คลังวัตถุดิบยาแบ่งออกเป็นหลายคลังใหญ่ ในนี้มีพืชวัตถุดิบยาประเภทหนึ่งที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ยาชนิดที่ว่าก็อยู่ในกลุ่มใหญ่นี้!ในยุคสมัยของนางไม่มีพืชสมุนไพรนี้แล้ว"เยื่อคลุมคะนิ้ง?""เยื่อคลุมคะนิ้ง กลางคืนและช่วงเช้าตรูสามารถกระจายกลิ่นหอมสดชื่น กลิ่นหอมนี้มีส่วนช่วยให้หลับสบาย ในใบมีส่วนประกอบที่สามารถฟื้นฟูกล้ามเนื้อและหลอดเลือดที่ตายไปแล้วได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังรักษาภาวะสมองตายและลิ่มเลือดอุดตันได้ด้วย"ฟู่จาวหนิงหลังจากอ่านสรรพคุณจบ ก็สูดปากยาชนิดนี้ถ้าเพิ่มเข้าไปในตำรับยาโบราณที่นางเข้าใจ สรรพคุณจะน่าตกตะลึงมากเลยทีเดียว สามารถดึงผู้ป่วยที่ตายลงฉับพลันกลับมาจากเงื้อมมือมัจจุราชได้ นี่มันยาศักดิ์สิทธิ์ช่วยชีวิตอย่างแท้จริงเลย!ถ้ายายาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจก่อนหน้านี้ของนางเพิ่มสิ่งนี้เข้าไป ตอนนี้เอาไปขายหลักหมื่นก็คงจะถูกกว้านซื้อหมดแน่ยังไม่พูดเรื่องอื่น นางสกัดออกมาก่อน แล้วให้ท่านปู่กินไปเม็ดหนึ่ง กำลังวังชาของท่านปู่ก็ยังดีขึ้นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นสมองที่มึนงงมาตลอดก็ยังตื่นขึ้นได้ฟู่จาวหนิงพอเห็นยาก็ลิงโลด ร้อนรนจนอดไม่อยู่ นางจึงแช่ตัวอยู่แต่ในห้องเภสัชไม่ยอมออกมาแล้ว
เสี่ยวเถาหลังจากฟังคำพูดพวกเขาก็ตึงเครียดจนไม่ไหวแล้ว"ท่านอ๋องทำไมจึงทำเช่นนี้?"นางกังวลมาก ท่านอ๋องถ้าไปอยู่กับคุณหนูคนอื่น แล้วคุณหนูของบ้านนางจะทำอย่างไรกัน?พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นานเองแม้ว่าท่านผู้เฒ่าจะอยากให้พวกเขาหย่ากัน แต่นางรู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนกับคุณหนูก็ดูเหมาะสมกันดี หลังจากนี้บางทีพวกเขาอาจจะพบว่าเรื่องในอดีตเป็นเรื่องเข้าใจผิด จากนั้นทั้งสองคนก็ไม่ใช่ว่าอยู่ด้วยกันอย่างสงบได้แล้วหรือ?จะว่าไป อ๋องเจวี้ยนก็น่าจะไม่เห็นด้วยกับการหย่าอีก ด้วยตัวตนฐานะของเขา ถ้าคุณหนูกับเขาไปกันไม่ได้จริงๆ จะต้องถูกอ๋องเจวี้ยนไล่ออกไปแน่นอน!หญิงสาวที่ถูกสามีไล่ออกมา หลังจากนี้จะน่าเวทนามาก คุณหนูจะอยู่ต่อไปอย่างไรกันล่ะ!เสี่ยวเถาแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วประตูมีเสียงเอี๊ยดเปิดขึ้น ฟู่จาวหนิงเดินออกมา มองที่นาง และมองที่ซุนกุ้ยซุนกุ้ยรีบเข้ามาขอโทษขอโพย"พระชายาอ๋องเจวี้ยนโปรดระงับความโกรธด้วย ข้าน้อยพลั้งปากไปแล้ว!"เขาทำไมถึงได้หน้ามึนมาพูดเรื่องอ๋องเจวี้ยนกับคุณหนูที่นี่กันนะ จะต้องเป็นเพราะพระชายาดูแล้วแสนดีเกินไปแน่นๆ ทำให้เขารู้สึกว่าสามารถพูดเรื่อยเปื่อยได้"คุณหนู
ฟู่จาวหนิงกลับไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อยว่าเซียวหลันยวนมาหานาง ด้วยความสามารถของเขา การจะหาว่านางพักอยู่ที่ไหนมันง่ายเหมือนปอกกล้วยเลยไม่ใช่หรือไรกัน?ยิ่งไปกว่าเขาไม่ควรรู้ว่านางมาแล้ว ด้วยนิสัยของจงเจี้ยน เรื่องที่นางไม่อนุญาต เขาก็จะไม่เปิดเผยกับจวนอ๋อง"เช่นนั้นพวกเราตอนนี้ไป ท่านอ๋องก็รู้แล้วนี่"ฟู่จาวหนิงมองเสี่ยวเถายิ้มๆ "บางทีเขาอาจจะมาที่นี่เพื่อหาแม่นางที่ชอบกระมัง? เช่นนั้นข้าไปจะไม่เป็นการรบกวนเขาหรือ?""ท่านเป็นพระชายาของเขานะ!"เสี่ยวเถาร้องเสียงเล็ก ร้อนรนขึ้นมาแล้ว"ถึงจะเป็นพระชายาของเขาแต่ก็ไปวุ่นกับหัวใจที่อยากจะมีภรรยาหลายคนของชายหนุ่มไม่ได้หรอกนะ"ฟู่จาวหนิงพูดออกมา และรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้น่าสนใจเอาเสียเลยตอนนั้นที่นางเข้าไปขวางรถม้าถามเซียวหลันยวนว่ามีภรรยาหรือยังมีหญิงในดวงใจหรือจะแต่งงานหรือยัง ก็เพราะจะหาผู้ชายที่ไม่มีความรู้สึกใดๆ เลยสักคนเท่านั้นแต่ว่าตอนนี้นางคิดแล้วกลับรู้สึกว่า ตนเองมองข้ามเรื่องหลังจากแต่งงานไปตอนนี้ถ้าเซียวหลันยวนคิดจะรับพระชายารอง คิดจะรับภรรยาเพิ่ม นางก็คงจะไปยุ่งไม่ได้เพียงแต่ว่า ถ้าหากข้างกายเขามีหญิงสาวคนอื่นขึ้นมา น
"คุณหนู นั่นแม่นางฟางนี่!"เสี่ยวเถาเห็นหญิงสาวที่รีบวิ่งเข้ามาคนนั้น ก็ร้องบอกฟู่จาวหนิงอย่างตกใจแม่นางฟาง?ฟู่จาวหนิงตอนแรกยังมึนๆ อยู่ พอเห็นหญิงสาวคนนั้นจึงมีความทรงจำคืบคลานออกมานี่ไม่ใช่คนที่นางยืมตัวตนฐานะปลอมขึ้นมาเป็นที่รองเป้าให้กับจงเจี้ยนหรอกหรือ?ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้มีเพื่อนแค่คนเดียว ลูกสาวของเศรษฐีใหญ่เจ้าของที่ดินนอกเมือง ฟางซือฉิงนางตอนนั้นพูดโกหกกับผู้เฒ่าฟู่ไป ว่าจงเจี้ยนเป็นคนใช้ของฟางซือฉิงที่ยืมนางมา คือฟางซือฉิงคนนี้นั่นเองฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าจะมาเจอนางที่นี่ฟางซือฉิงหน้าตาค่อนไประดับบน ถือว่าเป็นหญิงงามเลยทีเดียว ตระกูลฟางมีเงิน ดังนั้นเสื้อผ้าของนางจึงดูตระการตา ทั่วทั้งหัวเต็มไปด้วยเครื่องประดับ ดูแล้วสูงส่งเหลือเกินอันที่จริงความตระการตาเช่นนี้กับความงามของนางแต่เดิมไม่ค่อยจะเข้ากันนัก ดังนั้น เพื่อนเหล่านั้นของฟางซือชิงจึงรังเกียจรสนิยมของนางในจุดนี้ บางครั้งก็เย็นชาประชดประชันใส่นางครั้งนั้นมีแค่ฟู่จาวหนิงที่มีเข้ามาคุยกับนางด้วยสีหน้าอิจฉาจริงๆ มีเงินแล้วเป็นเรื่องแย่ตรงไหน? ถ้าตระกูลฟู่มีเงิน ข้าเองก็จะสวมทองสวมเงินด้วยเหมือนกัน ถึงอย
แม่นางที่พูดกับฟางซือฉิงเมื่อครู่มองพิจารณาตัวฟู่จาวหนิง เผยสายตารังเกียจออกมา"นี่คือฟู่จาวหนิงเพื่อนของข้าเอง"รอยยิ้มบนใบหน้าฟางซือฉิงก็หม่นจางลงมาอย่างเห็นได้ชัด"อ๋า?" แม่นางคนนั้นทำสีหน้าเกินจริงออกมา เสียงเองก็ยกสูง "ไม่ใช่กระมัง? คงไม่ใช่คุณหนูฟู่ที่วันวันเอาแต่ไล่ตามรัฐทายาทเซียวคนนั้นหรอกกระมัง?"เพื่อนของนางหัวเราะร่าขึ้นมา"น่าจะใช่อยู่ นอกจากคุณหนูฟู่คนนั้นแล้ว ยังจะมีใครหน้าด้านขนาดนี้อีกล่ะ วันวันไม่มองฐานะของตัวเอง แต่จะบีบให้รัฐทายาทาเซียวยอมรับการการตกลงหมั้นหมายที่ล้อเล่นเอาไว้ในอดีต""ก็จริง ตระกูลฟู่ข้าเองก็เคยได้ยิน เห็นว่าเป็นเหมือนไก่ที่ขนร่วงลงพื้นหมดแล้ว นี่คิดจะเชิดหน้าบินขึ้นเป็นพญาหงส์หรือ?"คนพวกนี้พอเข้ามาก็หัวเราะเย้ยหยันฟู่จาวหนิงอย่างไม่เกรงใจเฉินซานกับเสี่ยวเถาเองก็หน้าเปลี่ยนสีไปแล้วผู้เฒ่าซุนที่อยู่ข้างๆ ก็อยากจะเปิดปากพูด แต่ก็ตะลึงจนสอดปากเข้าไปไม่ได้"คุณหนูคุณชายทุกท่าน นั่นน่ะ""เมื่อครู่ข้าได้ยินมาว่า รัฐทายาทเซียวไม่ได้รับปากว่าจะแต่งด้วยนี่นา?" หญิงสาวคนนั้นหัวเราะร่าขึ้นมาอีก พิจารณาตัวฟู่จาวหนิงบนล่าง "หรือว่าเจ้าถูกรัฐทายาทเซ
"ใครก็ได้!"จ้าวหรูร้องขึ้นมาอีกครั้งเพียงไม่นานก็มีทหารหลายคนพุ่งเข้ามายืนอยู่ข้างๆ นาง ดูแล้วองอาจน่าตกตะลึง"เจ้าก็แค่คนขับรถจนๆ คนหนึ่ง ถือดีอย่างไรจะมาสู้กับทหารของขุนนางผู้บัญชาการกัน?" จ้าวหรูหัวเราะเย้ยขณะพิจารณาตัวเฉินซานสีหน้าเฉินซานเปลี่ยนไปแล้วคุณหนูจ้าวคนนี้เป็นลูกสาวของขุนนางผู้บัญชาการหรือ?ทหารหลายคนนั่นดูแล้วก็น่าตกตะลึงจริง เฉินซานรู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของพวกเขา แต่พอเขาหันหน้ากลับไปมองฟู่จาวหนิงกับเสี่ยวเถาผาดหนึ่ง ก็กัดฟัน ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว"ไม่ยอมให้พวกเจ้าได้แตะต้องคุณหนูของข้าแม้แต่ผมสักเส้นหรอก!"เฉินซานก่อนหน้านี้ตอนเป็นนักเลงหัวไม้ที่ตลาดก็ทะเลาะเบาะแว้งอยู่บ่อยๆ หลายครั้งที่ใช้วิธีไม่คิดชีวิต สละตัวเอง กระดูกกระเดี้ยวจะหักไปกี่ท่อนก็เข้าขวางพวกเขาไว้ รั้งพวกเขาไว้ไม่ให้ผ่านไป"น่าขันเหลือเกิน"จ้าวหรูเห็นว่าเขาไม่ยอมปล่อยวาง ยังคิดว่าตนเองสามารถปกป้องฟู่จาวหนิงได้ จึงหัวเราะร่าขึ้นมา"เช่นนั้นก็จะทำให้เจ้าสมหวัง ให้คุณหนูของเจ้าเห็นเจ้าถูกตีจนปางตายก่อนก็แล้วกัน จากนั้นพวกเราค่อยโกนหัวของนางทิ้ง!"จ้าวหรูจู่ๆ ก็รู้สึกว่าความคิดนี้ใช้ได้
"คิดจะหนีหรือ ไม่มีทาง"พวกเขาล้วนกำลังเอาอกเอาใจจ้าวหรู ตอนนี้จึงพยายามแสดงออกอย่างเต็มที่"คุณหนูจ้าว บิดาของท่านเคยมาเรือนรับรองพินิศทิวเขาของพวกเราแล้ว ข้ากับเขาเองก็เคยดื่มชาด้วยกัน" ผู้เฒ่าซุนโผล่ออกมา คิดจะเตือนห้ามจ้าวหรูไว้เดิมทีนางก็อยากพูดเรื่องที่ฟู่จาวหนิงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่ แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ยินเรื่องอ๋องเจวี้ยนกับหลินหว่านซิน พอบวกกับที่ฟู่จาวหนิงไม่ให้เรียกนางว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยน ดังนั้นตอนนี้ผู้เฒ่าซุนล้วนไม่กล้ายืนยันความสัมพันธ์ของนางกับอ๋องเจวี้ยนยังดีอยู่หรือไม่ถ้าเผื่ออ๋องเจวี้ยนไม่ยืนอยู่ฝ่ายนางล่ะ เช่นนั้นถ้าพูดตัวตนฐานพระชายาอ๋องเจวี้ยนออกไป ไม่แน่ว่าจะยิ่งยั่วโมโหคุณหนูจ้าวเข้าไปอีกจ้าวหรูถลึงตาใส่นาง"เจ้าหุบปากไป เคยดื่มชากับพ่อข้าแล้วยอดเยี่ยมนักหรือ เจ้ามันเป็นใครกัน?"ถ้าไม่ใช่เพราะนางช่วงนี้ทะเลาะกับพวกของหลินหว่านซินล่ะก็ จึงไม่อยากจะพักอยู่กับพวกหลินหว่านซิน นางถึงต้องมาพักอยู่ในเรือนรับรองที่ไม่คู่ควรกับตัวตนฐานะนางเช่นนี้ไม่ใช่หรือไรกัน?ผู้เฒ่าซุนถูกนางจนโมโหใส่จนหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาวไปแล้วคุณหนูจ้าวคนนี้เกะกะระรานเสี
"ดี พวกเจ้าทำตัวดีมาก!"จ้าวหรูเห็นคนมากมายอยู่ทางผู้เฒ่าซุน ก็รู้ว่าเลยว่าตนเองช่วงสั้นๆ นี้ยังทำได้ไม่ดีพอ ไม่สามารถเล่นงานคนมากมายพวกนี้ได้แน่หลังจากกลับบ้านนางจะไปหาบิดานาง ถึงตอนนั้นพอบิดานางลงมือ จะต้องทำให้สกุลซุนแบกรับผลที่ตามมาแน่!"สกุลซุนเอ๋ย เจ้าหวงแหนวันเหล่านี้เอาไว้เถอะ" จ้าวหรูมองผู้เฒ่าซุน ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กดเสียงต่ำพูดว่า "ถ้าข้าเล่นงานพวกเจ้าให้บ้านแตกสาแหรกขาดไม่ได้ ข้าก็ไม่ใช่สกุลจ้าว"บิดานางมีวิธีการอยู่คิดว่าจะปิดแค่เรือนรับรองเดียวได้หรือไรกัน?ผู้เฒ่าซุนสีหน้าเปลี่ยนเขาเดิมทีคิดว่ากลับไปแล้วจะรีบเตรียมของกำนัลชิ้นใหญ่ไปตระกูลจ้าวแล้วขอขมากับนายท่านจ้าวเสีย แต่ขอแค่ปกป้องฟู่จาวหนิงได้ การปลดปลงเรื่องในวันนี้ ก็ถือว่าคุ้มแล้วแต่ว่าเขาคิดไม่ถึงว่าจ้าวหรูอายุก็แค่นี้ทำไมถึงได้โหดเหี้ยมเสียขนาดนี้!โมโหเสียใหญ่โตกับเรื่องเล็กแค่นี้ คิดจะทำให้เขาบ้านแตกสาแหรกขาดหรือ?!"คุณหนูจ้าว"ผู้เฒ่าซุนคิดจะพูดอะไร แต่จ้าวหรูก็โมโหหมุนตัวจากไปแล้ว"พวกเราไป! เรือนรับรองเน่าๆ นี้พวกเราไม่ต้องอยู่มันแล้ว!"เหล่าคุณชายคุณหนูที่ติตดามนางเหล่านั้นมองไปที่ผู้เฒ่าซุน
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ