ถึงอย่างไร เซียวหลันยวนก็อยู่ในคุกแค่คนเดียวคนขององค์จักรพรรดิกับใครบางคนที่คอยจับตาอยู่ตลอด เพียงไม่นานก็ได้ยินถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นสิ่งที่บรรยายจากปากของผู้คุม เล่าบทสนทนาของสามีภรรยาคู่นี้ออกมาอย่างชัดเจนรอบหนึ่งบอกมาว่า อ๋องเจวี้ยนดึงมือของฟู่จาวหนิงไว้ ในน้ำเสียงฟังออกว่ามีอารมณ์ซับซ้อนอ๋องเจวี้ยนพูดว่า: ข้าลำบากหาพวกเขามาสิบกว่าปี ตอนนี้พวกเขากลับมาแล้ว ข้ากลับไม่สามารถไปสอบถามด้วยตนเองได้อย่างชัดเจน ว่าตอนนั้นทำไมจึงต้องวางยา! เจ้ายังไม่ไปพบพวกเขาไม่ได้หรือ? ไม่เช่นนั้น พอข้าไม่อยู่ด้วย พวกเขาจะต้องใช้ความเป็นครอบครัวล่อลวงเจ้าแน่ ให้เจ้าไปยืนอยู่ฝั่งพวกเขาหลังจากนั้นพระชายาอ๋องเจวี้ยนจึงเริ่มแสดงเจตนารมณ์พระชายาอ๋องเจวี้ยนตอบว่า: ท่านไม่เข้าใจข้าหรือ? ท่านตอนนี้ออกไปไม่ได้ ข้าจะออกไปดูพวกเขาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เข้าไปถามให้ชัดเจน แล้วข้ายังพาพวกเขามาในคุกได้ ถึงตอนนั้นท่านค่อยถามจากพวกเขาอ๋องเจวี้ยนเอ่ยมาอีกว่า: เจ้าทำได้หรือ? ตั้งหลายปีมาแล้ว เจ้าไม่ใช่รอให้พวกเขากลับมาหรอกหรือ? ตอนนี้พวกเขากลับมาแล้วจริงๆ ต่อให้ปู่ของเจ้า ก็ไม่สามารถรับปากได้ว่าจะให้พ
ตอนที่ฟู่จาวหนิงกลับมา ทั้งครอบครัวยังร้องไห้กันไม่จบ น้ำตายังเช็ดกันอยู่ แต่เหมือนเช็ดเท่าไรก็ไม่หมดเสียทีนางเข้ามาในโถงใหญ่ อันห่าวเห็นนางก่อนเป็นคนแรกอันห่าวตาเป็นประกาย ร้องเรียกนางขึ้นทันที "พี่หญิงจาวหนิง!"เสียงนี้ ทำให้คนที่กำลังร้องไห้ตัวโยนได้สติกลับมาพวกเขามองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหันหลังให้แสง เดินเข้ามาช้าๆ ท้องฟ้าแสงหิมะอยู่ด้านหลังนาง ส่องโครงร่างนางออกมาราวกับเคลือบชั้นแสงอ่อนโยนชั้นหนึ่งให้กับนางพอนางเข้ามา ความโศกเศร้าเหล่านั้นก็จางลงไปพอควรเดิมทีพวกเขาก่อนหน้ายังควบคุมตัวกันไม่ได้ คิดถึงภาพความยากลำบากของแต่ละคนในช่วงสิบกว่าปีก่อน ทุกคนล้วนเศร้าเสียใจ แต่พอฟู่จาวหนิงเข้ามา พวกเขาก็เหมือนกับมองเห็นความหวังในอนาคตอดีตสุดท้ายก็จะผ่านไปอนาคตนั้นยังไม่เข้ามาฟู่จาวเฟยเองก็ไม่ละอายอีกต่อไปแล้ว "ท่านพี่!"พอเขาเห็นฟู่จาวหนิง ก็รู้สึกเหมือนมีสิ่งยึดเหนี่ยว ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้พ่อแม่จะคิดเล็กคิดน้อยต่ออดีตเขาที่มองศัตรูเป็นแม่แท้ๆ ถึงอย่างไรท่านพี่ก็ยอมรับเขาแล้ว มีท่านพี่คอยหนุนอยู่ เขาก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นผู้เฒ่าฟู่เองก็ตื่นเต้นเหลือจะกล่าว รีบกวักมื
เสี่ยวเถายกชาร้อนเข้ามา ถอยออกไปข้างๆฟู่จาวหนิงจิบชาร้อนไปจิบหนึ่ง ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นมาหน่อย จึงเอ่ยขึ้นว่า"จากนี้พวกท่านวางแผนทำอะไร?"ผู้เฒ่าฟู่ชะงักไปจาวหนิงเด็กคนนี้ ทำไมถึงไม่มีความอ่อนแออ่อนโยนกับความเป็นหญิงเลยกันนะ?ในที่สุดได้กลับมาอยุ่กับพ่อแม่แล้ว แต่ก็ไม่มีร้องไห้ไม่อะไรเลยเลย? ยิ่งไปกว่านั้น ก็น่าจะพูดเรื่องความลำบากความน้อยเนื้อต่ำใจในช่วงนั้นหน่อยสิ ถ้าไม่พูดแล้วจะให้พ่อกับแม่เสียใจรู้สึกผิดได้อย่างไรกัน?"จาวหนิง หลังจากนี้ก็ต้องอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวน่ะสิ" ผู้เฒ่าฟู่คิดจะเอาคืนแทนนางเสียหน่อย ตบลงไปที่หลังของฟู่จิ้นเชิน เอ่ยขึ้นเสียงเข้มงวด "จาวหนิงเด็กคนนี้ลำบากมาไม่น้อย นางเป็นเด็กคนหนึ่ง แต่ยังต้องดูแลตาแก่คนนี้ แล้วยังคอยรักษาโรคให้ข้าอีก""ขนาดข้ายังไม่รู้เลยว่าเด็กคนนี้ไปร่ำเรียนวิชาแพทย์มาตอนไหน ก่อนหน้านี้ข้าวก็ยังไม่ค่อยกิน ตอนที่ข้าไม่รู้ ต้องไปเจอกับความยากลำบากมาขนาดไหนกันนะ"ผู้เฒ่าฟู่ปาดน้ำตา "นางตอนนี้เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน นั่นไม่ใช่การแต่งงานที่พ่อแม่จัดให้ตามประเพณี ไม่ใช่การแต่งงานเพราะรักกับอ๋องเจวี้ยนที่จะผูกพันไปทั้งชีวิต แต่เป็นการแ
"ไม่กลัว"ฟู่จิ้นเชินเองก็ไม่ได้รู้สึกเสียหน้าอะไรที่นางซึ่งเป็นลูกสาวถามเช่นนี้กับตนเองเขาแค่มองคำถามที่ว่ากลัวหรือไม่ของฟู่จาวหนิงเป็นความกังวลและการทดสอบที่มีต่อเขาเท่านั้น"ข้าคิดว่า เจ้าคงอยากจะดูว่าพวกเราจะกลัวไหม แล้วค่อยมาปรับการเคลื่อนไหวของเจ้าสินะ?" ฟู่จิ้นเชินย้อนถามนางไปคำหนึ่งตอนที่ฟู่จาวหนิงยังไม่ทันตอบกลับ ฟู่จิ้นเชินก็มองนางอย่างจริงใจ เอ่ยขึ้นว่า "จาวหนิง อันที่จริงทำแบบนี้ก็ได้ เจ้าต้องการให้พ่อร่วมมืออะไรก็บอกพ่อได้เลย พ่อจะทำตามวิธีของเจ้า อย่างนี้ดีไหม?"เขาที่เป็นพ่อคนหนึ่ง สามารถทำตามการชี้แนะของนางได้ทุกอย่างนางต้องการให้เขาทำอะไร พูดอะไร เขาก็จะทำตามอย่างไม่มีข้อความเห็นอื่นเสิ่นเชี่ยวเองก็พยักหน้าด้วย "ข้าเองก็ทำได้ พวกเราฟังเจ้า"ฟู่จาวเฟยมองพ่อกับแม่ เอ่ยขึ้นมาทันทีเช่นกัน "ท่านพี่ ข้าเองก็ฟังท่าน!"ผู้เฒ่าฟู่เองก็เขยิบเข้าไปอยู่ข้างๆ พวกเขาด้วยสัญชาตญาณ มองฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีทำอย่างกับนางกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น"ข้าไม่อยากเป็นหัวหน้าครอบครัวหรอกนะ ลำบากจะตายไป" นางบ่นขึ้นมาคำหนึ่งฟู่จิ้
เพราะพวกเขามีคุณความดีต่อองค์จักรพรรดิ ตอนนั้นองค์จักรพรรดิจึงเริ่มให้ความสำคัญกับฟู่จิ้นเชิน บวกกับฟู่จิ้นเชินเองก็มีชื่อเสียงไปทั้งเมืองหลวง มากล้นความสามารถ ทุกวันในโถงศึกษา ร้านน้ำชา เหล่านักปราชญ์ผู้ศึกษาเหล่านั้น ต่างก็ท่องบทกลอนงานประพันธ์ของฟู่จิ้นเชินเป็นส่วนใหญ่ต่างพูดกันว่าฟู่จิ้นเชินเป็นดวงดาวประทานปัญญาความสามารถวรรณกรรมที่จุติลงมาบนโลกในอนาคตต้องได้เป็นจอหงวนอย่างแน่นอนความสามารถของจอหงวน บวกกับคุณความดีต่อองค์จักรพรรดิ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังรู้สึกว่าฟู่จิ้นเชินหน้าตาที่หาได้ยากยิ่งอีกด้วยสรุปก็คือ จวนชินอ๋องเซียวรู้สึกว่าฟู่จิ้นเชินมีเส้นทางในอนาคตที่รุ่งโรจน์ด้วยความสามารถของเขาถ้าพยายามให้ดี พอลูกๆ ถึงอายุที่สามารถแต่งงานได้ ตระกูลฟู่ก็น่าจะกลายเป็นตระกูลใหญ่ทรงอิทธิพลในเมืองหลวงไปแล้วเขามีสายตาที่ดี จึงตีตราจองไว้ก่อนดังนั้น ชินอ๋องเซียวจึงเอ่ยปากออกมาเองหลายครั้ง ถ้าหากเด็กในท้องนางเป็นหญิง ก็ให้มาหมั้นหมายกับรัฐทายาทน้อยของบ้านเขาไว้เลยองค์จักรพรรดิเองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ฟู่จิ้นเชินที่เพ่ิงมา พอเห็นรัฐทายาทน้อยที่ตอนนั้นยังเด็กมากดูน่ารักน่าชัง ถ้า
องค์จักรพรรดิคิดจะยืมปากของเหล่าผู้คุมมาบอกเซียวหลันยวน ว่าเขาจะยืนอยู่ฝั่งฟู่จิ้นเชิน ดังนั้นเซียวหลันยวนถ้าหากคิดจะแก้แค้นเรื่องวางยาพิษในครั้งนั้น ก็เกรงว่าคงไม่ง่ายนักถ้าหากเซียวหลันยวนจะชำระคแ้นกับสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินให้ได้ เช่นนั้นฟู่จาวหนิงตอนนั้นก็อาจจะถูกผลักออกไปถึงอย่างไร เซียวหลันยวนเจ้าก็ต้องคิดให้ดีดีองค์จักรพรรดิรู้สึกว่า เซียวหลันยวนตอนนี้คงจะกำลังลำบากใจ ในใจคงกระวนกระวายหงุดหงิดมากเช่นนี้คือถูกแล้ว!เขาไม่อยากให้เซียวหลันยวนอยู่อย่างสุขสบายนักเหล่าผู้คุมเองก็ยังสนทนาต่ออย่างเบิกบาน "ได้ยินว่าบ้านตระกูลฟู่ตอนนี้กำลังกินมื้อครอบครัวกันอยู่ด้วย มีความสุขกันทั้งบ้าน พูดคุยสนุกสนานถูกคอกันน่าดู"พอมามองคุกใหญ่นี้ มืดทึมอับชื้น โดนเดี่ยวเดียวดาย อ๋องเจวี้ยนยังหิวจนท้องกิ่วเลย พอเทียบกันแล้ว จะรู้สึกว่าตนเองน่าเวทนาไหมนะ จะรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงทอดทิ้งเขาอย่างโหดร้ายหรือเปล่า?วันนี้จนป่านนี้ที่ยังไม่ส่งข้าวให้อ๋องเจวี้ยน ก็คือเจตนาของพวกเขาเช่นกันให้อ๋องเจวี้ยนท้องกิ่วแล้วได้ยินเรื่องพวกนี้"อาหารครอบครัวของพวกเขาได้ยินว่าหมูเห็ดเป็ดไก่มีครบ คนใช้ตระกูลฟู่ออกไป
ใช้ชามใบโตหลังจากพวกเขาเข้ามาก็พูดกับเขาสองสามคำ จากนั้นก็เถียงกันขึ้นมา"ข้าบอกแล้วว่าที่บ้านข้ามีเรื่องข้าต้องกลับก่อน แต่เจ้าก็ยังให้ข้ามาด้วย เรื่องแค่นี้เจ้าทำคนเดียวไม่ได้หรือไรกัน?""ได้อย่างไรเล่า? เมื่อวานนี้เจ้าก็แอบหนีกลับก่อนนี่ พวกเราเข้าเวรด้วยกัน แล้วทำไมข้าต้องทำคนเดียวด้วย?"ผู้คุมสองคนทะเลาะกันไปสองคำ หนึ่งในนั้นก็ชนกระแทกผู้คุมที่ถือน้ำแกง"เจ้าจะทำอะไรน่ะ?"ผู้คุมคนนั้นพอถูกกระแทก น้ำแกงในมือก็สาดออกมา รดลงไปบนเตาดังพรึบพอดิบพอดีควันขโมงขึ้นมาทันที"อ๋องเจวี้ยนโปรดให้อภัยด้วย! ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจ! หลี่ซื่อมันมาชนข้า!" ผู้คุมคนนั้นรีบขอขมา"จางซานเจ้าพอแล้ว เห็นๆ อยู่ว่าตัวเองไม่ถือน้ำแกงให้ดี""เจ้าชนข้าแล้วมาโทษข้าหรือ?"จางซานขว้างชามลงพื้น พุ่งเข้าไปหาหลี่ซื่อ หลี่ซื่อถอยออกไปสองสามก้าว หลังกระแทกเข้ากับลูกกรง จางซานทำท่าจะคว้าตัวเขา แต่รูปร่างเขาเตี้ย หลบมือของจางซานไปได้จางซานขว้าเข้าไปที่ม่าน ดึงเสียงดังแคว่กเผ่าม่านที่แขวนบังลมบังสายตาเอาไว ถูกเขากระชากลงมาแล้ว"เช้ากล้าลงมือที่นี่หรือ?"หลี่ซื่อถอยออกไปหลายก้าว หยิบเชิงเทียนบนโต๊ะขึ้นมา ข
เซียวหลันยวนเห็นว่าห้องขังตรงข้ามมีคนถูกโยนเข้ามาคนหนึ่งชายหนุ่มที่เสื้อผ้าขาดวิ่น ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใบหน้าสกปรกมอมแมมคนผู้นี้ร่างผอมโซ ตอนถูกผลักเข้ามาเท้าดูอ่อนแรงมาก เดินยังไม่ถึงสองเก้าก็ล้มลงกับพื้น แล้วจึงคลานไปอยู่บนกองฟาง จากนั้นก็นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ"นั่นคือใครน่ะ?" เซียวหลันยวนถามผู้คุมผู้คุมหลังจากส่งคนเข้ามาก็ลงดาลประตู ถอยห่างออกไปหลายก้าว หมุนตัวเดินออกไปพอได้ยินเซียวหลันยวนถามขึ้นมา พวกเขาสบตากันผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตอบกลับส่งๆ ตามที่หัวหน้าคุกกำชับมา"นักโทษประหาร"หลังจากตอบกลับพวกเขาก็คิดจะรีบเดินออกไป แต่เซียวหลันยวนก็ร้องเรียกพวกเขาอีกครั้ง"โทษอะไร?"ผู้คุมตอบกลับแบบขอไปที "เรื่องนี้พวกเราก็ไม่แน่ใจ""ส่งนักโทษเข้ามาในห้องขัง ไม่ใช่ว่าต้องอธิบายสถานการณ์อย่างชัดเจนแล้วหรือ? ไม่ชัดเจนแต่พวกเจ้าก็ยังรับเข้ามา?""หัวหน้าพวกเราน่าจะรู้ ยังไม่ได้กำชับกับพวกข้า""อย่างนั้นหรือ?"เซียวหลันยวนไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัดอันที่จริงในใจผู้คุมก็ลนลานขึ้นมาเหมือนกันองค์จักรพรรดิแม้จะมารับมือกับอ๋องเจวี้ยน แต่จะมาทำลายเขาอย่างเปิดเผยแบบนี้ไม่ได้สิ มันต้อง
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้