นางเองก็เป็นคนที่ดีงาม เรื่องเช่นนั้น สถานที่แบบนั้น ความสกปรกและโรคภัยแบบนั้น นางจะไปเคยรู้จักได้อย่างไรกัน?ดังนั้นถึงแม้เขาจะเชื่อมั่นในวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงมาก แต่ครั้งนี้กลับกังวลเอามากๆ"วิชาแพทย์ของพระชายาอ๋องเจวี้ยนยอดเยี่ยมกว่าหมอหลวงทั้งหมดอีกไม่ใช่หรือ? พวกเจ้ามากังวลแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์นี่ จะว่าไป ตอนนี้เจ้าไม่ใช่ว่าต้องไม่ถูกกับอ๋องเจวี้ยนอยู่หรือ? เขาเป็นคนจับเจ้ามาอยู่กับองค์หญิงอย่างข้านี่นา! เจ้าไม่ควรจะโกรธเขาหรือไรกัน?องค์หญิงหนานฉือร้องเชอะ"ข้าไม่ได้โกรธเสียหน่อย""เอาล่ะ ไม่ต้องมาเสแสร้งกับข้า เจ้าโกรธแล้วข้าจะทำอะไรเจ้าได้"พวกเขาแต่งงานกับแบบงงๆ ถูกจัดการเรื่องใหญ่ทั้งชีวิตให้ ด้วยความถือตัวหยิ่งยโสของอันเหนียน จะไม่โกรธได้อย่างไรกัน?หลายวันนี้นางเองก็เข้าใจเขาขึ้นมาบ้างแล้ว ชายคนนี้ถือตัวเอามากๆ หยิ่งด้วยยังไม่รู้ว่าในใจเขาใฝ่ฝันถึงหญิงงามแบบไหนที่จะมาคอยปรนนิบัติ แต่ดันถูกเจ้าหญิงหยิ่งๆ อย่างนางมาแย่งตำแหน่งภรรยาไป เขาจะรู้สึกอย่างไรกัน?หลายวันนี้ยังเสแสร้งนิ่งอยู่นั่นล่ะ"ไม่ได้โกรธ" อันเหนียนพูดซ้ำมาอีกคำอันชิงมองพี่ชาย แล้วก็มองพี่สะใภ้ นา
ตอนนี้เลยเวลาอาหารเย็นไปแล้วเขาลืมตาขึ้น ไม่รีบขยับตัว แต่ยังนอนอยู่ตรงนั้น คิดถึงเรื่องก่อนที่เขาจะสลบไปพอคิดขึ้นมาได้ก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกคิดไม่ถึงว่ายาของจาวหนิงตอนนี้จะร้ายกาจขนาดนี้ เขาตอนนั้นรีบยาของนางไป พอได้ยินนางบอกก็กลืนลงไปอย่างไม่ลังเล แต่คิดไม่ถึงว่ายานั่นประสิทธิภาพจะน่ากลัวขนาดนี้เขาเพิ่งกลืนลงไป ก็ล้มพับไปทันที สติสัมปชัญญะหายไปจนเกลี้ยงเรื่องต่อมาแน่นอนว่าเขาไม่รู้เพิ่งจะตื่นเอาตอนนี้แต่ว่าพอลืมตาขึ้นเขาก็รู้ ว่านี่คือบนเตียงของตนเองจากความเข้าใจต่อตัวฟู่จาวหนิงของเขา คิดว่าพอเขาสลบไป นางก็คงจะเอาเขาออกมาจากในคุกเลยแต่ตอนนั้นเป็นช่วงเช้า ตอนนี้ค่ำแล้ว เขาไม่รู้ว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างเขาเลิกผ้าห่มลุกขึ้นนั่ง "หนิงหนิง?"พอลุกขึ้น เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองเย็นเฉียบ พอยกมือมองหลังมือตนเอง ก็ไม่มีสีเลือดอยู่เลย ขาวซีดมาก ราวกับตอนที่เขาป่วยเมื่อก่อนหน้านี้ถ้าไม่ใช่ตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายไม่มีปัญหาอะไร เขายังสงสัยเลยว่าตนเองย้อนกลับไปที่สภาพร่างกายเมื่อสองปีก่อนที่ยังไม่ได้แก้พิษนั่นหรือเปล่าในห้องไม่มีใครเซียวหลันยวนลงจากเตี
"พระชายากินข้าวเย็นแล้วหรือยัง" เซียวหลันยวนถามอีกครั้งเขาหิวจะแย่อยู่แล้ว ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน นอนหลับมาตลอด ตอนนี้พอลุกขึ้นมาจึงหิวเป็นพิเศษ แต่ว่าเขาก็อยากกิจด้วยกันกับฟู่จาวหนิงถ้าตอนนี้เขากินข้าวคนเดียว เขาคงจะอาหารไม่ย่อยแน่กินไม่ลงด้วยโดยเฉพาะตอนที่รู้ว่าฟู่จาวหนิงน่าจะยังโกรธเขาอยู่"พระชายากินแล้ว" เฝิ่นซิงรีบเสริมมาคำหนึ่ง "แต่อาหารกลางวันกับอาหารเย็นกินน้อยมาก พระชายาบอกว่านางไม่อยากอาหาร"เซียวหลันยวนฟังถึงจุดนี้ ทั้งรู้สึกปวดใจขึ้นมา และทั้งรู้สึกดีใจหน่อยๆ จาวหนิงน่าจะเหมือนกับเขา ตอนนี้ถ้าไม่ได้กินข้าวด้วยกันจะรู้สึกไม่อยากอาหารหรือเปล่านะ?"ไปเตรียมอาหารเย็นมา ข้ากับพระชายาจะกินด้วยกัน""เจ้าค่ะ"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงรีบออกไปเตรียมตัวในห้องหนังสือ ฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงของเซียวหลันยวนนานแล้ว แต่ว่านางกำลังฝึกอักษร เลยไม่สนใจยานั่นนางเพิ่งใช้เป็นครั้งแรก อัตราส่วนยังจัดได้ไม่ดี จึงทำให้เขาสลบมาถึงป่านนี้เดิมทีนางคิดว่าหลังจากช่วงบ่ายก็น่าจะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ว่าประสิทธิภาพของยาก็อธิบายได้ว่าหลายวันนี้สภาพร่างกายของเซียวหลันยวนลดต่ำมากจริงๆ ภูมิคุ้มกันจึงลด
"ตอนนั้นข้าก็คิด ถ้าหากเขาจะทำถึงขนาดนี้ เช่นนั้นข้าก็ต้องให้โอกาสเขานี้กับเขา"ตอนที่เซียวหลันยวนพูดประโยคนนี้ ฟู่จาวหนิงก็ถลึงตาใส่เขาทัน"หมายความว่าอย่างไร? ท่าจะให้โอกาสเขามาทำร้ายท่านอย่างนั้นหรือ? ถ้าเขาไม่มีโอกาสนี้ เขาจะแปลงร้างพองขนออกจากวังมากัดท่านหรือ?"เซียวหลันยวนเกือบจะทนขำไม่ได้คำพูดนี้พูดได้แบบว่า"ไม่ใช่ ก็แค่ข้ารับปากเสด็จพ่อไว้ในอดีต ว่าจะคุ้มครองราชวงศ์แคว้นเจาให้มั่นคง"เขาถอนหายใจ"ตอนนั้น เสด็จพ่อบอกกับข้า เขาจะคิดหาวิธีให้ว่าหลังจากที่องค์จักรพรรดิขึ้นครองราชย์แล้วจะไม่หันมาลงมือกับข้า แต่ว่าข้าต้องยอมเขาหน่อย เขาบอกว่าองค์จักรพรรดิเป็นพวกใจคับแคบ หนำซ้ำสายตาก็ยังไม่กว้างไกล ไม่ค่อยมีคุณธรรม แต่ในกลุ่มองค์ชายหลายองค์ในตอนนั้น เขาเป็นคนที่ถูกเลือกให้สืบทอดราชบัลลังก์หลังจากที่พิจารณาข้อดีข้อเสียของแต่ละคนแล้ว"ฟู่จาวหนิงร้องเชอะ "พิจารณาแล้วเลือกออกมาคนหนึ่ง นี่ไม่ใช่หมายความว่าพวกองค์ชายเหล่านั้นของแคว้นเจาหาดีสักคนไม่ได้เลยหรือไรกัน"อันที่จริงนางก็อยากพูดว่า ที่มันวุ่นวายเสียขนาดนี้นี่จะหมายถึงว่าชะตาแห่งแคว้นเจาใกล้จะจบสิ้นแล้วหรือเปล่านะ?"เจ้าด
ไท่ซ่างหวงดูแล้วดีกับเขามาก เพราะเขาคือลูกชายของหญิงสาวที่เขารักมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นยังนำของเหล่านั้นทิ้งไว้ให้เขาด้วยแต่ว่า ไท่ซ่างหวงก็น่าจะคิดถึงจุดนี้แล้ว องครักษ์เงามังกรส่งมาที่มือเขา องค์จักรพรรดิจะอย่างไรก็ต้องหวาดกลัวอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้น องครักษ์เงามังกรนี้ยังต้องคอยปกป้ององค์จักรพรรดิด้วย ถ้าหากอยู่ในมือเขาตลอด สุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไรกัน?ตอนนี้ถูกฟู่จาวหนิงทักจุดนี้ขึ้นมา เขาก็เข้าใจในพริบตาเพราะไท่ซ่างหวงเชื่อว่าเขาคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสามสิบและหลังจากที่เขาตาย องครักษ์เงามังกรก็จะกลับไปอยู่ในมือองค์จักรพรรดิ ถึงตอนนั้นก็จะเป็นองค์จักรพรรดิที่เข้ามาควบคุมไท่ซ่างหวงมอบอำนาจให้เขาขนาดนั้น อันที่จริงเพราะรู้ว่าเขาจะอยู่ได้ไม่นาน สิบปีก่อน เขายังเป็นเด็ก ยังทำอะไรมากไม่ได้ รอจนเขาเติบโต ถึงตอนนั้นก็ห่างจากบั้นปลายชีวิตของเขาอีกไม่นานแล้วยิ่งไปกว่านั้น ผ่านไปแล้วสิบกว่าปี บางทีองค์จักรพรรดิก็น่าจะครองราชย์ได้อย่างมั่นคงแล้วหรือก็คือ มองดูเขาที่ป่วยอ่อนแอมาทั้งปี จึงไม่คิดที่จะลงมืออะไรกับเขา องครักษ์เงามังกรก็แค่รอไป รอจนเขาตาย ก็จะกลับเข้ามาอยู่ในมือองค์จั
"ท่านอ๋อง พระชายา กินข้าวเจ้าค่ะ"หงจั๋วเข้ามาเชิญพวกเขาไปกินข้าวบทสนทนาของฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนจึงตัดบทไปก่อนตอนนี้ก็ค่อนข้างมืดแล้ว เดิมทีฟู่จาวหนิงไม่ค่อยอยากกิน นางปกติจะกินข้าวเย็นไวหน่อย และกินน้อยลงหน่อย ตอนนี้เลยเวลากินข้าวเย็นปกติของนางไปนานมากแล้ว แต่ว่าเซียวหลันยวนจะลากให้นางไปกินด้วยกัน นางก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาหลับไปหนึ่งวัน ในคุกนั่นก็ไม่มีอะไรให้กิน ตอนนี้จึงหิวมากๆคนในจวนอ๋องรู้ว่าท่านอ๋องลุกขึ้นมากินข้าวแล้ว ก็ทยอยกันโล่งใจวันนี้พวกเขากังวลมากต้องรู้ด้วยว่าตอนเช้าพระชายาจู่ๆ ก็พาท่านอ๋องที่สลบไปแล้วกลับเข้ามา ให้พวกเขาปิดประตูไม่ต้อนรับแขก ทำเอาพวกเขาตกอกตกใจกันไปหมดท่านอ๋องหลับไปหนึ่งวัน คนในจวนอ๋องก็อยู่ไม่สุขไปหนึ่งวันพวกเขาล้วนรอให้ท่านอ๋องฟื้นขึ้นมา และกำลังรอพระราชโองการลงโทษจากในวังด้วย...ถึงอย่างไรท่านอ๋องตอนนี้ก็ควรจะถูกขังอยู่ในคุก พระชายานำเขากลับมาโดยพลการ องค์จักรพรรดิถ้าตอนนี้รับสั่งลงโทษมาอีก ท่านอ๋องที่กำลังสลบอยู่ พระชายาไม่ต้องไปรับแทนหรือ?ดังนั้น ทุกคนจึงไม่สงบใจและเครียดมาก ถึงตอนนี้ก็ยังแทบไม่ได้กินอะไรกัน แต่ละคนดูอ่อนล้ามากแ
"พรวด เหมือนพวกเขาจะกลัวว่าท่านจะระบาดโรคพวกนั้นนะ""พวกเรากลับเรือนโยวหนิงไหม?" เซียวหลันยวนดึงฟู่จาวหนิง เขาไม่อยากแยกกับนางฟู่จาวหนิงยังอยากจะทำอะไรอีกหนอ่ย อยากจะแยกเรือนกับเขาสักสองสามวัน แต่เซียวหลันยวนยอมที่ไหน ออกแรงพานางกลับไปหลังจากกลับเรือนโยวหนิง ฟู่จาวหนิงก็มองเซียวหลันยวน "คืนนี้ข้าจะออกไปทำอะไรหน่อย"เดิมทีนางคิดจะถือโอกาสที่อยู่ในเรือนเจียนเจียคนเดียว เข้าออกสะดวกหน่อยไม่ต้องให้เขารู้ แต่เขาไม่ยอมให้นางอยู่คนเดียว นางจึงทำได้แค่พูดตรงๆแล้วเซียวหลันยวนดึงนางลงนั่ง "เดิมทีเจ้ามีแผนอะไรหรือ?"ฟู่จาวหนิงกลอกตา"คนคนทำกับท่านขนาดนี้ ท่านเองก็เป็นคนของข้า ข้าจะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไร? ต้องเอาคืนด้วยวิธีเดียวกันสิ"นางไม่คิดจะปล่อยชินอ๋องเซียวไว้"นักโทษคนนั้นในคุก...""พวกเขาจะต้องมาจัดการแน่ แต่ข้าคิดว่า คนๆ นั้นในเมื่อพวกเขาลงแรงไปหามาแล้ว ก็อย่าให้สิ้นเปลืองเลย แม้ว่าคนจะตายไปแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด"พูดถึงจุดนี้ สีหน้านางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยวันนี้นางทุ่มอยู่แต่บนตัวเซียวหลันยวน ตอนนี้พูดถึงจุดนี้ จู่ๆ นางก็คิดขึ้นมาได้ ว่านงมองข้าคนตระกูลฟู
ถุงผ้าที่แอบยัดเข้าไปในบ้านตระกูลฟู่ เดิมทีไม่น่าจะถูกพบเร็วขนาดนี้เพราะของสิ่งนั้นถูกซ่อนอยู่ในของขวัญที่คนเหล่านั้นส่งเข้ามา แล้วยังเปลี่ยนคนอีกด้วยหรือก็คือมีคนกลุ่มหนึ่งเอาของส่งมาที่บ้านตระกูลฟู่ก่อน จากนั้นก็มีคนกลุ่มที่สอง ตอนที่ทั้งคึกคักและวุ่นวายนั้น ก็มีคนแอบเอาถุงผ้านั่นยัดเอาไว้ในจุดที่ไม่ดึงดูดสายตาฟู่จิ้นเชินกลับเสิ่นเชี่ยวกลับเมืองหลวง กลับบ้านตระกูลฟู่ ก็มีคนเข้ามาเยี่ยมเยือนกันไม่ขาดสายหลายวันไม่ว่าจะเป็นใคร เป้าหมายอะไร ฟู่จิ้นเชินหากคิดจะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของเมืองหลวงในช่วงสิบปีนี้ให้เร็วที่สุด เขาต้องไม่ปฏิเสธการมาเยี่ยมของคนเหล่านี้คนเก่าแก่มาเยี่ยมเยียน ยังสามารถช่วยตรวจสอบความจริงในครั้งนั้นได้แม้จะยืนยันแล้วว่าพิษครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่เป็นคนวาง แต่พวกเขายังต้องหาคนวางยาตัวจริงอีกรู้ว่าอีกฝ่ายคือลัทธิเทพทำลายล้าง แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครถ้าจับออกมาได้ บางทีอาจจะรู้ไปที่รังที่ซ่อนของลัทธิเทพทำลายล้างและนั่นถึงจะสามารถปลดปมที่อยู่ระหว่างพวกเขาและอ๋องเจวี้ยนได้แต่ว่าเช่นนี้ก็มีความเสี่ยงอยู่อย่างเช่นวันนี้ที่ถูกคนแอบส่งของเข้ามา นี่ก็คือหน
ต่อให้ชินอ๋องเซียวติดโรคระบาด ถ้าตอนนี้ฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องมากลัวแบบนี้!ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนที่ถูกส่งไปขังในคุกใหญ่ตั้งหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังเรียบร้อยดีไม่เป็นอะไรหรือ?จวนอ๋องเจวี้ยนก็ถูกองค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามออกไปข้างนอกส่งเดชเหมือนกัน แล้วดูตอนนี้สิ?ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าอยากออกไปไหนก็ออกได้หรือ?ฟู่จาวหนิงแบบนั้น เขาอยากได้มาจริงๆ!ถ้าตอนนั้นไม่มีหลี่จื่อเหยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายารัฐทายาทของเขาแล้ว ไม่ใช่ขยะอย่างหลี่จื่อเหยาคนนี้!พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในสายตาเซียวเหยียนจิ่งที่มองหลี่จื่อเหยาก็มีแต่ความเกลียดชังหลี่จื่อเหยาสบกับสายตาของเขา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ใจนางเย็นวาบไปทันทีนี่คือพี่เซียวที่นางรักมาหลายปีหรือ? ถึงแม้สองปีนี้จะทะเลาะกับเขาอย่างหนัก แต่ตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนเสียดกระดูกหลี่จื่อเหยาเองก็เกลียดเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมาทันทีเช่นกัน"ท่านอยากจะส่งข้าออกไป ข้าจะไม่..." ออกไปหรอกนางยังพูดไม่ทันจบ เซียวเหยียนจิ่งก็ตัดบทนางแล้ว มองไปทางหมอเทวดาหลี่ "ถัดจากนี้ในเมืองหลวงอาจจะเกิดการแตกตื่นกลัวกันเพร
"ข้าเกรงว่าถ้าออกไปจากจวนอ๋อง คนอื่นก็จะจับจ้องไปที่ท่านพ่อตา"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าหมอเทวดาหลี่สมองจะง่ายไปหน่อย เขาไม่คิดจะไปที่อื่นเลยเขาสะกดความหงุดหงิดไว้ พูดออกมาอย่างละเอียด"โดยเฉพาะพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้เองก็เป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วย พอท่านกลับมา คนทั้งเมืองก็น่าจะอยากเห็นการตัดสินเด็ดขาดของพวกท่านทั้งสองกระมัง? ถึงตอนนั้นความสนใจทั้งหมดก็จะอยู่บนตัวท่าน ท่านซื้อยาอะไรไป คงถูกขุดคุ้ยออกมาแน่"ดวงตาหมอเทวดาหลี่หรี่ลงแม้จะรู้มานานแล้วว่าคนในดวงใจเซียวเหยียนจิ่งไม่ใช่ลูกสาวเขา แต่ตอนนี้ดูท่านเขาอยากจะสะบัดหลี่จื่อเหยาทิ้งเสียเหลือเกิน เขารู้สึกใจเย็นเยียบ ยิ่งไปกว่านั้นยังโมโหมาก"หลี่จื่อเหยาอยู่ในสภาพหนี้แล้ว ในจวนอ๋องไม่ใช่ว่าเหมาะสมที่สุดแล้วหรือ? ถึงอย่างไรจวนชินอ๋องเซียวของพวกเจ้า จะเอายาเอาคนก็ยังดีกว่าข้าตัวคนเดียวตั้งเยอะ? เจ้าอยากสลัดนางทิ้งขนาดนี้เชียว?""ท่านพ่อตา นี่ข้าทำเพื่อหลี่จื่อเหยานะ ตอนนี้องค์จักรพรรดิจับตามาที่จวนชินอ๋องเซียว พ่อของข้าทางนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างเลย ถ้าหากในจวนอ๋องวุ่นวายขึ้นมา ถึงตอนนั้
หลี่จื่อเหยาขนาดมือก็ยังยกไม่ขึ้น จึงเปิดหนังตาจ้องมองนางเจ้าคนชั้นต่ำ! เห็นสภาพนางแบบนี้ยังมีแรงดื่มน้ำเองอีกหรือ? ยังไม่รีบประคองนางขึ้นมาป้อนอีก!"เจ้าต้องป้อนนาง!" หมอเทวดาหลี่ร้องขึ้นมาสาวใช้แทบจะร้องไห้แล้ว ไม่ นางร้องออกมาแล้วจริงๆ นางน้ำตาร่วงพลางปรคองตัวหลี่จื่อเหยาขึ้นมา เอาแก้วจ่อไปที่มุมปากหลี่จื่อเหยาระยะใกล้ค่แนี้ สาวใช้ได้กลิ่นบนหน้าของหลี่จื่อเหยาแล้วจริงๆ เหม็นเอามากๆเซียวเหยียนจิ่งมองฉากนี้ อดถอยออกมาอีกก้าวหนึ่งไม่ได้เขามองไปทางพวกสาวใช้หญิงรับใช้อีกเหลือเหล่านั้น ถามขึ้นเสียงต่ำ "นางป่วยมานานแค่ไหนแล้ว?"ดันไม่ยอมมาบอกเขา!สาวใช้กับหญิงรับใช้ร่างกำยำไม่กล้าเงยหน้ากัน"ท…ท่านรัฐทายาท พวกเราเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ หลายวันมานี้พระชายารัฐทยาทก็เอาแต่นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ลุขึ้นมาสางผมมแต่งหน้า ตอนที่กินข้าวก็ให้พวกเราเอาข้าวส่งเข้าป นางกินเสร็จพวกเราก็จะเข้ามาเก็บ""ใช่เลย ตอนที่พวกเราเข้าไปเก็บ พระชายารัฐทายาทพอกิเสร็จ นางก็จะกลับไปนอนต่อบนเตียง พวกเราจึงไม่ได้มองนางอย่างละเอียด"เมื่อคืนนี้พวกนางไม่ได้เห็นหลี่จื่อเหยาเลยเอาจริงๆ เป็นเพราะชินอ๋องเซียวกับ
หมอเทวดาหลี่อยากจะตะคอกถามหญิงสาว: เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?มีภรรยาคนไหนบ้าง ที่แอบขโมยรื้อทองของพ่อสามี?ต่อให้ชินอ๋องเซียวจะซ่อนกล่องทองแทงไว้ที่หัวเตียงจริง แต่เจ้าไปค้นหาได้หรือไรกัน?เขาถลึงตาโต อยากจะตบฉาดลูกสาวเสียทีหนึ่ง ให้นางได้รู้สึกตัว แต่พอเห็นใบหน้าเน่าเปื่อยของนาง มองใบหน้าที่บวมจนผิดปกติของนาง หมอเทวดาหลี่ก็ยังถอยออกมาอีกหลายก้าวเขาแทบจะไม่ต้องเข้าไปตรวจแล้ว สภาพนี้ของหลี่จื่อเหยาคงเลี่ยงไม่พ้นแล้ว จะต้องเป็นโรคสกปรกโรคนั้นแน่นอนแต่ว่า เพราะอะไรกัน? แค่ไปพลิกค้นเตียงของชินอ๋องเซียวหรือ?เหตุผลนี้พูดออกไป จะมีคนเชื่อไหม?อาจจะมีคนเชื่อ แต่จะต้องมีคนคิดมากแน่ ภรรยาคนหนึ่ง ไปรื้อเตียงของพ่อสามี! เรื่องนี้ถ้าลือออกไป ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้แน่!ถึงแม้ตัวหมอเทวดาหลี่เองจะไม่ค่อยได้เรื่องนัก แต่ก็ยังคิดเรื่องที่โง่เง่าขนาดนี้ไม่ออก!"เจ้าขาดเงินเท่าไรกันแน่? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องไม่ได้กินไม่ได้ดื่มหรือไรกัน?" ยากจนขนาดต้องเข้าไปรื้อเตียงพ่อสามีเลยหรือ?เซียวเหยียนจิ่งพอได้ยินคำพูดหลี่จื่อเหยาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อพอได้ยินหมอเทวดาหลี่ถามมาเช่นนี้ เขาก็หน้าดำร้องขึ้นมา "จวนอ๋อ
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง