"ไม่กลัว"ฟู่จิ้นเชินเองก็ไม่ได้รู้สึกเสียหน้าอะไรที่นางซึ่งเป็นลูกสาวถามเช่นนี้กับตนเองเขาแค่มองคำถามที่ว่ากลัวหรือไม่ของฟู่จาวหนิงเป็นความกังวลและการทดสอบที่มีต่อเขาเท่านั้น"ข้าคิดว่า เจ้าคงอยากจะดูว่าพวกเราจะกลัวไหม แล้วค่อยมาปรับการเคลื่อนไหวของเจ้าสินะ?" ฟู่จิ้นเชินย้อนถามนางไปคำหนึ่งตอนที่ฟู่จาวหนิงยังไม่ทันตอบกลับ ฟู่จิ้นเชินก็มองนางอย่างจริงใจ เอ่ยขึ้นว่า "จาวหนิง อันที่จริงทำแบบนี้ก็ได้ เจ้าต้องการให้พ่อร่วมมืออะไรก็บอกพ่อได้เลย พ่อจะทำตามวิธีของเจ้า อย่างนี้ดีไหม?"เขาที่เป็นพ่อคนหนึ่ง สามารถทำตามการชี้แนะของนางได้ทุกอย่างนางต้องการให้เขาทำอะไร พูดอะไร เขาก็จะทำตามอย่างไม่มีข้อความเห็นอื่นเสิ่นเชี่ยวเองก็พยักหน้าด้วย "ข้าเองก็ทำได้ พวกเราฟังเจ้า"ฟู่จาวเฟยมองพ่อกับแม่ เอ่ยขึ้นมาทันทีเช่นกัน "ท่านพี่ ข้าเองก็ฟังท่าน!"ผู้เฒ่าฟู่เองก็เขยิบเข้าไปอยู่ข้างๆ พวกเขาด้วยสัญชาตญาณ มองฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีทำอย่างกับนางกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น"ข้าไม่อยากเป็นหัวหน้าครอบครัวหรอกนะ ลำบากจะตายไป" นางบ่นขึ้นมาคำหนึ่งฟู่จิ้
เพราะพวกเขามีคุณความดีต่อองค์จักรพรรดิ ตอนนั้นองค์จักรพรรดิจึงเริ่มให้ความสำคัญกับฟู่จิ้นเชิน บวกกับฟู่จิ้นเชินเองก็มีชื่อเสียงไปทั้งเมืองหลวง มากล้นความสามารถ ทุกวันในโถงศึกษา ร้านน้ำชา เหล่านักปราชญ์ผู้ศึกษาเหล่านั้น ต่างก็ท่องบทกลอนงานประพันธ์ของฟู่จิ้นเชินเป็นส่วนใหญ่ต่างพูดกันว่าฟู่จิ้นเชินเป็นดวงดาวประทานปัญญาความสามารถวรรณกรรมที่จุติลงมาบนโลกในอนาคตต้องได้เป็นจอหงวนอย่างแน่นอนความสามารถของจอหงวน บวกกับคุณความดีต่อองค์จักรพรรดิ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังรู้สึกว่าฟู่จิ้นเชินหน้าตาที่หาได้ยากยิ่งอีกด้วยสรุปก็คือ จวนชินอ๋องเซียวรู้สึกว่าฟู่จิ้นเชินมีเส้นทางในอนาคตที่รุ่งโรจน์ด้วยความสามารถของเขาถ้าพยายามให้ดี พอลูกๆ ถึงอายุที่สามารถแต่งงานได้ ตระกูลฟู่ก็น่าจะกลายเป็นตระกูลใหญ่ทรงอิทธิพลในเมืองหลวงไปแล้วเขามีสายตาที่ดี จึงตีตราจองไว้ก่อนดังนั้น ชินอ๋องเซียวจึงเอ่ยปากออกมาเองหลายครั้ง ถ้าหากเด็กในท้องนางเป็นหญิง ก็ให้มาหมั้นหมายกับรัฐทายาทน้อยของบ้านเขาไว้เลยองค์จักรพรรดิเองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ฟู่จิ้นเชินที่เพ่ิงมา พอเห็นรัฐทายาทน้อยที่ตอนนั้นยังเด็กมากดูน่ารักน่าชัง ถ้า
องค์จักรพรรดิคิดจะยืมปากของเหล่าผู้คุมมาบอกเซียวหลันยวน ว่าเขาจะยืนอยู่ฝั่งฟู่จิ้นเชิน ดังนั้นเซียวหลันยวนถ้าหากคิดจะแก้แค้นเรื่องวางยาพิษในครั้งนั้น ก็เกรงว่าคงไม่ง่ายนักถ้าหากเซียวหลันยวนจะชำระคแ้นกับสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินให้ได้ เช่นนั้นฟู่จาวหนิงตอนนั้นก็อาจจะถูกผลักออกไปถึงอย่างไร เซียวหลันยวนเจ้าก็ต้องคิดให้ดีดีองค์จักรพรรดิรู้สึกว่า เซียวหลันยวนตอนนี้คงจะกำลังลำบากใจ ในใจคงกระวนกระวายหงุดหงิดมากเช่นนี้คือถูกแล้ว!เขาไม่อยากให้เซียวหลันยวนอยู่อย่างสุขสบายนักเหล่าผู้คุมเองก็ยังสนทนาต่ออย่างเบิกบาน "ได้ยินว่าบ้านตระกูลฟู่ตอนนี้กำลังกินมื้อครอบครัวกันอยู่ด้วย มีความสุขกันทั้งบ้าน พูดคุยสนุกสนานถูกคอกันน่าดู"พอมามองคุกใหญ่นี้ มืดทึมอับชื้น โดนเดี่ยวเดียวดาย อ๋องเจวี้ยนยังหิวจนท้องกิ่วเลย พอเทียบกันแล้ว จะรู้สึกว่าตนเองน่าเวทนาไหมนะ จะรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงทอดทิ้งเขาอย่างโหดร้ายหรือเปล่า?วันนี้จนป่านนี้ที่ยังไม่ส่งข้าวให้อ๋องเจวี้ยน ก็คือเจตนาของพวกเขาเช่นกันให้อ๋องเจวี้ยนท้องกิ่วแล้วได้ยินเรื่องพวกนี้"อาหารครอบครัวของพวกเขาได้ยินว่าหมูเห็ดเป็ดไก่มีครบ คนใช้ตระกูลฟู่ออกไป
ใช้ชามใบโตหลังจากพวกเขาเข้ามาก็พูดกับเขาสองสามคำ จากนั้นก็เถียงกันขึ้นมา"ข้าบอกแล้วว่าที่บ้านข้ามีเรื่องข้าต้องกลับก่อน แต่เจ้าก็ยังให้ข้ามาด้วย เรื่องแค่นี้เจ้าทำคนเดียวไม่ได้หรือไรกัน?""ได้อย่างไรเล่า? เมื่อวานนี้เจ้าก็แอบหนีกลับก่อนนี่ พวกเราเข้าเวรด้วยกัน แล้วทำไมข้าต้องทำคนเดียวด้วย?"ผู้คุมสองคนทะเลาะกันไปสองคำ หนึ่งในนั้นก็ชนกระแทกผู้คุมที่ถือน้ำแกง"เจ้าจะทำอะไรน่ะ?"ผู้คุมคนนั้นพอถูกกระแทก น้ำแกงในมือก็สาดออกมา รดลงไปบนเตาดังพรึบพอดิบพอดีควันขโมงขึ้นมาทันที"อ๋องเจวี้ยนโปรดให้อภัยด้วย! ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจ! หลี่ซื่อมันมาชนข้า!" ผู้คุมคนนั้นรีบขอขมา"จางซานเจ้าพอแล้ว เห็นๆ อยู่ว่าตัวเองไม่ถือน้ำแกงให้ดี""เจ้าชนข้าแล้วมาโทษข้าหรือ?"จางซานขว้างชามลงพื้น พุ่งเข้าไปหาหลี่ซื่อ หลี่ซื่อถอยออกไปสองสามก้าว หลังกระแทกเข้ากับลูกกรง จางซานทำท่าจะคว้าตัวเขา แต่รูปร่างเขาเตี้ย หลบมือของจางซานไปได้จางซานขว้าเข้าไปที่ม่าน ดึงเสียงดังแคว่กเผ่าม่านที่แขวนบังลมบังสายตาเอาไว ถูกเขากระชากลงมาแล้ว"เช้ากล้าลงมือที่นี่หรือ?"หลี่ซื่อถอยออกไปหลายก้าว หยิบเชิงเทียนบนโต๊ะขึ้นมา ข
เซียวหลันยวนเห็นว่าห้องขังตรงข้ามมีคนถูกโยนเข้ามาคนหนึ่งชายหนุ่มที่เสื้อผ้าขาดวิ่น ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใบหน้าสกปรกมอมแมมคนผู้นี้ร่างผอมโซ ตอนถูกผลักเข้ามาเท้าดูอ่อนแรงมาก เดินยังไม่ถึงสองเก้าก็ล้มลงกับพื้น แล้วจึงคลานไปอยู่บนกองฟาง จากนั้นก็นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ"นั่นคือใครน่ะ?" เซียวหลันยวนถามผู้คุมผู้คุมหลังจากส่งคนเข้ามาก็ลงดาลประตู ถอยห่างออกไปหลายก้าว หมุนตัวเดินออกไปพอได้ยินเซียวหลันยวนถามขึ้นมา พวกเขาสบตากันผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตอบกลับส่งๆ ตามที่หัวหน้าคุกกำชับมา"นักโทษประหาร"หลังจากตอบกลับพวกเขาก็คิดจะรีบเดินออกไป แต่เซียวหลันยวนก็ร้องเรียกพวกเขาอีกครั้ง"โทษอะไร?"ผู้คุมตอบกลับแบบขอไปที "เรื่องนี้พวกเราก็ไม่แน่ใจ""ส่งนักโทษเข้ามาในห้องขัง ไม่ใช่ว่าต้องอธิบายสถานการณ์อย่างชัดเจนแล้วหรือ? ไม่ชัดเจนแต่พวกเจ้าก็ยังรับเข้ามา?""หัวหน้าพวกเราน่าจะรู้ ยังไม่ได้กำชับกับพวกข้า""อย่างนั้นหรือ?"เซียวหลันยวนไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัดอันที่จริงในใจผู้คุมก็ลนลานขึ้นมาเหมือนกันองค์จักรพรรดิแม้จะมารับมือกับอ๋องเจวี้ยน แต่จะมาทำลายเขาอย่างเปิดเผยแบบนี้ไม่ได้สิ มันต้อง
"คนละชาม ดื่มเสีย""หัวหน้า นี่คืออะไร?" ดมไปพักหนึ่งก็มีกลิ่นชวนขยะแขยงขึ้นมาเลย"ยา ดีกับพวกเจ้านะ รีบดื่มลงไปเสีย"พวกเขาทำงานในคุกมานาน อันที่จริงก็ค่อนข้างใส่ใจอยู่ อย่างตอนที่หัวหน้าเคยได้ตำรับยาดีดีมา แล้วนำวัตถุดิบยาในตำรับยานั่นไปต้มเป็นยา จากนั้นคอยดื่มเป็นระยะๆ ก็สามารถขจัดความชื้นและหนาวเย็นออกจากร่างกายไปได้ทุกครั้งที่ดื่มหมดเขาก็รู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้นมาพอควรตอนนี้ที่เอายาน้ำนี้ออกมาให้ เพราะเห็นว่าผู้คุมเหล่านี้ติดตามตนเองมาโดยตลอด ปกติแล้วก็เชื่อฟังดี ถ้าหากเปลี่ยนคนใหม่ไปก็เกรงว่าจะดูแลยาก ดังนั้นเขาจึงเอาใจใส่พวกเขาเป็นพิเศษนักโทษคนนั้นใครจะรู้ว่าติดโรคอะไรมา? ถึงอย่างไรก็สัมผัสไปแล้ว ดื่มยาน้ำป้องกันไว้ก่อนก็ไม่ได้ผิดอะไรผู้คุมสองคนจึงทำได้แค่บีบจมูก แล้วกรอกยาน้ำชามนั้นลงไปแทบจะสำรอกออกมา"ตอนกลางคืนก็ออกไปพัดลมด้วย" หัวหน้าคุกกดเสียงต่ำเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง"ยังต้องพัดอีกหรือ?""คืนนี้หิมะจะตกหนัก อากาศจะเย็นขึ้นอีก ตอนนี้ก็แทบจะแช่มือข้าเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว ในห้องขังถ้ามีลมพัดเข้ามาอีก นั่นมันเอาชีวิตคนได้เลยนะ""คืนนี้ พัดที่ห้องนั้น พัดกลิ่นบนตัวนัก
ในห้องขังหนาวมากการกระทำเล็กน้อยๆ ที่พวกเขาทำในวันนี้ เซียวหลันยวนมองออกอยู่แล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยเดิมทีคิดจะดูว่าพวกเขามีอะไรตามมาอีก หรือแค่คิดจะให้เขาหนาวตายเท่านั้น ตอนนี้ดูแล้ว บางทีนักโทษที่ยัดเข้ามาอย่างประหลาดคนนั้นน่าจะมีปัญหาพอได้กลิ่นเหม็นที่เหมือนมีเหมือนไม่มีนั่น เซียวหลันยวนก็ล้วงเอาขวดยาเล็กสอบใบในอกออกมา เทออกมาขวดละเม็ด กินลงไปเม็ดหนึ่งคือยาแก้พิษ อีกเม็ดหนึ่งคือยารักษาความอบอุ่นยาแก้พิษนี้ เป็นเพราะเขาค่อนข้างระมัดระวัง เตรียมตัวให้พร้อมล่วงหน้าส่วนยารักษาความอบอุ่น ต้องขอบคุณฟู่จาวหนิงนักสกัดยาตัวน้อยร่างกายอุ่นขึ้นมาทันที ทำให้เซียวหลันยวนยิ่งนับถือฟู่จาวหนิงขึ้นไปอีก และคิดถึงนางมากไม่รู้นางตอนนี้หลับไปแล้วหรือยัง หรือว่ายังสนทนากับฟู่จิ้นเชินอยู่นี่ล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้นผู้คุมเข้ามาใส่ร้ายป้ายสีต่อหน้าเขาว่าฟู่จาวหนิงจะทิ้งเขาไปแล้ว สนใจแต่กับพ่อแม่แท้ๆ คิดว่าจะทำให้ความรักฉันท์สามีภรรยาของพวกเขาต้องแตกแยก ทำลายความเชื่อใจของพวกเขาได้ช่างน่าขันก่อนหน้านี้พวกเขาคาดเดาไว้แล้ว หลังจากสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกลับถึงเมืองหลวงแล้วจะเกิดเรื
ผู้คุมไม่กล้าเข้าไป กระทั่งยังใช้มือบีบจมูกไว้ ส่วนมืออีกข้างก็โยนหมั่นโถวเข้าไปในห้องขัง"นี่ กินข้าวเช้าซะ!"พอคุยกับนักโทษคนนั้น น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ หยาบคายขึ้นมากแต่นักโทษคนนั้นก็ไม่ขยับเขยื้อน"ได้ยินหรือยัง? เรียกเจ้าให้มากินข้าวเช้าน่ะ!" ผู้คุมตะโกนเสียงดังไปอีกคำหนึ่งคนคนนั้นยังคงไม่ขยับเขยื้อน กระทั่งเสียงครางก็ยังไม่มีผุคุมหันหน้ามองไปทางหัวหน้าคุก ใช้สายตาสอบถามเขา: หัวหน้า เอาอย่างไรดี?หัวหน้าคุกคิดจะบอกว่า จะกินก็กินไม่กินก็เรื่องของเขานักโทษเหล่านี้พวกเขาไม่มีทางไปปรนนิบัติแต่นักโทษคนนี้นั้นต่างออกไป เขาจึงขมวดคิ้ว "ปลุกเขาขึ้นมา"แม้จะบอกว่าให้ปลุกเขาขึ้นมา แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าไป จึงหยิบกระบอกท่อนหนึ่งยื่นเขาไปแหย่ๆ นักโทษคนนั้นแหย่ไปทีแรก ไม่ขยับแหย่อีกที ก็ยังไม่ขยับผู้คุมรู้สึกว่าผิดปกติแล้ว จึงออกแรงกระทุ้ง "ถ้ายังไม่ลุกอีกข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ!"เขาออกแรงพอควร แทงไปเช่นนี้ ถ้าเป็นปกติต้องร้องเจ็บแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ต้องมีปฏิกิริยาพลิกตัวหลบบ้าง แต่นักโทษคนนี้ยังคงไม่ขยับขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าความรู้สึกที่แทงลงไปนี่ผิดปกติ"ห
หญิงสาวคนนี้เป็นใคร? ดูไม่เหมือนฟู่หลินซื่อเลย จากที่รู้มา ฟู่หลินซื่อนั้นงดงามมาก"นายท่านเข้าใจผิดแล้วกระมัง? บ้านพวกเราไม่มีคนที่ชื่อเฮ่อเหลียนเฟยนะ"เซี่ยซื่อสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ไม่ได้ตึงเครียดลนลานเลยแม้แต่น้อยเก๋อมู๋กวงขึ้นหน้ามาสองก้าว พิจารณานางสองรอบ "เจ้าเป็นใคร?""นายท่าน ข้าสกุลเซี่ยน เป็นพี่สาวบุญธรรมของฮูหยินฟู่"เซี่ยซื่อกับอันห่าวพักอยู่ในตระกูลฟู่มาระยะหนึ่งแล้ว เสิ่นเชี่ยวหลังจากรู้เรื่องพวกนางแม่ลูก เพื่อให้นางอยู่ได้อย่างสบายใจ จึงยอมรับนางเป็นพี่สาวบุญธรรม เรียกกันแบบพี่น้องเดิมทีก่อหน้านี้เซี่ยซื่อเป็นพี่สะใภ้รองของนาง พวกนางเองก็เข้ากันได้ดีที่สุดตอนนี้พอมาเป็นพี่น้อง จึงยิ่งใกล้ชิดขึ้นไปอีกอันห่าวเองก็เรียกนางว่าน้าเล็กเช่นนี้ฟู่จาวหนิงพอเรียกเซี่ยซื่อว่าน้าเซี่ย จึงยิ่งดูสนิทสนมความคิดนี้ทำให้เซี่ยซื่อซาบซึ้งมาก นางตอนนี้เองก็มองตนเองเป็นคนในบ้านตระกูลฟู่ไปแล้ว ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ ตอนที่คนอื่นในบ้านไม่อยู่ จึงเป็นนางที่ออกมารับมือกับคนนอก"ฮูหยินฟู่?"เก๋อมู่กวงหลังจากตั้งตัวได้สีหน้าก็เย็นชาลง "ลูกชายของนางก็คือเฮ่อเหลียนเฟย! เรียกเขาออ
เก๋อมู่กวงคิดไว้ดิบดีเขานำราชองครักษ์ตรงไปยังบ้านตระกูลฟู่อย่างอาจหาญ ตามทางก็มีสายตาไม่น้อยที่ให้ความสนใจเหล่าประชาชนทยอยกันเลี่ยงออก สายตาตกตะลึง"นี่มันเกิดอะไรขึ้น?""คงไม่ได้ไปค้นบ้านใครหรอกใช่ไหม?""เช่นนั้นก็ตามไปดูดีไหม?"และมีคนไม่น้อยที่ชอบชมมหรสพ พวกที่อยากรู้เรื่องชาวบ้าน จึงทยอยกันตามมาด้านหลัง แค่ไม่นานก็มาถึงบ้านตระกูลฟู่ประชาชนบนถนนเส้นที่บ้านตระกูลฟู่อยู่พอได้ยินเสียงก็ออกมาดูกัน"นี่มาบ้านตระกูลฟู่หรือ?""ไม่หรอกกระมัง? ตอนนี้ยังมีคนกล้าหาเรื่องบ้านตระกูลฟู่อีกหรือ?"ยังมีคนรู้สึกไม่น่าเชื่อ เรื่องที่ฟู่จาวหนิงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรื่องนึง แต่ที่สำคัญที่สุดคือนางตอนนี้เข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่แล้ว กลายเป็นหมอเทวดาแล้วพวกเขาที่เป็นเพื่อนบ้านยังรู้สึกมีเกียรติไปด้วยนางเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน เพื่อนบ้านเหล่านี้ก็รู้สึกเหินห่างแล้ว รู้สึกว่านงสูงส่ง เป็นคนที่พวกเขาไม่อาจสัมผัสได้เหมือนอยู่บนก้อนเมฆอย่างไรอย่างนั้นกระทั่งคนในบ้านตระกูลฟู่ พวกเขายังรู้สึกว่าอยู่กันคนละโลกกับตนเองแต่ตั้งแต่ที่รู้ว่าฟู่จาวหนิงเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ เพื่อนบ้านเหล่านี้ก็มีไมต
"องค์จักรพรรดิเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด อ๋องเจวี้ยนยังไม่กล้าที่จะขัดพระราชโองการ แล้วแค่พระชายาคนเดียว?" เก๋อมู่กวงพอหันมาจริงจัง ก็พูดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่นองค์จักรพรรดิได้ยินคำนี้ ก็รู้สึกว่ารื่นหูดี เขาฟังแล้วเบิกบานแต่เบิกบานก็ส่วนเบิกบาน ความจริงมันไม่ใช่เช่นนั้น!"อ๋องเจวี้ยนเป็นน้องชายแท้ๆ ของข้า นับตั้งแต่กิดมาก็สุขภาพอ่อนแอป่วยหนัก แล้วยังมาโดนพิษอีก ตอนนั้นข้าลั่นคำสาบานต่อหน้าเสด็จพ่อไว้ ว่าจะดูแลเขาให้ดี"กตัญญูรู้คุณ มีน้ำใจ เป็นพี่ชายที่ดี เหล่านี้คือชื่อเสียงที่เขาต้องการ แน่นอน การลั่นคำสาบานที่รุถแรงไว้จึงเป็นจุดสำคัญองค์จักรพรรดิจะมากน้อยก็ยังกลัวจดนี้ ไม่เช่นนั้นหลายปีนี้ทำไมเขาถึงไม่กล้าลงมือจัดการกับอ๋องเจวี้ยนอย่างโจ่งแจ้งล่ะ?ยังมีอีกเรื่องหนึ่งคือ เพราะองค์รักษ์เงามังกรอยู่ในมืออ๋องเจวี้ยน ตอนนี้องครักษ์เงามังกรคุ้มครองอ๋องเจวี้ยนอยู่ ถ้าหากเรื่องราวใหญ่โตขึ้นจริงจนองครักษ์เงามังกรหันกลับมาเล่นงานองค์จักรพรรดิอย่างเขา เช่นนั้นเขาคงจะกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งใต้หล้าแน่องครักษ์เงามังกรจงรักภักดีมาตลอด ถ้าหากหันมารับมือกับองค์จักรพรรดิเข้า ยังไม่ต้องพูดเรื่องกล
"องค์จักรพรรดิ ถึงไม้พวกเรายังไม่ได้ตรวจสอบชัดเจน แต่ก็มีเบาะแสบ้างแล้ว คนเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับลัทธิเทพทำลายล้าง แต่ว่าพวกเขาไม่ใช่สาวกลัทธิเทพทำลายล้าง เหมือนจะร่วมมือกับลัทธิเทพทำลายล้างเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายร่วมกัน เพียงแต่พวกเรายังไม่ได้สืบอย่างละเอียดว่ามีเป้าหมายอะไรกันแน่"เก๋อมู่กวงตอนนี้จึงเพิ่งพูดจุดสำคัญ "แต่ว่า!""ตกใจหมด!" องค์จักรพรรดิถูกเสียงสูงกะทันหันของเขาทำเอาสะดุ้งนี่กลับมาจากเมืองชายแดนมีแต่พวกหยาบกร้าน ไม่ได้มีมารยาทเลยสักนิด ทำอะไรของเจ้ากัน? พูดจาก็ให้มันดีดีหน่อย"องค์จักรพรรดิ แต่ว่าระหว่างทางที่ข้าน้อยกลับเมืองหลวงได้เจอกับผู้ช่วยที่เก่งกาจของราชาเฮ่อเหลียนคนหนึ่ง ชื่อว่าโป๋จี ยิ่งไปกว่านั้น ข้าน้อยยังจับกุมเขาไว้แล้ว! ด้วยเหตุนี้ทำให้แปดคนที่ข้าพาไปด้วยตายกันหมด...."พอถึงประโยคนี้ เก๋อมู่กวงก็ชะงักไปเรื่องนี้พูดไปดูจะไม่ค่อยมีเกียรติเท่าไร แต่โป๋จีก็ร้ายกาจจริงๆ เขาผลักผู้ใต้บัญชาแปดคนเข้าไปหาอีกฝ่าย ต่อสู้แบบไม่พัก จนโป๋จีหมดแรง ตนเองจึงขึ้นไปแต่ว่า เขาเองก็ร้ายกาจมาก คนทั่วไปใครจะจับโป๋จีเป็นๆ ได้ แล้วยังคุมตัวกลับเมืองหลวงได้อีก"โอ๋?
เขาไม่ได้พบจักรพรรดิมาสามปีแล้ว ครั้งนี้พอเห็นองค์จักรพรรดิ ก็รู้สึกว่าเหมือนจะแก่ลงไปสิบปี ยิ่งไปกว่านั้นยังอวบอ้วนขึ้นเป็นลูกหมั่นโถวอีก ไม่ปกติเสียเลยแต่ในวังมีหมอหลวงนี่ การกินดื่มขององค์จักรพรรดิต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่มีทางมีปัญหาแน่นอนขณะที่กำลังตกตะลึงเขาก็ได้ยินเสียงย้อนถามอย่างขุ่นเคืองขององค์จักรพรรดิ พอสะดุ้งเฮือก ก็รีบตั้งสติกลับมา"องค์จักรพรรดิ ข้าน้อยมีเรื่องการทหารกลับมารายงานพะย่ะค่ะ!""ไม่ใช่ว่าเขียนหนังสือราชการมาตลอดหรอกหรือ" ยังต้องมาด้วยตัวเองอีก?การมาด้วยตัวเอง ความรู้สึกนี้เหมือนกับจะบีบให้เขาต้องจัดการ องค์จักรพรรดิค่อนข้างไม่ชอบความรู้สึกนี้เก๋อมู่กวงในใจอดบ่นขึ้นมาไม่ได้เพราะรายงานด่วน ส่งหนังสือราชการมาตลอดนี่ไง อย่างน้อยก็ควรจะมีการตอบกลับบ้างไหม? นี่แต่ละครั้งส่งเข้ามาก็เหมือนวัวดินจมก้นทะเล ไม่มีการตอบกลับอะไรเลย แล้วจะให้พวกเขาทำอย่างไร?เพราะแบบนี้ ขุนพลถึงได้ส่งเขามานี่ไง?แต่เก๋อมู่กวงก็ไม่กล้าสงสัยต่อตัวฝ่าบาท เพียงแค่หยิบจดหมายออกมา ประเคนให้ด้วยมือทั้งสอง"รายงานองค์จักรพรรดิ สถานการณ์เมืองหูทางนั้นไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ไม่อาจรอได้แ
จูบนี้ทำให้เซียวหลันยวนใจยวบลงมา"วางใจเถอะ ข้าไม่ให้ตัวเองเกิดเรื่องหรอก"เพื่อให้หลังจากนี้สามารถอยู่กับนางได้นานๆ เขาเองก็จะหวงแหนชีวิตด้วยถ้าเขาตายไป หลังจากนี้นางก็จะมีคนอื่นน่ะสิ แค่เขาคิดว่านางต้องไปอยู่ในอ้อมกอดคนอื่น ใจเขาก็เหมือนถูกโยนเข้าไปในทอดในกะทะแล้วไม่ได้เด็ดขาด"ข้าเองก็จะระวังด้วย" ฟู่จาวหนิงตอบริมฝีปากเซียวหลันยวนประกบลงมาหลังผ่านไปเนิ่นนาน ด้านนอกก็มีเสียงชิงอีดังขึ้น"อะแฮ่ม ท่านอ๋อง พระชายา ผู้ตรวจการอันถามว่าจะออกเดินทางได้หรือยัง?"เซียวหลันยวนปล่อยตัวฟู่จาวหนิง หยิบหน้ากากขึ้นมาสวม"ครึ่งเดือนนะ"เขาเน้นมาอีกรอบ"ได้" ฟู่จาวหนิงริมฝีปากแดงระเรื่อ พอได้ยินเขากังวลว่าตนเองจะไม่กลับมาตามเวลา จึงหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "ถ้าข้าไม่กลับมาท่านก็ไปจับข้าสิ"อืม ถ้าหากนางกลับมาตรงเวลาไม่ได้ เขาคงจะมาจับตัวไปจริงๆจะอาลัยอาวรณ์แค่ไหน ก็ต้องแยกกันแล้วเซียวหลันยวนขี่ม้า มองขบวนที่ค่อยๆ ห่างออกไป จนกระทั่งลับสายตา เขาจึงหันหัวม้ากลับ "กลับเมือง"พอฟู่จาวหนิงไป ความรู้สึกตอนเข้าเมืองหลวงก็เหมือนเมืองว่างเปล่าไปเสียอย่างนั้น"เอาจดหมายนั่นไปแช่น้ำเสย ให้อักษร
"อักษรเฮ่อเหลียนหรือ?"แย่ล่ะ นางอ่านไม่ออกเซียวหลันยวนเองก็มองจดหมายด้วย"ไม่มีชื่อเรียก" เขาพูดขึ้นคำหนึ่ง กวาดตาอ่านจดหมาย จากนั้นจึงยื่นให้กับฟู่จิ้นเชิน"ลองดูว่าอ่านออกไหม"ฟู่จิ้นเชินเรียนภาษาเฮ่อเหลียนมายังไม่นานมากนัก อ่านจดหมายนี้ออกไม่ถึงครึ่ง อ่านไม่ออกทั้งหมดแต่เขาก็ยังอ่านอย่างละเอียด จากนั้นจึงมองเซียวหลันยวน"ท่านน่าจะอ่านออกไหม?"ฟู่จาวหนิงเองก็มองเซียวหลันยวนสองพ่อลูกมองเขาแบบนี้ สีหน้าเองก็ยังคล้ายกัน"จดหมายนี้ ไม่ได้เขียนให้กับเสี่ยวเฟย" คำพูดของเซียวหลันยวนทำให้ฟู่จิ้นเชินถอนใจโล่ง"เช่นนั้นเรื่องก็ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวเฟยแล้วสิ พวกเขาคิดจะลากเสี่ยวเฟยลงน้ำ ทำเรื่องให้ยุ่งยาก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วมาคลำจับปลาในน้ำขุ่น"เซียวหลันยวนพยักหน้า "บนจดหมายบอกว่า สัญญาที่สามแคว้นลงนามร่วมกันในครั้งนั้น ตอนนี้มีสองฝ่ายทรยศขึ้นแล้ว แคว้นเจาถ้าหากยังไม่มีการเคลื่อนไหว ก็จะเท่ากับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ชะตากรรมแคว้นเจาเองก็ใกล้จะหมด แต่ถ้าหากสามารถแย่งโอกาสในเรื่องนี้ได้ ก็น่าจะสามารถทำให้โชคชะตาขยายขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แคว้นพันธมิตรทั้งสองนั่นใกล้จะหาของพบแล้ว แ
เซียวหลันยวนโอบไหล่ฟู่จาวหนิงไว้ จับนางหมุนตัว อุ้มนางกลับไปบนรถม้า"เป็นของสกปรกที่เจ้ามองแล้วเสียสายตาน่ะ ไปเถอะ ได้จดหมายมาแล้ว กลับรถม้าไปดูว่ามันคืออะไร"เซียวหลันยวนพานางกลับไปรถม้าด้านหน้าสายตาของฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียนเก็บกลับมาจากแผ่นหลังพวกเขา"ใต้เท้าอันที่รวดเร็วดีจริง" ฟู่จิ้นเชินมองๆ อันเหนียน"คุณชายฟู่เองก็ด้วย" อันเหนียนเอ่ยขึ้นฟู่จิ้นเชินอยากบอกว่า ว่านั่นเป็นลูกสาวของข้า ที่ข้าเครียดก็เป็นเรื่องปกติ แต่ใต้เท้าอันท่าน...อันเหนียนมองไปทางชิงอี "นี่ต้องไปหาเสื้อผ้ามาให้เจ้าคนนี้ใส่ด้วยใช่ไหม?"คนผู้นี้ยังตายไม่ได้ แต่คงจะห่อพรมแล้วหิ้วไปแบบนี้ก็ไม่ได้กระมัง?"ข้าจะไปเอามาเดี๋ยวนี้" ชิงอีเอ่ยขึ้นชิงอีไปหาเสื้อผ้ามา สวมเข้าไปบนตัวโป๋จีอย่างหยาบคาย ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งเขาต้องมาแต่งตัวให้กับผู้ชายไม่น่ามองแบบนี้ชิงอีปวดใจ ชิงอีไม่กล้าพูดฟู่จาวหนิงกลับขึ้นไปบนรถม้าตนเองอีกรอบ เห็นเซียวหลันยวนตามขึ้นมาก็เอาม่านรถลงมาบังไว้มิดชิด จากนั้นจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้น"ท่านฉีกเสื้อผ้าของโป๋จีนั่นออกหรือ?"เดิมทีเซียวหลันยวนไม่คิดว่าเรื่องนี้ตนเองทำอะไรประหลาด หลังจากที่ฟ
เขากดลงไปบนแผลเป็นนั่น จากนั้นก็หยิบมีดเข้ามา "ชิงอี เตรียมยาห้ามเลือด""่ขอรับ""ท่านจะไม่เอาคนไปกรีดด้านนอกหรือ?" ฟู่จิ้นเชินมองเขาอย่างพูดไม่ออกไม่หรอกกระมัง คิดจะผ่าแผลเป็นนี้ในรถม้าเลยหรือ?อย่างน้อยก็พิจารณาหน่อยสิว่าเขาต้องอยู่ในรถม้าอีกหลายวันนะเซียวหลันยวนชะงักไป จัดการเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นบนตัวโป๋จี "หยุดรถ"รถม้าหยุดลง เขาหิ้วตัวคนออกมา จากนั้นก็โยนลงบนหิมะ เดินเข้าไปเตรียมมีด"ซี๊ด ท่านอ๋อง ท่านคิดจะทำอะไรกับเขา?"รถม้าของอันเหนียนอยู่ด้านหลัง พอรถม้าข้างหน้าหยุดพวกเขาก็ต้องหยุดลงมา ผลคืออันเหนียนพอเลิกม่านรถออกก็เห็นการเคลื่อนไหวของเซียวหลันยวนเขาเหลือบไปมองดูโป๋จีบนพื้นผาดหนึ่ง แทบจะต้องล้างตาเลยทีเดียวอ๋องเจวี้ยนตัดชุดบนตัวเขาออกหมดแล้ว!เซียวหลันยวนเหลือบตามอง "เจ้าจัดกลุ่มคำเสียใหม่นะ"ประโยคนี้เรียนมาจากจาวหนิง เขารู้สึกว่าน่าเกรงขามดีแล้วก็ตามคาด พอได้ยินเสียงเขา อันเหนียนก็เปลี่ยนคำใหม่ "ค้นเจออะไรหรือยัง?"เซียวหลันยวนไม่ตอบเขา ถือมีดไปกรีดแผลเป็นนั้นบนแขนโป๋จีเลือดไหลออกมาอันเหนียนลงจากรถม้า ยืนมองอยู่ข้างๆหรือว่าจะซ่อนจดหมายไว้ใต้แผลเป็นหรือ