อันที่จริง ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึก จากนิสัยและวิธีการของเซียวหลันยวน ครั้งก็น่าจะมีวิธีเลี่ยงการติดคุกสองเดือนนี้ได้หรือก็คือ ตอนแรกก็ถูกขังในนามสักนิดหน่อย จากนั้นค่อยคิดหาวิธีออกมาต่อให้เดิมทีจะวางแผนเข้ามาอยู่ในคุกตามคำสั่งราชโองการ แต่นั่นก็เป็นแผนที่วางไว้แล้วแต่จักรพรรดิกลับใช้ไม้นี้ออกมา!โยนคนป่วยเข้ามาแบบนี้ คิดจะให้เขาติดโรคประหลาดนั่นแล้วตายไปอย่างไร้เกียรติ!เซียวหลันยวนก็ยังทนอีกนี่จึงทำให้ฟู่จาวหนิงโกรธแล้ว นางโกรธที่เขาไม่สนใจสุขภาพของตนเองนางกว่าจะรักษาเขามาได้ นี่เพิ่งจะดีขึ้นเท่าไรเอง?เขาก็เริ่มที่จะไม่สนใจหันกลับมาทรมานตัวเองอีกแล้วหรือ?แต่ว่าตอนนี้พอได้ยินคำพูดของเซียวหลันยวน นางก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง"ไท่ซ่างหวงไม่ใช่ว่าโปรดปรานท่านเป็นพิเศษหรอกหรือ?"หลังจากพูดคำนี้ออกไป นางเองก็คิดเข้าใจแล้วไท่ซ่างหวงจะโปรดปรานก็ส่วนโปรดปราน แต่ว่า แม่บังเกิดเกล้าของเซียวหลันยวน เป็นลูกสาวของจักรพรรดินีแห่งตงฉิง เซียวหลันยวนเป็นสายเลือดราชวงศ์เพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของแคว้นตงฉิงดังนั้น นี่จึงไม่ถือเป็นสายเลือดราชวงศ์แคว้นเจาที่บริสุทธิ์ ในสายเลือดเขายังมีต
"กลิ่นแรงขนาดนี้ วางไว้ใต้เตียง ชินอ๋องเซียวจะไม่ได้กลิ่นเลยหรือ?""แน่นอนว่าต้องเชิญหมอเทวดาฟู่ของข้าทำน้ำยาที่อำพรางกลิ่นนี้ไว้สิ" เซียวหลันยวนเอ่ยต่อนี่ไม่ใช่ว่าก็ยังต้องมีนางหรือไรกัน?"อย่างนั้นมันเปลืองแรงไป การจะเอาศพไปซ่อนไว้ใต้เตียงเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้น ข้าจัดการเอง"ฟู่จาวหนิงเดิมทียึดตามความคิดนี้นางจะไม่ปล่อยชินอ๋องเซียวไป!"ข้าจะไปเอาของมาบางส่วน ถึงตอนนั้นใส่เข้าไปในผ้าห่มชินอ๋องเซียวก็พอ ตรงประเด็นกว่า""หนิงหนิง ถ้าสัมผัสกับคนคนนั้นจะติดโรคได้ง่ายใช่ไหม?" เซียวหลันยวนไม่อยากให้นางต้องเสี่ยง"ข้าเป็นหมอนะ ข้าระวังตัวข้าเอง!" ฟู่จาวหนิงถลึงตามองเขา "รีบปล่อยมือ เดี๋ยวคนเข้ามาจะไม่ทันการเอา"เซียวหลันยวนเห็นความเด็ดเดี่ยวของนางแล้ว ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะขวางได้จริงๆ จึงทำได้แค่ถอนหายใจยาว ปล่อยมือออกฟู่จาวหนิงเดินเข้าไป ยื่นมือล้วงกุญแจพวกหนึ่งออกมาสืออีพอเห็นก็ตกตะลึงแต่ก็นึกออกอย่างรวดเร็วว่าเมื่อครู่นี้ที่พระชายาแฉลบผ่านตัวผู้คุมเหล่านั้นก็เหมือนจะทำอะไรไปนิดหน่อยแค่จังหวะที่เดินผ่านตัว พระชายากลับปลดกุญแจของผู้คุมลงมาเสียแล้วพระชายามีฝีมือด
สืออีเองก็ตกตะลึงไปเมื่อครู่ท่านอ๋องยังดูดีดีอยู่เลย ตอนนี้พระชายายังไม่ได้หารือกับเขา ก็ให้ท่านอ๋องแกล้งป่วยเสียแล้ว มันจะหลอกได้หรือ?แต่พอเขามองเข้าไปในห้องขังอีกครั้ง กลับเห็นอ๋องเจวี้ยนนั่งอยู่บนพื้นไปแล้ว หัวพิงกับประตูลูกกรง มือเองก็ห้อยตกลงมา"ท่านอ๋อง!" สืออีร้องเสียงหลงปฏิกิริยานี้ของเขามันของจริงนี่นาผู้คุมพอเห็นอ๋องเจวี้ยนเป็นเช่นนี้ก็ตกใจสะดุ้งโหยงไม่ใช่สิ?เห็นผลเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?พวกเขามองไปที่ห้องขังฝังตรงข้ามด้วยสัญชาตญาณ ถอยออกไปหลายก้าวเมื่อครู่ที่พวกเขาเข้ามาช้าหน่อย อันที่ก็เพราะกลัวศพนี่ พวกเขาล้วนรู้ว่าคนผู้นี้เป็นโรคสกปรก ถ้าเผื่อถูกระบาดเข้ามาจะทำอย่างไร?ดังนั้นผู้คุมพวกนั้นจึงผลักกันไปผลักกันมา ต่อมาพอไม่มีทางเลือก ถึงได้มีสองตัวซวยนี้เข้ามาตอนนี้พอเห็นสภาพของอ๋องเจวี้ยน พวกเขาก็อดถอยหนีอย่างหวาดกลัวไม่ได้"อ๋องเจวี้ยนเป็นอะไรไป?""เป็นอะไร? พวกเจ้าก็รู้อยู่แกใจดีไม่ใช่หรือ?" ฟู่จาวหนิงตะคอกใส่เสียงเย็ฯชา "เตาที่ข้าเอามาก่อนหน้านี้ล่ะ? ผ้าม่านล่ะ? หายไปไหนหมดแล้ว! ท่านอ๋องของข้าป่วยมาตั้งยี่สิบปี ร่างกายเดิมทีก็อ่อนแอมาก แล้วยังต้องอยู่ใ
สืออีรีบเข้ามา แบกเซียวหลันยวนขึ้นหลังพอแตกโดนเซียวหลันยวน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปท่านอ๋องตัวแข็งเหมือนกับน้ำแข็งจริงๆ! เย็นกว่าน้ำแข็งเสียอีก!ถึงแม้เขาคิดว่านี่น่าจะเกี่ยวอะไรกับยาเม็ดนั้นที่พระชายามอบออกไปแน่นๆ แต่ก็ยังรู้สึกน่าตกใจมากอุณหภูมิร่างกายเช่นนี้ ท่านอ๋องจะไม่เป็นไรจริงหรือ?"ไป กลับไปจวนอ๋องเจวี้ยนเดี๋ยวนี้" ฟู่จาวหนิงแบกกล่องยาเดินนำหน้า กุญแจพวกนั้นก็โยนคืนให้ผู้คุมไป "พวกเจ้าถ้ากล้าขวาง ข้าจะแทงเข็มใส่เสีย!"ผู้คุมพวกนั้นตอนนี้ยังยืนกันอยู่ด้านอกคุกเลย ผู้คุมสองคนนี้ยังกล้าเสียที่ไหนพวกเขามองฟู่จาวหนิงพาคนออกไปอย่างทำอะไรไม่ได้แต่ว่า มือที่ห้อยลงมาของอ๋องเจวี้ยนนนั่น หลังมือกลายเป็นสีขาวเขียวไร้สีเลือด เหมือนเย็นจัดจนจะจับน้ำค้างแข็งขึ้นมาเลยทีเดียว ราวกับเป็นมือของคนที่แข็งตาย มีผู้คุมหลายคนที่มองเห็นและเพราะเห็นเข้าพอดี พวกเขาจึงไม่มีใครกล้ามาขวาง อันที่จริงในใจก็ยังสั่นกลัวอยู่ อ๋องเจวี้ยนคงไม่ได้ตายไปจริงๆ หรอกนะ?สืออีพาเซียวหลันยวนแบกขึ้นรถม้า ฟู่จาวหนิงเองก็ตามขึ้น"กลับจวนอ๋อง""ขอรับ"รถม้าแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ล้อรถม้ามีเกล็ดหิมะติดอยู่"
ชินอ๋องเซียวคิดจะเข้าวังรายงานกับองค์จักรพรรดิ หารือถึงขั้นต่อไปกับองค์จักรพรรดิ แต่เขาก็ถูกกันเอาไว้ที่นอกประตูเสียแล้ว"ผู้บัญชาการอวี๋หมายความว่าอย่างไร?"ผู้บัญชาการอวี๋ไม่ได้อยู่ตรงหน้าชินอ๋องเซียว แต่ให้ราชองครักษ์หลายคนมาขวางเซียวเหยียนจิ่งไว้ ส่วนตัวเขาก็อยู่ด้านหลังห่างออกมาหน่อยหลายเดือนนี้ ชินอ๋องเซียวยกระดับฐานะขึ้นมาในใจองค์จักรพรรดิ เข้าวังบ่อยครั้ง องค์จักรพรรดิเองก็ให้อำนาจกับเขาระดับหนึ่ง สามารถเข้าออกวังเพื่อพบพระองค์ได้ตลอดเวลานี่เป็นครั้งแรกที่ถูกกันเอาไว้นอกประตูวังผู้บัญชาการอวี๋คนนี้ก่อนหน้าก็เอาอกเอาใจเขาอยู่ พอเห็นเขาก็รีบเอาอกเอาใจไม่หยุด แต่ตอนนี้กลับยืนห่างหลายก้าวโดยมีราชองครักษ์กั้นกลาง สายตาเองก็ดูห่างเหินขึ้นมาชินอ๋องเซียวใจดำดิ่งลงมา"ชินอ๋องเซียว วันนี้ฝ่าบาทไม่ว่าง ไม่ขอพบท่านแล้ว เชิญท่านกลับไปก่อน" ผู้บัญชาการอวี๋เอ่ยขึ้น"ไร้สาระ ที่ข้ามาเข้าวังก็เพราะเป็นห่วงพระองค์ องค์จักรพรรดิก่อนหน้านี้พูดอยู่แท้ๆ ว่ามีเรื่องอะไรให้เข้าวังมาแจ้งได้เลย นี่เจ้าคิดจะทำอะไร?""นั่นเป็นเรื่องก่อนหน้าของวันนี้นี่? ถึงอย่างไรช่วงนี้องค์จักรพรรดิก็ไม่ว่าง
เขาจนกรอบแล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้ไท่ซ่างหวงก็ไม่ได้ทิ้งของไว้ให้เขาเท่าไรนัก! ไท่ซ่างหวงตอนที่สละบัลลังก์ให้เขาก็บอกกับเขาว่าเราจนมาก ไม่ใช่แค่ในคลังหลวงที่ว่างเปล่า กระทั่งคลังส่วนตัวก็มีของอยู่ไม่กี่ชิ้นไท่ซ่างหวงยังพูดอย่างน่าฟังไว้ว่า เหลือบังลังก์จักรพรรดิที่น่าสมเพชนี่ไว้ให้เขา ต้องขอโทษเขาด้วย แต่ก็ยังหวังว่าเขาจะสามารถเป็นองค์จักรพรรดิที่ดีได้ ใช้ความพยายามอย่างมากทำให้ประชาชนมีคืนวันที่ดี แล้วทำให้คลังหลวงอุดมสมบูรณ์ขึ้นมาถุดเขาไม่เชื่อหรอกว่าสมบัติไท่ซ่างหวงจะใช้ออกไปจนหมดในภัยพิบัติครั้งใหญ่ก่อนหน้านั้นจะต้องเอาไปให้เซียวหลันยวนแน่ๆทำเอาเขาตอนนี้แค่จะให้รางวัลกับพระชายาที่รักก็ยังไม่มีของดีดีที่จะหยิบออกมาของที่เซียวหลันยวนไปนำมาเมื่อปีที่แล้ว มันคืออะไรกันแน่นะ? ไท่ซ่างหวงทิ้งสิ่งยืนยันเอาไว้ให้เขาสามชิ้น แล้วให้เขาไปได้อะไรมากัน?องค์จักรพรรดิอยากหาโอกาสส่งคนเข้าไปค้นในจวนอ๋องเจวี้ยนมากแต่นี่ก็นานมากแล้ว เขาก็ยังหาโอกาสที่ดีข้ออ้างที่ดีไม่ได้เลยตอนนี้เซียวหลันยวนน่าจะติดโรคนั้นแล้ว เขายิ่งไปจวนอ๋องเจวี้ยนไม่ได้อีกองค์จักรพรรดิเรียกองครักษ์ลับ สีหน้าเคร่งขร
คนไม่น้อยที่เห็นใจอ๋องเจวี้ยนเพราะอ๋องเจวี้ยนร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เกิด ตอนเด็กก็ยังถูกวางยาพิษอีก หลายปีมานี้ต้องไปอยู่ที่ยอดเขาโยวชิง ใช้ชีวิตที่ห่างจากอำนาจและความสูงส่งต่อมายังข่าวลือเรื่องที่หน้าตาของเขายับเยินไปแล้วอีกถึงอย่างไร คนทั้งเมืองหลวงก็รู้กันเกือบหมด ว่าอ๋องเจวี้ยนถ้าไม่เจอกับเรื่องเหล่านั้น อ๋องเจวี้ยนในตอนนี้จะต้องเป็นท่านอ๋องที่หล่อเหลาที่สุดในใต้หล้าไปแล้วพอเขาปรากฏตัวคงได้สะเทือนไปทั้งบางแน่นอน ยังไม่รุ้ว่ามีแม่นางตั้งเท่าไรที่อยากแต่งงานกับเขา เขาไม่รู้เลยว่าตนเองหล่อแล้วและโดดเด่นเพียงไรแต่ตอนนี้แค่เอ่ยชื่อเขาก็รู้สึกใจไม่สงบขึ้นมาเสียแล้ว"ไท่ซ่างหวงของพวกเจ้าไม่ใช่ว่าโปรดปรานเขามากหรือ?"จวนตระกูลอัน องค์หญิงหนานฉือกำลังแทะเมล็ดบัวพลางคุยกับพี่น้องอันเหนียนอันชิง อันที่จริงวันนี้พวกนางก็ได้ข่าวนั้นแล้วเช่นกันองค์หญิงหนานฉือส่งคนไปหาข่าวที่จวนอ๋องเจวี้ยนเป็นลำดับแรก แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา จวนอ๋องเจวี้ยนปิดประตูไม่รับแขกใครไปก็ไม่ยอมเปิดประตูจวนอ๋องให้หลังจากกลับมาองค์หญิงหนานฉือจึงดึงอันเหนียนที่เพิ่งเลิกประชุมเช้า กับอันชิงที่กังวลใจมากมานั่งคุยก
นางเองก็เป็นคนที่ดีงาม เรื่องเช่นนั้น สถานที่แบบนั้น ความสกปรกและโรคภัยแบบนั้น นางจะไปเคยรู้จักได้อย่างไรกัน?ดังนั้นถึงแม้เขาจะเชื่อมั่นในวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงมาก แต่ครั้งนี้กลับกังวลเอามากๆ"วิชาแพทย์ของพระชายาอ๋องเจวี้ยนยอดเยี่ยมกว่าหมอหลวงทั้งหมดอีกไม่ใช่หรือ? พวกเจ้ามากังวลแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์นี่ จะว่าไป ตอนนี้เจ้าไม่ใช่ว่าต้องไม่ถูกกับอ๋องเจวี้ยนอยู่หรือ? เขาเป็นคนจับเจ้ามาอยู่กับองค์หญิงอย่างข้านี่นา! เจ้าไม่ควรจะโกรธเขาหรือไรกัน?องค์หญิงหนานฉือร้องเชอะ"ข้าไม่ได้โกรธเสียหน่อย""เอาล่ะ ไม่ต้องมาเสแสร้งกับข้า เจ้าโกรธแล้วข้าจะทำอะไรเจ้าได้"พวกเขาแต่งงานกับแบบงงๆ ถูกจัดการเรื่องใหญ่ทั้งชีวิตให้ ด้วยความถือตัวหยิ่งยโสของอันเหนียน จะไม่โกรธได้อย่างไรกัน?หลายวันนี้นางเองก็เข้าใจเขาขึ้นมาบ้างแล้ว ชายคนนี้ถือตัวเอามากๆ หยิ่งด้วยยังไม่รู้ว่าในใจเขาใฝ่ฝันถึงหญิงงามแบบไหนที่จะมาคอยปรนนิบัติ แต่ดันถูกเจ้าหญิงหยิ่งๆ อย่างนางมาแย่งตำแหน่งภรรยาไป เขาจะรู้สึกอย่างไรกัน?หลายวันนี้ยังเสแสร้งนิ่งอยู่นั่นล่ะ"ไม่ได้โกรธ" อันเหนียนพูดซ้ำมาอีกคำอันชิงมองพี่ชาย แล้วก็มองพี่สะใภ้ นา
ชายคนนั้นเองก็ถลึงตาโตมองฟู่จาวหนิงด้วยแน่นอนว่าเขาเองก็ได้ยินชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะมีวันหนึ่งได้มานั่งอยู่ตรงหน้าฟู่จาวหนิงใกล้ๆ แบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังจับชีพจรให้ตนเองอีกด้วยนอกจากนี้ สีหน้าของฟู่จาวหนิงก็เคร่งขรึม แต่ไม่ใช่ความรังเกียจหรือหวาดกลัวแบบที่คนอื่นเห็นเขา ไม่มีความไม่สงบไม่มีความกลัวลนลานเอาแค่จุดนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงมีชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริงๆปากของเขาขยับ อยากจะพูดอะไร ต่อให้หมอเทวดาหลี่มาดูอาการให้เขา หมอเทวดาหลี่ตอนนี้ก็น่าจะสีหน้าไม่สู้ดีนักใครจะไม่รังเกียจเขาบ้าง"คลายจุดใบ้ของเขาเสีย" ฟู่จาวหนิงบอกกับสืออีสืออีไม่ลังเล หนึ่งนิ้วกดหนึ่งการเคลื่อนไหว จัดการคลายจุดใบ้ของชายหนุ่มคนนี้ทันทีไม่รอให้ชายคนนี้เอ่ยปาก ฟู่จาวหนิงก็พูดขึ้นว่า "ในเมื่อเจ้ามาที่นี่เพื่อยา เช่นนั้นก็หมายความว่าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ อยากจะรักษาโรคใช่ไหม?"ชายหนุ่มออกแรงพยักหน้าทันทีนี่ก็แน่นอนอยู่แล้ว ถ้ามีชีวิตต่อได้ใครจะอยากตายกัน? ถ้ารักษาโรคได้ ใครจะไม่อยากรักษา?"ในเมื่ออยากจะรักษาโรค เช่นนั้นก็ห้ามอาละวาดอีก ถ้าถามอะไรเจ้าก็ตอบม
ฟู่จาวหนิงเดินมาถึงตรงหน้าเขา เห็นผ้าคลุมหน้าของเขาดึงลงมาปิดปากอีกครั้ง นางพลิกมือ แล้วก็ไม่รู้ว่าในมือปรากฏมีดเล็กเปล่งประกายเล่มหนึ่งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรพอนางโบกมือ ก็ใช้มีดเล็กจัดการกรีดผ้าปิดหน้าของชายคนนั้นออก พอผ้าร่วงลงมาก็เผยสภาพของชายคนนี้ให้เห็นใบหน้าเขา ข้างจมูก มีหลายตำแหน่งเน่าไปแล้วจริงๆ ใบหน้าเองก็บวมแดงขึ้นหน่อยๆมีคนเห็นสภาพเขาก็ร้องตกใจออกมา"หน้าของเขาเน่าไปแล้วจริงๆ!""คนคนนี้ติดโรคระบาดไปแล้ว!"ชั่วขณะหนึ่ง คนทั้งหมดล้วนตกตะลึงถอยห่างอีกครั้ง มีบางส่วนขี้ขลาดกลัวตาย กระทั่งหมุนตัวตั้งท่าจะวิ่งหนีน่ากลัว ที่นี่มีคนป่วยอยู่!ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะถูกระบาดเข้าหรือเปล่า! พวกเขากล้าอยู่ต่อกันเสียที่ไหน?ฟู่จาวหนิงก็เหมือนร้ว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ตอนนี้ถึงอย่างไรก็ให้แขกเหล่านี้ทั้งหมดวิ่งออกไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าพวกเขาเอาออกไปลือกัน ก็ไม่รู้ว่าพันธมิตรโอสถจะถูกลือกันไปแบบไหนดังนั้น นางจึงเอ่ยขึ้นมาว่า"คนผู้นี้ใบหน้าเน่าไปแล้ว แต่พวกเจ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นโรคเดียวกับชินอ๋องเซียวหรือไม่ใช่ไหม? ตอนนี้ข้าจะตรวจอาการเขา ข้ายังไม่หนีเลย แล้วพวกเจ้ากลัวอะไรกั
"พระชายา มีคนมาอาละวาดที่นี่"สืออีสือซานวันนี้ตามมาด้วย ไป๋หู่วันนี้พักผ่อนฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็รู้ว่าตนเองออกมาข้างนอก ในเมืองหลวงก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัย ดังนั้นพอพาสืออีสือซานออกมา นางก็ยังพาเฝิ่นซิงมาด้วยเฝิ่นซิงพอเข้ามาก็ได้ยินชายคนนั้นเอะอะโวยวาย หน้าก็ขรึมลงไปทันทีจากที่นางเห็น พระชายาลงแรงปรุงยาเหล่านี้ คิดเอาไว้อย่างรอบคอบ การให้คนในพันธมิตรมาต้ม ถือว่าพิจารณาเอาไว้รอบด้านแล้ววัตถุดิบยาบวกกับฟืนไฟ แล้วยังมีเงินค่าแรงที่เหล่าพนักงานมาทำให้ หนึ่งชามสิบเหวิน พูดได้ว่าถูกมากแล้วเหล่าประชาชนควรจะรู้สึกว่า่โชคดีจึงจะถูก ทำไมถึงมีคนเข้ามาอาละวาดได้กัน?"สืออีสือซาน เข้าไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็เห็นชายคนนั้นแล้ว ตอนที่นางหันหน้ามา นางก็เห็นชายคลุมหน้าคนนั้นแล้วนางรีบเสริมเข้ามาให้คำหนึ่ง "ระวังหน่อย อย่าให้ถูกเขาข่วน แล้วก็อย่าโดนเลือดเขาด้วย"ถึงแม้ชายคนนี้พันหน้าไว้อาจจะไม่มีเรื่องอะไร แต่ถึงอย่างไรก็มาซื้อยา แล้วยังแต่งตัวเสียขนาดนี้ นางระวังไว้ก่อนดีกว่า"ขอรับ พระชายา" สืออีกกับสือซานช่วงนี้ตามติดฟู่จาวหนิง แน่นอนว่าเข้าใจความหมายของนางอยู่ทั้งสองคนรีบขึ้นหน้าไปแ
เสียงของชายคนนั้นทุ้มต่ำ ดวงตาก็กวาดมองไปทั่ว ไม่กล้าสบตากับพนักงานตรงๆพนักงานเองก็บอกกฏกับเขาแล้ว"ถ้าท่านคิดจะซื้อ ตอนนี้ก็เอาไปก่อนสามชาม""สามชามจะไปพออะไร? ชามของข้านี่อย่างน้อยก็ใส่ได้ยี่สิบชามเลยนะ! เจ้ารีบเติมให้ข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่เกรงใจกับเจ้าแล้วนะ!""คุณลูกค้า ที่นี่เป็นพันธมิตรโอสถ ขอเตือนท่านอย่ามาก่อเรื่องที่นี่เลย" พนักงานหน้าเริ่มดำขึ้นมาแล้วเขาเห็นที่นี่เป็นร้านขายยาธรรมดา เลยคิดจะทำตัวแบบนี้ได้หรือ?"ข้าก็ไม่ใช่ว่าไม่ให้เงินเสียหน่อย! พวกเจ้าถือดีอะไรไม่ขายให้ข้า?""ข้าบอกกฏกับท่านไปแล้ว นี่คือกฏที่หมอเทวดาฟู่วางไว้!""หมอเทวดาฟู่? ก็แค่หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่หรือ? ข้าได้ยินว่าผู้จัดการใหญ่ที่นี่สกิลต่ง ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะตัดสินใจได้เสียหน่อย! นางถือดียังไงมากำหนดกฏเกณฑ์ในพันธมิตรโอสถ?"น้ำเสียงชายพันหน้าฟังแล้วเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว"ยานี้เป็นหมอเทวดาฟู่ที่ปรุงออกมา ถ้าท่านมาดูถูกหมอเทวดาฟู่ เช่นนั้นก็อย่ามาซื้อยาสิ" พนักงานหัวเราะเย็นชาขึ้นมาคนผู้นี้น่าขำเสียจริง มาซื้อยาที่ฟู่จาวหนิงปรุง แต่กลับดูหมิ่นฟูจาวหนิงหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น ใครไม่รู้บ้างว่า
ฟู่จาวหนิงปรับปรุงสูตรยา ใช้วัตถุดิบยาที่หาได้ทั่วไปบางส่วน แล้วตนเองก็ปรับปริมาณให้ จากนั้นทุกวันก็ให้คนของพันธมิตรต้มออกมาสามหม้อใหญ่ แล้วอุ่นบนเตาเอาไว้ตลอดคนที่มาซื้อยาเหล่านั้น สามารถใช้ชามของพันธมิตรโอสถ ตอนที่ดื่มเสร็จแล้ว ก็เอาชามกลับมาได้ตอนแรก ต่งฮ่วนจือรู้สึกว่ายาน้ำเช่นนี้ไม่น่าจะขายออก แล้วยังตั้งสามหม้อใหญ่แน่ะ หม้อนั้นก็ใบมโหฬารเลยทีเดียว เป็นหม้อใหญ่ที่เอาไว้ต้มข้าวต้มให้ผู้ประสบภัยตอนช่วงเกิดภัยพิบัติสมัยก่อนยาน้ำสามหม้อใหญ่เต็ม สามารถขายได้หลายร้อยชามแล้ววันเดียวจะขายออกได้หรือ? มีคนมากมายจะมาดื่มยาน้ำขนาดนี้เลยหรือ? ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็ไม่ใช่ของดีอะไรมากถ้าขายไม่หมดก็ต้องเททิ้ง สิ้นเปลืองวัตถุดิบยาแย่แต่ผู้อาวุโสจี้ก็ตัดสินใจทันที ให้ผู้ดูแลของพันธมิตรโอสถจัดการเรื่องนี้ผลคือพอปล่อยชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงออกไป คนที่มาดื่มยาก็ยังมากกว่าตามโรงน้ำชาหอสุราเสียอีกยาน้ำสามหม้อใหญ่ ขายหมดเกลี้ยงภายในวันเดียววันถัดมา ก็ขายขายหมดเหมือนเดิม กระทั่งมีคนไม่ได้ดื่มด้วยซ้ำ มาถามพวกเขาว่าขายยาไปต้มกินเองเลยได้ไหมแต่ฟู่จาวหนิงก็มีวิธีของนางอยู่ยาชนิดนี้ทำได้แค่ป้
ต่อมาหมอเทวดาหลี่ก็ทำหน้าขรึมคุกคามสาวใช้สองคนนั้น ถ้ายังไม่รับใช้ปรนนิบัติดีดี ก็จะขายพวกนางทั้งสองคนไปที่ซ่องโสเภณีเสียสาวใช้สองคนจึงร้องไห้ฟูมฟายเข้ามารับใช้ปรนนิบัติองค์จักรพรรดิเองก้ได้ยินเรื่องเลห่านี้ของจวนชินอ๋องเซียวแล้ว"บอกไปแล้วว่าจวนชินอ๋องเซียวต้องคอยระวังไม่ให้เข้าออก หมอเทวดาหลี่กับชินอ๋องเซียวนี่มัน..."เขาทำหน้าขรึม รู้สึกว่าตนเองไม่มีบารมีเอาเสียเลย จวนอ๋องเจวี้ยนก็ไม่เชื่อฟัง ตอนนี้จวนชินอ๋องเซียวเองก็ด้วยหรือ? ใครให้หน้าพวกเขากันถ้าไม่ใช่เพราะเขาอันที่จริงก็กลัวเจ้าโรคนั้น ตอนนี้คงเรียกเซียวเหยียนจิ่งมาด่ากราดให้เลือดซิบไปแล้ว"ตอนนี้หลี่จื่อเหยาในเมื่อถูกหมอเทวดาหลี่รับไปแล้ว เช่นนั้นก็ให้เขาไปรักษาให้ดี ข้าเองก็อยากจะเห็นว่าเขาจะรักษาเจ้าโรคนี้ได้หรือเปล่า!""องค์จักรพรรดิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนทางนั้นต้มยาน้ำออกมา ตอนนี้สามารถป้องกันล่วงหน้าได้แล้ว หาซื้อได้ในพันธมิตรโอสถ หนึ่งชามสิบเหวิน" มีคนเข้ามารายงานกับองค์จักรพรรดิ"หนึ่งชามสิบเหวิน?" องค์จักรพรรดิใจสั่นกึก "แล้วได้ผลจริงไหม?""นี่ก็ยังไม่รู้ แต่คนที่ไปซื้อยานั้นไม่น้อยเลย โดยเฉพาะคนที่เคยสัมผัสกั
จวนชินอ๋องเซียวกลายเป็นขี้ปากคนทั้งเมืองไปแล้วเซียวเหยียนจิ่งอยากจะปิดเรื่องนี้ไว้ แต่ยิ่งปิดกลับยิ่งรุนแรงขึ้นกระทั่งเพราะเขาไปพยายามปิดข่าวลือ เลยมีคนบอกว่าเขาถูกพ่อสวมเขาให้เสียแล้ว หน้าตาป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี และเพราะกลัวคนจะมาล้อเลียนว่าบ้า ดังนั้นจึงพยายามอย่างหนักที่จะหยุดข่าวลือนี้ข่าวลือคาวๆ แบบนี้ ลือกันได้ไวที่สุด และลือกกันไปอย่างพิลึกพิลั่นที่สุดด้วยหลี่จื่อเหยาตอนนั้นมาพัวพันเซียวเหยียนจิ่ง ทำทุกทางเพื่อทำลายพิธีแต่งงานของเซียวเหยียนจิ่งกับฟู่จาวหนิง นางตอนนั้นเอาแต่เรียกเขาว่า "พี่เซียว" ปาวๆ แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านไปสองปี ทำไมจึงปีนไปถึงเตียงของพ่อพี่เซียวแล้วกัน?"ถ้าไม่ใช่ครั้งนี้หลี่จื่อเหยาเป็นโรคระบาดนั่น รัฐทายาทเซียวก็คงจะยังไม่รู้เรื่องรู้ราว""เมื่อเป็นแบบนี้ จวนชินอ๋องเซียวคงจะวุ่นวายขึ้นจริงๆ แล้ว""แล้วไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นก็โชคดีแล้วที่พระชายาอ๋องเจวี้ยนตอนนั้นไม่ได้แต่งงานเข้าจวนชินอ๋องเซียว นี่ถือว่าแคล้วคลาดเลยสินะ?"ในเมืองหลวงทุกที่มีแต่คนกระซิบกระซาบกันเช่นนี้ แต่คนที่พูดถึงฟู่จาวหนิงก็มีแค่ส่วนน้อยถึงอย่างไรตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายาอ๋องเจว
เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าตอนนี้ถ้าให้คนนอกรู้เรื่องที่หลี่จื่อเหยาเป็นโรคนี้เข้า คงจะน่าอับอายมากโดยเฉพาะหลี่จื่อเหยาที่ติดโรคระบาดนั้นดังนั้นเรื่องนี้จะต้องเก็บให้สนิท ห้ามเผยแพร่ออกไปเด็ดขาดแต่คนอื่นกลับไม่คิดแบบเขาอย่างเช่นเซียวหลันยวนจังหวะที่หมอเทวดาหลี่กลับมาถึงเมืองหลวง เซียวหลันยวนก็ได้รับข่าวแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องที่เซียวเหยียนจิ่งไปรับหมอเทวดาหลี่เลยถึงแม้จะผ่านไปสามปีแล้ว แต่เรื่องที่หลี่จื่อเหยากับเซียวเหยียนจิ่งทำกับฟู่จาวหนิง เซียวหลันยวนไม่เคยปล่อยผ่านโดยเฉพาะที่ช่วงนี้เซียวเหยียนจิ่งเริ่มหันมาสนใจฟู่จาวหนิงอีกครั้งหลังจากสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกลับมา เซียวเหยียนจิ่งก็ยังแอบคิดจะทำอะไรอีก สิ่งนี้เซียวหลันยวนจะทนได้อย่างไร?ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาหลี่รับลูกสาวออกไปจากจวนชินอ๋องเซียว เซียวหลันยวนก็ได้รับข่าวแล้ว"ท่าน อ๋อง จากที่หญิงรับใช้ร่างใหญ่ในเรือนหลี่จื่อเหยาบอก หลี่จื่อเหยาไปรื้อเตียงของชินอ๋องเซียวเข้า..."องครักษ์ลับมารายงานข่าวที่ได้รับมากับเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงนั่งฟังอยู่ข้างๆ พอได้ยินเช่นนี้นางก็หัวเราะพรวดออกมานี่มันช่าง...นางยังอยากจะพ
ต่อให้ชินอ๋องเซียวติดโรคระบาด ถ้าตอนนี้ฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องมากลัวแบบนี้!ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนที่ถูกส่งไปขังในคุกใหญ่ตั้งหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังเรียบร้อยดีไม่เป็นอะไรหรือ?จวนอ๋องเจวี้ยนก็ถูกองค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามออกไปข้างนอกส่งเดชเหมือนกัน แล้วดูตอนนี้สิ?ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าอยากออกไปไหนก็ออกได้หรือ?ฟู่จาวหนิงแบบนั้น เขาอยากได้มาจริงๆ!ถ้าตอนนั้นไม่มีหลี่จื่อเหยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายารัฐทายาทของเขาแล้ว ไม่ใช่ขยะอย่างหลี่จื่อเหยาคนนี้!พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในสายตาเซียวเหยียนจิ่งที่มองหลี่จื่อเหยาก็มีแต่ความเกลียดชังหลี่จื่อเหยาสบกับสายตาของเขา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ใจนางเย็นวาบไปทันทีนี่คือพี่เซียวที่นางรักมาหลายปีหรือ? ถึงแม้สองปีนี้จะทะเลาะกับเขาอย่างหนัก แต่ตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนเสียดกระดูกหลี่จื่อเหยาเองก็เกลียดเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมาทันทีเช่นกัน"ท่านอยากจะส่งข้าออกไป ข้าจะไม่..." ออกไปหรอกนางยังพูดไม่ทันจบ เซียวเหยียนจิ่งก็ตัดบทนางแล้ว มองไปทางหมอเทวดาหลี่ "ถัดจากนี้ในเมืองหลวงอาจจะเกิดการแตกตื่นกลัวกันเพร