ดังนั้น การเลือกข้างและการเคลื่อนไหวเบื้องหลังองครักษ์เงามังกร พวกเขาก็น่าจะจัดการไว้หมดแล้ว"ท่านอ๋อง ตอนนี้คำสั่งลับที่สองยังไม่มีผล" ขุนพลองครักษ์พูดขึ้นมาคำหนึ่ง"จะมีผลหลังจากที่ข้าตายสินะ?"ขุนพลองครักษ์ได้ยินคำพูดนี้ก็นิ่งงันเช่นนั้นเขาก็เดาออกแล้วเซียวหลันยวนวางถ้วยชาลง เคาะนิ้วบนโต๊ะเบาๆ ครู่ต่อมาจึงลุกขึ้นืน เดินไปที่ริมหน้าต่าง มองหิมะที่ยังตกอย่างเงียบงันด้านนอก"ตอนนั้นไท่ซ่างหวงพาเจ้ามาอยู่ตรงหน้าข้า อันที่จริงเจ้าเพิ่งปฏิบัติภารกิจหนึ่งเสร็จสิ้น พาองครักษ์เงามังกรไปสิบคน สิบคนนี้ของพวกเจ้าล้วนบาดเจ็บหนัก"เสียงเรียบๆ ของเซียวหลันยวนดังลอดเข้าไปในหูของขุนพลองครักษ์ เขาตกตะลึงไป มองไปยังร่างสูงใหญ๋ที่อยู่ข้างหน้าต่าง"ท่านอ๋องรู้ด้วยหรือ?"ท่านอ๋องรู้ได้อย่างไรกัน?ตอนนั้นเขาเพิ่งจะสี่ขวบเองนะสี่ขวบ ยังเป็นเด็กอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นสุขภาพอ๋องเจวี้ยนก็ย่ำแย่มาก แค่ขยับตัวก็จะเป็นลม เขาตอนนั้นน่าจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยและไม่น่ามาสนใจด้วยตอนที่ไท่ซ่างหวงส่งพวกเขาให้กับมือของอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนที่ยังเล็กยังถามเขาอย่างไร้เดียงสา: พวกเจ้ามาปกป้องข้าหรือ?ข
เซียวหลันยวนหมุนตัวไปมองขุนพลองครักษ์"อย่างอื่นยังไม่ต้องพูดถึง เจ้าคิดว่า พวกเจ้าติดตามข้ามาหลายปี ถึงตอนนั้นถ้ากลับไปอยู่ในมือจักรพรรดิ เขาจะเชื่อมั่นพวกเจ้าไหม? พวกเจ้าจะยังเป็นองครักษ์เงามังกรอีกไหม?""ต่อให้ถึงตอนนั้นข้าจะตายไปแล้ว แต่ด้วยความขี้ระแวงขององค์จักรพรรดิ เขาจะไม่สงสัยหรือว่าหลายปีนี้ข้าให้พวกเจ้าตรวจสอบความลับเขาไปมากเท่าไร? พอนานวันเข้า องค์จักรพรรดิคงไม่รอพวกเจ้านานขนาดนั้น แล้วเขาเองก็มีพวกองครักษ์เงาที่ตนเองชุบเลี้ยงขึ้นมาแล้วด้วย"ขุนพลองครักษ์มองเขา นิ่งงันไปครู่หนึ่ง "ท่านอ๋องตอนนี้หมายความว่าเช่นไร?""นอกจากเจ้า องครักษ์เงามังกรเหล่านี้ในปัจจุบัน ยังมีอีกครึ่งที่ข้าฝึกฝนออกมา" เซียวหลันยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา"ท่านอ๋องพูดตรงๆ เถิด ข้าน้อยมีแค่วิชาติดตัว และทำงานได้ตามคำสั่งลับมังกรเท่านัน้ ในสมองคิดซับซ้อนไม่ได้" ขุนพลองครักษ์ถอนใจออกมาพวกเขาล้วนเป็นจอมยุทธ์เรื่องที่ต้องให้สมองคิดวิกไปวนมาอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาเข้าใจดังนั้น องครักษ์เงามังกรจึงล้วนทำตามคำสั่งมาโดยตลอด หนึ่งคำสั่งหนึ่งปฏิบัติการงานหลักของเขาคือการคุ้มครอง ป้องกัน"องค์จักร
ดังนั้นอ๋องเจวี้ยนจึงไม่คิดจะทนแล้วสีหน้าขุนพลองครักษ์เปลี่ยนไป "ท่านอ๋องคิดจะ...."ชิงบัลลังก์หรือ?เรื่องกบฏต่อราชสำนักเช่นนี้ เขาไม่กล้าพูดออกมา แต่ว่า ก็น่าจะเป็นเช่นนี้กระมัง"องค์จักรพรรดิเข้ามาทำให้ข้าโมโหแล้ว ดังนั้น ให้ข้าเลือกองค์ชายพวกนั้นมาส่วนหนึ่ง ดูว่าคนไหนพอจะดันขึ้นไปได้ดีไหม? ถึงอย่างไร ก็ยังต้องใช้พวกเจ้าอยู่ดี พวกเจ้าลองไปพิจารณาดู ว่าถึงตอนนั้นแล้วจะทำอย่างไร"เซียวหลันยวนไม่ให้โอกาสคำสั่งลับที่สองได้มีผลในตอนที่เข้ายังไม่ตายนี้ เขามีโอกาสที่จะส่งองครักษ์เงามังกรออกไปโจมตีองค์จักรพรรดิ นี่ถือเป็นการขัดหลักการที่องครักษ์มังกรดำยึดมันมาโดยตลอดพวกเขาถ้าหากฟังเขา ก็เท่ากับยืนอยู่ฝั่งเขาแล้ว ไม่เพื่อฟังราชประสงค์ของไท่ซ่างหวง และไม่คิดว่าตนเองจะกลับไปอยู่ใต้เงื้อมมือองค์จักรพรรดิอีก แต่จะรับใช้เซียวหลันยวนคนนี้อย่างแท้จริงหลุดพ้นจากพันธนาการองครักษ์เงามังกรแคว้นเจา กลายเป็นองครักษ์ของเขาเพียงคนเดียวถ้าพวกเขาไม่ทำตาม เช่นนั้น เซียวหลันยวนก็น่าจะไม่เชื่อถือพวกเขาอีกอ๋องเจวี้ยนจะทำอะไรกับพวกเขา?"ข้าขอตัวกลับก่อนแล้ว"ดึกมากแล้ว เขาเริ่มง่วงหน่อยๆ กลับไปนอน
ตอนที่เซียวเหยียนจิ่งออกมากินข้าวเช้าก็เห็นว่าหน้าของชินอ๋องเซียวขาดซีดไป ยิ่งไปกว่านั้นเขายังจามเป็นระยะอีกด้วยพอเห็นเซียวเหยียนจิ่งเข้ามา น้ำเสียงชินอ๋องเซียวก็ดูไม่ค่อยสบายนัก "เมื่อวานนี้ไปไหนมาหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าตอนนี้มันเวลาอะไร? ทำไมยังเที่ยวเตร่ไปเรื่อยอีก""ท่านพ่อ ข้าไปเที่ยวเตร่เสียที่ไหน? เมื่อวานนี้มีธุระ เลยไปเดินที่อุทยานมารอบหนึ่ง ดูว่าที่ดินยังเพาะปลูกได้ไหม"ชินอ๋องเซียวพอได้ยินคำนี้ก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที""นี่เจ้ายังไปสนใจเรื่องปลูกพืชผลในอุทยานด้วยหรือ?""ทำไมจะไม่ล่ะ? ท่านพ่อลืมไปแล้วสินะ ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวทุกนครต่างก็มีข่าวเรื่องภัยพิบัติ แล้วปีนี้เก็บเกี่ยวได้ไม่ดี อุทยานของพวกเราเองก็เหมือนกัน ก่อนหน้านี้มีผู้ดูแลหลายคนเข้ามารายงานเรื่องนี้ ไม่ใช่ท่านที่ให้ข้ามีเวลาว่างก็ออกไปดูที่อุทยานหน่อยหรอกหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าสมองของพ่อเขาวันนี้ดูไม่คล่องแคล่วเอาซะเลย เรื่องพวกนี้ยังลืมได้อีกเสบียงของจวนชินอ๋องเซียวยังพอพวกเขากินอยู่ แต่ปีที่แล้วเก็บเกี่ยวได้ไม่เลว ดังนั้นจึงมีเสบียงใหม่มาเติมตลอด ทว่าปีนี้กลับไม่ไหวเสียแล้วพวกเขาช่วงครึ่งปีนี
"ได้ยินหรือยัง? บอกแล้วว่าเป็นหวัด" ชินอ๋องเซียวถลึงตาใส่เซียวเหยียนจิ่งที่แยกห่างออกไป ในใจรู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมา"ท่านพ่อ ข้าไม่ได้พูดอะไรนะ และก็ไม่ได้รังเกียจท่านด้วย นี่ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงหรอกหรือ? ถ้าอย่างนั้นวันนี้ท่านก็ไม่ต้องออกไปแล้ว หิมะตกติดกันสามวันไม่หยุด ด้านนอกหนาวมากเลย"เซียวเหยียนจิ่งพูดจบก็พาคนถอยออกไปพอเห็นประตูปิดลงมา ในใจชินอ๋องเซียวก็รู้สึกรับไม่ค่อยได้ แผดเสียงตะโกนออกมา "เมื่อวานหลังจากเซียวหลันยวนล้มป่วยในคุกเจ้ารู้ไหมว่าฟู่จาวหนิงนางทำอย่างไร?"ประตูปิดไปแล้ว เซียวเหยียนจิ่งที่ได้ยินอยู่ด้านนอกก็ยืนนิ่ง"ท่านพ่อ ท่านบอกเลยว่าพวกเขาทำอะไร?""ข้าก็อยากจะบอกเจ้า ฟู่จาวหนิงไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อย รีบพาเขากลับจวนอ๋องเจวี้ยนทันที แล้วยังนั่งรถม้าคันเดียวกับเขาด้วย!"แล้วเขาที่ยังไม่ทันได้สัมผัสคนป่วยคนนั้น แค่เป็นหวัดนิดหน่อย แต่ลูกชายตนเองกลับมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ทำเอาหดหู่เลยจริงๆหดหู่สุดๆ!พอเทียบกันแล้ว ฟู่จาวหนิงยังดูมีน้ำมิตรมากกว่าลูกชายตนเองเสียอีก!ชินอ๋องเซียวตอนนี้อดมีความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นไม่ได้"ท่านพ่อ ท่านพักผ่อนดีดีเถอะ"เซียวเหยียนจิ่งมุม
"องค์จักรพรรดิ ให้คนมาสังเกตอาการป่วยของชินอ๋องเซียวแล้ว""อืม อย่าเข้าใกล้มากนัก"องค์จักรพรรดิถอนหายใจ "จริงด้วย ไม่ใช่บอกว่าไทเฮามาแล้วหรือ?""เดิมทีเมื่อวานต้องถึงแล้ว แต่เร่งเดินทางได้ช้าเพราะลมพายุ ตอนนี้เพิ่งจะเข้าเมืองหลวง""ไป ส่งข่าวออกไป ให้นางรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนติดโรคระบาด""่ขอรับ"องค์จักรพรรดิลูบแหวนหยกของตนเอง สีหน้าเคร่งขรึมหน่อยๆวันนี้จวนอ๋องเจวี้ยนปิดประตูใหญ่ แต่ข่าวจากคนที่เขาส่งออกไปหาข่าว บอกว่าจวนอ๋องเจวี้ยนบรรยากาศหนักอึ้งมากเห็นได้ชัดว่า เซียวหลันยวนยังไม่ดีขึ้นยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงยังไม่ได้ออกมาจากในจวนอ๋องด้วย ทั้งๆ ที่พ่อแม่ของนางที่ห่างกันไปสิบกว่าปีเพิ่งจะกลับมาแท้ๆ แล้วหญิงสาวที่อายุยังไม่ทันถึงยี่สิบอย่างนาง ตอนนี้จะต้องอยู่ในบ้านเฝ้าพ่อแม่แน่ๆ แล้วคอยถามพวกกเขาว่าช่วงหลายปีมานี้ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมาบ้างถึงอย่างไร แค่วันเดียวจะทำหมดได้อย่างไรกัน?แล้วก็ ยังต้องคอยหารือกับพวกเขาอีกว่าจะไปอธิบายกับอ๋องเจวี้ยนอย่างไร?อ๋องเจวี้ยนแค้นพวกเขามานานหลายปี จะอย่างไรก็คงต้องคิดหาวิธีจัดการอยู่กระมัง?เรื่องใหญ่ขนาดนี้ นางควรจะต้องวิ่งไปวิ่งมาถึง
รถม้าเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าไทเฮานั่งอยู่ในรถม้า กอดเตาอังมืออยู่ หลับตา แต่ไม่ได้นอนหลับนางคิดอยู่ตลอดหลังจากกลับเข้าเมืองหลวง องค์จักรพรรดิจะถามนางอย่างไร แล้วนางจะตอบอย่างไร และเป็นไปได้ว่าอายวนเด็กคนนั้นจะจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วแต่ครั้งนี้นางกลับมา ก็ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าจะเปลี่ยนท่าทีการปฏิบัติต่อเซียวหลันยวนนางไม่อยากจะเสแสร้งเกลียดเขาแล้ว นางจะใช้ตัวตนไทเฮามาปกป้องเขาให้ดีก่อนหน้านี้อายวนอายุยังน้อย นางเป็นห่วงมาก ตอนนี้อายวนเติบโตแล้ว มีวิธีความสามารถของตนเอง นางเองก็ควรจะยอมรับแล้วอยู่ด้วยกันกับเขาให้ดีไม่อย่างนั้นใครจะรู้ว่าตอนไหนที่นางจะเหยียบเข้าไปในประตูนรกกันอายุมากขนาดนี้แล้ว นางเหลือเองก็เหลือเวลาอีกไม่มากมีคนเดินฝ่าหิมะเข้ามา สองคน น่าจะเพราะลมพายุ ดังนั้นเสียงพูดคุยของพวกเขาจึงดังขึ้นหน่ยอ กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน"เจ้าว่าสุขภาพอ๋องเจวี้ยนตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือยังนะ? ทำไมถึงได้ยังเป็นลมยังไม่ฟื้นอีก?""เหมือนจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เขาไม่ใช่เข้าไปในคุกหรือ? ในคุกนั่นคงจะลำบากมากแน่ สุขภาพเองก็ไม่ใช่ว่าแข็งแรงนัก จะป่วยแล้วล้มไปอีกมันก็เรื่องปกต
ฟู่จาวหนิงพอได้ยินว่าไทเฮามา ก็รู้สึกเกินคาดมากนางมองไปทางเซียวหลันยวน"จะพบไทเฮาไหม?""ไทเฮาพอเข้าเมืองก็ตรงมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนเลย คิดว่าคงมีคนจงใจล่อให้นางเข้ามา"เซียวหลันยวนถอนหายใจเบา เพราะไทเฮาตอนนี้ไม่ค่อยมีคนใช้งานได้แล้ว เส้นข่าวของนางน่าจะไม่ปรุโปร่งนักแล้วก็ไม่ได้อยู่ในวังเลย เพิ่งกลับมาจากวัดคุ้มครองแคว้นแบบนี้ ทำไมพอเข้าเมืองก็ได้ข่าวเช่นนี้เลยกัน? ต่อให้รู้ ก็ควรกลับวังก่อน ไม่น่าจะรีบร้อนขนาดนี้คิดว่าคงมีคนจงใจเอาสถานการณ์ของเขาพูดให้ดูอันตรายแน่นอน"ที่นางถูกล่อเข้ามาง่ายแบบนี้ อธิบายได้ว่านางเป็นห่วงท่านมาก เป็นห่วงจนสับสน" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นคำพูดนี้ เซียวหลันยวนไม่อาจค้านได้เลย"ท่านอ๋อง ผู้ดูแลรั้งไทเฮาไว้ไม่ได้ ตอนนี้นางมาถึงเรือนโยวหนิงแล้ว" องครักษ์เข้ามารายงาน"ให้นางเข้ามา"เซียวหลันยวนถอนหายใจเพราะไทเฮาเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนแล้ว เกรงว่าออกไปคงจะลำบากหน่อย หลังจากออกไปคงเข้าวังจักรพรรดิไม่ได้แล้วองค์จักรพรรดิจะต้องหาวิธีมาขวางไว้แน่"อายวน"เสียงของไทเฮาสั่นพร่า ประชิดตัวเข้ามาเซียวหลันยวนเดินไปนอนที่เตียง ผ้าห่มดึงสูง หลับตาอยู่ฟู่จาวห
ต่อให้ชินอ๋องเซียวติดโรคระบาด ถ้าตอนนี้ฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องมากลัวแบบนี้!ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนที่ถูกส่งไปขังในคุกใหญ่ตั้งหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังเรียบร้อยดีไม่เป็นอะไรหรือ?จวนอ๋องเจวี้ยนก็ถูกองค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามออกไปข้างนอกส่งเดชเหมือนกัน แล้วดูตอนนี้สิ?ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าอยากออกไปไหนก็ออกได้หรือ?ฟู่จาวหนิงแบบนั้น เขาอยากได้มาจริงๆ!ถ้าตอนนั้นไม่มีหลี่จื่อเหยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายารัฐทายาทของเขาแล้ว ไม่ใช่ขยะอย่างหลี่จื่อเหยาคนนี้!พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในสายตาเซียวเหยียนจิ่งที่มองหลี่จื่อเหยาก็มีแต่ความเกลียดชังหลี่จื่อเหยาสบกับสายตาของเขา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ใจนางเย็นวาบไปทันทีนี่คือพี่เซียวที่นางรักมาหลายปีหรือ? ถึงแม้สองปีนี้จะทะเลาะกับเขาอย่างหนัก แต่ตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนเสียดกระดูกหลี่จื่อเหยาเองก็เกลียดเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมาทันทีเช่นกัน"ท่านอยากจะส่งข้าออกไป ข้าจะไม่..." ออกไปหรอกนางยังพูดไม่ทันจบ เซียวเหยียนจิ่งก็ตัดบทนางแล้ว มองไปทางหมอเทวดาหลี่ "ถัดจากนี้ในเมืองหลวงอาจจะเกิดการแตกตื่นกลัวกันเพร
"ข้าเกรงว่าถ้าออกไปจากจวนอ๋อง คนอื่นก็จะจับจ้องไปที่ท่านพ่อตา"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าหมอเทวดาหลี่สมองจะง่ายไปหน่อย เขาไม่คิดจะไปที่อื่นเลยเขาสะกดความหงุดหงิดไว้ พูดออกมาอย่างละเอียด"โดยเฉพาะพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้เองก็เป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วย พอท่านกลับมา คนทั้งเมืองก็น่าจะอยากเห็นการตัดสินเด็ดขาดของพวกท่านทั้งสองกระมัง? ถึงตอนนั้นความสนใจทั้งหมดก็จะอยู่บนตัวท่าน ท่านซื้อยาอะไรไป คงถูกขุดคุ้ยออกมาแน่"ดวงตาหมอเทวดาหลี่หรี่ลงแม้จะรู้มานานแล้วว่าคนในดวงใจเซียวเหยียนจิ่งไม่ใช่ลูกสาวเขา แต่ตอนนี้ดูท่านเขาอยากจะสะบัดหลี่จื่อเหยาทิ้งเสียเหลือเกิน เขารู้สึกใจเย็นเยียบ ยิ่งไปกว่านั้นยังโมโหมาก"หลี่จื่อเหยาอยู่ในสภาพหนี้แล้ว ในจวนอ๋องไม่ใช่ว่าเหมาะสมที่สุดแล้วหรือ? ถึงอย่างไรจวนชินอ๋องเซียวของพวกเจ้า จะเอายาเอาคนก็ยังดีกว่าข้าตัวคนเดียวตั้งเยอะ? เจ้าอยากสลัดนางทิ้งขนาดนี้เชียว?""ท่านพ่อตา นี่ข้าทำเพื่อหลี่จื่อเหยานะ ตอนนี้องค์จักรพรรดิจับตามาที่จวนชินอ๋องเซียว พ่อของข้าทางนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างเลย ถ้าหากในจวนอ๋องวุ่นวายขึ้นมา ถึงตอนนั้
หลี่จื่อเหยาขนาดมือก็ยังยกไม่ขึ้น จึงเปิดหนังตาจ้องมองนางเจ้าคนชั้นต่ำ! เห็นสภาพนางแบบนี้ยังมีแรงดื่มน้ำเองอีกหรือ? ยังไม่รีบประคองนางขึ้นมาป้อนอีก!"เจ้าต้องป้อนนาง!" หมอเทวดาหลี่ร้องขึ้นมาสาวใช้แทบจะร้องไห้แล้ว ไม่ นางร้องออกมาแล้วจริงๆ นางน้ำตาร่วงพลางปรคองตัวหลี่จื่อเหยาขึ้นมา เอาแก้วจ่อไปที่มุมปากหลี่จื่อเหยาระยะใกล้ค่แนี้ สาวใช้ได้กลิ่นบนหน้าของหลี่จื่อเหยาแล้วจริงๆ เหม็นเอามากๆเซียวเหยียนจิ่งมองฉากนี้ อดถอยออกมาอีกก้าวหนึ่งไม่ได้เขามองไปทางพวกสาวใช้หญิงรับใช้อีกเหลือเหล่านั้น ถามขึ้นเสียงต่ำ "นางป่วยมานานแค่ไหนแล้ว?"ดันไม่ยอมมาบอกเขา!สาวใช้กับหญิงรับใช้ร่างกำยำไม่กล้าเงยหน้ากัน"ท…ท่านรัฐทายาท พวกเราเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ หลายวันมานี้พระชายารัฐทยาทก็เอาแต่นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ลุขึ้นมาสางผมมแต่งหน้า ตอนที่กินข้าวก็ให้พวกเราเอาข้าวส่งเข้าป นางกินเสร็จพวกเราก็จะเข้ามาเก็บ""ใช่เลย ตอนที่พวกเราเข้าไปเก็บ พระชายารัฐทายาทพอกิเสร็จ นางก็จะกลับไปนอนต่อบนเตียง พวกเราจึงไม่ได้มองนางอย่างละเอียด"เมื่อคืนนี้พวกนางไม่ได้เห็นหลี่จื่อเหยาเลยเอาจริงๆ เป็นเพราะชินอ๋องเซียวกับ
หมอเทวดาหลี่อยากจะตะคอกถามหญิงสาว: เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?มีภรรยาคนไหนบ้าง ที่แอบขโมยรื้อทองของพ่อสามี?ต่อให้ชินอ๋องเซียวจะซ่อนกล่องทองแทงไว้ที่หัวเตียงจริง แต่เจ้าไปค้นหาได้หรือไรกัน?เขาถลึงตาโต อยากจะตบฉาดลูกสาวเสียทีหนึ่ง ให้นางได้รู้สึกตัว แต่พอเห็นใบหน้าเน่าเปื่อยของนาง มองใบหน้าที่บวมจนผิดปกติของนาง หมอเทวดาหลี่ก็ยังถอยออกมาอีกหลายก้าวเขาแทบจะไม่ต้องเข้าไปตรวจแล้ว สภาพนี้ของหลี่จื่อเหยาคงเลี่ยงไม่พ้นแล้ว จะต้องเป็นโรคสกปรกโรคนั้นแน่นอนแต่ว่า เพราะอะไรกัน? แค่ไปพลิกค้นเตียงของชินอ๋องเซียวหรือ?เหตุผลนี้พูดออกไป จะมีคนเชื่อไหม?อาจจะมีคนเชื่อ แต่จะต้องมีคนคิดมากแน่ ภรรยาคนหนึ่ง ไปรื้อเตียงของพ่อสามี! เรื่องนี้ถ้าลือออกไป ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้แน่!ถึงแม้ตัวหมอเทวดาหลี่เองจะไม่ค่อยได้เรื่องนัก แต่ก็ยังคิดเรื่องที่โง่เง่าขนาดนี้ไม่ออก!"เจ้าขาดเงินเท่าไรกันแน่? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องไม่ได้กินไม่ได้ดื่มหรือไรกัน?" ยากจนขนาดต้องเข้าไปรื้อเตียงพ่อสามีเลยหรือ?เซียวเหยียนจิ่งพอได้ยินคำพูดหลี่จื่อเหยาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อพอได้ยินหมอเทวดาหลี่ถามมาเช่นนี้ เขาก็หน้าดำร้องขึ้นมา "จวนอ๋อ
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง