มือของเขายังอุ่นอยู่ แต่ว่าฟู่จาวหนิงมองปัญหาที่นี่ไม่ออกเสียที่ไหน ผ้าม่านที่เคยมีไม่อยู่แล้ว เตาด้านในก็ไม่มีอีกในห้องขังเย็นยะเยือกแค่วันเดียว ที่นี่ก็เย็นกว่าก่อนหน้าหลายเท่าตัว ดูท่าหัวหน้าคุกจะเล่นตุกติกไปไม่น้อย"สืออี เอายาให้เขาเม็ดหนึ่ง" เขาบอกกับสืออี จากนั้นก็เอากล่องยาวางบนพื้น เปิดออก หยิบหน้ากากอนามัยผ้าฝ้ายชิ้นหนึ่งขึ้นมาสวมนี่เป็นสิ่งที่นางทำเอง ด้านในมีชั้นกรองอยู่ ด้านนอกก็ใช้ผ้าฝ้ายที่มีในยุคนี้เย็บเป็นสองชั้น ดังนั้นจึงมองไม่ออกไม่เห็นเทคโนโลยีชั้นสูงด้านในหลังจากสวมแล้ว นางก็หยิบถุงมืออีกคู่หนึ่งออกมา ดัดแปลงไว้เช่นเดียวกัน อำพรางถุงมือแพทย์ไว้ใต้ผ้าฝ้ายบางๆ ชั้นหนึ่ง"หนิงหนิง คนคนนั้นตายแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโรคร้ายแรงด้วย เจ้าอย่าเข้าไป" เซียวหลันยวนพอเห็นท่าทางของนางก็รู้ว่านางคิดจะทำอะไรเขายื่นมือไปจับแขนนางไว้ทันที"ปล่อยมือ""อย่าเข้าไป" เซียวหลันยวนถูกตางามของนางจ้องเขม็ง รู้อยู่แล้วว่านางโกรธ เพียงแต่ว่ายังไม่รู้ว่านางโกรธอะไรแต่โรคของคนผู้นั้น เขาไม่วางใจจะให้นางเข้าไปสัมผัสใกล้ๆ"ในเมื่อรู้ว่าโรคของเขาเป็นโรคระบาด แล้วท่านทำไมถึงคิดจะ
อันที่จริง ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึก จากนิสัยและวิธีการของเซียวหลันยวน ครั้งก็น่าจะมีวิธีเลี่ยงการติดคุกสองเดือนนี้ได้หรือก็คือ ตอนแรกก็ถูกขังในนามสักนิดหน่อย จากนั้นค่อยคิดหาวิธีออกมาต่อให้เดิมทีจะวางแผนเข้ามาอยู่ในคุกตามคำสั่งราชโองการ แต่นั่นก็เป็นแผนที่วางไว้แล้วแต่จักรพรรดิกลับใช้ไม้นี้ออกมา!โยนคนป่วยเข้ามาแบบนี้ คิดจะให้เขาติดโรคประหลาดนั่นแล้วตายไปอย่างไร้เกียรติ!เซียวหลันยวนก็ยังทนอีกนี่จึงทำให้ฟู่จาวหนิงโกรธแล้ว นางโกรธที่เขาไม่สนใจสุขภาพของตนเองนางกว่าจะรักษาเขามาได้ นี่เพิ่งจะดีขึ้นเท่าไรเอง?เขาก็เริ่มที่จะไม่สนใจหันกลับมาทรมานตัวเองอีกแล้วหรือ?แต่ว่าตอนนี้พอได้ยินคำพูดของเซียวหลันยวน นางก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง"ไท่ซ่างหวงไม่ใช่ว่าโปรดปรานท่านเป็นพิเศษหรอกหรือ?"หลังจากพูดคำนี้ออกไป นางเองก็คิดเข้าใจแล้วไท่ซ่างหวงจะโปรดปรานก็ส่วนโปรดปราน แต่ว่า แม่บังเกิดเกล้าของเซียวหลันยวน เป็นลูกสาวของจักรพรรดินีแห่งตงฉิง เซียวหลันยวนเป็นสายเลือดราชวงศ์เพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของแคว้นตงฉิงดังนั้น นี่จึงไม่ถือเป็นสายเลือดราชวงศ์แคว้นเจาที่บริสุทธิ์ ในสายเลือดเขายังมีต
"กลิ่นแรงขนาดนี้ วางไว้ใต้เตียง ชินอ๋องเซียวจะไม่ได้กลิ่นเลยหรือ?""แน่นอนว่าต้องเชิญหมอเทวดาฟู่ของข้าทำน้ำยาที่อำพรางกลิ่นนี้ไว้สิ" เซียวหลันยวนเอ่ยต่อนี่ไม่ใช่ว่าก็ยังต้องมีนางหรือไรกัน?"อย่างนั้นมันเปลืองแรงไป การจะเอาศพไปซ่อนไว้ใต้เตียงเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้น ข้าจัดการเอง"ฟู่จาวหนิงเดิมทียึดตามความคิดนี้นางจะไม่ปล่อยชินอ๋องเซียวไป!"ข้าจะไปเอาของมาบางส่วน ถึงตอนนั้นใส่เข้าไปในผ้าห่มชินอ๋องเซียวก็พอ ตรงประเด็นกว่า""หนิงหนิง ถ้าสัมผัสกับคนคนนั้นจะติดโรคได้ง่ายใช่ไหม?" เซียวหลันยวนไม่อยากให้นางต้องเสี่ยง"ข้าเป็นหมอนะ ข้าระวังตัวข้าเอง!" ฟู่จาวหนิงถลึงตามองเขา "รีบปล่อยมือ เดี๋ยวคนเข้ามาจะไม่ทันการเอา"เซียวหลันยวนเห็นความเด็ดเดี่ยวของนางแล้ว ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะขวางได้จริงๆ จึงทำได้แค่ถอนหายใจยาว ปล่อยมือออกฟู่จาวหนิงเดินเข้าไป ยื่นมือล้วงกุญแจพวกหนึ่งออกมาสืออีพอเห็นก็ตกตะลึงแต่ก็นึกออกอย่างรวดเร็วว่าเมื่อครู่นี้ที่พระชายาแฉลบผ่านตัวผู้คุมเหล่านั้นก็เหมือนจะทำอะไรไปนิดหน่อยแค่จังหวะที่เดินผ่านตัว พระชายากลับปลดกุญแจของผู้คุมลงมาเสียแล้วพระชายามีฝีมือด
สืออีเองก็ตกตะลึงไปเมื่อครู่ท่านอ๋องยังดูดีดีอยู่เลย ตอนนี้พระชายายังไม่ได้หารือกับเขา ก็ให้ท่านอ๋องแกล้งป่วยเสียแล้ว มันจะหลอกได้หรือ?แต่พอเขามองเข้าไปในห้องขังอีกครั้ง กลับเห็นอ๋องเจวี้ยนนั่งอยู่บนพื้นไปแล้ว หัวพิงกับประตูลูกกรง มือเองก็ห้อยตกลงมา"ท่านอ๋อง!" สืออีร้องเสียงหลงปฏิกิริยานี้ของเขามันของจริงนี่นาผู้คุมพอเห็นอ๋องเจวี้ยนเป็นเช่นนี้ก็ตกใจสะดุ้งโหยงไม่ใช่สิ?เห็นผลเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?พวกเขามองไปที่ห้องขังฝังตรงข้ามด้วยสัญชาตญาณ ถอยออกไปหลายก้าวเมื่อครู่ที่พวกเขาเข้ามาช้าหน่อย อันที่ก็เพราะกลัวศพนี่ พวกเขาล้วนรู้ว่าคนผู้นี้เป็นโรคสกปรก ถ้าเผื่อถูกระบาดเข้ามาจะทำอย่างไร?ดังนั้นผู้คุมพวกนั้นจึงผลักกันไปผลักกันมา ต่อมาพอไม่มีทางเลือก ถึงได้มีสองตัวซวยนี้เข้ามาตอนนี้พอเห็นสภาพของอ๋องเจวี้ยน พวกเขาก็อดถอยหนีอย่างหวาดกลัวไม่ได้"อ๋องเจวี้ยนเป็นอะไรไป?""เป็นอะไร? พวกเจ้าก็รู้อยู่แกใจดีไม่ใช่หรือ?" ฟู่จาวหนิงตะคอกใส่เสียงเย็ฯชา "เตาที่ข้าเอามาก่อนหน้านี้ล่ะ? ผ้าม่านล่ะ? หายไปไหนหมดแล้ว! ท่านอ๋องของข้าป่วยมาตั้งยี่สิบปี ร่างกายเดิมทีก็อ่อนแอมาก แล้วยังต้องอยู่ใ
สืออีรีบเข้ามา แบกเซียวหลันยวนขึ้นหลังพอแตกโดนเซียวหลันยวน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปท่านอ๋องตัวแข็งเหมือนกับน้ำแข็งจริงๆ! เย็นกว่าน้ำแข็งเสียอีก!ถึงแม้เขาคิดว่านี่น่าจะเกี่ยวอะไรกับยาเม็ดนั้นที่พระชายามอบออกไปแน่นๆ แต่ก็ยังรู้สึกน่าตกใจมากอุณหภูมิร่างกายเช่นนี้ ท่านอ๋องจะไม่เป็นไรจริงหรือ?"ไป กลับไปจวนอ๋องเจวี้ยนเดี๋ยวนี้" ฟู่จาวหนิงแบกกล่องยาเดินนำหน้า กุญแจพวกนั้นก็โยนคืนให้ผู้คุมไป "พวกเจ้าถ้ากล้าขวาง ข้าจะแทงเข็มใส่เสีย!"ผู้คุมพวกนั้นตอนนี้ยังยืนกันอยู่ด้านอกคุกเลย ผู้คุมสองคนนี้ยังกล้าเสียที่ไหนพวกเขามองฟู่จาวหนิงพาคนออกไปอย่างทำอะไรไม่ได้แต่ว่า มือที่ห้อยลงมาของอ๋องเจวี้ยนนนั่น หลังมือกลายเป็นสีขาวเขียวไร้สีเลือด เหมือนเย็นจัดจนจะจับน้ำค้างแข็งขึ้นมาเลยทีเดียว ราวกับเป็นมือของคนที่แข็งตาย มีผู้คุมหลายคนที่มองเห็นและเพราะเห็นเข้าพอดี พวกเขาจึงไม่มีใครกล้ามาขวาง อันที่จริงในใจก็ยังสั่นกลัวอยู่ อ๋องเจวี้ยนคงไม่ได้ตายไปจริงๆ หรอกนะ?สืออีพาเซียวหลันยวนแบกขึ้นรถม้า ฟู่จาวหนิงเองก็ตามขึ้น"กลับจวนอ๋อง""ขอรับ"รถม้าแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ล้อรถม้ามีเกล็ดหิมะติดอยู่"
ชินอ๋องเซียวคิดจะเข้าวังรายงานกับองค์จักรพรรดิ หารือถึงขั้นต่อไปกับองค์จักรพรรดิ แต่เขาก็ถูกกันเอาไว้ที่นอกประตูเสียแล้ว"ผู้บัญชาการอวี๋หมายความว่าอย่างไร?"ผู้บัญชาการอวี๋ไม่ได้อยู่ตรงหน้าชินอ๋องเซียว แต่ให้ราชองครักษ์หลายคนมาขวางเซียวเหยียนจิ่งไว้ ส่วนตัวเขาก็อยู่ด้านหลังห่างออกมาหน่อยหลายเดือนนี้ ชินอ๋องเซียวยกระดับฐานะขึ้นมาในใจองค์จักรพรรดิ เข้าวังบ่อยครั้ง องค์จักรพรรดิเองก็ให้อำนาจกับเขาระดับหนึ่ง สามารถเข้าออกวังเพื่อพบพระองค์ได้ตลอดเวลานี่เป็นครั้งแรกที่ถูกกันเอาไว้นอกประตูวังผู้บัญชาการอวี๋คนนี้ก่อนหน้าก็เอาอกเอาใจเขาอยู่ พอเห็นเขาก็รีบเอาอกเอาใจไม่หยุด แต่ตอนนี้กลับยืนห่างหลายก้าวโดยมีราชองครักษ์กั้นกลาง สายตาเองก็ดูห่างเหินขึ้นมาชินอ๋องเซียวใจดำดิ่งลงมา"ชินอ๋องเซียว วันนี้ฝ่าบาทไม่ว่าง ไม่ขอพบท่านแล้ว เชิญท่านกลับไปก่อน" ผู้บัญชาการอวี๋เอ่ยขึ้น"ไร้สาระ ที่ข้ามาเข้าวังก็เพราะเป็นห่วงพระองค์ องค์จักรพรรดิก่อนหน้านี้พูดอยู่แท้ๆ ว่ามีเรื่องอะไรให้เข้าวังมาแจ้งได้เลย นี่เจ้าคิดจะทำอะไร?""นั่นเป็นเรื่องก่อนหน้าของวันนี้นี่? ถึงอย่างไรช่วงนี้องค์จักรพรรดิก็ไม่ว่าง
เขาจนกรอบแล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้ไท่ซ่างหวงก็ไม่ได้ทิ้งของไว้ให้เขาเท่าไรนัก! ไท่ซ่างหวงตอนที่สละบัลลังก์ให้เขาก็บอกกับเขาว่าเราจนมาก ไม่ใช่แค่ในคลังหลวงที่ว่างเปล่า กระทั่งคลังส่วนตัวก็มีของอยู่ไม่กี่ชิ้นไท่ซ่างหวงยังพูดอย่างน่าฟังไว้ว่า เหลือบังลังก์จักรพรรดิที่น่าสมเพชนี่ไว้ให้เขา ต้องขอโทษเขาด้วย แต่ก็ยังหวังว่าเขาจะสามารถเป็นองค์จักรพรรดิที่ดีได้ ใช้ความพยายามอย่างมากทำให้ประชาชนมีคืนวันที่ดี แล้วทำให้คลังหลวงอุดมสมบูรณ์ขึ้นมาถุดเขาไม่เชื่อหรอกว่าสมบัติไท่ซ่างหวงจะใช้ออกไปจนหมดในภัยพิบัติครั้งใหญ่ก่อนหน้านั้นจะต้องเอาไปให้เซียวหลันยวนแน่ๆทำเอาเขาตอนนี้แค่จะให้รางวัลกับพระชายาที่รักก็ยังไม่มีของดีดีที่จะหยิบออกมาของที่เซียวหลันยวนไปนำมาเมื่อปีที่แล้ว มันคืออะไรกันแน่นะ? ไท่ซ่างหวงทิ้งสิ่งยืนยันเอาไว้ให้เขาสามชิ้น แล้วให้เขาไปได้อะไรมากัน?องค์จักรพรรดิอยากหาโอกาสส่งคนเข้าไปค้นในจวนอ๋องเจวี้ยนมากแต่นี่ก็นานมากแล้ว เขาก็ยังหาโอกาสที่ดีข้ออ้างที่ดีไม่ได้เลยตอนนี้เซียวหลันยวนน่าจะติดโรคนั้นแล้ว เขายิ่งไปจวนอ๋องเจวี้ยนไม่ได้อีกองค์จักรพรรดิเรียกองครักษ์ลับ สีหน้าเคร่งขร
คนไม่น้อยที่เห็นใจอ๋องเจวี้ยนเพราะอ๋องเจวี้ยนร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เกิด ตอนเด็กก็ยังถูกวางยาพิษอีก หลายปีมานี้ต้องไปอยู่ที่ยอดเขาโยวชิง ใช้ชีวิตที่ห่างจากอำนาจและความสูงส่งต่อมายังข่าวลือเรื่องที่หน้าตาของเขายับเยินไปแล้วอีกถึงอย่างไร คนทั้งเมืองหลวงก็รู้กันเกือบหมด ว่าอ๋องเจวี้ยนถ้าไม่เจอกับเรื่องเหล่านั้น อ๋องเจวี้ยนในตอนนี้จะต้องเป็นท่านอ๋องที่หล่อเหลาที่สุดในใต้หล้าไปแล้วพอเขาปรากฏตัวคงได้สะเทือนไปทั้งบางแน่นอน ยังไม่รุ้ว่ามีแม่นางตั้งเท่าไรที่อยากแต่งงานกับเขา เขาไม่รู้เลยว่าตนเองหล่อแล้วและโดดเด่นเพียงไรแต่ตอนนี้แค่เอ่ยชื่อเขาก็รู้สึกใจไม่สงบขึ้นมาเสียแล้ว"ไท่ซ่างหวงของพวกเจ้าไม่ใช่ว่าโปรดปรานเขามากหรือ?"จวนตระกูลอัน องค์หญิงหนานฉือกำลังแทะเมล็ดบัวพลางคุยกับพี่น้องอันเหนียนอันชิง อันที่จริงวันนี้พวกนางก็ได้ข่าวนั้นแล้วเช่นกันองค์หญิงหนานฉือส่งคนไปหาข่าวที่จวนอ๋องเจวี้ยนเป็นลำดับแรก แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา จวนอ๋องเจวี้ยนปิดประตูไม่รับแขกใครไปก็ไม่ยอมเปิดประตูจวนอ๋องให้หลังจากกลับมาองค์หญิงหนานฉือจึงดึงอันเหนียนที่เพิ่งเลิกประชุมเช้า กับอันชิงที่กังวลใจมากมานั่งคุยก
"ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังไม่ป่วยหนัก เขายังนอนอยู่กับเขาตั้งหลายวัน อาบน้ำด้วยกัน แต่หลังจากเขาป่วยก็จะให้ข้ามาคอยปรนนิบัติรับใช้ ข้าก็ไม่ชอบใจ เลยไปหางานทำที่แถวริมแม่น้ำ ออกไปหลายวันอยู่""ต่อมาพอใกล้จะสิ้นปี ข้าก็กลับเมืองหลวงมาหาเขา กลับพบว่าในบ้านเขาไม่มีคนแล้ว เดิมทีเขาเป็นพวกที่ชอบไปเตร่ตามบ่อนพนันอยู่ทุกวัน เพื่อนบ้านล้วนรังเกียจเขา หลีกห่างจากเขา ดังนั้นเขาหายตัวไปหลายวันจึงไม่มีใครรู้""ตอนที่ข้าเข้าไปอยู่ก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน หาตัวอยู่สองวันก็ไม่เจอ ข้าเองก็ไม่สนใจแล้ว จึงพักอยู่ที่บ้านเขาไปเลย ตอนปีใหม่มีคนมาที่บ้านเขา พูดจาน่าสงสารแล้วยังไม่มีที่ไปอีก ข้า ข้าเลยให้อยู่ที่บ้าน ถือว่าทำดี"ซุนจู้พูดถึงตรงนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกผิดปกติขึ้นมา จึงถามไปคำหนึ่ง "ใครกัน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?"ซุนจู้เดิมทีก็ไม่อยากตอบ แต่ชีวิตเขาตอนนี้อยู่ในกำมือฟู่จาวหนิงแล้ว ไม่กล้าที่จะไม่ตอบเหมือนกัน"ผู้ ผู้หญิง เป็นแม่ลูกคู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้น้องชายญาติข้าก็ดูแลพวกนางอยู่บ่อยๆ ดังนั้นข้าจึงยอม...""พวกนางทำอาชีพนั้นหรือ?""ใช่ คนแม่ชื่อแม่นางเฉี่ยว อายุสี่สิบกว่า ลูกสาวอายุยี่สิบต้นๆ หน้าต
ที่น่ากลัวที่สุดคือ เขาเหมือนได้ยินว่าข้าราชการได้รับคำสั่งมาว่า ถ้าหากเจอว่าคนในเมืองติดโรคระบาดนี่ ให้ลากไปสุสานรวมศพฆ่าทิ้งแล้วเผาได้เลย จะได้ไม่ระบาดไปหาคนอื่นเขากลัวมาก"ข้าพูด ข้าบอกแล้วได้ไหม?"แต่ว่าชายคนนี้กลับไม่ยอมบอกต่อหน้าคนมากมาย ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้อยากให้คนมากมายได้ยินกัน จึงให้สืออีพาเขาไปในเรือนเล็กๆ ข้างๆมีผู้ดูแลสองคนคอยมองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ พอสบตากันผาดหนึ่ง พวกเขาสองคนก็รู้สึกว่านี่มันเรื่องใหญ่ ต้องไปบอกผู้จัดการใหญ่เสียหน่อยดังนั้นพวกเขาจึงหมุนตัวไปหาต่งฮ่วนจือต่งฮ่วนจือหลายวันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี เพราะเรื่องของเฉินฮ่าวปิงเรือนในซอยกุ้ยเซียงของพวกนางปิดประตูใหญ่ไว้ทั้งวัน เขาไปมาสองรอบก็ไม่ยอมเปิดประตูต่งฮ่วนจือทิ้งจดหมายเอาไว้ บอกให้พวกนางหาเวลามาพบกันหน่อย เขาอยากถามว่าพวกนางเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่หลังจากทิ้งจดหมายไว้ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยแม่ลูกฮูหยินเฉินไม่เห็น หรือว่าไม่สนใจกันแน่?จะอย่างไรเขาก็จินตนาการไม่ออก พวกนางที่เดิมทีดูแล้วเหมือนจะคอยพึ่งพาเขา ตอนนี้ทำไมถึงปลีกตัวออกห่างเขา หลังจากนี้คือขีดเส้นคั้นกับเขาแล้วหรือ?"ผู้จัด
ยังดีที่วันนึงต้มยาไว้สามหม้อใหญ่ ก่อนหน้านี้ขายหมดไปแล้วหนึ่งหม้อ หม้อที่สองยังเหลือกว่าครึ่งก็ถูกปนเปื้อนไปแล้ว นี่ยังมีหม้อที่สามอยู่วันนี้เกรงว่าจะไม่พอขายเสียแล้วพนักงานยกหม้อนั้นขึ้นมา แล้วเททิ้งต่อหน้าคนมากมายเหล่าแขกพวกนั้นพอเห็นยาหม้อนี้ถูกเททิ้ง จึงวางใจกันขึ้นมา"กระบวยนั่นก็ควรจะล้างด้วยไหม?" มีผู้เฒ่าคนหนึ่งกลัวตายมาก ร้องขึ้นมาคำหนึ่งคนข้างๆ ก็อดขำขึ้นมาไม่ได้ "ก็ทิ้งไปเลยไม่ได้หรือ? ยังจะล้างอีก เสียแรงเปล่า"พนักงานพันธมิตรโอสถเองก็จัดการใช้เท้าหักกระบวยนั่นทิ้งไป "ทิ้งเลยทิ้งเลย แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"พวกเขาไปหยิบกระบวยอันใหม่มาแล้วจึงตักให้กับต้วนฉวินคนนั้นก่อนชามหนึ่ง "นายท่านต้วน ของท่านขอรับ""ขอบคุณขอบคุณ" ต้วนฉวินไม่เกรงใจแม้แต่น้อย หลังจากรับไปก็ดื่มจนหมดรวดเดียวยาน้ำชนิดนี้ ถึงจะบอกว่าไม่ได้มีรสชาติดีนัก พอรีบดื่มเขาก็แทบจะอาเจียนออกมาแล้ว แต่ก็รีบสะกดเอาไว้มองหม้อยาที่เต็มเปี่ยมใบนั้น เขายังดูกระสับกระส่ายอยู่ "หมอเทวดาฟู่ ท่านว่าข้าด้องดื่มอีกสักชามไหม?"บอกว่าห้ามดื่มมากไป ถ้าอย่างนั้นเขาดื่มสองชามครึ่ง ก็น่าจะได้อยู่กระมัง?ไม่อย่างนั้นร
นอกจากยาน้ำที่ป้องกันล่วงหน้าเหล่านี้ ฟู่จาวหนิงค้นคว้ายาลูกกลอนรักษาโรคนี้ออกมาแล้ว เพียงแต่ยาเหล่านั้นยังแพงกว่ายาน้ำพวกนี้มาก ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องกินอีกระยะหนึ่งด้วยเดิมทียังคิดอยู่ว่าชินอ๋องเซียวจะมาอ้อนวอนต่อหน้านางไหม ให้นางช่วยรักษาให้ นางเตรียมยาลูกกลอนสำหรับการรักษาสามช่วงไว้แล้วแต่ว่าชินอ๋องเซียวก็ไม่เคลื่อนไหวเลย ฟู่จาวหนิงก็ไม่ไปรักษาอาการเขาให้เองด้วย ยาจึงยังไม่ไปไหนอาการโรคของชายคนนี้ น่าจะกินยาหนึ่งช่วงรักษาก็น่าจะไม่เป็นไรแล้วแต่ว่าเขาก็ไม่พูดความจริงเสียที ฟู่จาวหนิงเองก็จะไม่พูดเรื่องยาลูกกลอนออกมา"ข้าไม่ได้ไปที่อุทยานนั่นนะ! ข้าไม่เคยพบกับชินอ๋องเซียว!"ชายหนุ่มดูตื่นเต้นขึ้นมา อยากจะลุกพรวดขึ้นมาแต่ถูกสะกดจุดไว้จนลุกไม่ขึ้น แต่พอถูกยืนยันว่าติดโรคนั้นแล้ว เขาเองก็รู้สึกใกล้จะเป็นบ้าเหมือนกันไม่รู้ว่าตัวเองจะตายไหม!ถ้าไม่ใช่เพราะเขาถูกสกัดจุด เขาคงเขาไปคว้ามือฟู่จาวหนิงแล้ว เขย่าๆ ให้นางรีบรักษาให้กับตนเอง"พระชายาอ๋องเจวี้ยน เขาติดโรคนั้นแล้วจริงหรือ?"คนที่ล้อมดูอยู่รอบๆ ถามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ฟู่จาวหนิงมองชายคนนี้ จากนั้นก็มองไปทางลูกค้าที่จ้อ
ชายคนนั้นเองก็ถลึงตาโตมองฟู่จาวหนิงด้วยแน่นอนว่าเขาเองก็ได้ยินชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะมีวันหนึ่งได้มานั่งอยู่ตรงหน้าฟู่จาวหนิงใกล้ๆ แบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังจับชีพจรให้ตนเองอีกด้วยนอกจากนี้ สีหน้าของฟู่จาวหนิงก็เคร่งขรึม แต่ไม่ใช่ความรังเกียจหรือหวาดกลัวแบบที่คนอื่นเห็นเขา ไม่มีความไม่สงบไม่มีความกลัวลนลานเอาแค่จุดนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงมีชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริงๆปากของเขาขยับ อยากจะพูดอะไร ต่อให้หมอเทวดาหลี่มาดูอาการให้เขา หมอเทวดาหลี่ตอนนี้ก็น่าจะสีหน้าไม่สู้ดีนักใครจะไม่รังเกียจเขาบ้าง"คลายจุดใบ้ของเขาเสีย" ฟู่จาวหนิงบอกกับสืออีสืออีไม่ลังเล หนึ่งนิ้วกดหนึ่งการเคลื่อนไหว จัดการคลายจุดใบ้ของชายหนุ่มคนนี้ทันทีไม่รอให้ชายคนนี้เอ่ยปาก ฟู่จาวหนิงก็พูดขึ้นว่า "ในเมื่อเจ้ามาที่นี่เพื่อยา เช่นนั้นก็หมายความว่าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ อยากจะรักษาโรคใช่ไหม?"ชายหนุ่มออกแรงพยักหน้าทันทีนี่ก็แน่นอนอยู่แล้ว ถ้ามีชีวิตต่อได้ใครจะอยากตายกัน? ถ้ารักษาโรคได้ ใครจะไม่อยากรักษา?"ในเมื่ออยากจะรักษาโรค เช่นนั้นก็ห้ามอาละวาดอีก ถ้าถามอะไรเจ้าก็ตอบม
ฟู่จาวหนิงเดินมาถึงตรงหน้าเขา เห็นผ้าคลุมหน้าของเขาดึงลงมาปิดปากอีกครั้ง นางพลิกมือ แล้วก็ไม่รู้ว่าในมือปรากฏมีดเล็กเปล่งประกายเล่มหนึ่งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรพอนางโบกมือ ก็ใช้มีดเล็กจัดการกรีดผ้าปิดหน้าของชายคนนั้นออก พอผ้าร่วงลงมาก็เผยสภาพของชายคนนี้ให้เห็นใบหน้าเขา ข้างจมูก มีหลายตำแหน่งเน่าไปแล้วจริงๆ ใบหน้าเองก็บวมแดงขึ้นหน่อยๆมีคนเห็นสภาพเขาก็ร้องตกใจออกมา"หน้าของเขาเน่าไปแล้วจริงๆ!""คนคนนี้ติดโรคระบาดไปแล้ว!"ชั่วขณะหนึ่ง คนทั้งหมดล้วนตกตะลึงถอยห่างอีกครั้ง มีบางส่วนขี้ขลาดกลัวตาย กระทั่งหมุนตัวตั้งท่าจะวิ่งหนีน่ากลัว ที่นี่มีคนป่วยอยู่!ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะถูกระบาดเข้าหรือเปล่า! พวกเขากล้าอยู่ต่อกันเสียที่ไหน?ฟู่จาวหนิงก็เหมือนร้ว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ตอนนี้ถึงอย่างไรก็ให้แขกเหล่านี้ทั้งหมดวิ่งออกไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าพวกเขาเอาออกไปลือกัน ก็ไม่รู้ว่าพันธมิตรโอสถจะถูกลือกันไปแบบไหนดังนั้น นางจึงเอ่ยขึ้นมาว่า"คนผู้นี้ใบหน้าเน่าไปแล้ว แต่พวกเจ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นโรคเดียวกับชินอ๋องเซียวหรือไม่ใช่ไหม? ตอนนี้ข้าจะตรวจอาการเขา ข้ายังไม่หนีเลย แล้วพวกเจ้ากลัวอะไรกั
"พระชายา มีคนมาอาละวาดที่นี่"สืออีสือซานวันนี้ตามมาด้วย ไป๋หู่วันนี้พักผ่อนฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็รู้ว่าตนเองออกมาข้างนอก ในเมืองหลวงก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัย ดังนั้นพอพาสืออีสือซานออกมา นางก็ยังพาเฝิ่นซิงมาด้วยเฝิ่นซิงพอเข้ามาก็ได้ยินชายคนนั้นเอะอะโวยวาย หน้าก็ขรึมลงไปทันทีจากที่นางเห็น พระชายาลงแรงปรุงยาเหล่านี้ คิดเอาไว้อย่างรอบคอบ การให้คนในพันธมิตรมาต้ม ถือว่าพิจารณาเอาไว้รอบด้านแล้ววัตถุดิบยาบวกกับฟืนไฟ แล้วยังมีเงินค่าแรงที่เหล่าพนักงานมาทำให้ หนึ่งชามสิบเหวิน พูดได้ว่าถูกมากแล้วเหล่าประชาชนควรจะรู้สึกว่า่โชคดีจึงจะถูก ทำไมถึงมีคนเข้ามาอาละวาดได้กัน?"สืออีสือซาน เข้าไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็เห็นชายคนนั้นแล้ว ตอนที่นางหันหน้ามา นางก็เห็นชายคลุมหน้าคนนั้นแล้วนางรีบเสริมเข้ามาให้คำหนึ่ง "ระวังหน่อย อย่าให้ถูกเขาข่วน แล้วก็อย่าโดนเลือดเขาด้วย"ถึงแม้ชายคนนี้พันหน้าไว้อาจจะไม่มีเรื่องอะไร แต่ถึงอย่างไรก็มาซื้อยา แล้วยังแต่งตัวเสียขนาดนี้ นางระวังไว้ก่อนดีกว่า"ขอรับ พระชายา" สืออีกกับสือซานช่วงนี้ตามติดฟู่จาวหนิง แน่นอนว่าเข้าใจความหมายของนางอยู่ทั้งสองคนรีบขึ้นหน้าไปแ
เสียงของชายคนนั้นทุ้มต่ำ ดวงตาก็กวาดมองไปทั่ว ไม่กล้าสบตากับพนักงานตรงๆพนักงานเองก็บอกกฏกับเขาแล้ว"ถ้าท่านคิดจะซื้อ ตอนนี้ก็เอาไปก่อนสามชาม""สามชามจะไปพออะไร? ชามของข้านี่อย่างน้อยก็ใส่ได้ยี่สิบชามเลยนะ! เจ้ารีบเติมให้ข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่เกรงใจกับเจ้าแล้วนะ!""คุณลูกค้า ที่นี่เป็นพันธมิตรโอสถ ขอเตือนท่านอย่ามาก่อเรื่องที่นี่เลย" พนักงานหน้าเริ่มดำขึ้นมาแล้วเขาเห็นที่นี่เป็นร้านขายยาธรรมดา เลยคิดจะทำตัวแบบนี้ได้หรือ?"ข้าก็ไม่ใช่ว่าไม่ให้เงินเสียหน่อย! พวกเจ้าถือดีอะไรไม่ขายให้ข้า?""ข้าบอกกฏกับท่านไปแล้ว นี่คือกฏที่หมอเทวดาฟู่วางไว้!""หมอเทวดาฟู่? ก็แค่หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่หรือ? ข้าได้ยินว่าผู้จัดการใหญ่ที่นี่สกิลต่ง ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะตัดสินใจได้เสียหน่อย! นางถือดียังไงมากำหนดกฏเกณฑ์ในพันธมิตรโอสถ?"น้ำเสียงชายพันหน้าฟังแล้วเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว"ยานี้เป็นหมอเทวดาฟู่ที่ปรุงออกมา ถ้าท่านมาดูถูกหมอเทวดาฟู่ เช่นนั้นก็อย่ามาซื้อยาสิ" พนักงานหัวเราะเย็นชาขึ้นมาคนผู้นี้น่าขำเสียจริง มาซื้อยาที่ฟู่จาวหนิงปรุง แต่กลับดูหมิ่นฟูจาวหนิงหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น ใครไม่รู้บ้างว่า
ฟู่จาวหนิงปรับปรุงสูตรยา ใช้วัตถุดิบยาที่หาได้ทั่วไปบางส่วน แล้วตนเองก็ปรับปริมาณให้ จากนั้นทุกวันก็ให้คนของพันธมิตรต้มออกมาสามหม้อใหญ่ แล้วอุ่นบนเตาเอาไว้ตลอดคนที่มาซื้อยาเหล่านั้น สามารถใช้ชามของพันธมิตรโอสถ ตอนที่ดื่มเสร็จแล้ว ก็เอาชามกลับมาได้ตอนแรก ต่งฮ่วนจือรู้สึกว่ายาน้ำเช่นนี้ไม่น่าจะขายออก แล้วยังตั้งสามหม้อใหญ่แน่ะ หม้อนั้นก็ใบมโหฬารเลยทีเดียว เป็นหม้อใหญ่ที่เอาไว้ต้มข้าวต้มให้ผู้ประสบภัยตอนช่วงเกิดภัยพิบัติสมัยก่อนยาน้ำสามหม้อใหญ่เต็ม สามารถขายได้หลายร้อยชามแล้ววันเดียวจะขายออกได้หรือ? มีคนมากมายจะมาดื่มยาน้ำขนาดนี้เลยหรือ? ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็ไม่ใช่ของดีอะไรมากถ้าขายไม่หมดก็ต้องเททิ้ง สิ้นเปลืองวัตถุดิบยาแย่แต่ผู้อาวุโสจี้ก็ตัดสินใจทันที ให้ผู้ดูแลของพันธมิตรโอสถจัดการเรื่องนี้ผลคือพอปล่อยชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงออกไป คนที่มาดื่มยาก็ยังมากกว่าตามโรงน้ำชาหอสุราเสียอีกยาน้ำสามหม้อใหญ่ ขายหมดเกลี้ยงภายในวันเดียววันถัดมา ก็ขายขายหมดเหมือนเดิม กระทั่งมีคนไม่ได้ดื่มด้วยซ้ำ มาถามพวกเขาว่าขายยาไปต้มกินเองเลยได้ไหมแต่ฟู่จาวหนิงก็มีวิธีของนางอยู่ยาชนิดนี้ทำได้แค่ป้