องค์จักรพรรดิคิดจะยืมปากของเหล่าผู้คุมมาบอกเซียวหลันยวน ว่าเขาจะยืนอยู่ฝั่งฟู่จิ้นเชิน ดังนั้นเซียวหลันยวนถ้าหากคิดจะแก้แค้นเรื่องวางยาพิษในครั้งนั้น ก็เกรงว่าคงไม่ง่ายนักถ้าหากเซียวหลันยวนจะชำระคแ้นกับสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินให้ได้ เช่นนั้นฟู่จาวหนิงตอนนั้นก็อาจจะถูกผลักออกไปถึงอย่างไร เซียวหลันยวนเจ้าก็ต้องคิดให้ดีดีองค์จักรพรรดิรู้สึกว่า เซียวหลันยวนตอนนี้คงจะกำลังลำบากใจ ในใจคงกระวนกระวายหงุดหงิดมากเช่นนี้คือถูกแล้ว!เขาไม่อยากให้เซียวหลันยวนอยู่อย่างสุขสบายนักเหล่าผู้คุมเองก็ยังสนทนาต่ออย่างเบิกบาน "ได้ยินว่าบ้านตระกูลฟู่ตอนนี้กำลังกินมื้อครอบครัวกันอยู่ด้วย มีความสุขกันทั้งบ้าน พูดคุยสนุกสนานถูกคอกันน่าดู"พอมามองคุกใหญ่นี้ มืดทึมอับชื้น โดนเดี่ยวเดียวดาย อ๋องเจวี้ยนยังหิวจนท้องกิ่วเลย พอเทียบกันแล้ว จะรู้สึกว่าตนเองน่าเวทนาไหมนะ จะรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงทอดทิ้งเขาอย่างโหดร้ายหรือเปล่า?วันนี้จนป่านนี้ที่ยังไม่ส่งข้าวให้อ๋องเจวี้ยน ก็คือเจตนาของพวกเขาเช่นกันให้อ๋องเจวี้ยนท้องกิ่วแล้วได้ยินเรื่องพวกนี้"อาหารครอบครัวของพวกเขาได้ยินว่าหมูเห็ดเป็ดไก่มีครบ คนใช้ตระกูลฟู่ออกไป
ใช้ชามใบโตหลังจากพวกเขาเข้ามาก็พูดกับเขาสองสามคำ จากนั้นก็เถียงกันขึ้นมา"ข้าบอกแล้วว่าที่บ้านข้ามีเรื่องข้าต้องกลับก่อน แต่เจ้าก็ยังให้ข้ามาด้วย เรื่องแค่นี้เจ้าทำคนเดียวไม่ได้หรือไรกัน?""ได้อย่างไรเล่า? เมื่อวานนี้เจ้าก็แอบหนีกลับก่อนนี่ พวกเราเข้าเวรด้วยกัน แล้วทำไมข้าต้องทำคนเดียวด้วย?"ผู้คุมสองคนทะเลาะกันไปสองคำ หนึ่งในนั้นก็ชนกระแทกผู้คุมที่ถือน้ำแกง"เจ้าจะทำอะไรน่ะ?"ผู้คุมคนนั้นพอถูกกระแทก น้ำแกงในมือก็สาดออกมา รดลงไปบนเตาดังพรึบพอดิบพอดีควันขโมงขึ้นมาทันที"อ๋องเจวี้ยนโปรดให้อภัยด้วย! ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจ! หลี่ซื่อมันมาชนข้า!" ผู้คุมคนนั้นรีบขอขมา"จางซานเจ้าพอแล้ว เห็นๆ อยู่ว่าตัวเองไม่ถือน้ำแกงให้ดี""เจ้าชนข้าแล้วมาโทษข้าหรือ?"จางซานขว้างชามลงพื้น พุ่งเข้าไปหาหลี่ซื่อ หลี่ซื่อถอยออกไปสองสามก้าว หลังกระแทกเข้ากับลูกกรง จางซานทำท่าจะคว้าตัวเขา แต่รูปร่างเขาเตี้ย หลบมือของจางซานไปได้จางซานขว้าเข้าไปที่ม่าน ดึงเสียงดังแคว่กเผ่าม่านที่แขวนบังลมบังสายตาเอาไว ถูกเขากระชากลงมาแล้ว"เช้ากล้าลงมือที่นี่หรือ?"หลี่ซื่อถอยออกไปหลายก้าว หยิบเชิงเทียนบนโต๊ะขึ้นมา ข
เซียวหลันยวนเห็นว่าห้องขังตรงข้ามมีคนถูกโยนเข้ามาคนหนึ่งชายหนุ่มที่เสื้อผ้าขาดวิ่น ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใบหน้าสกปรกมอมแมมคนผู้นี้ร่างผอมโซ ตอนถูกผลักเข้ามาเท้าดูอ่อนแรงมาก เดินยังไม่ถึงสองเก้าก็ล้มลงกับพื้น แล้วจึงคลานไปอยู่บนกองฟาง จากนั้นก็นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ"นั่นคือใครน่ะ?" เซียวหลันยวนถามผู้คุมผู้คุมหลังจากส่งคนเข้ามาก็ลงดาลประตู ถอยห่างออกไปหลายก้าว หมุนตัวเดินออกไปพอได้ยินเซียวหลันยวนถามขึ้นมา พวกเขาสบตากันผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตอบกลับส่งๆ ตามที่หัวหน้าคุกกำชับมา"นักโทษประหาร"หลังจากตอบกลับพวกเขาก็คิดจะรีบเดินออกไป แต่เซียวหลันยวนก็ร้องเรียกพวกเขาอีกครั้ง"โทษอะไร?"ผู้คุมตอบกลับแบบขอไปที "เรื่องนี้พวกเราก็ไม่แน่ใจ""ส่งนักโทษเข้ามาในห้องขัง ไม่ใช่ว่าต้องอธิบายสถานการณ์อย่างชัดเจนแล้วหรือ? ไม่ชัดเจนแต่พวกเจ้าก็ยังรับเข้ามา?""หัวหน้าพวกเราน่าจะรู้ ยังไม่ได้กำชับกับพวกข้า""อย่างนั้นหรือ?"เซียวหลันยวนไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัดอันที่จริงในใจผู้คุมก็ลนลานขึ้นมาเหมือนกันองค์จักรพรรดิแม้จะมารับมือกับอ๋องเจวี้ยน แต่จะมาทำลายเขาอย่างเปิดเผยแบบนี้ไม่ได้สิ มันต้อง
"คนละชาม ดื่มเสีย""หัวหน้า นี่คืออะไร?" ดมไปพักหนึ่งก็มีกลิ่นชวนขยะแขยงขึ้นมาเลย"ยา ดีกับพวกเจ้านะ รีบดื่มลงไปเสีย"พวกเขาทำงานในคุกมานาน อันที่จริงก็ค่อนข้างใส่ใจอยู่ อย่างตอนที่หัวหน้าเคยได้ตำรับยาดีดีมา แล้วนำวัตถุดิบยาในตำรับยานั่นไปต้มเป็นยา จากนั้นคอยดื่มเป็นระยะๆ ก็สามารถขจัดความชื้นและหนาวเย็นออกจากร่างกายไปได้ทุกครั้งที่ดื่มหมดเขาก็รู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้นมาพอควรตอนนี้ที่เอายาน้ำนี้ออกมาให้ เพราะเห็นว่าผู้คุมเหล่านี้ติดตามตนเองมาโดยตลอด ปกติแล้วก็เชื่อฟังดี ถ้าหากเปลี่ยนคนใหม่ไปก็เกรงว่าจะดูแลยาก ดังนั้นเขาจึงเอาใจใส่พวกเขาเป็นพิเศษนักโทษคนนั้นใครจะรู้ว่าติดโรคอะไรมา? ถึงอย่างไรก็สัมผัสไปแล้ว ดื่มยาน้ำป้องกันไว้ก่อนก็ไม่ได้ผิดอะไรผู้คุมสองคนจึงทำได้แค่บีบจมูก แล้วกรอกยาน้ำชามนั้นลงไปแทบจะสำรอกออกมา"ตอนกลางคืนก็ออกไปพัดลมด้วย" หัวหน้าคุกกดเสียงต่ำเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง"ยังต้องพัดอีกหรือ?""คืนนี้หิมะจะตกหนัก อากาศจะเย็นขึ้นอีก ตอนนี้ก็แทบจะแช่มือข้าเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว ในห้องขังถ้ามีลมพัดเข้ามาอีก นั่นมันเอาชีวิตคนได้เลยนะ""คืนนี้ พัดที่ห้องนั้น พัดกลิ่นบนตัวนัก
ในห้องขังหนาวมากการกระทำเล็กน้อยๆ ที่พวกเขาทำในวันนี้ เซียวหลันยวนมองออกอยู่แล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยเดิมทีคิดจะดูว่าพวกเขามีอะไรตามมาอีก หรือแค่คิดจะให้เขาหนาวตายเท่านั้น ตอนนี้ดูแล้ว บางทีนักโทษที่ยัดเข้ามาอย่างประหลาดคนนั้นน่าจะมีปัญหาพอได้กลิ่นเหม็นที่เหมือนมีเหมือนไม่มีนั่น เซียวหลันยวนก็ล้วงเอาขวดยาเล็กสอบใบในอกออกมา เทออกมาขวดละเม็ด กินลงไปเม็ดหนึ่งคือยาแก้พิษ อีกเม็ดหนึ่งคือยารักษาความอบอุ่นยาแก้พิษนี้ เป็นเพราะเขาค่อนข้างระมัดระวัง เตรียมตัวให้พร้อมล่วงหน้าส่วนยารักษาความอบอุ่น ต้องขอบคุณฟู่จาวหนิงนักสกัดยาตัวน้อยร่างกายอุ่นขึ้นมาทันที ทำให้เซียวหลันยวนยิ่งนับถือฟู่จาวหนิงขึ้นไปอีก และคิดถึงนางมากไม่รู้นางตอนนี้หลับไปแล้วหรือยัง หรือว่ายังสนทนากับฟู่จิ้นเชินอยู่นี่ล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้นผู้คุมเข้ามาใส่ร้ายป้ายสีต่อหน้าเขาว่าฟู่จาวหนิงจะทิ้งเขาไปแล้ว สนใจแต่กับพ่อแม่แท้ๆ คิดว่าจะทำให้ความรักฉันท์สามีภรรยาของพวกเขาต้องแตกแยก ทำลายความเชื่อใจของพวกเขาได้ช่างน่าขันก่อนหน้านี้พวกเขาคาดเดาไว้แล้ว หลังจากสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกลับถึงเมืองหลวงแล้วจะเกิดเรื
ผู้คุมไม่กล้าเข้าไป กระทั่งยังใช้มือบีบจมูกไว้ ส่วนมืออีกข้างก็โยนหมั่นโถวเข้าไปในห้องขัง"นี่ กินข้าวเช้าซะ!"พอคุยกับนักโทษคนนั้น น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ หยาบคายขึ้นมากแต่นักโทษคนนั้นก็ไม่ขยับเขยื้อน"ได้ยินหรือยัง? เรียกเจ้าให้มากินข้าวเช้าน่ะ!" ผู้คุมตะโกนเสียงดังไปอีกคำหนึ่งคนคนนั้นยังคงไม่ขยับเขยื้อน กระทั่งเสียงครางก็ยังไม่มีผุคุมหันหน้ามองไปทางหัวหน้าคุก ใช้สายตาสอบถามเขา: หัวหน้า เอาอย่างไรดี?หัวหน้าคุกคิดจะบอกว่า จะกินก็กินไม่กินก็เรื่องของเขานักโทษเหล่านี้พวกเขาไม่มีทางไปปรนนิบัติแต่นักโทษคนนี้นั้นต่างออกไป เขาจึงขมวดคิ้ว "ปลุกเขาขึ้นมา"แม้จะบอกว่าให้ปลุกเขาขึ้นมา แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าไป จึงหยิบกระบอกท่อนหนึ่งยื่นเขาไปแหย่ๆ นักโทษคนนั้นแหย่ไปทีแรก ไม่ขยับแหย่อีกที ก็ยังไม่ขยับผู้คุมรู้สึกว่าผิดปกติแล้ว จึงออกแรงกระทุ้ง "ถ้ายังไม่ลุกอีกข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ!"เขาออกแรงพอควร แทงไปเช่นนี้ ถ้าเป็นปกติต้องร้องเจ็บแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ต้องมีปฏิกิริยาพลิกตัวหลบบ้าง แต่นักโทษคนนี้ยังคงไม่ขยับขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าความรู้สึกที่แทงลงไปนี่ผิดปกติ"ห
องค์จักรพรรดิกดเสียงต่ำ"ทำให้เขาติดโรคระบาดนั้นได้จริงหรือ?"เขาลังเลไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามเสียงต่ำกลับมาอีก "ไม่ใช่บอกว่าโรคนั้น ต้องเสพสุขกับหญิงสาวถึงจะติดได้หรอกหรือ? แล้วคนที่ส่งเข้าไปในห้องขังก็ไม่ใช่หญิงสาวเสียหน่อย ซ้ำยังไม่ได้สัมผัสกับเซียวหลันยวนด้วย แล้วจะไปติดได้อย่างไร?"เรื่องนี้คุยกันในห้องหนังสือหลวง เขาก็รู้สึกโหวงๆ หน่อยๆ ดูเหมือนไม่ใช่พฤติกรรมของจักรพรรดิเลยแต่โทษเขาได้หรือ?ถ้าจะโทษก็ต้องโทษไท่ซ่างหวงที่ลำเอียงรักแต่เซียวหลันยวน!เขาเป็นลูกนอกสมรสที่ไม่รู้ว่าเกิดจากที่ไหนด้วยซ้ำ ขนาดแม่บังเกิดเกล้าก็ยังไม่สามารถพากลับมาที่วังได้อย่างเปิดเผย แต่ก็ยังให้อำนาจใหญ่โตขนาดนั้นกับเขาถึงกับส่งองครักษ์เงามังกรให้เขาไท่ซ่างหวงทำตัวอย่างนี้ก่อน ตอนนี้จะมาโทษเขาได้หรือ?เขาใช้วิธีไหนรับมือเซียวหลันยวนมันก็สมเหตุสมผลทั้งนั้นล่ะ!"ที่องค์จักรพรรดิพูดมันคือโรคเพศสัมพันธ์ทั่วไป"ชินอ๋องเซียวพูดถึงจุดนี้ ตนเองก็เงียบไปครู่หนึ่ง รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาความรู้สึกนี้มันแย่เอามากๆ ทำไมเขาต้องมาพูดเรื่องโรคเพศสัมพันธ์กับองค์จักรพรรดิด้วยนะ?แต่เรื่องนี้ไม่พูดไม่ได้องค์จักรพร
องค์จักรพรรดิเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "เมืองหลวงของพวกเรายังมีหมอเทวดาอีกคนหนึ่งหรือ? ทำไมก่อนหน้านี้เจ้าไม่รายงานข้าเลย?"หรือจะบอกว่าหมอเทวดาคนนี้ ชินอ๋องเซียวคิดจะเก็บไว้ใช้ประโยชน์?"องค์จักรพรรดิ กระหม่อมเพิ่งจะได้ยินข่าวมา ยิ่งไปกว่านั้นหมอคนนั้นก็นิสัยปลีกวิเวก มีคนเคยบอกว่าวิชาแพทย์ของเขาไม่ได้แย่กว่าหมอเทวดาหลี่ เรียกเขาว่าหมอเทวดาได้ ผลคืตัวเขาเองกลับด่ากราดออกมาเสียรอบหนึ่ง""ทำไมกัน?""เขาบอกว่าวิชาแพทย์ดีกว่าหมอเทวดาหลี่แล้วมีอะไรน่าภูมิใจ? เดิมทีหมอเทวดาหลี่ก็เป็นพวกอวดอ้างความสามารถอยู่แล้ว ด้วยวิชาแพทย์ก็ยังมีคุณสมบัติไม่พอที่จะเข้าสมาคมหมอใหญ่ด้วย บอกว่าวิชาแพทย์ตัวเขาเองยังไม่ได้ถึงขั้นที่จะเรียกว่าหมอเทวดา ดังนั้นจึงไม่ให้คนเรียกเขาเช่นนั้น""อย่างนั้นหรือ?"องค์จักรพรรดิขมวดคิ้ว "ถึงตอนนั้นค่อยบอกเรื่องหมอคนนี้กับข้า ตอนนี้กลับไปที่ชายคนนั้นก่อน เจ้าเคยพบเขาไหม? เคยสัมผัสกับเขาไหม?"พอถามถึงตรงนี้ จู่ๆ เขาก็ถอยหนีออกมาอย่างหวาดหวั่น ถลึงตามองชินอ๋องเซียว"เจ้าคงไม่ได้ติดโรคมาหรอกใช่ไหม?"ชินอ๋องเซียวหน้าดำทมึน ปวดใจขึ้นมาทันทีองค์จักรพรรดิพูดอะไรน่ะ หมายความว
นางอยากจะให้เซียวหลันยวนไม่พอใจตัวฟู่จาวหนิงเสียเหลือเกินแต่พอสิ้นเสียงนาง เซียวหลันยวนก็หันมามองนาง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เฉินเซียงจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่านางถูกสายตาที่เย็นเยียบแหลมคนฆ่าตายไปแล้วนางใจสั่นวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่พูดไป แต่ก็สายไปแล้วนางได้ยินคำพูดเย็นชาของเซียวหลันยวนว่า"องค์หญิงใหญ่ถ้าหากมีเรื่องจะคุยกับข้า ก็ให้ทาสของเจ้าไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นก่อน"เซียวหลันยวนชี้ไปที่กลางสวนคุกเข่าที่นั่น คนป่วยทั้งหมดในห้องข้างฝั่งตะวันตกจะมองเห็นเฉินเซียงถลึงตาโตใส่อย่างไม่อยากเชื่อ"อ๋องเจวี้ยน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึงไป "เฉินเซียงก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไปเท่านั้น นางไม่ได้มีความคิดไม่ดี...""ให้นางคุกเข่า ข้าถึงจะฟังเจ้าพูด ถ้านางไม่ทำ ข้าก็จะไปแล้ว" เซียวหลันยวนตัดบทนางเฉินเซียงบอกว่าฟู่จาวหนิงแอบมีชู้กับอันเหนียน เขาจดจำมาโดยตลอด"อ๋องเจวี้ยน เฉินเซียงนางเองก็ป่วย ถ้าไปตากลมหนาวบนพื้น นางจะ...""เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"เซียวหลันยวนพูดจบก็หมุนตัวกลับทันทีเฉินเซียงลนลานขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยน ข้าจะไปคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ท่านโปรดรอก่อน!""เฉินเ
สิ่งที่ทำให้ตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขุ่นเคืองคือ ฟู่จาวหนิงคล้องแขนอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา"พวกเขาทำไมถึงคล้องแขนกันเดินแบบนั้นล่ะ?"เฉินเซียงถลึงตาโตนางไม่เคยเห็นสามีภรรยาเดินกันแบบนี้เลย ปกติแล้ว ภรรยาจะเดินอยู่ด้านหลังสามีประมาณครึ่งก้าวนี่ หรืออย่างมากก็ไหล่ชนไหล่แต่พออยู่ภายนอกก็ต้องคอยระวังเรื่องมารยาท มีใครเขามาคล้องแขนเดินกันแบบนี้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้นตัวฟู่จาวหนิงเองก็ยังเอนมาเบียดแขนอ๋องเจวี้ยนด้วย"นางเดินแบบนี้มันดูสง่างามตรงไหน บิดๆ เบียดๆ เงอะงะงุ่มง่ามเหมือนอะไรล่ะนั่น?" เฉินเซียงกดเสียงต่ำ พูดแบบไม่พอใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "นี่มันดูเป็นพระชายาตรงไหนกัน?"เหมือนพวกอนุภรรยาที่เอาแต่เบียดเสียดชายหนุ่มมากกว่าพระชายาตัวจริงต้องมีท่าทีสง่างาม มีคุณธรรม บุคลิกภาพโดดเด่นสิทำตัวออดอ้อนแบบนี้ มันเหมือนกับปีศาจสาวที่อยากจะสูบพลังหยางจากชายหนุ่มจนตัวสั่นอย่างไรอย่างนั้น เหมือนพวกอนุภรรยาที่ไร้เกียรติเฉินเซียงถึงอย่างไรก็ไม่ชินตาแต่ไม่รู้เพราะอะไร องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอิจฉาจนควบคุมไม่อยู่ชายหนุ่มที่เย็นชาขนาดนั้นแบบอ๋องเจวี้ยน ก็ยังตามใจให้ฟู่จาวหนิง แล้วยังปร
"ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะออกไป" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จิ้นเชินเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "นางน่าจะมีเรื่องมาขอร้องท่าน แต่ว่า เรื่องที่นางจะขอร้องข้าเองก็พอจะนึกออก"เขาอยากบอกว่า เรื่องแบบนี้ ถ้าหากรับปากไป ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์สามีภรรยากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือไม่ แต่การที่พานางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ถือเป็นการทรยศและทำร้ายจาวหนิงแต่ก็ไม่อยากพูดออกมาตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะเลือกอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงัดออกมาได้คืออะไร ถ้าเผื่อมันสำคัญอย่างมากกับเซียวหลันยวนจริงๆ ล่ะ?"ท่านพ่อตาอยากพูดอะไรหรือ?" เซียวหลันยวนย้อนถามเขา"อ๋า?"ฟู่จิ้นเชินถูกคำเรียก 'ท่านพ่อตา' ที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำเอางงงันไปหมด ตั้งตัวกลับมาไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเซียวหลันยวนก็พูดต่อมาอีก "วางใจเถิด ข้าไม่ทำเรื่องที่ผิดกับหนิงหนิงแน่นอน"พูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมเข้าห้อง ""หากไม่มีเรื่องอะไร คนป่วยทางนั้นรบกวนท่านดูไว้หน่อย ให้หนิงหนิงได้กินข้าวเช้าก่อนพอเซียวหลันยวนเข้าห้องไป ประตูก็ปิดลงมา ฟู่จิ้นเชินมองไปทางชิงอีที่อยู่ข้างๆ ช้าๆชิงอีเองก็
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกคนเหล่านี้พูดจนตาแทบแดงก่ำนางไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!นางเองก็มีเกียรตินะ นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เดิมทีควรจะล้ำค่าสูงส่ง สามารถเลือกราชบุตรเขยดีดีได้แต่ตอนนี้นางมีทางเลือกอะไรล่ะ?ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีพระเชษฐาแบบนั้น นางคงไม่ต้องทำให้มาถึงจุดนี้หรอกนางแค่อยากจะช่วยตนเองเท่านั้น แล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าหากทำได้ นางก็ไม่อยากไปทำร้ายใครทั้งนั้น นางเป็นคนที่มดแค่ตัวเดียวก็ยังทำใจเหยียบไม่ลงด้วยซ้ำ"รบกวนท่านลุงฟู่ด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง ถอยไปที่ประตูวงกลมทางนั้นเฉินเซียงถลึงตาใส่ห้องนั้น คารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง "รบกวนท่านลุงฟู่ช่วยเหลือด้วย องค์หญิงใหญ่พวกรเาจะไปรออ๋องเจวี้ยนที่นั่น"พูดจบนางก็รีบเดินไปหาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นฟู่จิ้นเชินส่ายหัวเขาก็เหมือนรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกอยู่ในสภาพไหน มาเจอกับฝ่าบาทต้าชื่อแบบนั้น นางเองอันที่จริงก็น่าสงสารแต่ว่า ท้ายสุดแล้วนางก็ยังไม่ฉลาดพอ เส้นทางที่เดินได้ นางกลับเดินอย่างสะเปะสะปะแต่พูดมาก็ถูก นางเติบโตมาที่สุสานจักรพรรดิ ไม่ค่อยได้พบเจอกับผู้คนสักเท่าไร และย
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่