"เสียมารยาทแล้ว"เซียวหลันยวนให้ขุนพลองครักษ์มาคุยเพียงลำพังมีคนส่งชาร้อนเข้ามาที่นี่ค่อนข้างลับพราง ไม่มีคนเดินเข้ามา รอบๆ เงียบสงบแต่กลับอยู่ใกล้วังจักรพรรดิมากอันที่จริงในวังจักรพรรดิก็ยังมีตำหนักที่เตรียมไว้ให้สำหรับองครักษ์เงามังกร แต่เพราะตอนนี้อำนาจการควบคุมองครักษ์เงามังกรอยู่ในมือเซียวหลันยวน ดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงพูดไว้นานแล้ว ว่าพวกเขาอยู่ในนั้นมันไม่เหมาะสมตอนแรกองค์จักรพรรดิให้โจทย์ยากกับเซียวหลันยวน บอกว่าองครักษ์เงามังกรจะอยู่ในตำหนักเงา แต่ก็ห้ามอยู่ห่างจากวังจักรพรรดินักไม่ว่าอย่างไร โดยผิวเผินแล้ว พวกเขาก็ยังต้องรับผิดชอบคุ้มครององค์จักรพรรดิอยู่ดีองค์จักรพรรดิกำลังคิด พอเป็นเช่นนี้ขอบเขตก็จะหดเล็กลง ถึงตอนนั้นค่อยส่งคนไปหาสถานที่พักกับที่ฝึกขององครักษ์เงามังกร แล้วค่อยส่งคนไปจับตาดูเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับองครักษ์เงามังกรอยู่ใต้หนังตานี่แล้วน่าเสียดาย หลายปีมานี้ คนขององค์จักรพรรดิก็ยังหาไม่เจอมาโดยตลอดแน่นอนว่าเขาเคยส่งสัยว่าเซียวหลันยวนไม่ได้จัดองครักษ์เงามังกรให้พักอยู่ใกล้ๆ วังจักรพรรดิ ดังนั้นจึงยังเคยออกคำสั่งโจมตีกะทันหัน ให้เขาส่งองครั
ดังนั้น การเลือกข้างและการเคลื่อนไหวเบื้องหลังองครักษ์เงามังกร พวกเขาก็น่าจะจัดการไว้หมดแล้ว"ท่านอ๋อง ตอนนี้คำสั่งลับที่สองยังไม่มีผล" ขุนพลองครักษ์พูดขึ้นมาคำหนึ่ง"จะมีผลหลังจากที่ข้าตายสินะ?"ขุนพลองครักษ์ได้ยินคำพูดนี้ก็นิ่งงันเช่นนั้นเขาก็เดาออกแล้วเซียวหลันยวนวางถ้วยชาลง เคาะนิ้วบนโต๊ะเบาๆ ครู่ต่อมาจึงลุกขึ้นืน เดินไปที่ริมหน้าต่าง มองหิมะที่ยังตกอย่างเงียบงันด้านนอก"ตอนนั้นไท่ซ่างหวงพาเจ้ามาอยู่ตรงหน้าข้า อันที่จริงเจ้าเพิ่งปฏิบัติภารกิจหนึ่งเสร็จสิ้น พาองครักษ์เงามังกรไปสิบคน สิบคนนี้ของพวกเจ้าล้วนบาดเจ็บหนัก"เสียงเรียบๆ ของเซียวหลันยวนดังลอดเข้าไปในหูของขุนพลองครักษ์ เขาตกตะลึงไป มองไปยังร่างสูงใหญ๋ที่อยู่ข้างหน้าต่าง"ท่านอ๋องรู้ด้วยหรือ?"ท่านอ๋องรู้ได้อย่างไรกัน?ตอนนั้นเขาเพิ่งจะสี่ขวบเองนะสี่ขวบ ยังเป็นเด็กอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นสุขภาพอ๋องเจวี้ยนก็ย่ำแย่มาก แค่ขยับตัวก็จะเป็นลม เขาตอนนั้นน่าจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยและไม่น่ามาสนใจด้วยตอนที่ไท่ซ่างหวงส่งพวกเขาให้กับมือของอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนที่ยังเล็กยังถามเขาอย่างไร้เดียงสา: พวกเจ้ามาปกป้องข้าหรือ?ข
เซียวหลันยวนหมุนตัวไปมองขุนพลองครักษ์"อย่างอื่นยังไม่ต้องพูดถึง เจ้าคิดว่า พวกเจ้าติดตามข้ามาหลายปี ถึงตอนนั้นถ้ากลับไปอยู่ในมือจักรพรรดิ เขาจะเชื่อมั่นพวกเจ้าไหม? พวกเจ้าจะยังเป็นองครักษ์เงามังกรอีกไหม?""ต่อให้ถึงตอนนั้นข้าจะตายไปแล้ว แต่ด้วยความขี้ระแวงขององค์จักรพรรดิ เขาจะไม่สงสัยหรือว่าหลายปีนี้ข้าให้พวกเจ้าตรวจสอบความลับเขาไปมากเท่าไร? พอนานวันเข้า องค์จักรพรรดิคงไม่รอพวกเจ้านานขนาดนั้น แล้วเขาเองก็มีพวกองครักษ์เงาที่ตนเองชุบเลี้ยงขึ้นมาแล้วด้วย"ขุนพลองครักษ์มองเขา นิ่งงันไปครู่หนึ่ง "ท่านอ๋องตอนนี้หมายความว่าเช่นไร?""นอกจากเจ้า องครักษ์เงามังกรเหล่านี้ในปัจจุบัน ยังมีอีกครึ่งที่ข้าฝึกฝนออกมา" เซียวหลันยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา"ท่านอ๋องพูดตรงๆ เถิด ข้าน้อยมีแค่วิชาติดตัว และทำงานได้ตามคำสั่งลับมังกรเท่านัน้ ในสมองคิดซับซ้อนไม่ได้" ขุนพลองครักษ์ถอนใจออกมาพวกเขาล้วนเป็นจอมยุทธ์เรื่องที่ต้องให้สมองคิดวิกไปวนมาอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาเข้าใจดังนั้น องครักษ์เงามังกรจึงล้วนทำตามคำสั่งมาโดยตลอด หนึ่งคำสั่งหนึ่งปฏิบัติการงานหลักของเขาคือการคุ้มครอง ป้องกัน"องค์จักร
ดังนั้นอ๋องเจวี้ยนจึงไม่คิดจะทนแล้วสีหน้าขุนพลองครักษ์เปลี่ยนไป "ท่านอ๋องคิดจะ...."ชิงบัลลังก์หรือ?เรื่องกบฏต่อราชสำนักเช่นนี้ เขาไม่กล้าพูดออกมา แต่ว่า ก็น่าจะเป็นเช่นนี้กระมัง"องค์จักรพรรดิเข้ามาทำให้ข้าโมโหแล้ว ดังนั้น ให้ข้าเลือกองค์ชายพวกนั้นมาส่วนหนึ่ง ดูว่าคนไหนพอจะดันขึ้นไปได้ดีไหม? ถึงอย่างไร ก็ยังต้องใช้พวกเจ้าอยู่ดี พวกเจ้าลองไปพิจารณาดู ว่าถึงตอนนั้นแล้วจะทำอย่างไร"เซียวหลันยวนไม่ให้โอกาสคำสั่งลับที่สองได้มีผลในตอนที่เข้ายังไม่ตายนี้ เขามีโอกาสที่จะส่งองครักษ์เงามังกรออกไปโจมตีองค์จักรพรรดิ นี่ถือเป็นการขัดหลักการที่องครักษ์มังกรดำยึดมันมาโดยตลอดพวกเขาถ้าหากฟังเขา ก็เท่ากับยืนอยู่ฝั่งเขาแล้ว ไม่เพื่อฟังราชประสงค์ของไท่ซ่างหวง และไม่คิดว่าตนเองจะกลับไปอยู่ใต้เงื้อมมือองค์จักรพรรดิอีก แต่จะรับใช้เซียวหลันยวนคนนี้อย่างแท้จริงหลุดพ้นจากพันธนาการองครักษ์เงามังกรแคว้นเจา กลายเป็นองครักษ์ของเขาเพียงคนเดียวถ้าพวกเขาไม่ทำตาม เช่นนั้น เซียวหลันยวนก็น่าจะไม่เชื่อถือพวกเขาอีกอ๋องเจวี้ยนจะทำอะไรกับพวกเขา?"ข้าขอตัวกลับก่อนแล้ว"ดึกมากแล้ว เขาเริ่มง่วงหน่อยๆ กลับไปนอน
ตอนที่เซียวเหยียนจิ่งออกมากินข้าวเช้าก็เห็นว่าหน้าของชินอ๋องเซียวขาดซีดไป ยิ่งไปกว่านั้นเขายังจามเป็นระยะอีกด้วยพอเห็นเซียวเหยียนจิ่งเข้ามา น้ำเสียงชินอ๋องเซียวก็ดูไม่ค่อยสบายนัก "เมื่อวานนี้ไปไหนมาหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าตอนนี้มันเวลาอะไร? ทำไมยังเที่ยวเตร่ไปเรื่อยอีก""ท่านพ่อ ข้าไปเที่ยวเตร่เสียที่ไหน? เมื่อวานนี้มีธุระ เลยไปเดินที่อุทยานมารอบหนึ่ง ดูว่าที่ดินยังเพาะปลูกได้ไหม"ชินอ๋องเซียวพอได้ยินคำนี้ก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที""นี่เจ้ายังไปสนใจเรื่องปลูกพืชผลในอุทยานด้วยหรือ?""ทำไมจะไม่ล่ะ? ท่านพ่อลืมไปแล้วสินะ ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวทุกนครต่างก็มีข่าวเรื่องภัยพิบัติ แล้วปีนี้เก็บเกี่ยวได้ไม่ดี อุทยานของพวกเราเองก็เหมือนกัน ก่อนหน้านี้มีผู้ดูแลหลายคนเข้ามารายงานเรื่องนี้ ไม่ใช่ท่านที่ให้ข้ามีเวลาว่างก็ออกไปดูที่อุทยานหน่อยหรอกหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าสมองของพ่อเขาวันนี้ดูไม่คล่องแคล่วเอาซะเลย เรื่องพวกนี้ยังลืมได้อีกเสบียงของจวนชินอ๋องเซียวยังพอพวกเขากินอยู่ แต่ปีที่แล้วเก็บเกี่ยวได้ไม่เลว ดังนั้นจึงมีเสบียงใหม่มาเติมตลอด ทว่าปีนี้กลับไม่ไหวเสียแล้วพวกเขาช่วงครึ่งปีนี
"ได้ยินหรือยัง? บอกแล้วว่าเป็นหวัด" ชินอ๋องเซียวถลึงตาใส่เซียวเหยียนจิ่งที่แยกห่างออกไป ในใจรู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมา"ท่านพ่อ ข้าไม่ได้พูดอะไรนะ และก็ไม่ได้รังเกียจท่านด้วย นี่ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงหรอกหรือ? ถ้าอย่างนั้นวันนี้ท่านก็ไม่ต้องออกไปแล้ว หิมะตกติดกันสามวันไม่หยุด ด้านนอกหนาวมากเลย"เซียวเหยียนจิ่งพูดจบก็พาคนถอยออกไปพอเห็นประตูปิดลงมา ในใจชินอ๋องเซียวก็รู้สึกรับไม่ค่อยได้ แผดเสียงตะโกนออกมา "เมื่อวานหลังจากเซียวหลันยวนล้มป่วยในคุกเจ้ารู้ไหมว่าฟู่จาวหนิงนางทำอย่างไร?"ประตูปิดไปแล้ว เซียวเหยียนจิ่งที่ได้ยินอยู่ด้านนอกก็ยืนนิ่ง"ท่านพ่อ ท่านบอกเลยว่าพวกเขาทำอะไร?""ข้าก็อยากจะบอกเจ้า ฟู่จาวหนิงไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อย รีบพาเขากลับจวนอ๋องเจวี้ยนทันที แล้วยังนั่งรถม้าคันเดียวกับเขาด้วย!"แล้วเขาที่ยังไม่ทันได้สัมผัสคนป่วยคนนั้น แค่เป็นหวัดนิดหน่อย แต่ลูกชายตนเองกลับมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ทำเอาหดหู่เลยจริงๆหดหู่สุดๆ!พอเทียบกันแล้ว ฟู่จาวหนิงยังดูมีน้ำมิตรมากกว่าลูกชายตนเองเสียอีก!ชินอ๋องเซียวตอนนี้อดมีความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นไม่ได้"ท่านพ่อ ท่านพักผ่อนดีดีเถอะ"เซียวเหยียนจิ่งมุม
"องค์จักรพรรดิ ให้คนมาสังเกตอาการป่วยของชินอ๋องเซียวแล้ว""อืม อย่าเข้าใกล้มากนัก"องค์จักรพรรดิถอนหายใจ "จริงด้วย ไม่ใช่บอกว่าไทเฮามาแล้วหรือ?""เดิมทีเมื่อวานต้องถึงแล้ว แต่เร่งเดินทางได้ช้าเพราะลมพายุ ตอนนี้เพิ่งจะเข้าเมืองหลวง""ไป ส่งข่าวออกไป ให้นางรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนติดโรคระบาด""่ขอรับ"องค์จักรพรรดิลูบแหวนหยกของตนเอง สีหน้าเคร่งขรึมหน่อยๆวันนี้จวนอ๋องเจวี้ยนปิดประตูใหญ่ แต่ข่าวจากคนที่เขาส่งออกไปหาข่าว บอกว่าจวนอ๋องเจวี้ยนบรรยากาศหนักอึ้งมากเห็นได้ชัดว่า เซียวหลันยวนยังไม่ดีขึ้นยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงยังไม่ได้ออกมาจากในจวนอ๋องด้วย ทั้งๆ ที่พ่อแม่ของนางที่ห่างกันไปสิบกว่าปีเพิ่งจะกลับมาแท้ๆ แล้วหญิงสาวที่อายุยังไม่ทันถึงยี่สิบอย่างนาง ตอนนี้จะต้องอยู่ในบ้านเฝ้าพ่อแม่แน่ๆ แล้วคอยถามพวกกเขาว่าช่วงหลายปีมานี้ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมาบ้างถึงอย่างไร แค่วันเดียวจะทำหมดได้อย่างไรกัน?แล้วก็ ยังต้องคอยหารือกับพวกเขาอีกว่าจะไปอธิบายกับอ๋องเจวี้ยนอย่างไร?อ๋องเจวี้ยนแค้นพวกเขามานานหลายปี จะอย่างไรก็คงต้องคิดหาวิธีจัดการอยู่กระมัง?เรื่องใหญ่ขนาดนี้ นางควรจะต้องวิ่งไปวิ่งมาถึง
รถม้าเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าไทเฮานั่งอยู่ในรถม้า กอดเตาอังมืออยู่ หลับตา แต่ไม่ได้นอนหลับนางคิดอยู่ตลอดหลังจากกลับเข้าเมืองหลวง องค์จักรพรรดิจะถามนางอย่างไร แล้วนางจะตอบอย่างไร และเป็นไปได้ว่าอายวนเด็กคนนั้นจะจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วแต่ครั้งนี้นางกลับมา ก็ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าจะเปลี่ยนท่าทีการปฏิบัติต่อเซียวหลันยวนนางไม่อยากจะเสแสร้งเกลียดเขาแล้ว นางจะใช้ตัวตนไทเฮามาปกป้องเขาให้ดีก่อนหน้านี้อายวนอายุยังน้อย นางเป็นห่วงมาก ตอนนี้อายวนเติบโตแล้ว มีวิธีความสามารถของตนเอง นางเองก็ควรจะยอมรับแล้วอยู่ด้วยกันกับเขาให้ดีไม่อย่างนั้นใครจะรู้ว่าตอนไหนที่นางจะเหยียบเข้าไปในประตูนรกกันอายุมากขนาดนี้แล้ว นางเหลือเองก็เหลือเวลาอีกไม่มากมีคนเดินฝ่าหิมะเข้ามา สองคน น่าจะเพราะลมพายุ ดังนั้นเสียงพูดคุยของพวกเขาจึงดังขึ้นหน่ยอ กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน"เจ้าว่าสุขภาพอ๋องเจวี้ยนตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือยังนะ? ทำไมถึงได้ยังเป็นลมยังไม่ฟื้นอีก?""เหมือนจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เขาไม่ใช่เข้าไปในคุกหรือ? ในคุกนั่นคงจะลำบากมากแน่ สุขภาพเองก็ไม่ใช่ว่าแข็งแรงนัก จะป่วยแล้วล้มไปอีกมันก็เรื่องปกต
ฟู่จาวหนิงปรับปรุงสูตรยา ใช้วัตถุดิบยาที่หาได้ทั่วไปบางส่วน แล้วตนเองก็ปรับปริมาณให้ จากนั้นทุกวันก็ให้คนของพันธมิตรต้มออกมาสามหม้อใหญ่ แล้วอุ่นบนเตาเอาไว้ตลอดคนที่มาซื้อยาเหล่านั้น สามารถใช้ชามของพันธมิตรโอสถ ตอนที่ดื่มเสร็จแล้ว ก็เอาชามกลับมาได้ตอนแรก ต่งฮ่วนจือรู้สึกว่ายาน้ำเช่นนี้ไม่น่าจะขายออก แล้วยังตั้งสามหม้อใหญ่แน่ะ หม้อนั้นก็ใบมโหฬารเลยทีเดียว เป็นหม้อใหญ่ที่เอาไว้ต้มข้าวต้มให้ผู้ประสบภัยตอนช่วงเกิดภัยพิบัติสมัยก่อนยาน้ำสามหม้อใหญ่เต็ม สามารถขายได้หลายร้อยชามแล้ววันเดียวจะขายออกได้หรือ? มีคนมากมายจะมาดื่มยาน้ำขนาดนี้เลยหรือ? ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็ไม่ใช่ของดีอะไรมากถ้าขายไม่หมดก็ต้องเททิ้ง สิ้นเปลืองวัตถุดิบยาแย่แต่ผู้อาวุโสจี้ก็ตัดสินใจทันที ให้ผู้ดูแลของพันธมิตรโอสถจัดการเรื่องนี้ผลคือพอปล่อยชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงออกไป คนที่มาดื่มยาก็ยังมากกว่าตามโรงน้ำชาหอสุราเสียอีกยาน้ำสามหม้อใหญ่ ขายหมดเกลี้ยงภายในวันเดียววันถัดมา ก็ขายขายหมดเหมือนเดิม กระทั่งมีคนไม่ได้ดื่มด้วยซ้ำ มาถามพวกเขาว่าขายยาไปต้มกินเองเลยได้ไหมแต่ฟู่จาวหนิงก็มีวิธีของนางอยู่ยาชนิดนี้ทำได้แค่ป้
ต่อมาหมอเทวดาหลี่ก็ทำหน้าขรึมคุกคามสาวใช้สองคนนั้น ถ้ายังไม่รับใช้ปรนนิบัติดีดี ก็จะขายพวกนางทั้งสองคนไปที่ซ่องโสเภณีเสียสาวใช้สองคนจึงร้องไห้ฟูมฟายเข้ามารับใช้ปรนนิบัติองค์จักรพรรดิเองก้ได้ยินเรื่องเลห่านี้ของจวนชินอ๋องเซียวแล้ว"บอกไปแล้วว่าจวนชินอ๋องเซียวต้องคอยระวังไม่ให้เข้าออก หมอเทวดาหลี่กับชินอ๋องเซียวนี่มัน..."เขาทำหน้าขรึม รู้สึกว่าตนเองไม่มีบารมีเอาเสียเลย จวนอ๋องเจวี้ยนก็ไม่เชื่อฟัง ตอนนี้จวนชินอ๋องเซียวเองก็ด้วยหรือ? ใครให้หน้าพวกเขากันถ้าไม่ใช่เพราะเขาอันที่จริงก็กลัวเจ้าโรคนั้น ตอนนี้คงเรียกเซียวเหยียนจิ่งมาด่ากราดให้เลือดซิบไปแล้ว"ตอนนี้หลี่จื่อเหยาในเมื่อถูกหมอเทวดาหลี่รับไปแล้ว เช่นนั้นก็ให้เขาไปรักษาให้ดี ข้าเองก็อยากจะเห็นว่าเขาจะรักษาเจ้าโรคนี้ได้หรือเปล่า!""องค์จักรพรรดิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนทางนั้นต้มยาน้ำออกมา ตอนนี้สามารถป้องกันล่วงหน้าได้แล้ว หาซื้อได้ในพันธมิตรโอสถ หนึ่งชามสิบเหวิน" มีคนเข้ามารายงานกับองค์จักรพรรดิ"หนึ่งชามสิบเหวิน?" องค์จักรพรรดิใจสั่นกึก "แล้วได้ผลจริงไหม?""นี่ก็ยังไม่รู้ แต่คนที่ไปซื้อยานั้นไม่น้อยเลย โดยเฉพาะคนที่เคยสัมผัสกั
จวนชินอ๋องเซียวกลายเป็นขี้ปากคนทั้งเมืองไปแล้วเซียวเหยียนจิ่งอยากจะปิดเรื่องนี้ไว้ แต่ยิ่งปิดกลับยิ่งรุนแรงขึ้นกระทั่งเพราะเขาไปพยายามปิดข่าวลือ เลยมีคนบอกว่าเขาถูกพ่อสวมเขาให้เสียแล้ว หน้าตาป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี และเพราะกลัวคนจะมาล้อเลียนว่าบ้า ดังนั้นจึงพยายามอย่างหนักที่จะหยุดข่าวลือนี้ข่าวลือคาวๆ แบบนี้ ลือกันได้ไวที่สุด และลือกกันไปอย่างพิลึกพิลั่นที่สุดด้วยหลี่จื่อเหยาตอนนั้นมาพัวพันเซียวเหยียนจิ่ง ทำทุกทางเพื่อทำลายพิธีแต่งงานของเซียวเหยียนจิ่งกับฟู่จาวหนิง นางตอนนั้นเอาแต่เรียกเขาว่า "พี่เซียว" ปาวๆ แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านไปสองปี ทำไมจึงปีนไปถึงเตียงของพ่อพี่เซียวแล้วกัน?"ถ้าไม่ใช่ครั้งนี้หลี่จื่อเหยาเป็นโรคระบาดนั่น รัฐทายาทเซียวก็คงจะยังไม่รู้เรื่องรู้ราว""เมื่อเป็นแบบนี้ จวนชินอ๋องเซียวคงจะวุ่นวายขึ้นจริงๆ แล้ว""แล้วไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นก็โชคดีแล้วที่พระชายาอ๋องเจวี้ยนตอนนั้นไม่ได้แต่งงานเข้าจวนชินอ๋องเซียว นี่ถือว่าแคล้วคลาดเลยสินะ?"ในเมืองหลวงทุกที่มีแต่คนกระซิบกระซาบกันเช่นนี้ แต่คนที่พูดถึงฟู่จาวหนิงก็มีแค่ส่วนน้อยถึงอย่างไรตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายาอ๋องเจว
เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าตอนนี้ถ้าให้คนนอกรู้เรื่องที่หลี่จื่อเหยาเป็นโรคนี้เข้า คงจะน่าอับอายมากโดยเฉพาะหลี่จื่อเหยาที่ติดโรคระบาดนั้นดังนั้นเรื่องนี้จะต้องเก็บให้สนิท ห้ามเผยแพร่ออกไปเด็ดขาดแต่คนอื่นกลับไม่คิดแบบเขาอย่างเช่นเซียวหลันยวนจังหวะที่หมอเทวดาหลี่กลับมาถึงเมืองหลวง เซียวหลันยวนก็ได้รับข่าวแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องที่เซียวเหยียนจิ่งไปรับหมอเทวดาหลี่เลยถึงแม้จะผ่านไปสามปีแล้ว แต่เรื่องที่หลี่จื่อเหยากับเซียวเหยียนจิ่งทำกับฟู่จาวหนิง เซียวหลันยวนไม่เคยปล่อยผ่านโดยเฉพาะที่ช่วงนี้เซียวเหยียนจิ่งเริ่มหันมาสนใจฟู่จาวหนิงอีกครั้งหลังจากสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกลับมา เซียวเหยียนจิ่งก็ยังแอบคิดจะทำอะไรอีก สิ่งนี้เซียวหลันยวนจะทนได้อย่างไร?ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาหลี่รับลูกสาวออกไปจากจวนชินอ๋องเซียว เซียวหลันยวนก็ได้รับข่าวแล้ว"ท่าน อ๋อง จากที่หญิงรับใช้ร่างใหญ่ในเรือนหลี่จื่อเหยาบอก หลี่จื่อเหยาไปรื้อเตียงของชินอ๋องเซียวเข้า..."องครักษ์ลับมารายงานข่าวที่ได้รับมากับเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงนั่งฟังอยู่ข้างๆ พอได้ยินเช่นนี้นางก็หัวเราะพรวดออกมานี่มันช่าง...นางยังอยากจะพ
ต่อให้ชินอ๋องเซียวติดโรคระบาด ถ้าตอนนี้ฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องมากลัวแบบนี้!ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนที่ถูกส่งไปขังในคุกใหญ่ตั้งหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังเรียบร้อยดีไม่เป็นอะไรหรือ?จวนอ๋องเจวี้ยนก็ถูกองค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามออกไปข้างนอกส่งเดชเหมือนกัน แล้วดูตอนนี้สิ?ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าอยากออกไปไหนก็ออกได้หรือ?ฟู่จาวหนิงแบบนั้น เขาอยากได้มาจริงๆ!ถ้าตอนนั้นไม่มีหลี่จื่อเหยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายารัฐทายาทของเขาแล้ว ไม่ใช่ขยะอย่างหลี่จื่อเหยาคนนี้!พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในสายตาเซียวเหยียนจิ่งที่มองหลี่จื่อเหยาก็มีแต่ความเกลียดชังหลี่จื่อเหยาสบกับสายตาของเขา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ใจนางเย็นวาบไปทันทีนี่คือพี่เซียวที่นางรักมาหลายปีหรือ? ถึงแม้สองปีนี้จะทะเลาะกับเขาอย่างหนัก แต่ตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนเสียดกระดูกหลี่จื่อเหยาเองก็เกลียดเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมาทันทีเช่นกัน"ท่านอยากจะส่งข้าออกไป ข้าจะไม่..." ออกไปหรอกนางยังพูดไม่ทันจบ เซียวเหยียนจิ่งก็ตัดบทนางแล้ว มองไปทางหมอเทวดาหลี่ "ถัดจากนี้ในเมืองหลวงอาจจะเกิดการแตกตื่นกลัวกันเพร
"ข้าเกรงว่าถ้าออกไปจากจวนอ๋อง คนอื่นก็จะจับจ้องไปที่ท่านพ่อตา"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าหมอเทวดาหลี่สมองจะง่ายไปหน่อย เขาไม่คิดจะไปที่อื่นเลยเขาสะกดความหงุดหงิดไว้ พูดออกมาอย่างละเอียด"โดยเฉพาะพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้เองก็เป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วย พอท่านกลับมา คนทั้งเมืองก็น่าจะอยากเห็นการตัดสินเด็ดขาดของพวกท่านทั้งสองกระมัง? ถึงตอนนั้นความสนใจทั้งหมดก็จะอยู่บนตัวท่าน ท่านซื้อยาอะไรไป คงถูกขุดคุ้ยออกมาแน่"ดวงตาหมอเทวดาหลี่หรี่ลงแม้จะรู้มานานแล้วว่าคนในดวงใจเซียวเหยียนจิ่งไม่ใช่ลูกสาวเขา แต่ตอนนี้ดูท่านเขาอยากจะสะบัดหลี่จื่อเหยาทิ้งเสียเหลือเกิน เขารู้สึกใจเย็นเยียบ ยิ่งไปกว่านั้นยังโมโหมาก"หลี่จื่อเหยาอยู่ในสภาพหนี้แล้ว ในจวนอ๋องไม่ใช่ว่าเหมาะสมที่สุดแล้วหรือ? ถึงอย่างไรจวนชินอ๋องเซียวของพวกเจ้า จะเอายาเอาคนก็ยังดีกว่าข้าตัวคนเดียวตั้งเยอะ? เจ้าอยากสลัดนางทิ้งขนาดนี้เชียว?""ท่านพ่อตา นี่ข้าทำเพื่อหลี่จื่อเหยานะ ตอนนี้องค์จักรพรรดิจับตามาที่จวนชินอ๋องเซียว พ่อของข้าทางนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างเลย ถ้าหากในจวนอ๋องวุ่นวายขึ้นมา ถึงตอนนั้
หลี่จื่อเหยาขนาดมือก็ยังยกไม่ขึ้น จึงเปิดหนังตาจ้องมองนางเจ้าคนชั้นต่ำ! เห็นสภาพนางแบบนี้ยังมีแรงดื่มน้ำเองอีกหรือ? ยังไม่รีบประคองนางขึ้นมาป้อนอีก!"เจ้าต้องป้อนนาง!" หมอเทวดาหลี่ร้องขึ้นมาสาวใช้แทบจะร้องไห้แล้ว ไม่ นางร้องออกมาแล้วจริงๆ นางน้ำตาร่วงพลางปรคองตัวหลี่จื่อเหยาขึ้นมา เอาแก้วจ่อไปที่มุมปากหลี่จื่อเหยาระยะใกล้ค่แนี้ สาวใช้ได้กลิ่นบนหน้าของหลี่จื่อเหยาแล้วจริงๆ เหม็นเอามากๆเซียวเหยียนจิ่งมองฉากนี้ อดถอยออกมาอีกก้าวหนึ่งไม่ได้เขามองไปทางพวกสาวใช้หญิงรับใช้อีกเหลือเหล่านั้น ถามขึ้นเสียงต่ำ "นางป่วยมานานแค่ไหนแล้ว?"ดันไม่ยอมมาบอกเขา!สาวใช้กับหญิงรับใช้ร่างกำยำไม่กล้าเงยหน้ากัน"ท…ท่านรัฐทายาท พวกเราเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ หลายวันมานี้พระชายารัฐทยาทก็เอาแต่นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ลุขึ้นมาสางผมมแต่งหน้า ตอนที่กินข้าวก็ให้พวกเราเอาข้าวส่งเข้าป นางกินเสร็จพวกเราก็จะเข้ามาเก็บ""ใช่เลย ตอนที่พวกเราเข้าไปเก็บ พระชายารัฐทายาทพอกิเสร็จ นางก็จะกลับไปนอนต่อบนเตียง พวกเราจึงไม่ได้มองนางอย่างละเอียด"เมื่อคืนนี้พวกนางไม่ได้เห็นหลี่จื่อเหยาเลยเอาจริงๆ เป็นเพราะชินอ๋องเซียวกับ
หมอเทวดาหลี่อยากจะตะคอกถามหญิงสาว: เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?มีภรรยาคนไหนบ้าง ที่แอบขโมยรื้อทองของพ่อสามี?ต่อให้ชินอ๋องเซียวจะซ่อนกล่องทองแทงไว้ที่หัวเตียงจริง แต่เจ้าไปค้นหาได้หรือไรกัน?เขาถลึงตาโต อยากจะตบฉาดลูกสาวเสียทีหนึ่ง ให้นางได้รู้สึกตัว แต่พอเห็นใบหน้าเน่าเปื่อยของนาง มองใบหน้าที่บวมจนผิดปกติของนาง หมอเทวดาหลี่ก็ยังถอยออกมาอีกหลายก้าวเขาแทบจะไม่ต้องเข้าไปตรวจแล้ว สภาพนี้ของหลี่จื่อเหยาคงเลี่ยงไม่พ้นแล้ว จะต้องเป็นโรคสกปรกโรคนั้นแน่นอนแต่ว่า เพราะอะไรกัน? แค่ไปพลิกค้นเตียงของชินอ๋องเซียวหรือ?เหตุผลนี้พูดออกไป จะมีคนเชื่อไหม?อาจจะมีคนเชื่อ แต่จะต้องมีคนคิดมากแน่ ภรรยาคนหนึ่ง ไปรื้อเตียงของพ่อสามี! เรื่องนี้ถ้าลือออกไป ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้แน่!ถึงแม้ตัวหมอเทวดาหลี่เองจะไม่ค่อยได้เรื่องนัก แต่ก็ยังคิดเรื่องที่โง่เง่าขนาดนี้ไม่ออก!"เจ้าขาดเงินเท่าไรกันแน่? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องไม่ได้กินไม่ได้ดื่มหรือไรกัน?" ยากจนขนาดต้องเข้าไปรื้อเตียงพ่อสามีเลยหรือ?เซียวเหยียนจิ่งพอได้ยินคำพูดหลี่จื่อเหยาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อพอได้ยินหมอเทวดาหลี่ถามมาเช่นนี้ เขาก็หน้าดำร้องขึ้นมา "จวนอ๋อ
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา