"ท่านอ๋อง พระชายา กินข้าวเจ้าค่ะ"หงจั๋วเข้ามาเชิญพวกเขาไปกินข้าวบทสนทนาของฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนจึงตัดบทไปก่อนตอนนี้ก็ค่อนข้างมืดแล้ว เดิมทีฟู่จาวหนิงไม่ค่อยอยากกิน นางปกติจะกินข้าวเย็นไวหน่อย และกินน้อยลงหน่อย ตอนนี้เลยเวลากินข้าวเย็นปกติของนางไปนานมากแล้ว แต่ว่าเซียวหลันยวนจะลากให้นางไปกินด้วยกัน นางก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาหลับไปหนึ่งวัน ในคุกนั่นก็ไม่มีอะไรให้กิน ตอนนี้จึงหิวมากๆคนในจวนอ๋องรู้ว่าท่านอ๋องลุกขึ้นมากินข้าวแล้ว ก็ทยอยกันโล่งใจวันนี้พวกเขากังวลมากต้องรู้ด้วยว่าตอนเช้าพระชายาจู่ๆ ก็พาท่านอ๋องที่สลบไปแล้วกลับเข้ามา ให้พวกเขาปิดประตูไม่ต้อนรับแขก ทำเอาพวกเขาตกอกตกใจกันไปหมดท่านอ๋องหลับไปหนึ่งวัน คนในจวนอ๋องก็อยู่ไม่สุขไปหนึ่งวันพวกเขาล้วนรอให้ท่านอ๋องฟื้นขึ้นมา และกำลังรอพระราชโองการลงโทษจากในวังด้วย...ถึงอย่างไรท่านอ๋องตอนนี้ก็ควรจะถูกขังอยู่ในคุก พระชายานำเขากลับมาโดยพลการ องค์จักรพรรดิถ้าตอนนี้รับสั่งลงโทษมาอีก ท่านอ๋องที่กำลังสลบอยู่ พระชายาไม่ต้องไปรับแทนหรือ?ดังนั้น ทุกคนจึงไม่สงบใจและเครียดมาก ถึงตอนนี้ก็ยังแทบไม่ได้กินอะไรกัน แต่ละคนดูอ่อนล้ามากแ
"พรวด เหมือนพวกเขาจะกลัวว่าท่านจะระบาดโรคพวกนั้นนะ""พวกเรากลับเรือนโยวหนิงไหม?" เซียวหลันยวนดึงฟู่จาวหนิง เขาไม่อยากแยกกับนางฟู่จาวหนิงยังอยากจะทำอะไรอีกหนอ่ย อยากจะแยกเรือนกับเขาสักสองสามวัน แต่เซียวหลันยวนยอมที่ไหน ออกแรงพานางกลับไปหลังจากกลับเรือนโยวหนิง ฟู่จาวหนิงก็มองเซียวหลันยวน "คืนนี้ข้าจะออกไปทำอะไรหน่อย"เดิมทีนางคิดจะถือโอกาสที่อยู่ในเรือนเจียนเจียคนเดียว เข้าออกสะดวกหน่อยไม่ต้องให้เขารู้ แต่เขาไม่ยอมให้นางอยู่คนเดียว นางจึงทำได้แค่พูดตรงๆแล้วเซียวหลันยวนดึงนางลงนั่ง "เดิมทีเจ้ามีแผนอะไรหรือ?"ฟู่จาวหนิงกลอกตา"คนคนทำกับท่านขนาดนี้ ท่านเองก็เป็นคนของข้า ข้าจะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไร? ต้องเอาคืนด้วยวิธีเดียวกันสิ"นางไม่คิดจะปล่อยชินอ๋องเซียวไว้"นักโทษคนนั้นในคุก...""พวกเขาจะต้องมาจัดการแน่ แต่ข้าคิดว่า คนๆ นั้นในเมื่อพวกเขาลงแรงไปหามาแล้ว ก็อย่าให้สิ้นเปลืองเลย แม้ว่าคนจะตายไปแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด"พูดถึงจุดนี้ สีหน้านางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยวันนี้นางทุ่มอยู่แต่บนตัวเซียวหลันยวน ตอนนี้พูดถึงจุดนี้ จู่ๆ นางก็คิดขึ้นมาได้ ว่านงมองข้าคนตระกูลฟู
ถุงผ้าที่แอบยัดเข้าไปในบ้านตระกูลฟู่ เดิมทีไม่น่าจะถูกพบเร็วขนาดนี้เพราะของสิ่งนั้นถูกซ่อนอยู่ในของขวัญที่คนเหล่านั้นส่งเข้ามา แล้วยังเปลี่ยนคนอีกด้วยหรือก็คือมีคนกลุ่มหนึ่งเอาของส่งมาที่บ้านตระกูลฟู่ก่อน จากนั้นก็มีคนกลุ่มที่สอง ตอนที่ทั้งคึกคักและวุ่นวายนั้น ก็มีคนแอบเอาถุงผ้านั่นยัดเอาไว้ในจุดที่ไม่ดึงดูดสายตาฟู่จิ้นเชินกลับเสิ่นเชี่ยวกลับเมืองหลวง กลับบ้านตระกูลฟู่ ก็มีคนเข้ามาเยี่ยมเยือนกันไม่ขาดสายหลายวันไม่ว่าจะเป็นใคร เป้าหมายอะไร ฟู่จิ้นเชินหากคิดจะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของเมืองหลวงในช่วงสิบปีนี้ให้เร็วที่สุด เขาต้องไม่ปฏิเสธการมาเยี่ยมของคนเหล่านี้คนเก่าแก่มาเยี่ยมเยียน ยังสามารถช่วยตรวจสอบความจริงในครั้งนั้นได้แม้จะยืนยันแล้วว่าพิษครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่เป็นคนวาง แต่พวกเขายังต้องหาคนวางยาตัวจริงอีกรู้ว่าอีกฝ่ายคือลัทธิเทพทำลายล้าง แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครถ้าจับออกมาได้ บางทีอาจจะรู้ไปที่รังที่ซ่อนของลัทธิเทพทำลายล้างและนั่นถึงจะสามารถปลดปมที่อยู่ระหว่างพวกเขาและอ๋องเจวี้ยนได้แต่ว่าเช่นนี้ก็มีความเสี่ยงอยู่อย่างเช่นวันนี้ที่ถูกคนแอบส่งของเข้ามา นี่ก็คือหน
ดังนั้น ฟู่จิ้นเชินจึงให้เขามาด้วยตนเอง มาถามนางดูว่ามีปัญหาอะไรแต่ว่ากลัวจะระบาดไปถึงนาง เขาเองก็เตือนจงเจี้ยนว่าอย่าเข้าใกล้นาง"เจ้าปิดปากไว้ตลอด และไม่ได้ใช้มือไปจับเสื้อผ้านั้นใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่ขอรับ ผ้าที่พันมือก็ทิ้งกับเผาแล้วด้วย" จงเจี้ยนบอก"เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ว่ากินยาลูกกลอนนี้ให้วางใจหน่อยดีกว่า" ฟู่จาวหนิงเข้าไปหยิบยา คิดจะส่งไปให้เขา"พระชายาโยนออกมา ข้าน้อยรับได้" จงเจี้ยนรีบห้ามนางไว้ฟู่จาวหนิงชะงัก โยนยาออกไปจงเจี้ยนหลังจากรับยาแล้วก็กินลงไป ไม่มีลังเลแม้แต่น้อย"ข้าจับชีพจรให้เจ้าก็แล้วกัน" ฟู่จาวหนิงบอก"ไม่ต้องหรอก พระชายา ข้าไม่ได้แตะจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้สัมผัสจริง ก็คงไม่ได้ติดง่ายขนาดนั้นหรอกกระมัง?""อืม ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น""เสื้อผ้านั้นสีอะไร รูปร่างอย่างไร ลองบอกมาหน่อย" เซียวหลันยวนน้ำเสียงขรึมลงเล็กน้อยจงเจี้ยนบรรยายออกมารอบหนึ่งหลังจากพวกเขขาได้ยินสีหน้าก็เย็นลงมายืนยันแล้ว ว่านี่คือชุดของชายที่ป่วยตายในคุกคนนั้นคิดไม่ถึงว่าขนาดคนตายไปแล้ว ชินอ๋องเซียวก็ยังคิดแผนทำร้ายแบบนี้ออกมาได้ ถอนเสื้อผ้าเขาออกมา แล้วส่งไปในบ้า
ฟู่จาวหนิงไม่ใช่เป็นแค่วิชาแพทย์ แต่ยังมีอุปกรณ์ขี้โกงอย่างห้องเภสัชด้วย ถ้าเช่นนี้ยังทำให้ตัวเองติดกับง่ายๆ ก็แย่แล้วยิ่งไปกว่านั้น จงเจี้ยนตอนที่หิ้วเสื้อผ้าห่อนั้นก็ระมัดระวังมากแล้ว มันจะไปหนักหนาขนาดนั้นได้อย่างไรกันถ้าเป็นเช่นนี้จริง ชายคนนั้นก็ไม่รู้วา่ระบาดใส่คนไปตั้งเท่าไรแล้ว ยังต้องให้ชินอ๋องเซียวไปค้นไปหาตัวเขาด้วยเหรอถ้าหากบอกว่ามีอันตราย ลูกน้องชินอ๋องเซียวพวกนั้นคงจะติดกันไปหมดแล้ว ถึงอย่างไรพวกเขาพาคนเข้าไปในคุกนะ นั่นก็ต้องสัมผัสไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้วเซียวหลันยวนเห็ฯว่าจงเจี้ยนยังลังเลหน่อยๆ จึงทำหน้าเย็นชา "ต้องให้พระชายาพูดอีกสักกี่ครั้ง?"ให้ตายเถอะ พอเห็นลูกน้องของตัวเองมาทำให้ฟู่จาวหนิงกังวล เรื่องเล็กๆ ก็ยังต้องมาใกล้ชิดกัน ทำไมในใจเขาถึงไม่สบายใจแบบนี้น่าโมโห หน้าอกก็อึดอัดดูเหมือนว่าเขาจะยิ่งไม่กังวลฟู่จาวหนิงเสียอย่างนั้นพอได้ยินท่านอ๋องพูดเช่นนี้ จงเจี้ยนจึงเดินเข้ามาในเรือนฟู่จาวหนิงหยิบของออกมายื่นส่งให้เขา และสอนเขาว่าใช้งานอย่างไร"นี่คือถุงมือ นี่คือที่ปิดปาก สวมเอาไว้"ของเหล่านี้จงเจี้ยนเคยเห็นฟู่จาวหนิงใช้ ดังนั้นพอรับไปแล้วก็สวมเ
น่าเสียดายที่ชายคนนี้กล้ามเนื้อแข็งปั๋ง หยิกไม่ค่อยเข้านางถลึงตามองเขา"ท่านพักผ่อนไปก่อน ข้าจะไปสกัดยา" นางหมุนตัวเดินไปที่ห้องหนังสือเซียวหลันยวนห้ามนางไว้ทันที"มืดขนาดนี้แล้วยังจะไปสกัดยาอีกหรือ?""ตอนนี้ยังไม่ง่วง แล้วตอนนี้ข้าก็มีอารมณ์หน่อยๆ ด้วย""สกัดยาอะไร?""ในเมื่อมีโรคนี้ปรากฎขึ้นแล้ว ก็ต้องเตรียมร่มก่อนฝนตก ข้าจะไปสกัดยาที่เอาไว้รักษาโรคนี้ออกมา"นี่ไม่ใช่ว่าต้องกันไว้ก่อนหรือ?พิษหลายชนิดบนตัวชายคนนั้นพอผสมอยู่ด้วยกันจึงเกิดพิษชนิดใหม่ ถ้าหากป่วยขึ้นมาจริงๆ ผู้ป่วยคงจะทรมานเอามากๆ ยิ่งไปกว่านั้นหมอที่นี่ก็ยังรักษาไม่ได้ด้วยก่อนที่ชินอ๋องเซียวจะไปเจอเข้า ก็ไม่รู้ว่าสัมผัสกันไปแล้วตั้งกี่คน ตอนนี้ในเมืองหลวงไม่แน่ว่าจะไม่มีผู้ป่วยคนอื่นดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงตัดสินใจว่าจะสกัดยาออกมาเสียก่อน เผื่อต้องใช้จะได้ใช้ได้ทันทีไม่เช่นนั้นจะช้าเกินไปชายคนนั้นป่วยรุนแรงมาก ยิ่งไปกว่านั้นพอบวกกับโดนความหนาว ก็เลยตายไปทันที"พรุ่งนี้ค่อยไปสกัดเถอะ" เซียวหลันยวนรู้สึกว่าแบบนี้มันเหนื่อยเกินไป อยากให้นางพรุ่งนี้ค่อยไปสกัดยาฟู่จาวหนิงยังยืนหยัดอยู่ เซียวหลันยวนจึงอุ้มคน
"เสียมารยาทแล้ว"เซียวหลันยวนให้ขุนพลองครักษ์มาคุยเพียงลำพังมีคนส่งชาร้อนเข้ามาที่นี่ค่อนข้างลับพราง ไม่มีคนเดินเข้ามา รอบๆ เงียบสงบแต่กลับอยู่ใกล้วังจักรพรรดิมากอันที่จริงในวังจักรพรรดิก็ยังมีตำหนักที่เตรียมไว้ให้สำหรับองครักษ์เงามังกร แต่เพราะตอนนี้อำนาจการควบคุมองครักษ์เงามังกรอยู่ในมือเซียวหลันยวน ดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงพูดไว้นานแล้ว ว่าพวกเขาอยู่ในนั้นมันไม่เหมาะสมตอนแรกองค์จักรพรรดิให้โจทย์ยากกับเซียวหลันยวน บอกว่าองครักษ์เงามังกรจะอยู่ในตำหนักเงา แต่ก็ห้ามอยู่ห่างจากวังจักรพรรดินักไม่ว่าอย่างไร โดยผิวเผินแล้ว พวกเขาก็ยังต้องรับผิดชอบคุ้มครององค์จักรพรรดิอยู่ดีองค์จักรพรรดิกำลังคิด พอเป็นเช่นนี้ขอบเขตก็จะหดเล็กลง ถึงตอนนั้นค่อยส่งคนไปหาสถานที่พักกับที่ฝึกขององครักษ์เงามังกร แล้วค่อยส่งคนไปจับตาดูเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับองครักษ์เงามังกรอยู่ใต้หนังตานี่แล้วน่าเสียดาย หลายปีมานี้ คนขององค์จักรพรรดิก็ยังหาไม่เจอมาโดยตลอดแน่นอนว่าเขาเคยส่งสัยว่าเซียวหลันยวนไม่ได้จัดองครักษ์เงามังกรให้พักอยู่ใกล้ๆ วังจักรพรรดิ ดังนั้นจึงยังเคยออกคำสั่งโจมตีกะทันหัน ให้เขาส่งองครั
ดังนั้น การเลือกข้างและการเคลื่อนไหวเบื้องหลังองครักษ์เงามังกร พวกเขาก็น่าจะจัดการไว้หมดแล้ว"ท่านอ๋อง ตอนนี้คำสั่งลับที่สองยังไม่มีผล" ขุนพลองครักษ์พูดขึ้นมาคำหนึ่ง"จะมีผลหลังจากที่ข้าตายสินะ?"ขุนพลองครักษ์ได้ยินคำพูดนี้ก็นิ่งงันเช่นนั้นเขาก็เดาออกแล้วเซียวหลันยวนวางถ้วยชาลง เคาะนิ้วบนโต๊ะเบาๆ ครู่ต่อมาจึงลุกขึ้นืน เดินไปที่ริมหน้าต่าง มองหิมะที่ยังตกอย่างเงียบงันด้านนอก"ตอนนั้นไท่ซ่างหวงพาเจ้ามาอยู่ตรงหน้าข้า อันที่จริงเจ้าเพิ่งปฏิบัติภารกิจหนึ่งเสร็จสิ้น พาองครักษ์เงามังกรไปสิบคน สิบคนนี้ของพวกเจ้าล้วนบาดเจ็บหนัก"เสียงเรียบๆ ของเซียวหลันยวนดังลอดเข้าไปในหูของขุนพลองครักษ์ เขาตกตะลึงไป มองไปยังร่างสูงใหญ๋ที่อยู่ข้างหน้าต่าง"ท่านอ๋องรู้ด้วยหรือ?"ท่านอ๋องรู้ได้อย่างไรกัน?ตอนนั้นเขาเพิ่งจะสี่ขวบเองนะสี่ขวบ ยังเป็นเด็กอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นสุขภาพอ๋องเจวี้ยนก็ย่ำแย่มาก แค่ขยับตัวก็จะเป็นลม เขาตอนนั้นน่าจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยและไม่น่ามาสนใจด้วยตอนที่ไท่ซ่างหวงส่งพวกเขาให้กับมือของอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนที่ยังเล็กยังถามเขาอย่างไร้เดียงสา: พวกเจ้ามาปกป้องข้าหรือ?ข
ต่อให้ชินอ๋องเซียวติดโรคระบาด ถ้าตอนนี้ฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องมากลัวแบบนี้!ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนที่ถูกส่งไปขังในคุกใหญ่ตั้งหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังเรียบร้อยดีไม่เป็นอะไรหรือ?จวนอ๋องเจวี้ยนก็ถูกองค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามออกไปข้างนอกส่งเดชเหมือนกัน แล้วดูตอนนี้สิ?ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าอยากออกไปไหนก็ออกได้หรือ?ฟู่จาวหนิงแบบนั้น เขาอยากได้มาจริงๆ!ถ้าตอนนั้นไม่มีหลี่จื่อเหยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายารัฐทายาทของเขาแล้ว ไม่ใช่ขยะอย่างหลี่จื่อเหยาคนนี้!พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในสายตาเซียวเหยียนจิ่งที่มองหลี่จื่อเหยาก็มีแต่ความเกลียดชังหลี่จื่อเหยาสบกับสายตาของเขา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ใจนางเย็นวาบไปทันทีนี่คือพี่เซียวที่นางรักมาหลายปีหรือ? ถึงแม้สองปีนี้จะทะเลาะกับเขาอย่างหนัก แต่ตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนเสียดกระดูกหลี่จื่อเหยาเองก็เกลียดเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมาทันทีเช่นกัน"ท่านอยากจะส่งข้าออกไป ข้าจะไม่..." ออกไปหรอกนางยังพูดไม่ทันจบ เซียวเหยียนจิ่งก็ตัดบทนางแล้ว มองไปทางหมอเทวดาหลี่ "ถัดจากนี้ในเมืองหลวงอาจจะเกิดการแตกตื่นกลัวกันเพร
"ข้าเกรงว่าถ้าออกไปจากจวนอ๋อง คนอื่นก็จะจับจ้องไปที่ท่านพ่อตา"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าหมอเทวดาหลี่สมองจะง่ายไปหน่อย เขาไม่คิดจะไปที่อื่นเลยเขาสะกดความหงุดหงิดไว้ พูดออกมาอย่างละเอียด"โดยเฉพาะพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้เองก็เป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วย พอท่านกลับมา คนทั้งเมืองก็น่าจะอยากเห็นการตัดสินเด็ดขาดของพวกท่านทั้งสองกระมัง? ถึงตอนนั้นความสนใจทั้งหมดก็จะอยู่บนตัวท่าน ท่านซื้อยาอะไรไป คงถูกขุดคุ้ยออกมาแน่"ดวงตาหมอเทวดาหลี่หรี่ลงแม้จะรู้มานานแล้วว่าคนในดวงใจเซียวเหยียนจิ่งไม่ใช่ลูกสาวเขา แต่ตอนนี้ดูท่านเขาอยากจะสะบัดหลี่จื่อเหยาทิ้งเสียเหลือเกิน เขารู้สึกใจเย็นเยียบ ยิ่งไปกว่านั้นยังโมโหมาก"หลี่จื่อเหยาอยู่ในสภาพหนี้แล้ว ในจวนอ๋องไม่ใช่ว่าเหมาะสมที่สุดแล้วหรือ? ถึงอย่างไรจวนชินอ๋องเซียวของพวกเจ้า จะเอายาเอาคนก็ยังดีกว่าข้าตัวคนเดียวตั้งเยอะ? เจ้าอยากสลัดนางทิ้งขนาดนี้เชียว?""ท่านพ่อตา นี่ข้าทำเพื่อหลี่จื่อเหยานะ ตอนนี้องค์จักรพรรดิจับตามาที่จวนชินอ๋องเซียว พ่อของข้าทางนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างเลย ถ้าหากในจวนอ๋องวุ่นวายขึ้นมา ถึงตอนนั้
หลี่จื่อเหยาขนาดมือก็ยังยกไม่ขึ้น จึงเปิดหนังตาจ้องมองนางเจ้าคนชั้นต่ำ! เห็นสภาพนางแบบนี้ยังมีแรงดื่มน้ำเองอีกหรือ? ยังไม่รีบประคองนางขึ้นมาป้อนอีก!"เจ้าต้องป้อนนาง!" หมอเทวดาหลี่ร้องขึ้นมาสาวใช้แทบจะร้องไห้แล้ว ไม่ นางร้องออกมาแล้วจริงๆ นางน้ำตาร่วงพลางปรคองตัวหลี่จื่อเหยาขึ้นมา เอาแก้วจ่อไปที่มุมปากหลี่จื่อเหยาระยะใกล้ค่แนี้ สาวใช้ได้กลิ่นบนหน้าของหลี่จื่อเหยาแล้วจริงๆ เหม็นเอามากๆเซียวเหยียนจิ่งมองฉากนี้ อดถอยออกมาอีกก้าวหนึ่งไม่ได้เขามองไปทางพวกสาวใช้หญิงรับใช้อีกเหลือเหล่านั้น ถามขึ้นเสียงต่ำ "นางป่วยมานานแค่ไหนแล้ว?"ดันไม่ยอมมาบอกเขา!สาวใช้กับหญิงรับใช้ร่างกำยำไม่กล้าเงยหน้ากัน"ท…ท่านรัฐทายาท พวกเราเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ หลายวันมานี้พระชายารัฐทยาทก็เอาแต่นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ลุขึ้นมาสางผมมแต่งหน้า ตอนที่กินข้าวก็ให้พวกเราเอาข้าวส่งเข้าป นางกินเสร็จพวกเราก็จะเข้ามาเก็บ""ใช่เลย ตอนที่พวกเราเข้าไปเก็บ พระชายารัฐทายาทพอกิเสร็จ นางก็จะกลับไปนอนต่อบนเตียง พวกเราจึงไม่ได้มองนางอย่างละเอียด"เมื่อคืนนี้พวกนางไม่ได้เห็นหลี่จื่อเหยาเลยเอาจริงๆ เป็นเพราะชินอ๋องเซียวกับ
หมอเทวดาหลี่อยากจะตะคอกถามหญิงสาว: เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?มีภรรยาคนไหนบ้าง ที่แอบขโมยรื้อทองของพ่อสามี?ต่อให้ชินอ๋องเซียวจะซ่อนกล่องทองแทงไว้ที่หัวเตียงจริง แต่เจ้าไปค้นหาได้หรือไรกัน?เขาถลึงตาโต อยากจะตบฉาดลูกสาวเสียทีหนึ่ง ให้นางได้รู้สึกตัว แต่พอเห็นใบหน้าเน่าเปื่อยของนาง มองใบหน้าที่บวมจนผิดปกติของนาง หมอเทวดาหลี่ก็ยังถอยออกมาอีกหลายก้าวเขาแทบจะไม่ต้องเข้าไปตรวจแล้ว สภาพนี้ของหลี่จื่อเหยาคงเลี่ยงไม่พ้นแล้ว จะต้องเป็นโรคสกปรกโรคนั้นแน่นอนแต่ว่า เพราะอะไรกัน? แค่ไปพลิกค้นเตียงของชินอ๋องเซียวหรือ?เหตุผลนี้พูดออกไป จะมีคนเชื่อไหม?อาจจะมีคนเชื่อ แต่จะต้องมีคนคิดมากแน่ ภรรยาคนหนึ่ง ไปรื้อเตียงของพ่อสามี! เรื่องนี้ถ้าลือออกไป ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้แน่!ถึงแม้ตัวหมอเทวดาหลี่เองจะไม่ค่อยได้เรื่องนัก แต่ก็ยังคิดเรื่องที่โง่เง่าขนาดนี้ไม่ออก!"เจ้าขาดเงินเท่าไรกันแน่? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องไม่ได้กินไม่ได้ดื่มหรือไรกัน?" ยากจนขนาดต้องเข้าไปรื้อเตียงพ่อสามีเลยหรือ?เซียวเหยียนจิ่งพอได้ยินคำพูดหลี่จื่อเหยาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อพอได้ยินหมอเทวดาหลี่ถามมาเช่นนี้ เขาก็หน้าดำร้องขึ้นมา "จวนอ๋อ
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง