่ามากจริงหรือ?""ถูกต้อง ถ้าหากมาใช้สกัดยา สมุนไพรนั่นก็มีมูลค่ามากเลยทีเดียว""เอ่อ ข้าพูดว่าถ้าหากนะ" ผู้เฒ่าฟู่รู้สึกว่าตนเองหาวิธีแก้ปัญหาได้แล้ว "ถ้าข้าเอาสมุนไพรพวกนี้มอบให้กับนายท่านจ้าว ท่านว่านายท่านจ้าวจะเห็นแก่ยาแล้วไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเราไหม?"เขาเดิมทีคิดว่าถ้าส่งไปแค่เงินเท่านั้น นายท่านจ้าวคงจะไม่พอใจแน่ จากที่เขารู้ นายท่านจ้าวปกติเงินที่รับมาก็ไม่น้อยเลยและถ้ารับเงินของเขาไปแล้ว แต่ยังคิดจะระบายโกรธแทนจ้าวหรูมาอีกล่ะจะทำอย่างไร?เงินน่าจะไม่ได้สำคัญกว่าลูกสาวกระมัง?แต่ถ้าหากส่งยาสมุนไพรล้ำค่าให้เขา เวลาจำเป็ฯยังสามารถนำมาช่วยชีวิตตัวนายท่านเจ้าเองได้ เขาคงจะหวั่นไหวเป็น
เพียงแต่ลืมโศกพิษนี้ยังขาดวัตถุดิบยาอีกสองชนิดฟู่จาวหนิงคิดถึงเรื่องที่หมอซุนไปพบวัตถุดิบยาล้ำค่าที่หลังเขาก่อนหน้าา หลังเขาทางนั้นเป็นไปได้ว่าจะมีสมุนไพรยาชนิดอื่นอยู่ด้วยกระมัง?สมุนไพรพิษสองชนิดที่นางขาดอยู่ไม่ได้หายากมาก ไม่แน่ว่าอาจจะหาเจอจากในเขาด้วยฟู่จาวหนิงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ตอนฟ้ายังไม่สางจะขึ้นเขาไปหาสมุนไพรพิษเฉินซานไม่นานก็กลับมาแล้ว แล้วยังหาจุดที่จ้าวหรูไปได้ด้วย"คุณหนู จ้าวหรูพวกเขาตอนนี้พักอยู่ที่เรือนรับรองตะวันออก ข้ายังได้ยินมาว่า ท่านอ๋องเจวี้ยนตอนบ่ายจะเข้าป่าไปล่าสัตว์ด้วย ไปด้วยกันกับรัฐทายาทน้อยเจียงอวี้"เฉินซานสีหน้าไม่ดีเอามากๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังดูกังวลต่อฟู่จาวหนิงมาก"คุณหนูหลินกับจ้าวหรูเหมือนจะเป็นเพื่อนกัน พวกนางก่อนหน้านี้เหมือนทะเลาะกัน แต่ตอนนี้ดีกันแล้ว คุณหนูหลินกับแม่นางอีกหลายคนล้วนพูดถึงแต่อ๋องเจวี้ยน บอกว่าอ๋องเจวี้ยนจะแย่งราชันกวางตัวนั้นมาได้ เพราะพอได้ราชันกวางก็จะเท่ากับได้ที่หนึ่งของการแข่งล่าสัตว์""ที่หนึ่ง?"ฟู่จาวหนิงรู้เรื่องการแข่งล่าสัตว์ แต่นางคิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะสนใจเข้าร่วมด้วยร่างกายพังๆ ของเขานั่น ยังกล้าเข้
"ซวยจริงๆ! ของดีก็ล่ามาไม่ได้ แล้วยังมาเจอกับเจ้าพวกหน้าไม่อายอีก!""นั่นสิ แย่งของที่เราล่ามาไปย่างกินหมดเลย พวกเราถ้ากลับไปมือเปล่าอย่างนี้ เจ้าพวกนั้นได้หัวเราะกันฟันหักเลยกระมัง?""ข้าตอนนี้กลับหวังให้รัฐทายาทเซียวชนะเสียแล้ว ถึงแม้พวกเราปกติจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับรัฐทายาทน้อยเจียงนัก แต่อย่างน้อยก็ยังใจคอกว้างขวางตรงไปตรงมา ดีกว่าพวกจ้าวเฉินเยอะเลย""ผู้ชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ข้างๆ รัฐทายาทน้อยเจียงคนนั้นคือใครกัน? คนนั้นรู้สึกว่าฝีมือยิงธนูจะดีมากเลย จะล่าราชันกวางตัวนั้นได้จริงไหม?"ฟู่จาวหนิงได้ยินถึงตรงนี้ก็ตกตะลึงไปแล้วพอเข้ามาก็ได้ยินข่าวของเซียวหลันยวนเลยหรือ?วิชายิงธนูของเขาดีมาก?เมื่อคืนเซียวหลันยวนอยู่ในป่านี้หรือ ผู้ชายคนนั้นไม่กลัวตายเลยจริงๆ ร่างผุพังของเขา ในภูเขานี้แค่ลมเย็นวูบหนึ่งก็เอาเขาไปได้ครึ่งชีวิตแล้ว"จะมีราชันกวางอยู่จริงหรือไม่ก็ยังไม่แน่เลย"ในภูเขานี้ถ้ามีราชันกวางอยู่จริง นั่นก็เป็นสมบัติชิ้นหนึ่งเลยทีเดียวฟุ่จาวหนิงหวั่นไหวขึ้นมาแล้ว ผู้เฒ่าซุนไม่ใช่เคยพูดไว้แล้วหรือ เขาได้หญ้าสมุนไพรนั้นมาก็เพราะเห็นราชันกวางกำลังกินอยู่ บางทีพวกเขาคงจะได
ฟู่จาวหนิงรู้สึกไม่ถูกต้อง ย้ายไปที่อีกกิ่งไม้หนึ่งนางเพิ่งย้ายที่ เสียงฉึกก็ดังขึ้น ลูกธนูดอกหนึ่งแทงเข้าไปยังจุดที่นางนั่งอยู่เมื่อครู่ แทงเข้าไปบนกิ่งไม้นี่คือจะเอาชีวิตนางเลย!ฟู่จาวหนิงใจเย็นวาบ ไฟโกรธก็พุ่งขึ้นมาอีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่ามีความแค้น เพราะนางส่งเสียงเตือนพวกเขา ดังนั้นอีกฝ่ายจึงรู้สึกว่านางทำลายแผนร้ายของพวกเขา จึงคิดจะเก็บนางก่อนหรือ?ลู่ทงเห็นฉากนี้จากใต้ต้นไม้ โมโหจนกระโจนตัวขึ้นมา"แม่หญิงระวังด้วย!"ฟู่จาวหนิงกระโจนลงมาจากต้นไม้ รีบเดินเข้าไปด้านหลังต้นไม้ข้างๆ ต้นหนึ่งลู่ทง เองก็เพิ่งเห็นหน้าตาของนางชัด คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวที่ร้องช่วยชีวิตพวกเขาไว้จะอายุยังน้อยหน้าตาสะสวยเพียงนี้เขาชักกระบี่ออกมา ร้องอย่างโกรธเคืองไปทางที่ธนูยิงมา "หนูอย่างพวกเจ้า! เป็นแต่ลอบกัดหรอกหรือ? พวกข้าไปขุดศาลบรรพบุรษพวกเจ้าหรือไปเผาหลุมศพบ้านเจ้ามาหรือไรกัน?"อาวุธลับชิ้นหนึ่งพุ่งฟิ้วเข้ามาทางเขาอีกครั้ง เขาเบนหลบไปข้างๆ อาวุธลับชิ้นนั้นแฉลบผ่านหน้าเขาไปนี่ทำเขาโกรธจริงๆ แล้วคนอื่นเองก็โกรธมาก"เจ้าพวกลูกหลานเต่า! พวกเราจะลุยกับพวกเจ้าแล้ว!""ลุยเลย!"ลู่ทงถือกระบี
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ