"ไม่มี ก็แค่ออกไปไม่ได้เท่านั้น มีคนคอยจับตาดูข้าตลอด อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร ถึงไม่ออกไปก็ไม่เป็นไร ข้าก็อยู่เป็นเพื่อนท่านปู่พอดี"ฟู่จาวเฟยหัวเราะเบาๆ ไปทางฟู่จาวหนิงพี่สาวเพิ่งจะกลับมา อย่าทำให้อารมณ์นางไม่ดีอันที่จริง ใครจะมาชอบให้คนอื่นคอยจับตาเวลาออกไปข้างนอกกัน? อย่างกับถูกกักบริเวณวันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาก้าวออกจากบ้านในช่วงครึ่งปีเลยนะแล้วยังเพราะเซียวหลันยวนส่งคนไปรับมาด้วย คนที่คอยจับจ้องเขาก็ไม่กล้าเข้าขวาง"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว""จาวหนิง เจ้า ก่อนหน้านี้เจ้าเขียนจดหมายว่า ได้ข่าวพ่อแม่ของเจ้าแล้ว นี่เรื่องจริงหรือ?" ผู้เฒ่าฟู่ทนจนถึงตอนนี้ก็ทนไม่ไหวแล้วสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของเขาจ้องมองฟู่จาวหนิง อยากจะฟังข่าวคราวของฟู่จิ้นเชินจากปากนางเองฟู่จาวเฟยเองก็มองนาง"ท่านพี่บอกว่าพวกเขาไม่ได้จงใจทิ้งข้า นี่มันเกิดอะไรขึ้น?" เสียงของเขาสั่นพร่าเล็กน้อยฟู่จาวหนิงไม่ให้เขากระวนกระวายใจนานนัก พยักหน้าให้"ใช่แล้ว ข้าพบกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างทางกลับมาแคว้นเจาด้วย แต่ว่าจะช้าหน่อย อาจารย์ของข้าอยู่กับพวกเขา""จริงหรือ?""จริงแท้อย่างที่
ในห้อง สาวใช้หลายคนเก็บกวาดเสร็จแล้ว กำลังเตรียมจะถอยออกไป"นี่กำลังวุ่นอะไรกันหรือ?" ฟู่จาวหนิงพอถามจบ ก็เห็นสีแดงเต็มห้อง ม่านสีแดง ผ้าห่มเครื่องนอนสีแดง แล้วยังมีหมอนคู่รักอีกด้วยบนโต๊ะมีเชิงเทียนทองแท้แปดเชิง ด้านบนมีเทียนแดงแปดเล่มหน้าต่างแขวนโคมแดงไว้ โบกไหวตามลมกระทั่งบนโต๊ะแปดเซียนยังวางกาน้ำชาถ้วยน้ำชาไว้ และยังเคลือบด้วยสีแดง วาดลวดลายเป็ดเยวียนยางเอาไว้ด้วยให้ตายเถอะ...ฟู่จาวหนิงพอเห็นฉากเช่นนี้ ก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แต่ก็ไม่เห็นใบหน้าเซียวหลันยวน เพราะหน้ากากของเขายังไม่ปลดลงมาแต่พอเซียวหลันยวนเอ่ยปาก ความยินดีที่น่าพึงพอใจก็หลั่งทะลักออกมา"จัดการได้ไม่เลว ตบรางวัล"สาวใช้เหล่านั้นดีใจกันขึ้นมา ทยอยกันคารวะ "ขอบคุณท่านอ๋อง!"พวกนางได้ยินผู้ดูแลกำชับให้มาจัดการ และท่านผู้เฒ่าตระกูลฟู่ก็เข้ามาพอดี ช่วงเวลาที่คุยกันอยู่ที่โถงหน้าก็ให้พวกนางได้มาจัดการตกแต่งกันคิดไม่ถึงว่าจะได้รางวัลจากท่านอ๋องด้วยหลายปีมาแล้ว นอกจากของขวัญและเงินที่ท่านอ๋องมอบให้กับทุกคนในจวนช่วงปีใหม่แล้ว นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยเหล่าสาวใช
"ท่านอ๋องโปรดระงับความโกรธ ช่วงนี้มีคนบางส่วนก่อความวุ่นวาย จงใจยัดคนหลายคนเข้ามาในจวนอ๋อง" โม่เหอเอ่ยรายงานเสียงต่ำกับเซียวหลันยวน "สาวใช้เมื่อครู่ชื่อว่าชิวอวิ๋น เป็นหนึ่งในนั้น พระชายาเยว่ส่งเข้ามา""พระชายาเยว่?""ลูกสาวคนเล็กจากตระกูลเยว่ เข้าวังสามเดือนก็ได้รับความโปรดปราน ช่วงนี้กำลังเป็นที่จับตามอง กระทั่งฮองเฮาเองก็ยังเสียเปรียบให้กับนางเลย"ตระกูลเยว่ เดิมทีเป็นตระกูลขุนพลรบ เพียงแต่ก่อนหน้านี้พ่อลูกของตระกูลเยว่สามคนตายในการรบ เหลือเพียงนายท่านสามเยว่คอยดูแลตระกูล เดิมทีทุกคนคิดว่าจะตกอับไปแล้ว ไม่มีใครสนใจเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้สนใจตระกูลเยว่แต่ก็คิดไม่ถึงว่าตระกูลเยว่จะสร้างความสำเร็จออกมาได้ด้วยตัวคุณหนูเยว่เพียงคนเดียวสามเดือน ก็เป็นพระชายาแล้ว?เดิมทีเขาไม่อยู่ในเมืองหลวง ก่อนหน้าที่จะไปก็กำชับพวกเขาไว้แล้ว ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่มาเกินไปก็ปล่อยผ่านได้ รอเขากลับมาแล้วค่อยจัดการคิดแล้วการถูกยัดสาวใช้หลายคนเข้ามานี่ก็คือเรื่องเล่านั้นสินะสาวใช้ที่ชื่อชิวอวิ๋นคนนี้ก็ดูไม่นิ่งสักเท่าไร เขาเพิ่งจะกลับมาวันแรกก็คิดจะลงมือทำอะไรเสียแล้วในดวงตาเซียวหลันยวนมี
"แค่รู้สึกว่าพออยู่ในมือเจ้าแล้วมันน่าจะหวานเป็นพิเศษ" เสียงของเซียวหลันยวนขรึมต่ำน่าดึงดูด ฟังแล้วหูคันยุบยิบฟู่จาวหนิงกำลังจะพูดอะไร จู่ๆ ก็รู้สึกหน่วงๆ ที่ท้องน้อยนางตัวแข็งทื่อ ค่อยๆ เงยหน้ามองเซียวหลันยวน ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดีนางมองไม่ออกเสียที่ไหน เซียวหลันยวนกำลังเฝ้ารอคืนนี้อย่างเห็นได้ชัด กระทั่งรอมาตลอดทางด้วยซ้ำแต่นางเดิมทีอยากจะหารือกับเขาดีดีก่อน กลับมาหลังเผชิญความยากลำบากมาตลอดทาง ยังไม่รู้ว่าเมืองหลวงตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่ องค์จักรพรรดิถ้าเผื่อเตรียมแผนมากมายไว้รับมือพวกเขาล่ะ เช่นนั้นหลังจากที่กลับมาพวกเขาคงจะอยู่กันไม่สงบสุขนักภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เดิมทีก็ยังไม่เหมาะที่จะมีลูกแต่ว่ายุคสมัยนี้มาตรการการคุมกำเนิดยังไม่ดีพอ นางเองก็ยังไม่ได้คิดว่าจะใช้ยาอะไรจากในคลังสกัดยา ดังนั้น ทางที่ดีจึงอย่าเพิ่งหลับนอนกันจะอย่างไรก็ต้องรอสักเดือนนั่นล่ะ?แต่เมื่อครู่พอเห็นท่าทีร้อนรุ่มของเซียวหลันยวน คืนนี้นางคงเลี่ยงไม่พ้นแน่ส่วนถ้าตอนนี้..."มีอะไรหรือ?"เซียวหลันยวนพอเห็นสีหน้าของนางใจก็สั่นกึก ดูแล้วเหมือนจะเกิดอะไรขึ้น"อายวน ข้า
สองปีนี้ถึงแม้นางจะบำรุงขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ดีขึ้นอย่างเต็มที่ ดังนั้นช่วงมีประจำเดือนจึงหนักหน่อยเซียวหลันยวนยังให้เฝิ่นซิงเข้ามาประคองตัวฟู่จาวหนิงจนฟู่จาวหนิงออกไป เขาก็เดินไปข้างเตียง บีบๆ ความหนาของผ้าห่ม จากนั้นก็กอดขึ้นมาชั่งน้ำหนักดูผ้าห่มจะบางไปหรือหนาไปก็ไม่ได้ กลัวว่าถ้าหนักเกินไปจะกดจนฟู่จาวหนิงรู้สึกไม่สบายดูแล้วพวกของหงจั๋วเองก็เอาใจใส่อยู่ ผ้าห่มนี้ไม่หนาไม่บาง แล้วยังพองฟู่ น่าจะไม่ค่อยหนักด้วยแต่พอมองสีแดงทั้งห้องนี้แล้ว เซียวหลันยวนก็ยังยกมือขึ้นกุมหน้าผากแล้วถอนหายใจดูท่ายังต้องรอไปก่อนจวนอ๋องเจวี้ยนไม่ได้คึกคักเช่นนี้มานานแล้วผู้ดูแลจงวุ่นนั่นวุ่นนี่ ในห้องอาหารสุรากับสำรับก็จัดเตรียมเรียบร้อย จึงส่งคนมาเชิญผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยเซียวหลันยวนจูงฟู่จาวหนิงเข้ามาด้วยเช่นกันพอเห็นมือที่จูงกันมา ผู้ดูแลจงก็ยิ้มจนตาหยีเป็นร่อง"ท่านอ๋องกับพระชายาดูแล้วรักใคร่กันดีเหลือเกิน"ฟู่จาวหนิงพอเห็นผู้เฒ่าฟู่กับเสี่ยวเฟยเข้ามา ก็เตรียมจะดึงมือออก แต่เซียวหลันยวนกลับจับมือนั้นไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยนางมองเขา ให้คนเห็นแล้วไม่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองหรอกหรือ
พอเห็นหน้ากากของเซียวหลันยวน ใจของผู้เฒ่าฟู่ก็หนักอึ้งขึ้นมาเขาไม่สนใจเนื้อปลาชิ้นนั้นแล้ว ยกถ้วยสุราขึ้นมาดื่มพอเห็นเขาเป็นเช่นนี้ เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงจึงสบตากันผาดหนึ่ง"ท่านปู่?"ผู้เฒ่าฟู่ยังมีเรื่องค้างคาในใจหรือ?อารมณ์กระดี๊กระด๊าของฟู่จาวเฟยก็กดลงมาด้วยเช่นกัน เขามองฟู่จาวหนิง จากนั้นก็มองเซียวหลันยวนอยากจะพูดแต่ก็หยุดไว้พี่เขยตอนนี้ดูแล้วดีมากเลย เพียงแต่...เซียวหลันยวนเองก็นั่งลงมา มองไปยังผู้เฒ่าฟู่"ท่านปู่ มีเรื่องอะไรก็เชิญพูดมาเถิด"ผู้เฒ่าฟู่ปากขยับ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองไปทางพวกเขา"ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยเรียกข้าแบบนี้" เขาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนชะงักไปก็จริงเพราะก่อนหน้านี้ระหว่างพวกเขามีเรื่องวางยาพิษของฟู่หลินซื่อมาคั่นกลางไว้ตอนนั้น เขาคิดถึงผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ก็คือตนเองไม่ต้องไปเอาผิดกับพวกเขา ไม่ล้างแค้น ไม่กดดันพวกเขา ให้พวกเขาใช้ชีวิตกันไปเช่นนี้ไม่ต้องติดต่อกันเลยจะดีที่สุดแต่เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองจะพ่ายแพ้ใจทั้งดวงให้กับฟู่จาวหนิง?ตลอดทางที่กลับมาแคว้นเจานี้ เขาคิดไปมากมายท้ายสุดก็รู้สึกว่า ต่อให้ครั้งนั้นฟู่หลินซื่อจะเป็นคน
เรื่องของบ้านตระกูลเสิ่น พวกเขาก็ยังไม่ได้พูดถึงเลยพอฟังเรื่องนี้ ความสนใจของผู้เฒ่าฟู่ก็เบนไปแล้วจริงๆ"บ้านตา?""ท่านพี่กำลังพูดถึงท่านเสิ่นใช่ไหม?" ฟู่จาวเฟยดวงตาเป็นประกาย "ท่านพี่ก่อนหน้านี้เรียกเขาว่าท่านลุง บอกว่าเขาเป็นพี่ชายของท่านแม่ ถ้าอย่างนั้นพ่อแม่ของท่านลุงก็รับเป็นญาติแล้วหรือ?"ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะคาดเดาอย่างไรก็ยืนยันออกมาจริงๆ ไม่ได้ ผู้เฒ่าฟู่เองก็ยังกังวลอยู่ เขาเองก็ไม่รู้ว่าตระกูลเสิ่นนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่ ตอนนี้พอได้ยินฟู่จาวหนิงยืนยันว่าเป็นท่านตาแล้ว เขาก็ยินดีออกมาด้วยเช่นกัน"ใช่ ครั้งนี้ข้าไปรักษาอาการป่วยให้ท่านยายมา และพักอยู่ที่บ้านตระกูลเสิ่นพักหนึ่ง ตอนที่ข้ากลับ ท่านตากับท่านยายยังไม่ทันได้เห็นท่านพ่อท่านแม่เลย..."แม้ระหว่างทางจะได้รับจดหมายจากเสิ่นเสวียน บอกว่าพวกเขารู้จักกันแล้ว แต่สถานการณ์หลักๆ ยังไม่ทราบ"ดี ดีดีดี ตระกูลหลินเดิมทีก็ไม่ได้ดีกับนางนัก ตอนนี้พอยืนยันว่าตระกูลเสิ่นเป็นบ้านที่แท้จริงของนาง เช่นนั้นพวกเจ้าพี่น้องนับจากนี้ก็มีญาติเพิ่มมาอีกฝ่ายแล้วสินะ..."ที่ผู้เฒ่าฟู่ดีใจที่สุดก็คือจุดนี้"ก่อนห้านี้ข้าก็กังวล ว่าห
ฟู่จาวหนิงยังคิดจะพูดต่อ ทว่าฝ่ามือก็ถูกกำไว้แน่นนางตะลึงงันไป มองไปทางเซียวหลันยวนตอนนี้ยังมองไม่เห็นสีหน้าเซียวหลันยวน แต่นางสังเกตได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขาเดิมที เขาคิดจะปลดหน้ากากลง ให้พวกผู้เฒ่าฟู่เห็นหน้าตาของเขาชัดๆแต่ก็ไม่ทันแล้ว ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนตอนนี้ปลดหน้ากากลง อันที่จริงจะใช้การได้กว่าคำพูด ใบหน้าของเขากลับมาหายดีแล้วแต่ว่า มันก็เหมือนเป็นเข็มที่ทิ่มแทงบนใจเซียวหลันยวนถ้าหากหน้าของเขายังไม่หายดีล่ะ?นั่นก็จะหมายความว่าเขาคนนี้ หัวใจดวงนี้ สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดมันไม่มีความหมาย และต้องถอยห่างออกมาจากข้างกายฟู่จาวหนิงเพราะใบหน้านี้น่ะหรือ?เขาไม่สามารถรั้งนางไว้ได้กระทั่ง เขาจะเป็นท่านอ๋องก็ไม่ได้ สมควรต้องตายเพราะใบหน้านี้ความหมายการคงอยู่ของตัวเขา ก็แค่ใบหน้านี้เท่านั้นหรือ?ความรู้สึกนี้ ไม่อาจบอกกับทุกคนให้เข้าใจได้ แต่ในใจเซียวหลันยวนตอนนี้ก็เย็นชาลงแล้วจริงๆจู่ๆ เขาก็ไม่อยากจะปลดหน้ากากลงให้คนอื่นคิดว่าเขายังมีใบหน้าเหมือนผีไปเสีย แล้วโลกนี้จะว่าอย่างไร? จะให้เขาทำอย่างไร?"คนของเมืองหลวง พูดถึงข้าอย่างไรกัน?" เซียวหลันย