แค่กลัวว่าเขาจะเป็นห่วงว่าทำอะไรผิดพลาดจนต้องเหนื่อยไปถึงนาง หรือทำลายแผนการของนางกับเซียวหลันยวน ดังนั้นจึงไม่กล้าแข็งขืน จนต้องถูกคนอื่นรังแกฟู่จิ้นเชินอุ่นวาบขึ้นในใจ สัมผัสได้ถึงใจที่ปกป้องของลูกสาวดวงตาเขาค่อยๆ ร้อนวูบ ยื่นมือไปจัดสายของผ้าคลุมให้กับนาง เอ่ยขึ้นเบาๆ "เจ้าเองก็วางใจได้ ไปเถอะ"ฟู่จาวหนิงออกไปทางประตูหลัง ฟู่จิ้นเชินส่งนางที่ประตู มองรถม้าของนาง โบกมือให้ฟู่จาวหนิงนั่งบนรถม้าหันกลับมามองผาดหนึ่ง สบกับสายตาอบอุ่นเป็นมิตรที่เขาส่งมา ใจกระตุกเล็กน้อย "เข้าไปเถอะ""พ่อดูเจ้าอยู่นะ"เอาเถอะ จะดูก็ดู นางเข้าไปในรถม้าแล้วจะดูอย่างไรกันล่ะ?ฟู่จาวหนิงเม้มปาก ปลดม่านรถลงรถม้าขับมาได้ครู่หนึ่ง นางหมุนก็ตัวเลิกม่านหน้าต่างหลังรถ มองรางที่ยืนอยู่ที่ประตูข้างกองหิมะด้านหลังจมูกของนางฮึดฮัดขึ้นมาสองชาติมารวมกัน นี่เป็นครั้งแรกที่มีสายตาของพ่อมาส่งแบบนี้นางพูดไม่ถูกถึงความรู้สึกเหมือนกันแต่ว่าแค่เรื่องเล็กแค่นี้ ไม่ได้ต้องใช้แรงอะไรเลย แต่ทำไมถึงทำให้ตาของนางร้อนวูบขึ้นมาได้นะ?พอมาถึงคุก ฟู่จาวหนิงลงจากรถม้าก็ถูกผู้คุมคนหนึ่งเห็นเข้าแล้วเขาตกตะลึง พอคิดขึ้น
ฟู่จาวหนิงเดินไปในคุกตรงๆนางจะดูว่าผู้คนพวกนี้จะกล้าขวางนางจริงไหมแต่ว่า นี่ก็อธิบายได้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้ไม่เคยที่จะมาขวางนาง แล้วยังยอมให้นางเข้าไปอยู่กับเซียวหลันยวนแต่โดยดี นี่เพิ่งจะออกไปไม่กี่วัน ผู้คุมก็ไม่ยอมให้นางเข้าคุกแล้วหรือททำไม กลัวนางขึ้นมาแล้วหรือ?ในคุกนั่นมีอะไรที่ต้องกลัวหมออย่างนางสังเกตเห็นด้วยหรือ? หรือจะเป็นนักโทษที่ติดโรคคนนั้น?"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านอย่าให้ข้าน้อยต้องทำอะไรได้ลำบากเลย ไม่เช่นนั้นข้าน้อยคงต้องเข้าขวางเสียแล้ว" ผู้คุมออกมาขวางหน้านางอีกครั้ง"ได้สิ ข้าจะดูว่าพวกเจ้าจะขวางข้าอย่างไร"ฟู่จาวหนิงพูดพลางยกมือผู้คุมรู้สึกชาขึ้นทั้งตัวทันที ขยับตัวไม่ได้เลยพวกเขามองฟู่จาวหนิงเดินผ่านข้างตัวไปอย่างไม่สามารถทำอะไรได้ เข้าไปในคุกแล้ว"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านคิดให้ดีนะ การปล้นคุกคือความผิดร้ายแรง!""เฮอะ ใครปล้นคุกกัน? ข้าก็แค่เข้าไปดูท่านอ๋องของข้าเท่านั้น องค์จักรพรรดิก็ไม่ได้บอกว่าเข้าเยี่ยมไม่ได้เสียหน่อย พวกเจ้าจะเครียดอะไรกัน?"พอได้ยินนางพูดเช่นนี้ ผู้คุมคนอื่นก็ไม่กล้าเข้าไปขวางนางแล้วผู้คุมทั้งหมด
มือของเขายังอุ่นอยู่ แต่ว่าฟู่จาวหนิงมองปัญหาที่นี่ไม่ออกเสียที่ไหน ผ้าม่านที่เคยมีไม่อยู่แล้ว เตาด้านในก็ไม่มีอีกในห้องขังเย็นยะเยือกแค่วันเดียว ที่นี่ก็เย็นกว่าก่อนหน้าหลายเท่าตัว ดูท่าหัวหน้าคุกจะเล่นตุกติกไปไม่น้อย"สืออี เอายาให้เขาเม็ดหนึ่ง" เขาบอกกับสืออี จากนั้นก็เอากล่องยาวางบนพื้น เปิดออก หยิบหน้ากากอนามัยผ้าฝ้ายชิ้นหนึ่งขึ้นมาสวมนี่เป็นสิ่งที่นางทำเอง ด้านในมีชั้นกรองอยู่ ด้านนอกก็ใช้ผ้าฝ้ายที่มีในยุคนี้เย็บเป็นสองชั้น ดังนั้นจึงมองไม่ออกไม่เห็นเทคโนโลยีชั้นสูงด้านในหลังจากสวมแล้ว นางก็หยิบถุงมืออีกคู่หนึ่งออกมา ดัดแปลงไว้เช่นเดียวกัน อำพรางถุงมือแพทย์ไว้ใต้ผ้าฝ้ายบางๆ ชั้นหนึ่ง"หนิงหนิง คนคนนั้นตายแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโรคร้ายแรงด้วย เจ้าอย่าเข้าไป" เซียวหลันยวนพอเห็นท่าทางของนางก็รู้ว่านางคิดจะทำอะไรเขายื่นมือไปจับแขนนางไว้ทันที"ปล่อยมือ""อย่าเข้าไป" เซียวหลันยวนถูกตางามของนางจ้องเขม็ง รู้อยู่แล้วว่านางโกรธ เพียงแต่ว่ายังไม่รู้ว่านางโกรธอะไรแต่โรคของคนผู้นั้น เขาไม่วางใจจะให้นางเข้าไปสัมผัสใกล้ๆ"ในเมื่อรู้ว่าโรคของเขาเป็นโรคระบาด แล้วท่านทำไมถึงคิดจะ
อันที่จริง ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึก จากนิสัยและวิธีการของเซียวหลันยวน ครั้งก็น่าจะมีวิธีเลี่ยงการติดคุกสองเดือนนี้ได้หรือก็คือ ตอนแรกก็ถูกขังในนามสักนิดหน่อย จากนั้นค่อยคิดหาวิธีออกมาต่อให้เดิมทีจะวางแผนเข้ามาอยู่ในคุกตามคำสั่งราชโองการ แต่นั่นก็เป็นแผนที่วางไว้แล้วแต่จักรพรรดิกลับใช้ไม้นี้ออกมา!โยนคนป่วยเข้ามาแบบนี้ คิดจะให้เขาติดโรคประหลาดนั่นแล้วตายไปอย่างไร้เกียรติ!เซียวหลันยวนก็ยังทนอีกนี่จึงทำให้ฟู่จาวหนิงโกรธแล้ว นางโกรธที่เขาไม่สนใจสุขภาพของตนเองนางกว่าจะรักษาเขามาได้ นี่เพิ่งจะดีขึ้นเท่าไรเอง?เขาก็เริ่มที่จะไม่สนใจหันกลับมาทรมานตัวเองอีกแล้วหรือ?แต่ว่าตอนนี้พอได้ยินคำพูดของเซียวหลันยวน นางก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง"ไท่ซ่างหวงไม่ใช่ว่าโปรดปรานท่านเป็นพิเศษหรอกหรือ?"หลังจากพูดคำนี้ออกไป นางเองก็คิดเข้าใจแล้วไท่ซ่างหวงจะโปรดปรานก็ส่วนโปรดปราน แต่ว่า แม่บังเกิดเกล้าของเซียวหลันยวน เป็นลูกสาวของจักรพรรดินีแห่งตงฉิง เซียวหลันยวนเป็นสายเลือดราชวงศ์เพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของแคว้นตงฉิงดังนั้น นี่จึงไม่ถือเป็นสายเลือดราชวงศ์แคว้นเจาที่บริสุทธิ์ ในสายเลือดเขายังมีต
"กลิ่นแรงขนาดนี้ วางไว้ใต้เตียง ชินอ๋องเซียวจะไม่ได้กลิ่นเลยหรือ?""แน่นอนว่าต้องเชิญหมอเทวดาฟู่ของข้าทำน้ำยาที่อำพรางกลิ่นนี้ไว้สิ" เซียวหลันยวนเอ่ยต่อนี่ไม่ใช่ว่าก็ยังต้องมีนางหรือไรกัน?"อย่างนั้นมันเปลืองแรงไป การจะเอาศพไปซ่อนไว้ใต้เตียงเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้น ข้าจัดการเอง"ฟู่จาวหนิงเดิมทียึดตามความคิดนี้นางจะไม่ปล่อยชินอ๋องเซียวไป!"ข้าจะไปเอาของมาบางส่วน ถึงตอนนั้นใส่เข้าไปในผ้าห่มชินอ๋องเซียวก็พอ ตรงประเด็นกว่า""หนิงหนิง ถ้าสัมผัสกับคนคนนั้นจะติดโรคได้ง่ายใช่ไหม?" เซียวหลันยวนไม่อยากให้นางต้องเสี่ยง"ข้าเป็นหมอนะ ข้าระวังตัวข้าเอง!" ฟู่จาวหนิงถลึงตามองเขา "รีบปล่อยมือ เดี๋ยวคนเข้ามาจะไม่ทันการเอา"เซียวหลันยวนเห็นความเด็ดเดี่ยวของนางแล้ว ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะขวางได้จริงๆ จึงทำได้แค่ถอนหายใจยาว ปล่อยมือออกฟู่จาวหนิงเดินเข้าไป ยื่นมือล้วงกุญแจพวกหนึ่งออกมาสืออีพอเห็นก็ตกตะลึงแต่ก็นึกออกอย่างรวดเร็วว่าเมื่อครู่นี้ที่พระชายาแฉลบผ่านตัวผู้คุมเหล่านั้นก็เหมือนจะทำอะไรไปนิดหน่อยแค่จังหวะที่เดินผ่านตัว พระชายากลับปลดกุญแจของผู้คุมลงมาเสียแล้วพระชายามีฝีมือด
สืออีเองก็ตกตะลึงไปเมื่อครู่ท่านอ๋องยังดูดีดีอยู่เลย ตอนนี้พระชายายังไม่ได้หารือกับเขา ก็ให้ท่านอ๋องแกล้งป่วยเสียแล้ว มันจะหลอกได้หรือ?แต่พอเขามองเข้าไปในห้องขังอีกครั้ง กลับเห็นอ๋องเจวี้ยนนั่งอยู่บนพื้นไปแล้ว หัวพิงกับประตูลูกกรง มือเองก็ห้อยตกลงมา"ท่านอ๋อง!" สืออีร้องเสียงหลงปฏิกิริยานี้ของเขามันของจริงนี่นาผู้คุมพอเห็นอ๋องเจวี้ยนเป็นเช่นนี้ก็ตกใจสะดุ้งโหยงไม่ใช่สิ?เห็นผลเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?พวกเขามองไปที่ห้องขังฝังตรงข้ามด้วยสัญชาตญาณ ถอยออกไปหลายก้าวเมื่อครู่ที่พวกเขาเข้ามาช้าหน่อย อันที่ก็เพราะกลัวศพนี่ พวกเขาล้วนรู้ว่าคนผู้นี้เป็นโรคสกปรก ถ้าเผื่อถูกระบาดเข้ามาจะทำอย่างไร?ดังนั้นผู้คุมพวกนั้นจึงผลักกันไปผลักกันมา ต่อมาพอไม่มีทางเลือก ถึงได้มีสองตัวซวยนี้เข้ามาตอนนี้พอเห็นสภาพของอ๋องเจวี้ยน พวกเขาก็อดถอยหนีอย่างหวาดกลัวไม่ได้"อ๋องเจวี้ยนเป็นอะไรไป?""เป็นอะไร? พวกเจ้าก็รู้อยู่แกใจดีไม่ใช่หรือ?" ฟู่จาวหนิงตะคอกใส่เสียงเย็ฯชา "เตาที่ข้าเอามาก่อนหน้านี้ล่ะ? ผ้าม่านล่ะ? หายไปไหนหมดแล้ว! ท่านอ๋องของข้าป่วยมาตั้งยี่สิบปี ร่างกายเดิมทีก็อ่อนแอมาก แล้วยังต้องอยู่ใ
สืออีรีบเข้ามา แบกเซียวหลันยวนขึ้นหลังพอแตกโดนเซียวหลันยวน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปท่านอ๋องตัวแข็งเหมือนกับน้ำแข็งจริงๆ! เย็นกว่าน้ำแข็งเสียอีก!ถึงแม้เขาคิดว่านี่น่าจะเกี่ยวอะไรกับยาเม็ดนั้นที่พระชายามอบออกไปแน่นๆ แต่ก็ยังรู้สึกน่าตกใจมากอุณหภูมิร่างกายเช่นนี้ ท่านอ๋องจะไม่เป็นไรจริงหรือ?"ไป กลับไปจวนอ๋องเจวี้ยนเดี๋ยวนี้" ฟู่จาวหนิงแบกกล่องยาเดินนำหน้า กุญแจพวกนั้นก็โยนคืนให้ผู้คุมไป "พวกเจ้าถ้ากล้าขวาง ข้าจะแทงเข็มใส่เสีย!"ผู้คุมพวกนั้นตอนนี้ยังยืนกันอยู่ด้านอกคุกเลย ผู้คุมสองคนนี้ยังกล้าเสียที่ไหนพวกเขามองฟู่จาวหนิงพาคนออกไปอย่างทำอะไรไม่ได้แต่ว่า มือที่ห้อยลงมาของอ๋องเจวี้ยนนนั่น หลังมือกลายเป็นสีขาวเขียวไร้สีเลือด เหมือนเย็นจัดจนจะจับน้ำค้างแข็งขึ้นมาเลยทีเดียว ราวกับเป็นมือของคนที่แข็งตาย มีผู้คุมหลายคนที่มองเห็นและเพราะเห็นเข้าพอดี พวกเขาจึงไม่มีใครกล้ามาขวาง อันที่จริงในใจก็ยังสั่นกลัวอยู่ อ๋องเจวี้ยนคงไม่ได้ตายไปจริงๆ หรอกนะ?สืออีพาเซียวหลันยวนแบกขึ้นรถม้า ฟู่จาวหนิงเองก็ตามขึ้น"กลับจวนอ๋อง""ขอรับ"รถม้าแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ล้อรถม้ามีเกล็ดหิมะติดอยู่"
ชินอ๋องเซียวคิดจะเข้าวังรายงานกับองค์จักรพรรดิ หารือถึงขั้นต่อไปกับองค์จักรพรรดิ แต่เขาก็ถูกกันเอาไว้ที่นอกประตูเสียแล้ว"ผู้บัญชาการอวี๋หมายความว่าอย่างไร?"ผู้บัญชาการอวี๋ไม่ได้อยู่ตรงหน้าชินอ๋องเซียว แต่ให้ราชองครักษ์หลายคนมาขวางเซียวเหยียนจิ่งไว้ ส่วนตัวเขาก็อยู่ด้านหลังห่างออกมาหน่อยหลายเดือนนี้ ชินอ๋องเซียวยกระดับฐานะขึ้นมาในใจองค์จักรพรรดิ เข้าวังบ่อยครั้ง องค์จักรพรรดิเองก็ให้อำนาจกับเขาระดับหนึ่ง สามารถเข้าออกวังเพื่อพบพระองค์ได้ตลอดเวลานี่เป็นครั้งแรกที่ถูกกันเอาไว้นอกประตูวังผู้บัญชาการอวี๋คนนี้ก่อนหน้าก็เอาอกเอาใจเขาอยู่ พอเห็นเขาก็รีบเอาอกเอาใจไม่หยุด แต่ตอนนี้กลับยืนห่างหลายก้าวโดยมีราชองครักษ์กั้นกลาง สายตาเองก็ดูห่างเหินขึ้นมาชินอ๋องเซียวใจดำดิ่งลงมา"ชินอ๋องเซียว วันนี้ฝ่าบาทไม่ว่าง ไม่ขอพบท่านแล้ว เชิญท่านกลับไปก่อน" ผู้บัญชาการอวี๋เอ่ยขึ้น"ไร้สาระ ที่ข้ามาเข้าวังก็เพราะเป็นห่วงพระองค์ องค์จักรพรรดิก่อนหน้านี้พูดอยู่แท้ๆ ว่ามีเรื่องอะไรให้เข้าวังมาแจ้งได้เลย นี่เจ้าคิดจะทำอะไร?""นั่นเป็นเรื่องก่อนหน้าของวันนี้นี่? ถึงอย่างไรช่วงนี้องค์จักรพรรดิก็ไม่ว่าง
เขามองนาง ราวกับมองคนโง่คนหนึ่ง"เหยาเอ๋อร์ ตอนนี้เจ้ายังคิดจะชิงดีชิงเด่นกับฟู่จาวหนิงอยู่อีกหรือ?""อะไรคือข้าไปชิงดีชิงเด่นกับนางกัน? เดิมทีข้าก็เก่งกว่านางอยู่แล้ว คู่หมั้นของนางข้าบอกจะแย่งก็แย่งมาได้ นางไล่ตามเซียวเหยียนจิ่ง อ้อนวอนอยู่หลายปี ผลลัพธ์ก็ยังแพ้ให้ข้านี่?""นางไม่ต้องการเซียวเหยียนจิ่งตั้งนานแล้ว ตอนนี้นางเป็นถึงพระชายาอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนปฏิบัติกับนางราวกับจันทร์ส่องแสง!""แล้วมันทำไมกัน? ท่านพ่อ ท่านออกจากบ้านไปตั้งนาน ยังไม่ได้ยินข่าวหรือ? ครึ่งปีก่อน มีคนเห็นใบหน้าของอ่องเจวี้ยน หน้ากากของเขาถูกกระชากออก เผยให้เห็นใบหน้าแท้จริง น่ากลัวขนาดไหนท่านรู้ไหม?"หลี่จื่อเหยาถูกขังอยู่ในเรือนหลังไม่ได้รับข่าวอะไรมาตลอด ข่าวจึงล่าช้าไปตั้งไม่รู้นานเท่าไรแล้วแต่ว่าพูดถึงเรื่องนี้ก็ยังขึ้นมาก็ค่อนข้างจะตื่นเต้นอยู่ "ท่านพ่อ ท่านยังไม่รู้กระมัง? คนในเมืองหลวงล้วนกำลังพูดกันว่า อ๋องเจวี้ยนมีหน้าเหมือนผีเลย! แล้วยังมีเด็กเ,้กตั้งหลายคนพอได้ยินชื่อของเขาก็ตกใจจนร้องไห้จ้า! เขาตอนนี้ออกจากบ้านก็ยังต้องใส่นห้ากากอยู่ใช่ไหมล่ะ? ท่านคิดว่า ฟู่จาวหนิงจะชอบเขาได้หรือ?""นาง
หมอเทวดาหลี่สองวันนี้ก็เอาแต่ค้นคว้าว่าจะรักษาโรคนี้อย่างไรอยู่ตลอดอันที่จริงมันก็โรคเพศสัมพันธ์นี่นะ เขารู้สึกว่าไม่ใช่จะรักษาไม่ได้แต่ปัญหาคือ ชนิดนี้ดูจะแตกต่างกับโรคเพศสัมพันธ์ที่เขาเคยพบสมัยก่อนยังไม่ต้องพูดเรื่องอื่น..."ให้ตายเถอะ ทำไมพอติดโรคนี้แล้วถึงเน่าขึ้นมานะ?"นี่เป็นจุดที่เขาคิดไม่ตก ต่อให้เป็นโรคเพศสัมพันธ์จริงก็ไม่ได้รวดเร็วขนาดนี้ยิ่งไปกว่านั้นยังแค่สองวันเอง บนหน้าหลี่จื่อเหยาก็เน่าไปรุนแรงขนาดนี้แล้ว เห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยเดิมทีคิดว่าแค่บนหน้าเท่านั้น ถ้าหากต้องไปพบคนทาแป้งหนาหน่อย ก็ยังปกปิดไว้ได้แต่ตอนนี้ผ่านไปสองวัน จุดที่เน่าเผื่อยก็ขยายกว้างขึ้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเน่าอย่างรุนแรงด้วย พอเห็นแล้วก็น่ากลัวมาก!"นายท่าน พระชายารัฐทายาทกำลังเขวี้ยงข้าวของแล้ว ทำอย่างไรดี?" สาวใช้เข้ามารายงานหมอเทวดาหลี่พอได้ยินคำนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดไปหมด"นางทำอะไรอีกล่ะ?""นางส่องกระจก พอเห็นหน้าตัวเอง" คงจะรับไม่ได้ ดังนั้นเลยโมโหขึ้นมาสาวใช้ไม่ได้พูดครึ่งหลังหมอเทวดาหลี่รีบไปที่เรือนหลังประตูเปิดอยู่ แต่เขาก็ยืนที่ประตูไม่ได้เข้าไปพอเหลือบมองเข้าไปก็เห็
ฟู่จาวหนิงตอนไปถึงที่พักของซุนจู้ ข่าวหนึ่งก็ส่งมาถึงมือของเซียวหลันยวนชินอ๋องเซียว ตายแล้ว"ตายแล้วหรือ?"พริบตาที่เซียวหลันยวนได้รับข่าวนี้รู้สึกงงงันไป"ขอรับ เรือนที่ชินอ๋องเซียวพักอยู่นั่น ชาวนาที่คอยปรนนิบัติเขาอยู่ไม่ได้เข้าไปในห้องเขาสองวันแล้ว คนอขงพวกเราเห็นว่าวันนี้เข้าปิดปากปิดจมูกผลักประตูเข้าไป แต่พอประตูเปิดออกแล้วเห็นสภาพในห้อง ก็กรีดร้องวิ่งถอยออกมาแล้ว"ชินอ๋องเซียวน่าจะไม่มีคนสนใจ คิดจะลุกขึ้นมาดื่มน้ำ แต่ว่าพลัดตกลงมาจากเตียงแล้วไม่มีแรงปีนขึ้นไปแล้วก็ตายไปด้วยท่าทางประหลาดพังพาบอยู่ข้างเตียงพอประตูนั่นเปิดออก ตอนที่ลมพัดมาทางนั้นก็นำกลิ่นเน่าเหม็นชวนอาเจียนตามมาด้วย"ข่าวส่งไปถึงเซียวเหยียนจิ่งหรือยัง?""ส่งออกไปแล้วขอรับ เซียวเหยียนจิ่งน่าจะใกล้ได้ข่าวแล้ว""ส่งข่าวนี้ไปที่วังด้วย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเขาจะไม่ให้โอกาสเซียวเหยียนจิ่งได้ลุกขึ้นมาอีกพวกเขาตอนแรกคิดจะใช้สิ่งนี้เล่นงานเขา ตอนนี้ก็รับกรรมตัวเองไป เขาเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก แน่นอนว่าไม่มีการเห็นใจแม้แต่น้อย"่ขอรับ""ท่านอ๋อง เฝิ่นซิงมีเรื่องมารายงาน""นางไม่ใช่ไปกับพระชายาหรือ? ให้นาง
"พระชายา ข้าน้อยจะตามท่านไปด้วย""ฟังคำสั่ง"ฟู่จาวหนิงไม่ให้นางต้องปฏิเสธอีก ให้นางกลับไปที่จวนอ๋องก่อนตอนที่ต่งฮ่วนจือเข้ามาเฝิ่นซิงก็กำลังจะออกไป เขาหลีกทางให้ หันหน้ามองไปยังซุนจู้ที่ถูกมัดอยู่พอเห็นรอยเน่าเปื่อยบนใบหน้าซุนจู้ ใจของเขาก็ขรึมลงมา"ศิษย์น้องหญิง คนคนนี้...""อืม ตรวจอาการแล้ว ศิษย์พี่รองอย่าเข้ามาใกล้เขา""แล้วตอนนี้จะจัดการอย่างไร? ส่งเขาให้กับจวนทางการหรือ?" ต่งฮ่วนจือก็ไม่เดินเข้ามาใกล้จริงๆ"พวกท่านส่งข้าให้จวนทางการไม่ได้นะ ข้าจะพาไป ข้าจะพาพวกท่านไปจับแม่นางเฉี่ยวทั้งสองคน" ซุนจู้ร้องขึ้นมา"เจ้าหุบปากเถอะ"ฟู่จาวหนิงไม่รู้สึกดีด้วยกับซุนจู้คนนี้เลยผู้ชายที่ไร้น้ำใจไร้ความซื่อสัตย์และไร้คุณธรรม"แม่นางเฉี่ยวทั้งสองคนคือใครอีกล่ะนั่น?" ต่งฮ่วนจือมองฟู่จาวหนิง "เจ้าจะให้เขาพาไปไหน? ศิษย์น้องหญิง เขาเป็นคนป่วย แต่เจ้าก็ยังจะไปกับเขาหรือ?""เขาคือคนป่วย ข้าคือหมอ""แล้วเจ้าก็ยังเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนด้วย ศิษย์น้องหญิง มีคนป่วยบางคนไม่คู่ควรให้เจ้าไปรักษาอยู่นะ ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้เจ้าจะเป็นหมอ แต่สำคัญที่สุดคือต้องดูแลความปลอดภัยของตนเองก่อน"ไม่อ
"ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังไม่ป่วยหนัก เขายังนอนอยู่กับเขาตั้งหลายวัน อาบน้ำด้วยกัน แต่หลังจากเขาป่วยก็จะให้ข้ามาคอยปรนนิบัติรับใช้ ข้าก็ไม่ชอบใจ เลยไปหางานทำที่แถวริมแม่น้ำ ออกไปหลายวันอยู่""ต่อมาพอใกล้จะสิ้นปี ข้าก็กลับเมืองหลวงมาหาเขา กลับพบว่าในบ้านเขาไม่มีคนแล้ว เดิมทีเขาเป็นพวกที่ชอบไปเตร่ตามบ่อนพนันอยู่ทุกวัน เพื่อนบ้านล้วนรังเกียจเขา หลีกห่างจากเขา ดังนั้นเขาหายตัวไปหลายวันจึงไม่มีใครรู้""ตอนที่ข้าเข้าไปอยู่ก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน หาตัวอยู่สองวันก็ไม่เจอ ข้าเองก็ไม่สนใจแล้ว จึงพักอยู่ที่บ้านเขาไปเลย ตอนปีใหม่มีคนมาที่บ้านเขา พูดจาน่าสงสารแล้วยังไม่มีที่ไปอีก ข้า ข้าเลยให้อยู่ที่บ้าน ถือว่าทำดี"ซุนจู้พูดถึงตรงนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกผิดปกติขึ้นมา จึงถามไปคำหนึ่ง "ใครกัน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?"ซุนจู้เดิมทีก็ไม่อยากตอบ แต่ชีวิตเขาตอนนี้อยู่ในกำมือฟู่จาวหนิงแล้ว ไม่กล้าที่จะไม่ตอบเหมือนกัน"ผู้ ผู้หญิง เป็นแม่ลูกคู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้น้องชายญาติข้าก็ดูแลพวกนางอยู่บ่อยๆ ดังนั้นข้าจึงยอม...""พวกนางทำอาชีพนั้นหรือ?""ใช่ คนแม่ชื่อแม่นางเฉี่ยว อายุสี่สิบกว่า ลูกสาวอายุยี่สิบต้นๆ หน้าต
ที่น่ากลัวที่สุดคือ เขาเหมือนได้ยินว่าข้าราชการได้รับคำสั่งมาว่า ถ้าหากเจอว่าคนในเมืองติดโรคระบาดนี่ ให้ลากไปสุสานรวมศพฆ่าทิ้งแล้วเผาได้เลย จะได้ไม่ระบาดไปหาคนอื่นเขากลัวมาก"ข้าพูด ข้าบอกแล้วได้ไหม?"แต่ว่าชายคนนี้กลับไม่ยอมบอกต่อหน้าคนมากมาย ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้อยากให้คนมากมายได้ยินกัน จึงให้สืออีพาเขาไปในเรือนเล็กๆ ข้างๆมีผู้ดูแลสองคนคอยมองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ พอสบตากันผาดหนึ่ง พวกเขาสองคนก็รู้สึกว่านี่มันเรื่องใหญ่ ต้องไปบอกผู้จัดการใหญ่เสียหน่อยดังนั้นพวกเขาจึงหมุนตัวไปหาต่งฮ่วนจือต่งฮ่วนจือหลายวันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี เพราะเรื่องของเฉินฮ่าวปิงเรือนในซอยกุ้ยเซียงของพวกนางปิดประตูใหญ่ไว้ทั้งวัน เขาไปมาสองรอบก็ไม่ยอมเปิดประตูต่งฮ่วนจือทิ้งจดหมายเอาไว้ บอกให้พวกนางหาเวลามาพบกันหน่อย เขาอยากถามว่าพวกนางเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่หลังจากทิ้งจดหมายไว้ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยแม่ลูกฮูหยินเฉินไม่เห็น หรือว่าไม่สนใจกันแน่?จะอย่างไรเขาก็จินตนาการไม่ออก พวกนางที่เดิมทีดูแล้วเหมือนจะคอยพึ่งพาเขา ตอนนี้ทำไมถึงปลีกตัวออกห่างเขา หลังจากนี้คือขีดเส้นคั้นกับเขาแล้วหรือ?"ผู้จัด
ยังดีที่วันนึงต้มยาไว้สามหม้อใหญ่ ก่อนหน้านี้ขายหมดไปแล้วหนึ่งหม้อ หม้อที่สองยังเหลือกว่าครึ่งก็ถูกปนเปื้อนไปแล้ว นี่ยังมีหม้อที่สามอยู่วันนี้เกรงว่าจะไม่พอขายเสียแล้วพนักงานยกหม้อนั้นขึ้นมา แล้วเททิ้งต่อหน้าคนมากมายเหล่าแขกพวกนั้นพอเห็นยาหม้อนี้ถูกเททิ้ง จึงวางใจกันขึ้นมา"กระบวยนั่นก็ควรจะล้างด้วยไหม?" มีผู้เฒ่าคนหนึ่งกลัวตายมาก ร้องขึ้นมาคำหนึ่งคนข้างๆ ก็อดขำขึ้นมาไม่ได้ "ก็ทิ้งไปเลยไม่ได้หรือ? ยังจะล้างอีก เสียแรงเปล่า"พนักงานพันธมิตรโอสถเองก็จัดการใช้เท้าหักกระบวยนั่นทิ้งไป "ทิ้งเลยทิ้งเลย แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"พวกเขาไปหยิบกระบวยอันใหม่มาแล้วจึงตักให้กับต้วนฉวินคนนั้นก่อนชามหนึ่ง "นายท่านต้วน ของท่านขอรับ""ขอบคุณขอบคุณ" ต้วนฉวินไม่เกรงใจแม้แต่น้อย หลังจากรับไปก็ดื่มจนหมดรวดเดียวยาน้ำชนิดนี้ ถึงจะบอกว่าไม่ได้มีรสชาติดีนัก พอรีบดื่มเขาก็แทบจะอาเจียนออกมาแล้ว แต่ก็รีบสะกดเอาไว้มองหม้อยาที่เต็มเปี่ยมใบนั้น เขายังดูกระสับกระส่ายอยู่ "หมอเทวดาฟู่ ท่านว่าข้าด้องดื่มอีกสักชามไหม?"บอกว่าห้ามดื่มมากไป ถ้าอย่างนั้นเขาดื่มสองชามครึ่ง ก็น่าจะได้อยู่กระมัง?ไม่อย่างนั้นร
นอกจากยาน้ำที่ป้องกันล่วงหน้าเหล่านี้ ฟู่จาวหนิงค้นคว้ายาลูกกลอนรักษาโรคนี้ออกมาแล้ว เพียงแต่ยาเหล่านั้นยังแพงกว่ายาน้ำพวกนี้มาก ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องกินอีกระยะหนึ่งด้วยเดิมทียังคิดอยู่ว่าชินอ๋องเซียวจะมาอ้อนวอนต่อหน้านางไหม ให้นางช่วยรักษาให้ นางเตรียมยาลูกกลอนสำหรับการรักษาสามช่วงไว้แล้วแต่ว่าชินอ๋องเซียวก็ไม่เคลื่อนไหวเลย ฟู่จาวหนิงก็ไม่ไปรักษาอาการเขาให้เองด้วย ยาจึงยังไม่ไปไหนอาการโรคของชายคนนี้ น่าจะกินยาหนึ่งช่วงรักษาก็น่าจะไม่เป็นไรแล้วแต่ว่าเขาก็ไม่พูดความจริงเสียที ฟู่จาวหนิงเองก็จะไม่พูดเรื่องยาลูกกลอนออกมา"ข้าไม่ได้ไปที่อุทยานนั่นนะ! ข้าไม่เคยพบกับชินอ๋องเซียว!"ชายหนุ่มดูตื่นเต้นขึ้นมา อยากจะลุกพรวดขึ้นมาแต่ถูกสะกดจุดไว้จนลุกไม่ขึ้น แต่พอถูกยืนยันว่าติดโรคนั้นแล้ว เขาเองก็รู้สึกใกล้จะเป็นบ้าเหมือนกันไม่รู้ว่าตัวเองจะตายไหม!ถ้าไม่ใช่เพราะเขาถูกสกัดจุด เขาคงเขาไปคว้ามือฟู่จาวหนิงแล้ว เขย่าๆ ให้นางรีบรักษาให้กับตนเอง"พระชายาอ๋องเจวี้ยน เขาติดโรคนั้นแล้วจริงหรือ?"คนที่ล้อมดูอยู่รอบๆ ถามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ฟู่จาวหนิงมองชายคนนี้ จากนั้นก็มองไปทางลูกค้าที่จ้อ
ชายคนนั้นเองก็ถลึงตาโตมองฟู่จาวหนิงด้วยแน่นอนว่าเขาเองก็ได้ยินชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะมีวันหนึ่งได้มานั่งอยู่ตรงหน้าฟู่จาวหนิงใกล้ๆ แบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังจับชีพจรให้ตนเองอีกด้วยนอกจากนี้ สีหน้าของฟู่จาวหนิงก็เคร่งขรึม แต่ไม่ใช่ความรังเกียจหรือหวาดกลัวแบบที่คนอื่นเห็นเขา ไม่มีความไม่สงบไม่มีความกลัวลนลานเอาแค่จุดนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงมีชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริงๆปากของเขาขยับ อยากจะพูดอะไร ต่อให้หมอเทวดาหลี่มาดูอาการให้เขา หมอเทวดาหลี่ตอนนี้ก็น่าจะสีหน้าไม่สู้ดีนักใครจะไม่รังเกียจเขาบ้าง"คลายจุดใบ้ของเขาเสีย" ฟู่จาวหนิงบอกกับสืออีสืออีไม่ลังเล หนึ่งนิ้วกดหนึ่งการเคลื่อนไหว จัดการคลายจุดใบ้ของชายหนุ่มคนนี้ทันทีไม่รอให้ชายคนนี้เอ่ยปาก ฟู่จาวหนิงก็พูดขึ้นว่า "ในเมื่อเจ้ามาที่นี่เพื่อยา เช่นนั้นก็หมายความว่าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ อยากจะรักษาโรคใช่ไหม?"ชายหนุ่มออกแรงพยักหน้าทันทีนี่ก็แน่นอนอยู่แล้ว ถ้ามีชีวิตต่อได้ใครจะอยากตายกัน? ถ้ารักษาโรคได้ ใครจะไม่อยากรักษา?"ในเมื่ออยากจะรักษาโรค เช่นนั้นก็ห้ามอาละวาดอีก ถ้าถามอะไรเจ้าก็ตอบม