ดังนั้นอ๋องเจวี้ยนจึงไม่คิดจะทนแล้วสีหน้าขุนพลองครักษ์เปลี่ยนไป "ท่านอ๋องคิดจะ...."ชิงบัลลังก์หรือ?เรื่องกบฏต่อราชสำนักเช่นนี้ เขาไม่กล้าพูดออกมา แต่ว่า ก็น่าจะเป็นเช่นนี้กระมัง"องค์จักรพรรดิเข้ามาทำให้ข้าโมโหแล้ว ดังนั้น ให้ข้าเลือกองค์ชายพวกนั้นมาส่วนหนึ่ง ดูว่าคนไหนพอจะดันขึ้นไปได้ดีไหม? ถึงอย่างไร ก็ยังต้องใช้พวกเจ้าอยู่ดี พวกเจ้าลองไปพิจารณาดู ว่าถึงตอนนั้นแล้วจะทำอย่างไร"เซียวหลันยวนไม่ให้โอกาสคำสั่งลับที่สองได้มีผลในตอนที่เข้ายังไม่ตายนี้ เขามีโอกาสที่จะส่งองครักษ์เงามังกรออกไปโจมตีองค์จักรพรรดิ นี่ถือเป็นการขัดหลักการที่องครักษ์มังกรดำยึดมันมาโดยตลอดพวกเขาถ้าหากฟังเขา ก็เท่ากับยืนอยู่ฝั่งเขาแล้ว ไม่เพื่อฟังราชประสงค์ของไท่ซ่างหวง และไม่คิดว่าตนเองจะกลับไปอยู่ใต้เงื้อมมือองค์จักรพรรดิอีก แต่จะรับใช้เซียวหลันยวนคนนี้อย่างแท้จริงหลุดพ้นจากพันธนาการองครักษ์เงามังกรแคว้นเจา กลายเป็นองครักษ์ของเขาเพียงคนเดียวถ้าพวกเขาไม่ทำตาม เช่นนั้น เซียวหลันยวนก็น่าจะไม่เชื่อถือพวกเขาอีกอ๋องเจวี้ยนจะทำอะไรกับพวกเขา?"ข้าขอตัวกลับก่อนแล้ว"ดึกมากแล้ว เขาเริ่มง่วงหน่อยๆ กลับไปนอน
ตอนที่เซียวเหยียนจิ่งออกมากินข้าวเช้าก็เห็นว่าหน้าของชินอ๋องเซียวขาดซีดไป ยิ่งไปกว่านั้นเขายังจามเป็นระยะอีกด้วยพอเห็นเซียวเหยียนจิ่งเข้ามา น้ำเสียงชินอ๋องเซียวก็ดูไม่ค่อยสบายนัก "เมื่อวานนี้ไปไหนมาหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าตอนนี้มันเวลาอะไร? ทำไมยังเที่ยวเตร่ไปเรื่อยอีก""ท่านพ่อ ข้าไปเที่ยวเตร่เสียที่ไหน? เมื่อวานนี้มีธุระ เลยไปเดินที่อุทยานมารอบหนึ่ง ดูว่าที่ดินยังเพาะปลูกได้ไหม"ชินอ๋องเซียวพอได้ยินคำนี้ก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที""นี่เจ้ายังไปสนใจเรื่องปลูกพืชผลในอุทยานด้วยหรือ?""ทำไมจะไม่ล่ะ? ท่านพ่อลืมไปแล้วสินะ ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวทุกนครต่างก็มีข่าวเรื่องภัยพิบัติ แล้วปีนี้เก็บเกี่ยวได้ไม่ดี อุทยานของพวกเราเองก็เหมือนกัน ก่อนหน้านี้มีผู้ดูแลหลายคนเข้ามารายงานเรื่องนี้ ไม่ใช่ท่านที่ให้ข้ามีเวลาว่างก็ออกไปดูที่อุทยานหน่อยหรอกหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าสมองของพ่อเขาวันนี้ดูไม่คล่องแคล่วเอาซะเลย เรื่องพวกนี้ยังลืมได้อีกเสบียงของจวนชินอ๋องเซียวยังพอพวกเขากินอยู่ แต่ปีที่แล้วเก็บเกี่ยวได้ไม่เลว ดังนั้นจึงมีเสบียงใหม่มาเติมตลอด ทว่าปีนี้กลับไม่ไหวเสียแล้วพวกเขาช่วงครึ่งปีนี
"ได้ยินหรือยัง? บอกแล้วว่าเป็นหวัด" ชินอ๋องเซียวถลึงตาใส่เซียวเหยียนจิ่งที่แยกห่างออกไป ในใจรู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมา"ท่านพ่อ ข้าไม่ได้พูดอะไรนะ และก็ไม่ได้รังเกียจท่านด้วย นี่ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงหรอกหรือ? ถ้าอย่างนั้นวันนี้ท่านก็ไม่ต้องออกไปแล้ว หิมะตกติดกันสามวันไม่หยุด ด้านนอกหนาวมากเลย"เซียวเหยียนจิ่งพูดจบก็พาคนถอยออกไปพอเห็นประตูปิดลงมา ในใจชินอ๋องเซียวก็รู้สึกรับไม่ค่อยได้ แผดเสียงตะโกนออกมา "เมื่อวานหลังจากเซียวหลันยวนล้มป่วยในคุกเจ้ารู้ไหมว่าฟู่จาวหนิงนางทำอย่างไร?"ประตูปิดไปแล้ว เซียวเหยียนจิ่งที่ได้ยินอยู่ด้านนอกก็ยืนนิ่ง"ท่านพ่อ ท่านบอกเลยว่าพวกเขาทำอะไร?""ข้าก็อยากจะบอกเจ้า ฟู่จาวหนิงไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อย รีบพาเขากลับจวนอ๋องเจวี้ยนทันที แล้วยังนั่งรถม้าคันเดียวกับเขาด้วย!"แล้วเขาที่ยังไม่ทันได้สัมผัสคนป่วยคนนั้น แค่เป็นหวัดนิดหน่อย แต่ลูกชายตนเองกลับมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ทำเอาหดหู่เลยจริงๆหดหู่สุดๆ!พอเทียบกันแล้ว ฟู่จาวหนิงยังดูมีน้ำมิตรมากกว่าลูกชายตนเองเสียอีก!ชินอ๋องเซียวตอนนี้อดมีความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นไม่ได้"ท่านพ่อ ท่านพักผ่อนดีดีเถอะ"เซียวเหยียนจิ่งมุม
"องค์จักรพรรดิ ให้คนมาสังเกตอาการป่วยของชินอ๋องเซียวแล้ว""อืม อย่าเข้าใกล้มากนัก"องค์จักรพรรดิถอนหายใจ "จริงด้วย ไม่ใช่บอกว่าไทเฮามาแล้วหรือ?""เดิมทีเมื่อวานต้องถึงแล้ว แต่เร่งเดินทางได้ช้าเพราะลมพายุ ตอนนี้เพิ่งจะเข้าเมืองหลวง""ไป ส่งข่าวออกไป ให้นางรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนติดโรคระบาด""่ขอรับ"องค์จักรพรรดิลูบแหวนหยกของตนเอง สีหน้าเคร่งขรึมหน่อยๆวันนี้จวนอ๋องเจวี้ยนปิดประตูใหญ่ แต่ข่าวจากคนที่เขาส่งออกไปหาข่าว บอกว่าจวนอ๋องเจวี้ยนบรรยากาศหนักอึ้งมากเห็นได้ชัดว่า เซียวหลันยวนยังไม่ดีขึ้นยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงยังไม่ได้ออกมาจากในจวนอ๋องด้วย ทั้งๆ ที่พ่อแม่ของนางที่ห่างกันไปสิบกว่าปีเพิ่งจะกลับมาแท้ๆ แล้วหญิงสาวที่อายุยังไม่ทันถึงยี่สิบอย่างนาง ตอนนี้จะต้องอยู่ในบ้านเฝ้าพ่อแม่แน่ๆ แล้วคอยถามพวกกเขาว่าช่วงหลายปีมานี้ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมาบ้างถึงอย่างไร แค่วันเดียวจะทำหมดได้อย่างไรกัน?แล้วก็ ยังต้องคอยหารือกับพวกเขาอีกว่าจะไปอธิบายกับอ๋องเจวี้ยนอย่างไร?อ๋องเจวี้ยนแค้นพวกเขามานานหลายปี จะอย่างไรก็คงต้องคิดหาวิธีจัดการอยู่กระมัง?เรื่องใหญ่ขนาดนี้ นางควรจะต้องวิ่งไปวิ่งมาถึง
รถม้าเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าไทเฮานั่งอยู่ในรถม้า กอดเตาอังมืออยู่ หลับตา แต่ไม่ได้นอนหลับนางคิดอยู่ตลอดหลังจากกลับเข้าเมืองหลวง องค์จักรพรรดิจะถามนางอย่างไร แล้วนางจะตอบอย่างไร และเป็นไปได้ว่าอายวนเด็กคนนั้นจะจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วแต่ครั้งนี้นางกลับมา ก็ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าจะเปลี่ยนท่าทีการปฏิบัติต่อเซียวหลันยวนนางไม่อยากจะเสแสร้งเกลียดเขาแล้ว นางจะใช้ตัวตนไทเฮามาปกป้องเขาให้ดีก่อนหน้านี้อายวนอายุยังน้อย นางเป็นห่วงมาก ตอนนี้อายวนเติบโตแล้ว มีวิธีความสามารถของตนเอง นางเองก็ควรจะยอมรับแล้วอยู่ด้วยกันกับเขาให้ดีไม่อย่างนั้นใครจะรู้ว่าตอนไหนที่นางจะเหยียบเข้าไปในประตูนรกกันอายุมากขนาดนี้แล้ว นางเหลือเองก็เหลือเวลาอีกไม่มากมีคนเดินฝ่าหิมะเข้ามา สองคน น่าจะเพราะลมพายุ ดังนั้นเสียงพูดคุยของพวกเขาจึงดังขึ้นหน่ยอ กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน"เจ้าว่าสุขภาพอ๋องเจวี้ยนตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือยังนะ? ทำไมถึงได้ยังเป็นลมยังไม่ฟื้นอีก?""เหมือนจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เขาไม่ใช่เข้าไปในคุกหรือ? ในคุกนั่นคงจะลำบากมากแน่ สุขภาพเองก็ไม่ใช่ว่าแข็งแรงนัก จะป่วยแล้วล้มไปอีกมันก็เรื่องปกต
ฟู่จาวหนิงพอได้ยินว่าไทเฮามา ก็รู้สึกเกินคาดมากนางมองไปทางเซียวหลันยวน"จะพบไทเฮาไหม?""ไทเฮาพอเข้าเมืองก็ตรงมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนเลย คิดว่าคงมีคนจงใจล่อให้นางเข้ามา"เซียวหลันยวนถอนหายใจเบา เพราะไทเฮาตอนนี้ไม่ค่อยมีคนใช้งานได้แล้ว เส้นข่าวของนางน่าจะไม่ปรุโปร่งนักแล้วก็ไม่ได้อยู่ในวังเลย เพิ่งกลับมาจากวัดคุ้มครองแคว้นแบบนี้ ทำไมพอเข้าเมืองก็ได้ข่าวเช่นนี้เลยกัน? ต่อให้รู้ ก็ควรกลับวังก่อน ไม่น่าจะรีบร้อนขนาดนี้คิดว่าคงมีคนจงใจเอาสถานการณ์ของเขาพูดให้ดูอันตรายแน่นอน"ที่นางถูกล่อเข้ามาง่ายแบบนี้ อธิบายได้ว่านางเป็นห่วงท่านมาก เป็นห่วงจนสับสน" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นคำพูดนี้ เซียวหลันยวนไม่อาจค้านได้เลย"ท่านอ๋อง ผู้ดูแลรั้งไทเฮาไว้ไม่ได้ ตอนนี้นางมาถึงเรือนโยวหนิงแล้ว" องครักษ์เข้ามารายงาน"ให้นางเข้ามา"เซียวหลันยวนถอนหายใจเพราะไทเฮาเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนแล้ว เกรงว่าออกไปคงจะลำบากหน่อย หลังจากออกไปคงเข้าวังจักรพรรดิไม่ได้แล้วองค์จักรพรรดิจะต้องหาวิธีมาขวางไว้แน่"อายวน"เสียงของไทเฮาสั่นพร่า ประชิดตัวเข้ามาเซียวหลันยวนเดินไปนอนที่เตียง ผ้าห่มดึงสูง หลับตาอยู่ฟู่จาวห
ถ้าเป็นแบบนี้ เขาคงจะเหนื่อยมากเลยในบ้านตัวเองก็ยังต้องมาอดกลั้นขนาดนี้ แล้วตอนไหนจึงจะผ่อนคลายลงได้?เด็กคนนี้ชีวิตขมขื่นเหลือเกินน้ำตาไทเฮาไหลลงมา นางรีบกุมมือฟู่จาวหนิง มองนาง เอ่ยขึ้นเสียงสั่นพร่า "จาวหนิง วิชาแพทย์ของเจ้าดีเสียขนาดนั้น จะรักษาอายวนไม่ได้เลยหรือ?"ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเซียวหลันยวนบนเตียงทักษะวิชาแพทย์ของนางถูกคนอื่นทำลายชื่อเสียอย่างนั้น เห็นๆ อยู่ว่ารักษาหายแล้ว"ไทเฮา เขาตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย" ฟู่จาวหนิงพูดแค่ประโยคนี้ประโยคเดียว"นี่เรียกว่าไม่มีปัญหาใหญ่ได้หรือ? ในใจเขาคงระทมมาก" ไทเฮาร้องไห้หนักกว่าเดิมไม่ใช่สิ ก็บอกอยู่ว่าเป็นหวัดนี่นา แล้วปัญหาใหญ่อะไรกัน? นางไม่ใช่บอกว่าดื่มยาจนหลับไปแล้วหรือ? ไทเฮาทำไมจึงทำท่าเหมือนเซียวหลันยวนเป็นคนที่น่าเวทนาอันดับหนึ่งแบบนี้ล่ะ?ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเซียวหลันยวนอีกผาดหนึ่ง พอเห็นหน้ากากบนหน้าเขา นางก็เข็ดฟันขึ้นมาคิดจะเอาหน้ากากของเขาออก"ไทเฮาอย่าได้เสียใจนักเลย สุขภาพสำคัญกว่านะเจ้าคะ" กุ้ยหมัวมัวเตือนขึ้น"ใช่แล้ว ไทเฮาเพิ่งจะกลับเมืองหลวงจากวัดคุ้มครองแคว้นใช่ไหม?""แต่ว่า พอเข้าเมืองมา ก็ได้ยินคนเดิ
ฟู่จาวหนิงบอกเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้กับไทเฮาพอได้ยินว่างองค์จักรพรรดิสั่งขังเซียวหลันยวน ให้เขาไปนั่งทบทวนสำนึกในคุกสองเดือน ไทเฮาก็โมโหจนสองมือสั่นระริก"องค์จักรพรรดิทำเกินไปแล้ว เกินไปจริงๆ! ตอนนั้นเขารับปากไท่ซ่างหวงไว้ดิบดี แต่ตอนนี้ดันลืมไปจนหมดสิ้น!"ไทเฮาพอคิดว่าสุขภาพเช่นนี้ของเซียวหลันยวน ต้องไปอยู่ในคุกตั้งหลายวัน ใจก็ปวดจนแทบจะพังอย่าว่าแต่ไทเฮา กระทั่งหมัวมัวก็ยังรู้สึกปวดใจมาก"จาวหนิง เจ้าบอกกับข้าหน่อย ว่าสุขภาพของอายวนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้ารักษาเขาไว้แล้วใช่ไหม?"ไทเฮาดึงแขนฟู่จาวหนิง ถามนางตาแดงรื้น"ก่อนหน้านี้สุขภาพเขาย่ำแยมากจริงๆ อย่าว่าแต่ในคุกสองเดือนเลย เอาแค่สองชั่วยาม เขาก็อาจจะล้มป่วยได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพิษที่เขาติดมาก็ไม่ได้ถอนออกมาตลอด ตอนนี้ไม่รู้ว่าดีขึ้นแล้วหรือยัง"ฟู่จาวหนิงเองเหลือบมองไปทางเซียวหลันยวนที่ยังแกล้งหลับผาดหนึ่งให้ไทเฮารู้น่าจะไม่มีปัญหาหรอกกระมัง? นางมองออก ว่าไทเฮาเป็นห่วงเซียวหลันยวนจริง ถึงแม้ก่อนหน้านี้นางจะไม่ชอบไทเฮา แต่เซียวหลันยวนตอนนี้ก็คิดจะค่อยๆ เผยออกมาว่าสุขภาพของตนเองนั้นไปในทางที่ดีขึ้นจะให้เขาเอาแต่
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้