"ท่านอ๋อง"เงาดำร่างหนึ่งเข้ามาห้องขังราวกับภูตผี คารวะกับเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนลุกขึ้นนั่ง "เป็นอย่างไรบ้าง?""อิ่งอีได้ยินบทสนทนาของชินอ๋องเซียวกับองค์จักรพรรดิในห้องหนังสือหลวงมาขอรับ""ว่ามา"เงาดำเล่าบทสนทนาในห้องหนังสือหลวงออกมารอบหนึ่ง จากนั้นจึงมองไปทางห้องขังฝั่งตรงข้าม ชายคนนั้นตายไปแล้วเรียบร้อย ดูเหมือนจะแข็งทื่อไปแล้วด้วยแต่ว่าชายคนนั้นติดโรคสกปรกเช่นนั้นมา แล้วยังอยู่ใกล้ท่านอ๋องเสียขนาดนี้ ทำเอาคนกังวลขึ้นมาเลยเซียวหลันยวนหลังจากได้ยินคำพูดของเขาสายตาก็ควบแน่นราวน้ำค้างแข็งวิธีการที่องค์จักรพรรดิรับมือกับเขาตอนนี้สกปรกมาก ขนาดวิธีแบบนี้ก็ยังคิดออกมาได้ไม่ได้คิดถึงความผูกพันเลยสักนิด"เหอะๆ"เซียวหลันยวนรู้สึกเศร้าใจเหลือเกิน"เอาล่ะ เรื่องที่ลอบเข้าไปในห้องหนังสือหลวงมันอันตรายเกินไป ไม่ต้องไปแล้ว หลังจากนี้พวกเจ้าถอนตัวกันออกมาเถอะ""ขอรับ"ลูกน้องเซียวหลันยวนมีหกคน ฝึวิชาตัวเบากับวิชาพรางตัวเป็นหลัก และยังมีวิชาหดกระดูก เวลาคับขัน หรือเวลาที่จำเป็นจึงใช้งานพวกเขาห้องหนังสือหลวงขององค์จักรพรรดิคุ้มกันแน่นหนาเป็นพิเศษ เขาเองก็คงวางองครักษ์ลับที่ยอด
ชินอ๋องเซียวคิดจะรับมือกับเขาเช่นนี้ อยากเห็นเขาตายแบบนี้ เขาจะไม่เอาคืนบ้างได้อย่างไรฟู่จาวหนิงเมื่อคืนก็คุยกับฟู่จิ้นเชินอยู่นานเลยจริงๆแม้ว่านางจะไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งนักกับพ่อแท้ๆ คนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินก็ยังทิ้งนางกับท่านปู่ไปสิบกว่าปี ไม่ได้ทำหน้าที่ของลูกชายและพ่อที่ดี จะมากน้อยก็ทำให้นางขัดเคืองใจอยู่บ้างแต่ว่าเขาเองก็ลำบากอยู่บ้าง นางเองก็ปฏิเสธท่านปู่กับเสี่ยวเฟยไม่ได้ แล้วท่านปู่กับเสี่ยวเฟยก็อยากจะให้ครอบครัวพร้อมหน้ากันขนาดนั้น นางเองก็ยิ่งทำมันพังไม่ได้ในเมื่อต้องเป็นครอบครัวกันแล้ว เช่นนั้นครอบครัวก็ต้องร่วมกันเผชิญหน้ากับปัญหาหลังจากคุยกับฟู่จิ้นเชินอย่างยาวนาน นางเองก็พบว่า ฟู่จิ้นเชินที่หลังจากได้ความทรงจำคืนและรักษาอาการป่วยแล้ว เป็นคนที่ฉลาดมาก กระทั่งยังดูร้ายกาจในใจอยู่ด้วยหน่อยๆยิ่งไปกว่าเขายังวางแผนขั้นต้นไว้แล้ว สำหรับเรื่องราวต่อจากนี้ที่เขาคิดจะคุยกับนาง คือหวังว่านางสามารถนำการจัดวางและวิธีการของพวกเขาภายใต้เงื่อนไขที่ว่าจะไม่ทำร้ายอ๋องเจวี้ยนและตัวนางบอกกับตัวเขาได้ เช่นนี้หลังจากนี้เขาจึงสามารถร่วมมือกับพวกนางได้ในเวลาที่
เสี่ยวเถาถอยออกไปฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำพูดขององครักษ์ ทั้งตัวก็ถูกไฟโกรธโถมจนมิด"ข้าตอนนี้จะกลับไปที่คุก ข้าจะบอกกับเซียวหลันยวนเอง""พระชายา ตอนนี้ศพของคนป่วยนั่นยังอยู่ ผู้คุมไม่มีทางปล่อยให้เอาออกไปแน่ ถ้าท่านไปท่านอ๋องคงจะกังวลมาก...""กังวลบ้าบออะไรกัน!"ฟู่จาวหนิงทนไม่ไหว ระเบิดโทสะขึ้นมารู้ๆ อยู่ว่าโรคติดต่อนั้นร้ายกาจแค่ไหน เซียวหลันยวนกลับไม่คิดหาวิธีออกจากคุก แต่ยังจะอยู่ในนั้น แล้วเขากังวลหรือ?"เจ้าออกไปเถอะ ข้าเตรียมของสักนิดแล้วจะไปที่คุก"องครักษ์แค่รับคำสั่งมาถ่ายทอดคำพูด ไม่มีอำนาจที่จะขวางนางทำอะไร พอได้ยินคำพูดนางก็ทำได้แค่ฉากตัวออกไปยังคงไปแบบตาลาย เพียงพริบตาคนก็ไม่อยู่แล้วฟู่จาวหนิงขบเหงือกนี่จะต้องเป็นหนึ่งในไพ่ลับของเซียวหลันยวนแน่ๆถึงอย่างไรนางก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเจอมาก่อน วิชาตัวเบาราวกับภูตผีเช่นนี้ ยอดเยี่ยมจริงๆ นางต้องชมเขาหน่อยไหมนะ?นางปิดประตู ฉากตัวเข้าไปในห้องเภสัชทันที รีบทำยาที่จำเป็นออกมาอย่างรวดเร็วหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามนางก็สะพายกล่องยา คลุมผ้าคลุมจิ้งจอกขาว พาสืออีกับไป๋หู่เตรียมออกเดินทางฟู่จิ้นเชินเรียกนางไว้"ไปไหนหรื
แค่กลัวว่าเขาจะเป็นห่วงว่าทำอะไรผิดพลาดจนต้องเหนื่อยไปถึงนาง หรือทำลายแผนการของนางกับเซียวหลันยวน ดังนั้นจึงไม่กล้าแข็งขืน จนต้องถูกคนอื่นรังแกฟู่จิ้นเชินอุ่นวาบขึ้นในใจ สัมผัสได้ถึงใจที่ปกป้องของลูกสาวดวงตาเขาค่อยๆ ร้อนวูบ ยื่นมือไปจัดสายของผ้าคลุมให้กับนาง เอ่ยขึ้นเบาๆ "เจ้าเองก็วางใจได้ ไปเถอะ"ฟู่จาวหนิงออกไปทางประตูหลัง ฟู่จิ้นเชินส่งนางที่ประตู มองรถม้าของนาง โบกมือให้ฟู่จาวหนิงนั่งบนรถม้าหันกลับมามองผาดหนึ่ง สบกับสายตาอบอุ่นเป็นมิตรที่เขาส่งมา ใจกระตุกเล็กน้อย "เข้าไปเถอะ""พ่อดูเจ้าอยู่นะ"เอาเถอะ จะดูก็ดู นางเข้าไปในรถม้าแล้วจะดูอย่างไรกันล่ะ?ฟู่จาวหนิงเม้มปาก ปลดม่านรถลงรถม้าขับมาได้ครู่หนึ่ง นางหมุนก็ตัวเลิกม่านหน้าต่างหลังรถ มองรางที่ยืนอยู่ที่ประตูข้างกองหิมะด้านหลังจมูกของนางฮึดฮัดขึ้นมาสองชาติมารวมกัน นี่เป็นครั้งแรกที่มีสายตาของพ่อมาส่งแบบนี้นางพูดไม่ถูกถึงความรู้สึกเหมือนกันแต่ว่าแค่เรื่องเล็กแค่นี้ ไม่ได้ต้องใช้แรงอะไรเลย แต่ทำไมถึงทำให้ตาของนางร้อนวูบขึ้นมาได้นะ?พอมาถึงคุก ฟู่จาวหนิงลงจากรถม้าก็ถูกผู้คุมคนหนึ่งเห็นเข้าแล้วเขาตกตะลึง พอคิดขึ้น
ฟู่จาวหนิงเดินไปในคุกตรงๆนางจะดูว่าผู้คนพวกนี้จะกล้าขวางนางจริงไหมแต่ว่า นี่ก็อธิบายได้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้ไม่เคยที่จะมาขวางนาง แล้วยังยอมให้นางเข้าไปอยู่กับเซียวหลันยวนแต่โดยดี นี่เพิ่งจะออกไปไม่กี่วัน ผู้คุมก็ไม่ยอมให้นางเข้าคุกแล้วหรือททำไม กลัวนางขึ้นมาแล้วหรือ?ในคุกนั่นมีอะไรที่ต้องกลัวหมออย่างนางสังเกตเห็นด้วยหรือ? หรือจะเป็นนักโทษที่ติดโรคคนนั้น?"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านอย่าให้ข้าน้อยต้องทำอะไรได้ลำบากเลย ไม่เช่นนั้นข้าน้อยคงต้องเข้าขวางเสียแล้ว" ผู้คุมออกมาขวางหน้านางอีกครั้ง"ได้สิ ข้าจะดูว่าพวกเจ้าจะขวางข้าอย่างไร"ฟู่จาวหนิงพูดพลางยกมือผู้คุมรู้สึกชาขึ้นทั้งตัวทันที ขยับตัวไม่ได้เลยพวกเขามองฟู่จาวหนิงเดินผ่านข้างตัวไปอย่างไม่สามารถทำอะไรได้ เข้าไปในคุกแล้ว"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านคิดให้ดีนะ การปล้นคุกคือความผิดร้ายแรง!""เฮอะ ใครปล้นคุกกัน? ข้าก็แค่เข้าไปดูท่านอ๋องของข้าเท่านั้น องค์จักรพรรดิก็ไม่ได้บอกว่าเข้าเยี่ยมไม่ได้เสียหน่อย พวกเจ้าจะเครียดอะไรกัน?"พอได้ยินนางพูดเช่นนี้ ผู้คุมคนอื่นก็ไม่กล้าเข้าไปขวางนางแล้วผู้คุมทั้งหมด
มือของเขายังอุ่นอยู่ แต่ว่าฟู่จาวหนิงมองปัญหาที่นี่ไม่ออกเสียที่ไหน ผ้าม่านที่เคยมีไม่อยู่แล้ว เตาด้านในก็ไม่มีอีกในห้องขังเย็นยะเยือกแค่วันเดียว ที่นี่ก็เย็นกว่าก่อนหน้าหลายเท่าตัว ดูท่าหัวหน้าคุกจะเล่นตุกติกไปไม่น้อย"สืออี เอายาให้เขาเม็ดหนึ่ง" เขาบอกกับสืออี จากนั้นก็เอากล่องยาวางบนพื้น เปิดออก หยิบหน้ากากอนามัยผ้าฝ้ายชิ้นหนึ่งขึ้นมาสวมนี่เป็นสิ่งที่นางทำเอง ด้านในมีชั้นกรองอยู่ ด้านนอกก็ใช้ผ้าฝ้ายที่มีในยุคนี้เย็บเป็นสองชั้น ดังนั้นจึงมองไม่ออกไม่เห็นเทคโนโลยีชั้นสูงด้านในหลังจากสวมแล้ว นางก็หยิบถุงมืออีกคู่หนึ่งออกมา ดัดแปลงไว้เช่นเดียวกัน อำพรางถุงมือแพทย์ไว้ใต้ผ้าฝ้ายบางๆ ชั้นหนึ่ง"หนิงหนิง คนคนนั้นตายแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโรคร้ายแรงด้วย เจ้าอย่าเข้าไป" เซียวหลันยวนพอเห็นท่าทางของนางก็รู้ว่านางคิดจะทำอะไรเขายื่นมือไปจับแขนนางไว้ทันที"ปล่อยมือ""อย่าเข้าไป" เซียวหลันยวนถูกตางามของนางจ้องเขม็ง รู้อยู่แล้วว่านางโกรธ เพียงแต่ว่ายังไม่รู้ว่านางโกรธอะไรแต่โรคของคนผู้นั้น เขาไม่วางใจจะให้นางเข้าไปสัมผัสใกล้ๆ"ในเมื่อรู้ว่าโรคของเขาเป็นโรคระบาด แล้วท่านทำไมถึงคิดจะ
อันที่จริง ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึก จากนิสัยและวิธีการของเซียวหลันยวน ครั้งก็น่าจะมีวิธีเลี่ยงการติดคุกสองเดือนนี้ได้หรือก็คือ ตอนแรกก็ถูกขังในนามสักนิดหน่อย จากนั้นค่อยคิดหาวิธีออกมาต่อให้เดิมทีจะวางแผนเข้ามาอยู่ในคุกตามคำสั่งราชโองการ แต่นั่นก็เป็นแผนที่วางไว้แล้วแต่จักรพรรดิกลับใช้ไม้นี้ออกมา!โยนคนป่วยเข้ามาแบบนี้ คิดจะให้เขาติดโรคประหลาดนั่นแล้วตายไปอย่างไร้เกียรติ!เซียวหลันยวนก็ยังทนอีกนี่จึงทำให้ฟู่จาวหนิงโกรธแล้ว นางโกรธที่เขาไม่สนใจสุขภาพของตนเองนางกว่าจะรักษาเขามาได้ นี่เพิ่งจะดีขึ้นเท่าไรเอง?เขาก็เริ่มที่จะไม่สนใจหันกลับมาทรมานตัวเองอีกแล้วหรือ?แต่ว่าตอนนี้พอได้ยินคำพูดของเซียวหลันยวน นางก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง"ไท่ซ่างหวงไม่ใช่ว่าโปรดปรานท่านเป็นพิเศษหรอกหรือ?"หลังจากพูดคำนี้ออกไป นางเองก็คิดเข้าใจแล้วไท่ซ่างหวงจะโปรดปรานก็ส่วนโปรดปราน แต่ว่า แม่บังเกิดเกล้าของเซียวหลันยวน เป็นลูกสาวของจักรพรรดินีแห่งตงฉิง เซียวหลันยวนเป็นสายเลือดราชวงศ์เพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของแคว้นตงฉิงดังนั้น นี่จึงไม่ถือเป็นสายเลือดราชวงศ์แคว้นเจาที่บริสุทธิ์ ในสายเลือดเขายังมีต
"กลิ่นแรงขนาดนี้ วางไว้ใต้เตียง ชินอ๋องเซียวจะไม่ได้กลิ่นเลยหรือ?""แน่นอนว่าต้องเชิญหมอเทวดาฟู่ของข้าทำน้ำยาที่อำพรางกลิ่นนี้ไว้สิ" เซียวหลันยวนเอ่ยต่อนี่ไม่ใช่ว่าก็ยังต้องมีนางหรือไรกัน?"อย่างนั้นมันเปลืองแรงไป การจะเอาศพไปซ่อนไว้ใต้เตียงเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้น ข้าจัดการเอง"ฟู่จาวหนิงเดิมทียึดตามความคิดนี้นางจะไม่ปล่อยชินอ๋องเซียวไป!"ข้าจะไปเอาของมาบางส่วน ถึงตอนนั้นใส่เข้าไปในผ้าห่มชินอ๋องเซียวก็พอ ตรงประเด็นกว่า""หนิงหนิง ถ้าสัมผัสกับคนคนนั้นจะติดโรคได้ง่ายใช่ไหม?" เซียวหลันยวนไม่อยากให้นางต้องเสี่ยง"ข้าเป็นหมอนะ ข้าระวังตัวข้าเอง!" ฟู่จาวหนิงถลึงตามองเขา "รีบปล่อยมือ เดี๋ยวคนเข้ามาจะไม่ทันการเอา"เซียวหลันยวนเห็นความเด็ดเดี่ยวของนางแล้ว ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะขวางได้จริงๆ จึงทำได้แค่ถอนหายใจยาว ปล่อยมือออกฟู่จาวหนิงเดินเข้าไป ยื่นมือล้วงกุญแจพวกหนึ่งออกมาสืออีพอเห็นก็ตกตะลึงแต่ก็นึกออกอย่างรวดเร็วว่าเมื่อครู่นี้ที่พระชายาแฉลบผ่านตัวผู้คุมเหล่านั้นก็เหมือนจะทำอะไรไปนิดหน่อยแค่จังหวะที่เดินผ่านตัว พระชายากลับปลดกุญแจของผู้คุมลงมาเสียแล้วพระชายามีฝีมือด
หญิงสาวคนนี้เป็นใคร? ดูไม่เหมือนฟู่หลินซื่อเลย จากที่รู้มา ฟู่หลินซื่อนั้นงดงามมาก"นายท่านเข้าใจผิดแล้วกระมัง? บ้านพวกเราไม่มีคนที่ชื่อเฮ่อเหลียนเฟยนะ"เซี่ยซื่อสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ไม่ได้ตึงเครียดลนลานเลยแม้แต่น้อยเก๋อมู๋กวงขึ้นหน้ามาสองก้าว พิจารณานางสองรอบ "เจ้าเป็นใคร?""นายท่าน ข้าสกุลเซี่ยน เป็นพี่สาวบุญธรรมของฮูหยินฟู่"เซี่ยซื่อกับอันห่าวพักอยู่ในตระกูลฟู่มาระยะหนึ่งแล้ว เสิ่นเชี่ยวหลังจากรู้เรื่องพวกนางแม่ลูก เพื่อให้นางอยู่ได้อย่างสบายใจ จึงยอมรับนางเป็นพี่สาวบุญธรรม เรียกกันแบบพี่น้องเดิมทีก่อหน้านี้เซี่ยซื่อเป็นพี่สะใภ้รองของนาง พวกนางเองก็เข้ากันได้ดีที่สุดตอนนี้พอมาเป็นพี่น้อง จึงยิ่งใกล้ชิดขึ้นไปอีกอันห่าวเองก็เรียกนางว่าน้าเล็กเช่นนี้ฟู่จาวหนิงพอเรียกเซี่ยซื่อว่าน้าเซี่ย จึงยิ่งดูสนิทสนมความคิดนี้ทำให้เซี่ยซื่อซาบซึ้งมาก นางตอนนี้เองก็มองตนเองเป็นคนในบ้านตระกูลฟู่ไปแล้ว ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ ตอนที่คนอื่นในบ้านไม่อยู่ จึงเป็นนางที่ออกมารับมือกับคนนอก"ฮูหยินฟู่?"เก๋อมู่กวงหลังจากตั้งตัวได้สีหน้าก็เย็นชาลง "ลูกชายของนางก็คือเฮ่อเหลียนเฟย! เรียกเขาออ
เก๋อมู่กวงคิดไว้ดิบดีเขานำราชองครักษ์ตรงไปยังบ้านตระกูลฟู่อย่างอาจหาญ ตามทางก็มีสายตาไม่น้อยที่ให้ความสนใจเหล่าประชาชนทยอยกันเลี่ยงออก สายตาตกตะลึง"นี่มันเกิดอะไรขึ้น?""คงไม่ได้ไปค้นบ้านใครหรอกใช่ไหม?""เช่นนั้นก็ตามไปดูดีไหม?"และมีคนไม่น้อยที่ชอบชมมหรสพ พวกที่อยากรู้เรื่องชาวบ้าน จึงทยอยกันตามมาด้านหลัง แค่ไม่นานก็มาถึงบ้านตระกูลฟู่ประชาชนบนถนนเส้นที่บ้านตระกูลฟู่อยู่พอได้ยินเสียงก็ออกมาดูกัน"นี่มาบ้านตระกูลฟู่หรือ?""ไม่หรอกกระมัง? ตอนนี้ยังมีคนกล้าหาเรื่องบ้านตระกูลฟู่อีกหรือ?"ยังมีคนรู้สึกไม่น่าเชื่อ เรื่องที่ฟู่จาวหนิงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรื่องนึง แต่ที่สำคัญที่สุดคือนางตอนนี้เข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่แล้ว กลายเป็นหมอเทวดาแล้วพวกเขาที่เป็นเพื่อนบ้านยังรู้สึกมีเกียรติไปด้วยนางเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน เพื่อนบ้านเหล่านี้ก็รู้สึกเหินห่างแล้ว รู้สึกว่านงสูงส่ง เป็นคนที่พวกเขาไม่อาจสัมผัสได้เหมือนอยู่บนก้อนเมฆอย่างไรอย่างนั้นกระทั่งคนในบ้านตระกูลฟู่ พวกเขายังรู้สึกว่าอยู่กันคนละโลกกับตนเองแต่ตั้งแต่ที่รู้ว่าฟู่จาวหนิงเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ เพื่อนบ้านเหล่านี้ก็มีไมต
"องค์จักรพรรดิเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด อ๋องเจวี้ยนยังไม่กล้าที่จะขัดพระราชโองการ แล้วแค่พระชายาคนเดียว?" เก๋อมู่กวงพอหันมาจริงจัง ก็พูดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่นองค์จักรพรรดิได้ยินคำนี้ ก็รู้สึกว่ารื่นหูดี เขาฟังแล้วเบิกบานแต่เบิกบานก็ส่วนเบิกบาน ความจริงมันไม่ใช่เช่นนั้น!"อ๋องเจวี้ยนเป็นน้องชายแท้ๆ ของข้า นับตั้งแต่กิดมาก็สุขภาพอ่อนแอป่วยหนัก แล้วยังมาโดนพิษอีก ตอนนั้นข้าลั่นคำสาบานต่อหน้าเสด็จพ่อไว้ ว่าจะดูแลเขาให้ดี"กตัญญูรู้คุณ มีน้ำใจ เป็นพี่ชายที่ดี เหล่านี้คือชื่อเสียงที่เขาต้องการ แน่นอน การลั่นคำสาบานที่รุถแรงไว้จึงเป็นจุดสำคัญองค์จักรพรรดิจะมากน้อยก็ยังกลัวจดนี้ ไม่เช่นนั้นหลายปีนี้ทำไมเขาถึงไม่กล้าลงมือจัดการกับอ๋องเจวี้ยนอย่างโจ่งแจ้งล่ะ?ยังมีอีกเรื่องหนึ่งคือ เพราะองค์รักษ์เงามังกรอยู่ในมืออ๋องเจวี้ยน ตอนนี้องครักษ์เงามังกรคุ้มครองอ๋องเจวี้ยนอยู่ ถ้าหากเรื่องราวใหญ่โตขึ้นจริงจนองครักษ์เงามังกรหันกลับมาเล่นงานองค์จักรพรรดิอย่างเขา เช่นนั้นเขาคงจะกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งใต้หล้าแน่องครักษ์เงามังกรจงรักภักดีมาตลอด ถ้าหากหันมารับมือกับองค์จักรพรรดิเข้า ยังไม่ต้องพูดเรื่องกล
"องค์จักรพรรดิ ถึงไม้พวกเรายังไม่ได้ตรวจสอบชัดเจน แต่ก็มีเบาะแสบ้างแล้ว คนเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับลัทธิเทพทำลายล้าง แต่ว่าพวกเขาไม่ใช่สาวกลัทธิเทพทำลายล้าง เหมือนจะร่วมมือกับลัทธิเทพทำลายล้างเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายร่วมกัน เพียงแต่พวกเรายังไม่ได้สืบอย่างละเอียดว่ามีเป้าหมายอะไรกันแน่"เก๋อมู่กวงตอนนี้จึงเพิ่งพูดจุดสำคัญ "แต่ว่า!""ตกใจหมด!" องค์จักรพรรดิถูกเสียงสูงกะทันหันของเขาทำเอาสะดุ้งนี่กลับมาจากเมืองชายแดนมีแต่พวกหยาบกร้าน ไม่ได้มีมารยาทเลยสักนิด ทำอะไรของเจ้ากัน? พูดจาก็ให้มันดีดีหน่อย"องค์จักรพรรดิ แต่ว่าระหว่างทางที่ข้าน้อยกลับเมืองหลวงได้เจอกับผู้ช่วยที่เก่งกาจของราชาเฮ่อเหลียนคนหนึ่ง ชื่อว่าโป๋จี ยิ่งไปกว่านั้น ข้าน้อยยังจับกุมเขาไว้แล้ว! ด้วยเหตุนี้ทำให้แปดคนที่ข้าพาไปด้วยตายกันหมด...."พอถึงประโยคนี้ เก๋อมู่กวงก็ชะงักไปเรื่องนี้พูดไปดูจะไม่ค่อยมีเกียรติเท่าไร แต่โป๋จีก็ร้ายกาจจริงๆ เขาผลักผู้ใต้บัญชาแปดคนเข้าไปหาอีกฝ่าย ต่อสู้แบบไม่พัก จนโป๋จีหมดแรง ตนเองจึงขึ้นไปแต่ว่า เขาเองก็ร้ายกาจมาก คนทั่วไปใครจะจับโป๋จีเป็นๆ ได้ แล้วยังคุมตัวกลับเมืองหลวงได้อีก"โอ๋?
เขาไม่ได้พบจักรพรรดิมาสามปีแล้ว ครั้งนี้พอเห็นองค์จักรพรรดิ ก็รู้สึกว่าเหมือนจะแก่ลงไปสิบปี ยิ่งไปกว่านั้นยังอวบอ้วนขึ้นเป็นลูกหมั่นโถวอีก ไม่ปกติเสียเลยแต่ในวังมีหมอหลวงนี่ การกินดื่มขององค์จักรพรรดิต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่มีทางมีปัญหาแน่นอนขณะที่กำลังตกตะลึงเขาก็ได้ยินเสียงย้อนถามอย่างขุ่นเคืองขององค์จักรพรรดิ พอสะดุ้งเฮือก ก็รีบตั้งสติกลับมา"องค์จักรพรรดิ ข้าน้อยมีเรื่องการทหารกลับมารายงานพะย่ะค่ะ!""ไม่ใช่ว่าเขียนหนังสือราชการมาตลอดหรอกหรือ" ยังต้องมาด้วยตัวเองอีก?การมาด้วยตัวเอง ความรู้สึกนี้เหมือนกับจะบีบให้เขาต้องจัดการ องค์จักรพรรดิค่อนข้างไม่ชอบความรู้สึกนี้เก๋อมู่กวงในใจอดบ่นขึ้นมาไม่ได้เพราะรายงานด่วน ส่งหนังสือราชการมาตลอดนี่ไง อย่างน้อยก็ควรจะมีการตอบกลับบ้างไหม? นี่แต่ละครั้งส่งเข้ามาก็เหมือนวัวดินจมก้นทะเล ไม่มีการตอบกลับอะไรเลย แล้วจะให้พวกเขาทำอย่างไร?เพราะแบบนี้ ขุนพลถึงได้ส่งเขามานี่ไง?แต่เก๋อมู่กวงก็ไม่กล้าสงสัยต่อตัวฝ่าบาท เพียงแค่หยิบจดหมายออกมา ประเคนให้ด้วยมือทั้งสอง"รายงานองค์จักรพรรดิ สถานการณ์เมืองหูทางนั้นไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ไม่อาจรอได้แ
จูบนี้ทำให้เซียวหลันยวนใจยวบลงมา"วางใจเถอะ ข้าไม่ให้ตัวเองเกิดเรื่องหรอก"เพื่อให้หลังจากนี้สามารถอยู่กับนางได้นานๆ เขาเองก็จะหวงแหนชีวิตด้วยถ้าเขาตายไป หลังจากนี้นางก็จะมีคนอื่นน่ะสิ แค่เขาคิดว่านางต้องไปอยู่ในอ้อมกอดคนอื่น ใจเขาก็เหมือนถูกโยนเข้าไปในทอดในกะทะแล้วไม่ได้เด็ดขาด"ข้าเองก็จะระวังด้วย" ฟู่จาวหนิงตอบริมฝีปากเซียวหลันยวนประกบลงมาหลังผ่านไปเนิ่นนาน ด้านนอกก็มีเสียงชิงอีดังขึ้น"อะแฮ่ม ท่านอ๋อง พระชายา ผู้ตรวจการอันถามว่าจะออกเดินทางได้หรือยัง?"เซียวหลันยวนปล่อยตัวฟู่จาวหนิง หยิบหน้ากากขึ้นมาสวม"ครึ่งเดือนนะ"เขาเน้นมาอีกรอบ"ได้" ฟู่จาวหนิงริมฝีปากแดงระเรื่อ พอได้ยินเขากังวลว่าตนเองจะไม่กลับมาตามเวลา จึงหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "ถ้าข้าไม่กลับมาท่านก็ไปจับข้าสิ"อืม ถ้าหากนางกลับมาตรงเวลาไม่ได้ เขาคงจะมาจับตัวไปจริงๆจะอาลัยอาวรณ์แค่ไหน ก็ต้องแยกกันแล้วเซียวหลันยวนขี่ม้า มองขบวนที่ค่อยๆ ห่างออกไป จนกระทั่งลับสายตา เขาจึงหันหัวม้ากลับ "กลับเมือง"พอฟู่จาวหนิงไป ความรู้สึกตอนเข้าเมืองหลวงก็เหมือนเมืองว่างเปล่าไปเสียอย่างนั้น"เอาจดหมายนั่นไปแช่น้ำเสย ให้อักษร
"อักษรเฮ่อเหลียนหรือ?"แย่ล่ะ นางอ่านไม่ออกเซียวหลันยวนเองก็มองจดหมายด้วย"ไม่มีชื่อเรียก" เขาพูดขึ้นคำหนึ่ง กวาดตาอ่านจดหมาย จากนั้นจึงยื่นให้กับฟู่จิ้นเชิน"ลองดูว่าอ่านออกไหม"ฟู่จิ้นเชินเรียนภาษาเฮ่อเหลียนมายังไม่นานมากนัก อ่านจดหมายนี้ออกไม่ถึงครึ่ง อ่านไม่ออกทั้งหมดแต่เขาก็ยังอ่านอย่างละเอียด จากนั้นจึงมองเซียวหลันยวน"ท่านน่าจะอ่านออกไหม?"ฟู่จาวหนิงเองก็มองเซียวหลันยวนสองพ่อลูกมองเขาแบบนี้ สีหน้าเองก็ยังคล้ายกัน"จดหมายนี้ ไม่ได้เขียนให้กับเสี่ยวเฟย" คำพูดของเซียวหลันยวนทำให้ฟู่จิ้นเชินถอนใจโล่ง"เช่นนั้นเรื่องก็ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวเฟยแล้วสิ พวกเขาคิดจะลากเสี่ยวเฟยลงน้ำ ทำเรื่องให้ยุ่งยาก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วมาคลำจับปลาในน้ำขุ่น"เซียวหลันยวนพยักหน้า "บนจดหมายบอกว่า สัญญาที่สามแคว้นลงนามร่วมกันในครั้งนั้น ตอนนี้มีสองฝ่ายทรยศขึ้นแล้ว แคว้นเจาถ้าหากยังไม่มีการเคลื่อนไหว ก็จะเท่ากับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ชะตากรรมแคว้นเจาเองก็ใกล้จะหมด แต่ถ้าหากสามารถแย่งโอกาสในเรื่องนี้ได้ ก็น่าจะสามารถทำให้โชคชะตาขยายขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แคว้นพันธมิตรทั้งสองนั่นใกล้จะหาของพบแล้ว แ
เซียวหลันยวนโอบไหล่ฟู่จาวหนิงไว้ จับนางหมุนตัว อุ้มนางกลับไปบนรถม้า"เป็นของสกปรกที่เจ้ามองแล้วเสียสายตาน่ะ ไปเถอะ ได้จดหมายมาแล้ว กลับรถม้าไปดูว่ามันคืออะไร"เซียวหลันยวนพานางกลับไปรถม้าด้านหน้าสายตาของฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียนเก็บกลับมาจากแผ่นหลังพวกเขา"ใต้เท้าอันที่รวดเร็วดีจริง" ฟู่จิ้นเชินมองๆ อันเหนียน"คุณชายฟู่เองก็ด้วย" อันเหนียนเอ่ยขึ้นฟู่จิ้นเชินอยากบอกว่า ว่านั่นเป็นลูกสาวของข้า ที่ข้าเครียดก็เป็นเรื่องปกติ แต่ใต้เท้าอันท่าน...อันเหนียนมองไปทางชิงอี "นี่ต้องไปหาเสื้อผ้ามาให้เจ้าคนนี้ใส่ด้วยใช่ไหม?"คนผู้นี้ยังตายไม่ได้ แต่คงจะห่อพรมแล้วหิ้วไปแบบนี้ก็ไม่ได้กระมัง?"ข้าจะไปเอามาเดี๋ยวนี้" ชิงอีเอ่ยขึ้นชิงอีไปหาเสื้อผ้ามา สวมเข้าไปบนตัวโป๋จีอย่างหยาบคาย ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งเขาต้องมาแต่งตัวให้กับผู้ชายไม่น่ามองแบบนี้ชิงอีปวดใจ ชิงอีไม่กล้าพูดฟู่จาวหนิงกลับขึ้นไปบนรถม้าตนเองอีกรอบ เห็นเซียวหลันยวนตามขึ้นมาก็เอาม่านรถลงมาบังไว้มิดชิด จากนั้นจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้น"ท่านฉีกเสื้อผ้าของโป๋จีนั่นออกหรือ?"เดิมทีเซียวหลันยวนไม่คิดว่าเรื่องนี้ตนเองทำอะไรประหลาด หลังจากที่ฟ
เขากดลงไปบนแผลเป็นนั่น จากนั้นก็หยิบมีดเข้ามา "ชิงอี เตรียมยาห้ามเลือด""่ขอรับ""ท่านจะไม่เอาคนไปกรีดด้านนอกหรือ?" ฟู่จิ้นเชินมองเขาอย่างพูดไม่ออกไม่หรอกกระมัง คิดจะผ่าแผลเป็นนี้ในรถม้าเลยหรือ?อย่างน้อยก็พิจารณาหน่อยสิว่าเขาต้องอยู่ในรถม้าอีกหลายวันนะเซียวหลันยวนชะงักไป จัดการเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นบนตัวโป๋จี "หยุดรถ"รถม้าหยุดลง เขาหิ้วตัวคนออกมา จากนั้นก็โยนลงบนหิมะ เดินเข้าไปเตรียมมีด"ซี๊ด ท่านอ๋อง ท่านคิดจะทำอะไรกับเขา?"รถม้าของอันเหนียนอยู่ด้านหลัง พอรถม้าข้างหน้าหยุดพวกเขาก็ต้องหยุดลงมา ผลคืออันเหนียนพอเลิกม่านรถออกก็เห็นการเคลื่อนไหวของเซียวหลันยวนเขาเหลือบไปมองดูโป๋จีบนพื้นผาดหนึ่ง แทบจะต้องล้างตาเลยทีเดียวอ๋องเจวี้ยนตัดชุดบนตัวเขาออกหมดแล้ว!เซียวหลันยวนเหลือบตามอง "เจ้าจัดกลุ่มคำเสียใหม่นะ"ประโยคนี้เรียนมาจากจาวหนิง เขารู้สึกว่าน่าเกรงขามดีแล้วก็ตามคาด พอได้ยินเสียงเขา อันเหนียนก็เปลี่ยนคำใหม่ "ค้นเจออะไรหรือยัง?"เซียวหลันยวนไม่ตอบเขา ถือมีดไปกรีดแผลเป็นนั้นบนแขนโป๋จีเลือดไหลออกมาอันเหนียนลงจากรถม้า ยืนมองอยู่ข้างๆหรือว่าจะซ่อนจดหมายไว้ใต้แผลเป็นหรือ