"ไป!"ฟู่จาวหนิงนั่งกลับเข้ามา สั่งการเสียงขรึม"ชิ้ง!"องครักษ์องค์ชายสองชักกระบี่คิดจะขวาง มีคนรีบเข้าไปประคององค์ชายสองสืออีสือซานพวกเขาก็ควบม้าล้อมเข้ามาทันทีทั้งสองฝ่ายเหมือนพร้อมจะเปิดศึกกันแล้วเซียวหลันยวนตอนนี้เพิ่งตั้งสติกลับมาได้ เขามองฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะปกป้องเขา ขนาดที่สั่งสอนองค์ชายสองแห่งต้าชื่อแบบนี้นางไม่ไหวหน้าองค์ชายสองเลยแม้แต่น้อย ทำเอาใจของเขาหวานชื่นเหลือแสน"หนิงหนิงอย่างเพิ่งโกรธ"เซียวหลันยวนปลอบนางแผ่วเบาคำหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งออกไปจากรถม้า มององค์ชายสองที่ถูกประคองตัวอยู่ ปลดหน้ากากลงมาหลังจากปลดหน้ากากลง ใบหน้าของเขาก็เปิดเผยออกภายใต้แสงตะวันอบอุ่นยามบ่ายคิ้วยาวเข้ม ตาดำเปล่งประกายดุจดวงดารา สันจมูกแหลม ริมฝีปากงดงามราวจรดด้วยพู่กันกระทั่งองค์ชายสองที่ถูกเรียกว่าหล่อเหลาในต้าชื่อก็ยังเหม่อลอยไปเล้กน้อย ถอยออกไปก้าวหนึ่งอ๋องเจวียน นี่คือหน้าตาแท้จริงของอ๋องเจวี้ยน!ใครบอกกันว่าหน้าของอ๋องเจวี้ยนพังยับไปแล้ว หน้าตาประดุจภูตผี? ใครกัน!หน้าตาเช่นนี้ ทำเอาแสงตะวันสูญสิ้นสีสันไปได้เลย!องครักษ์ขององค์ชายสองเองก็มองอ๋องเจวี้ย
ฟู่จาวหนิงจับมือของเซียวหลันยวนเอาไว้"นี่มันในรถม้านะ"เสียงของนางอ่อนยวบหน่อยๆ น่าจะเพราะใบหน้าของเซียวหลันยวนอยู่กล้านางขนาดนี้ ดวงตาลึกซึ้งของเขา จมูกสันโด่งนั่น แล้วยังมีริมฝีปากที่กลืนลมหายใจของนางไปแล้ว ล้วนทำเอาเลือดของนางเดือดพล่านไม่ใช่มีแค่ชายหนุ่มที่ถูกหญิงสาวยั่วยวนจนร่างกายร้อนผ่าว แต่หญิงสาวเองก็ถูกชายหนุ่มดึงดุดได้เช่นกันตอนนี้เซียวหลันยวนทำเอานางรู้สึกปากลิ้นแห้งผากสมกับเป็นหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเจาจริงๆ!พูดได้ว่า ตอนอยู่ในต้าชื่อนางก็ไม่เคยเห็นใครหน้าตาดีเท่าเขา หรือคนที่ตรงกับส่วนที่นางชอบเลยชายคนนี้ตรงตามแบบที่นางชอบอย่างสมบูรณ์เซียวหลันยวนสัมผัสหน้าผากนางเบาๆ และกำลังพยายามข่มลมหายใจกับอาการใจเต้นลงมาในดวงตาเขายังมียังมีแสงมืดมนอยู่"ข้ามีความรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก..." เสียงของเขาแหบพร่า"อ๋า? ความรู้สึกอะไร?""อยากกลับบ้านดุจคมศร" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นมาทีละคำๆอยากกลับบ้านดุจคมศร?อยากกลับแคว้นเจาขนาดนั้นเลยหรือ?ฟู่จาวหนิงตอนแรกยังไม่ค่อยเข้าใจนัก จนตอนที่เขาจูบลงมาที่ริมฝีปากนางอีกครั้ง นางจึงเข้าใจขึ้นมา หัวใจเต้นระรัวขึ้นอีกครั
"แล้วซือถูไป๋ล่ะ?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดถึงซือถูไป๋ขึ้มมา หลายวันนี้เขาไม่เห็นซือถูไป๋เลย เขาไปทำอะไรแล้วนะ?"คุณชายซือถูพอเจอกับคนที่ผู้นำตระกูลถูส่งมา ก็ถูกบังคับให้กลับบ้านไปแล้ว" เฉินเซียงนึกเรื่องนี้ออกขึ้นมา เพราะเดิมทีองค์หญิงใหญ่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องร่องรอยของซือถูไป๋นัก ตอนที่นางได้ยินเรื่องนี้จึงไม่ได้เข้ามารายงานในทันทีกระทั่งตัวเลือกรองที่นางคิดไว้อย่างซือถูไป๋ก็ไม่อยู่แล้วหรือ?องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นร้อนรนขึ้นมา "ถ้าอย่างนั้นข้า..."นางเองก็อยากจะออกไปบ้างแล้ว! แต่นางจะไปไหนได้ล่ะ?ฝ่าบาทไม่มีทางให้นางได้ไปไหน ตอนนี้นางเองก็ยังหาวัตถุดิบยาดีดีไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังไม่เห็นว่าเหล่าหมอเทวดาของสมาคมหมอใหญ่จะค้นคว้าเรื่องยาอายุวัฒนะออกมาได้เลยนางยังกลับไปเมืองหลวงจักรพรรดิพร้อมองค์จักรพรรดิแบบนี้ไม่ได้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกว่าตนเองถ้ากลับไปเช่นนี้ คงจะไม่ได้ออกมาอีกแล้วในใจนางมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก"องค์หญิงใหญ่ ข้าน้อยมีความคิด" อิ๋นสั่วมองนางเอ่ยขึ้นเสียงขรึม"รีบว่ามา""พวกเราไม่ลองไปยอดเขาโยวชิงดูล่ะ?" อิ๋นสั่วเอ่ยขึ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงงงันไปไปยอ
ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนไม่สนใจว่าคนที่อยู่ในเมืองจี้เหล่านั้นจะคิดอะไร หลังออกจากเมืองจี้ยิ่งเดินทางก็ยิ่งหนาว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้แวะพักมากนัก เร่งเดินทางอยู่ทุกวันระหว่างทางก็ได้รับข่าวสารจากแคว้นเจาทางนั้นมาตลอดแคว้นเจารู้แล้วว่าเซียวหลันยวนไปยังต้าชื่อ แต่ก็ยังไม่เคลื่อนไหวอะไรคนที่เซียวหลันยวนทิ้งไว้ไม่ได้ตรวจพบว่าจักรพรรดิเจาส่งทหารออกมา กระทั่งตลอดทางก็ย้งไม่เจอกับการลอบสังหารอีกด้วย สงบจนทำให้คนรู้สึกไม่ปกติแต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ พวกเขาเองก็ยังเร่งเดินทางกลับมาตลอดทางถึงอย่างไร นั่นก็คือบ้านของพวกเขาเสิ่นเสวียนทางนั้นเองก็ส่งจดหมายด่วนเข้ามา ก่อนวันที่พวกเขาจะออกจากเมืองจี้ ผู้อาวุโสจี้ก็พาสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินขึ้นมาบนเส้นทางขากลับแคว้นเจาแล้วนอกจากองครักษ์ที่เซียวหลันยวนทิ้งไว้ เสิ่นเสวียนยังส่งองครักษ์ออกมาอีกไม่น้อยเซียวหลันยวนเดิมทีคิดว่าพวกขเาออกเดินทางมาก่อน ก็เพื่อจะขจัดอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างทาง แต่คิดไม่ถึงว่าระหว่างทางกลับคลื่นลมสงบ ไม่รู้ว่าคนที่ไล่สังหารสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินล้มเลิกภารกิจนี้ไปแล้วหรือยังจนตอนที่พวกเขามองเห็นหอเมืองหลวงแคว้นเจ
มีคนคาดเดา แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา และไม่รู้ว่าคนเหล่านี้คือใคร แต่ว่าบนชุดทะมัดทะแมงสีดำบวกกับเกราะอ่อนสีดำบนตัวพวกเขา มองแล้วดูน่าเกรงขามฟู่จาวหนิงเลิกม่ามองออกไป ก็สูดปากขึ้นมา จากนั้นจึงหันหน้ามองไปทางเซียวหลันยวน"องครักษ์เงามังกรหรือ?""อือฮึ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"ท่าน..." ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออก "ท่านให้พวกเขาเปิดเผยตัวเพื่อส่งพวกเราเข้าเมืองเนี่ยนะ?""ใช่ เจ้าก็ลองดูว่าทหารทางการพวกนั้นจะกล้าจับข้าไหม" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบฟู่จาวหนิงกุมหน้าผากมีองครักษ์เงามังกรสวมเกราะอ่อนสีดำตั้งมากมายคอยคุ้มกัน ทหารทางการที่ไหนจะกล้าทำอะไร?เซียวหลันยวนนี่ไม่เล่นตามกฏเลยจริงๆ ถึงอย่างไรองครักษ์เงามังกรเหล่านี้ขนาดราชองครักษ์ก็ยังไม่กล้าปะทะด้วยเลยแต่องครักษ์เงามังกรเดิมทีก็จัดตั้งขึ้นเพื่อคุ้มครององค์จักรพรรดิ คุณสมบัติในสิทธิ์ของพวกเขาจึงอยู่ใต้องค์จักรพรรดิเพียงคนเดียวตอนนี้กลับมีคนพิเศษอย่างเซียวหลันยวนปรากฏตัวขึ้นไม้นี้ของไท่ซ่างหวงเด็ดขาดจริงๆจักรพรรดิเจาน่าจะโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเลยทีเดียวในประตูหอเมือง ทหารทางการหลายสิบคนตั้งขบวนเข้มเพื่อรอพวกเขาได้รับข่าวมาก่อ
"อ๋องเจวี้ยน พวกเรามีราชโองๆๆๆๆๆๆ..."คนในที่ว่าการคนนั้นอยากจะพูดคำที่คิดออกมาอย่างยากลำบาก แต่แรงกดดันบนตัวกลับมากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกเหมือนถูกกดลงติดพื้น เงยหน้าขึ้นมายังไม่ได้ ไม่ต้องพูดเรื่องพูดเลย พูดอะไรก็ตะกุกตะกักไปหมดโครมตัวเขาพังพาบลงโครม ยังจะพูดให้ชัดเจนได้อีกเสียที่ไหน?คนอื่นๆ พอเห็นสภาพเขาก็ใจสั่นวาบ ความกล้าที่เหลืออยู่ก็สลายหายไปเพราะความหวาดกลัวอ๋องเจวี้ยนร้ายกาจขนาดนี้เชียว เช่นนั้นก็โทษพวกเขาไม่ได้แล้วกระมัง?เพราะพวกเขาต่อกรกับอ๋องเจวี้ยนไม่ได้นี่นา องค์จักรพรรดิถ้ารู้ก็คงไม่โยนความรับผิดชอบมาบนตัวพวกเขาหรอกกระมังรถม้าของอ๋องเจวี้ยนเคลื่อนผ่านประตูเมืองผ่านหน้าพวกเขา องครักษ์เงามังกรเองก็คุ้มครองอยู่รอบๆ ตามติดเข้าไป ใครก็ไม่กล้าเข้าใกล้ทั้งนั้นประชาชนระหว่างทางพอเห็นขบวนใหญ่เช่นนี้ก็รีบถอยหนีกัน มองกันอย่างหวาดหวั่นไปทางรถของอ๋องเจวี้ยน"อ๋องเจวี้ยนกลับเมืองหลวงแล้ว""คนพวกนั้นคือองครักษ์เงามังกรหรือ? องครักษ์เงามังกรดูพลังน่ากลัวจริงๆ""น่ากลัวมาก หรืออ๋องเจวี้ยนจะรู้ว่าทุกคนกำลังพูดถึงใบหน้าของเขา? หลังจากนี้คงไม่มีใครกล้าพูดแล้ว ไม่เช่นนั้นคงถ
ตอนที่พูดถึงคำนี้ ในน้ำเสียงของเซียวหลันยวนก็มีความยั่วยวนขึ้นมา แฝงนัยยะไม่ชัดเจน"หน้าของท่านนี่ด้านขึ้นทุกทีแล้วนะ" ฟู่จาวหนิงเอียงตามองเขาจวนอ๋องเจวี้ยนหลายเดือนนี้ประตูใหญ่ล้วนปิดสนิท มีคนเข้าออกน้อยมาก ปกติจะเงียบจนเหมือนเป็นบ้านร้างอย่างไรอย่างนั้นวันนี้ ประตูใหญ่จวนอ๋องเจวี้ยนในที่สุดก็เปิดออกแล้วผู้ดูแลจงก็พาคนใช้กลุ่มหนึ่งออกมาต้อนรับอย่างเบิกบาน"คารวะท่านอ๋องและพระชายากลับจวน"พวกเขามองรถม้าตาแป๋ว ม่านรถเลิกออก เซียวหลันยวนลงมาจากรถม้าผู้ดูแลจงพอเห็นเขาสวมหน้ากากอยู่ ในใจก็ผิดหวังหน่อยๆเพราะพวกเขาเดิมทีคิดว่าผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ใบหน้าท่านอ๋องน่าจะดีขึ้นแล้ว ยังคิดว่าพวกเขาจะได้เห็นใบหน้างดงามสมบูรณ์แบบของนายท่านเสียอีกใครจะคิดว่ายังสวมหน้ากากอยู่เช่นนี้ใบหน้าท่านอ๋องน่าจะรักษาไม่ได้จริงๆ แล้วกระมัง?ผู้ดูแลจงระงับความเศร้าสร้อยในใจ เข้ามาต้อนรับ"ท่านอ๋องและพระชายาเดินทางกันเหน็ดเหนื่อยเสียแล้ว"เซียวหลันยวนยื่นมือไปโอบเอวของฟู่จาวหนิง อุ้มนางลงมาจากรถม้าหงจั๋วกับเฝิ่นซิงที่ยืนอยู่ข้างๆ พอเห็นฉากนี้ ดวงตาทั้งสองคนก็เป็นประกาย กลายเป็นดวงดาราวิบวับไปเส
"ท่านพี่!"ฟู่จาวเฟยพอเข้าจวนอ๋องก็พุ่งเข้ามาหาด้านหลังมีเสี่ยวเหยาประคองผู้เฒ่าฟู่เข้ามา จงเจี้ยนเองก็ตามมาด้วยฟู่จาวหนิงพอเห็นก็รีบเข้าไปรับ"หยุดๆๆ"พอเห็นฟู่จาวเฟยพุ่งเข้ามาก็รีบห้ามเอาไว้ก่อนเซียวหลันยวนยื่นมือกดไว้บนบ่าของฟู่จาวเฟย และหยุดร่างเขาเอาไว้ได้ทันที"เดี๋ยวไปชนพี่สาวเจ้าขึ้นมาจะทำอย่างไร?" เซียวหลันยวนน้ำเสียงขรึมเจ้าเด็กตัวเหม็นนี่คิดจะพุ่งเข้ามากอดจาวหนิงหรือ? เลิกคิดไปได้เลยเขาเองก็โตขนาดนี้แล้ว หญิงชายเมื่อเจ็ดขวบก็ต้องแยกกัน ต่อให้เป็นน้องชายก็ไม่ให้กอดหรอก"พี่เขย!"ฟู่จาวเฟยเห็นเขาก็ร้องเรียกขึ้นมา หนักแน่นเด็ดขาด"...อืม" สีหน้าเซียวหลันยวนก็ผ่อนคลายลงมาก็ยังไม่ได้แย่ขนาดนั้นนี่นะ เขาปล่อยมือออก "พี่สาวของเจ้าเหนื่อยแล้ว ระวังหน่อย"ถึงอย่างไรก็ห้ามกอดอยู่ดี"ท่านปู่ เสี่ยวเฟย"ฟู่จาวหนิงเดินเข้ามา ตบลงบนบ่าฟู่จาวเฟย "สูงขึ้นแล้วนะ""ท่านพี่เองก็สูงขึ้น" ฟู่จาวเฟยมองจุดนี้ออกทันที"จาวหนิง! กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว"ผู้เฒ่าฟู่มองฟู่จาวหนิง พิจารณาตัวนาง ดวงตารื้นขึ้นหน่อยๆสิบกว่าปีก่อนพวกเขาสองคนปู่หลานพึ่งพาอาศัยกันมาตลอด พอห่าง
ยาครั้งนี้ มีประสิทธิภาพมากจริงๆพอถึงตอนฟ้าสาง มีคนป่วยหนักแต่เดิมหลายคน มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเดิมทีที่ป่วยจนไม่รู้สึกตัวแล้ว วันนี้ตอนเช้าก็สามารถประคองตัวลุกขึ้นนั่งมากินข้าวต้มได้นี่ทำให้คนทั้งหมดดีใจกันมากมีผลลัพธ์เช่นนี้ ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกว่าตนเองวันนี้เดินเชิดหน้ายืดหลังตรงได้เสียทีนี่อธิบายได้ว่ามีความหวังแล้วจริงๆ! ไม่สิ พูดว่าเป็นความหวังไม่ได้แล้ว มันมีผลลัพธ์ที่ดีแล้วต่างหากตอนที่ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่ทั้งคืน เซียวหลันยวนเองก็ออกไปทั้งคืนไม่ได้กลับมาตอนที่ฟู่จาวหนิงได้พัก ได้กินข้าวเช้า จึงเพิ่งนึกได้ว่าเซียวหลันยวนไม่รู้หายไปไหนนางถามสืออี สืออีก็ดูจะตื่นเต้นขึ้นมารางๆ"ท่านอ๋องออกเมืองไปแล้วขอรับ"ออกเมือง?เซียวหลันยวนออกจากเมือง แล้วทำไมสืออีถึงดูตื่นเต้น?"หรือจะออกไปหาโจวติ้งเจิน?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึงถึงแม้ทหารส่วนใหญ่จะโดนพิษที่ทำให้เสียกำลังในการต่อสู้ไป แต่ก็มีส่วนน้อยที่ไม่ได้โดนพิษ หรืออาจจะมีคนที่โดนพิษไปน้อยมาก นั่นก็ยังสู้ได้อยู่นะองครักษ์ของเซียวหลันยวนส่วนใหญ่ยังอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อคืนตอนที่นางวิ่งไปดูแลคนป่วยตรงนั้นตรงนี้ ย
แต่ว่านางเองก็เห็นว่าฝนเองก็ตกอย่างที่ฟู่จิ้นเชินคำนวณไว้จริงๆตอนนี้พอเห็นสีหน้าของฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียน ก็รู้ว่าน่าจะเรียบร้อยดี"ให้ใต้เท้าอันเล่าเถอะ เขาเล่านิทานเก่งกว่าข้า" เซียวหลันยวนไม่ค่อยชินที่ต้องพูดอะไรยาวๆ สถานการณ์แบบนี้ให้อันเหนียนพูดดีที่สุดอันเหนียนเองก็ดูจนใจ นี่มองเขาเป็นพวกนักเล่านิทานหรือไรกัน?ปกติเขากับพูดกับพระชายามากหน่อย อ๋องเจวี้ยนก็จะหึงหวงขึ้นมา แล้วมาใช้เขาแบบนี้ ไม่หึงแล้วเรอะ?ถึงแม้จะไม่ค่อยพอใจ แต่ตอนที่สายตาคาดหวังของฟู่จาวหนิงหันมา อันเหนียนก็เล่าฉากเมื่อครู่ออกมาอย่างมีชีวิตชีวาฟู่จาวหนิงหลังจากฟังก็อดขำขึ้นมาไม่ได้"ดูท่าขุนพลโจวคืนนี้คงจะน่าเวทนาเอาเรื่อง ฤทธิ์ของผงยานั่น ก็ทำให้พวกเขากระทั่งแรงจะตั้งค่ายก็ยังไม่มีจริงๆ นั่นล่ะ"ยิ่งไปกว่นั้นพวกเขายังไม่มีแรงจะเดินไปไหนไกลได้ด้วยถ้าหากฝนตกทั้งคืน เช่นนั้นพวกเขาก็อาจจะต้องตากฝนกันทั้งคืนและคืนนี้ โจวติ้งเจินก็ซมซานจนต้องด่าพ่อล่อแม่ออกมาเลยทีเดียวแต่ว่าคนมากมายแค่แรงจะด่าก็ยังไม่มียังดีที่ฝนห่านี้ไม่ได้มีฟ้าผ่า พวกเขาถอยลงไปตีนเขากันอย่างยากลำบาก ที่นั่นมีต้นกล้วยอยู่ผืนใหญ่ แล
เหล่าทหารถ้าให้บอกว่าตัวเองไม่สบายตรงไหน แล้วยังไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือปวดท้องปวดบิดปวดหัวหรืออยากถ่ายอะไรทำนองนั้นเลยพวกเขาแค่รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงอย่างเดียวเท่านั้น!"แม่งเอ๊ยจู่ๆ ก็มาอ่อนแรงเป็นผู้หญิงได้ยังไงกัน!" มีคนอดก่นด่าตัวเองขึ้นมาไม่ได้ คิดจะยกมือขึ้นทุบตัวเองก็ยังไม่มีแรงเลยตอนนี้จู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าอะไรคืออ่อนแอดั่งหลิวต้องลม ปวกเปียกจนดูแลตัวเองไม่ได้มีคนลงไปนอนบนพื้นขนาดแค่จะปีนขึ้นมาก็ยังไม่มีแรง"ลุกขึ้นมา!""บอกให้พวกเจ้าลุกขึ้นมา ไม่ได้ยินรึ? อย่าบีบให้ข้าต้องซัดพวกเจ้านะ!"โจวติ้งเจินโมโหจนมึนงง ตะโกนขึ้นดังลั่น กระโจนลงมาจากม้า สาวเท้าเดินเข้าไปข้างตัวทหารที่อยู่ใกล้เขาที่สุด ยกเท้าขึ้นเตะคนที่นอนอยู่บนพื้น"ลุกขึ้นมาได้ยินไหม? พวกเจ้าดูซิพวกเหมือนตัวอะไรกันไปแล้ว?"มาตีเมืองกันแท้ๆ แต่ตอนนี้ดันมานอนบนพื้น! มานอนกันจนทำให้คนบนหอเมืองหัวเราะเยาะ! ดูแล้วยังเป็นเขาด้วยที่กลายเป็นเรื่องตลก!"พวกเจ้าสภาพแบบนี้ ขุนพลอย่างข้าก็เหมือนเข้ามาเป็นตัวตลกให้เขาดูแล้ว!"เข้ามาเป็นตัวตลกให้เซียวหลันยวน!และตอนนี้ บนหอเมืองก็มีเสียงของเซียวหลันยวนลอดเข้ามา"ข
มีคนตกใจมีคนร้องโหยหวนมีคนมีคนที่กระโดดโลดเต้นและมีคนที่จะกระโดดก็ยังกระโดดไม่ขึ้น หลังจากล้มลงบนพื้นก็ถูกคนข้างๆ ล้มทับกันเข้ามาอีกชั่วขณะหนึ่ง ท่วงท่าที่องอาจน่าเกรงขามแต่เดิมของทหาร ก็ดูสับสนโกลาหลเหมือนสุนัขเหมือนไก่ขึ้นมาแม้เอาทหารมากมายไปเทียบกับสุนัขกับไก่จะไม่ค่อยเหมาะสม แต่สภาพเช่นนี้ก็ค่อนข้างใกล้เคียงกัน เพราะเดิมทีเหล่าทหารก็เตรียมพร้อมจะโจมตี จัดกระบวนกันเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ก็หมดเรี่ยวแรงกัน จึงควบคุมไว้ไม่อยู่โจวติ้งเจินพอเห็นสถานการณ์ก็ยิ่งโกรธยิ่งร้อนรนชั่วขณะหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ยิ่งไปกว่านั้นฤทธิ์ยาของคนเหล่านี้ก็ไม่เหมือนกันด้วย มีพวกที่อยู่ใกล้หน่อยสูดกันเข้าไปก่อน มีบางส่วนสูดเข้าไปช้าหน่อย บางคนก็สูดเข้าไปมาก บางคนก็สูดเข้าไปน้อยแล้วยังต้องดูกำลังภายในคุณสมบัติร่างกายของแต่ละคนด้วยอย่างโจวติ้งเจิน วรยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งที่สุด กำลังภายในลึกล้ำ ดังนั้นเขาตอนนี้ยังไม่รู้สึกไม่สบายเท่าไรนักและเพราะเขาที่อยู่ตรงนี้ ตัวเขาไม่สังเกตเห็นความผิดปกติในร่างกาย จึงยิ่งไม่เข้าใจว่าเหล่าทหารเกิดอะไรกันขึ้น"วันนี้กินอะไรกันเข้าไป? โดนพิษอะไรเข้าหร
ฟู่จาวหนิงมั่นใจอย่างมากต่อยาที่ตนเองสกัดขอแค่องครักษ์เหล่านั้นสามารถสาดยาออกไปตามทิศทางลมได้ อย่างน้อยก็ต้องทำลายพลังต่อสู้ของทหารได้ครึ่งหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นประสิทธิภาพของยานี้ก็อยู่ได้ถึงเกือบหนึ่งวันเต็มจึงจะอ่อนกำลัง เวลาหนึ่งวัน เพียงพอจะให้โจวติ้งเจินลนลานจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ทหารจำนวนมากขนาดนี้ล้อมเมืองอยู่ อยู่ดีดีก็ไม่มีเรี่ยวแรง แค่ไปหาสาเหตุก็แทบแย่แล้วโจวติ้งเจินตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเห็นว่าหนึ่งชั่วยามที่กำหนดให้กับโหยวจางเหวิน อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเปิดประตูเมืองส่งคนป่วยออกมา ก็รู้ว่าโหยวจางเหวินต้องคิดจะปกป้องคนป่วยเหล่านั้นแน่นอน"โง่เขลาเสียจริง โหยวจางเหวินคิดว่าตัวเองเป็ฯคนใจบุญมากนักหรือไรกัน? เขาคิดว่าตัวเองจะปกป้องคนมากขนาดนี้ในเมืองเจ้อได้เรอะ? ยังคิดว่าอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนจะมาคอยหนุนเขาได้หรือไรกัน?"โจวติ้งเจินกัดฟัน เรียกรองขุนพลออกมา "เตรียมโจมตีด้วยไฟ แล้วก็เตรียมบุกประตูเมือง"พวกเขาเดิมทียังมีแผนสำรองแบบนี้ไว้ด้วยต่อให้ไม่คิดจะโจมตีเข้าเมืองจริงๆ แต่ก็ยังจะทำท่าทีแบบนั้น ใช้ไม้ซุงทลายประตูโจมตีเข้ามาที่ประตูเมือง ทำให้เกิ
ฟู่จาวหนิงพอได้ข่าว ก็เตรียมยาเสร็จแล้วผงยามีทั้งหมดสิบห้าห่อ พอพวกเขาคำนวณทิศทางลมดีแล้ว ก็ให้อาศัยต้นไม้สูงใหญ่ จากนั้นก็ใช้ปีกสายลมกับวิชาตัวเบา ก็สามารถโปรยผงยาออกไปในบริเวณกว้างได้"ผงยาเหล่านี้มียาแก้อยู่ พวกเจ้าต้องกินยาแก้ไว้ก่อน ถึงตอนนั้นถ้าเผื่อสูดเข้าไปจะได้ไม่เกิดเรื่อง"ฟู่จาวหนิงส่งยาแก้ให้กับพวกเขาฟู่จิ้นเชินดูทิศทางลมไว้แล้ว คนหาตำแหน่งเหมาะๆ ที่จะลงมือจนตอนที่พวกเขาเตรียมการเสร็จ ก็ถึงเวลาหนึ่งชั่วยามที่โจวติ้งเจินให้ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวพอดีโจวติ้งเจินส่งคนมาตะโกนที่ใต้หอเมือง"ใต้เท้าโหยว! หนึ่งชั่วยามแล้ว รีบเปิดประตูเมืองส่งคนป่วยออกมา ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!"ทางนั้น ภายใต้การชี้แนะของฟู่จิ้นเชิน เหล่าองครักษ์ที่สวมปีกสายลมก็แฝงตัวออกไปอย่างไร้ซุ่มเสียงเซียวหลันยวนยืนอยู่บนหอเมืองเขาปรากฏตัวตรงนั้น ก็ดึงดูดความสนใจของพวกโจวติ้งเจินได้พอดี ให้พวกเขามองข้ามสิ่งอื่น เพื่อให้เหล่าองครักษ์ปีกสายลมทำงานได้"ใต้หอเมืองเจ้อนี้ล้วนเป็นอิฐดำ โจวติ้งเจิน เจ้าคิดจะใช้ไฟโจมตี หัวสมองถูกไม้กระดานหนีบไว้หรืออย่างไร?" เซียวหลันยวนส่งเสียงลอดออกไปไกล
อ๋องเจวี้ยนจงใจดูถูกเขาหมิ่นเขาเพิกเฉยเขา จงใจแน่ๆ กลัวเขาเสียที่ไหนกัน?อ๋องเจวี้ยนยังจงใจแสดงวิชาตัวเบาที่แข็งแกร่งขนาดนั้นออกมาต่อหน้าเขาอีก นี่มันตบฉาดหน้าเขาชัดๆระหว่างทางที่มาโจวติ้งเจินคิดแผนการเอาไว้ดิบดี แต่ปฏิกิริยาของอ๋องเจวี้ยนกลับทำแผนของเขาวุ่นวายไปหมดใครจะรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนมีนิสัยแบบนี้?ทำเอาคนทั้งชิงชังทั้งจนใจเลยจริงๆ"อ๋องเจวี้ยน โจวติ้งเจินเอาแต่เรียกพระชายาให้ออกไป จะต้องคิดใช้พระชายา ล่อท่านออกไปแน่" อันเหนียนบอกกับเซียวหลันยวน "แต่พระชายาถ้ายังไม่ออกไปอีก ถึงตอนนั้นโจวติ้งเจินอาจจะผลักภาระทั้งหมดมาบนตัวพระชายาได้นะ องค์จักรพรรดิคงถือโอกาสนี้จัดการพระชาแน่"ถึงตอนนั้น โจวติ้งเจินแค่บอกกับองค์จักรพรรดิว่า พระชายาไม่ยอมออกมาพบหน้าเพื่ออธิบายอาการป่วยของเมืองเจ้อ ทำให้เขาไม่แน่ใจในสถานการณ์ การรักษาคนป่วยเหล่านั้นผิดพลาด ความรับผิดชอบนั้นทั้งหมดจะไปอยู่บนตัวพระชายาอันเหนียนถึงอย่างไรก็เป็นแค่ขุนนาง เขาไม่อาจต่อต้านจักรพรรดิได้ ดังนั้นตอนนี้จึงกังวลว่าจักรพรรดิจะคาดโทษฟู่จาวหนิงฟู่จิ้นเชินมองเซียวหลันยวน"จาวหนิงไม่ออกไป องค์จักรพรรดิก็คาดโทษนางไม่ได้" เซี
และถ้าสู้ชนะ...เอ่อ ต่อให้รองขุนพลของโจวติ้งเจินจะไม่ค่อยมั่นใจ ว่าท่านขุนพลจะสู้ชนะอ๋องเจวี้ยนได้ไหม?พวกเขาไม่เคยสู้กัน แต่ก็ลือกันว่าวรยุทธ์ของอ๋องเจวี้ยนแข็งแกร่งมาก...แค่ที่อ๋องเจวี้ยนลงมือเมื่อครู่ พวกเขาก็เห็นกับตากันแล้วกระโจนลงมาจากหอเมืองยังไม่เท่าไร แต่หลังจากร่อนลงมาแล้วก็ยังสามารถยืนอยู่บนหลังม้าได้ ทำให้ม้าตัวนั้นไม่กล้าจะขยับ พวกเขาเองทำไม่ได้แน่นอนยิ่งไปกว่านั้น เขาอยู่กลางอากาศก็ยังเตะขุนพลน้อยคนนั้นปลิวมาไกลขนาดนี้ กำลังภายในลึกล้ำแค่ไหนกัน?"ข้าต้องกลัวเขาด้วยเรอะ?"โจวติ้งเจินถูกยั่วยุง่ายมาก เขาอยากจะประลองกับเซียวหลันยวนมาตลอด แต่ก็ไม่เคยมีโอกาส"ท่านขุนพลไม่ต้องกลัวเขาอยู่แล้วขอรับ แต่ว่าเขาเป็นถึงอ๋องเจวี้ยน ท่านขุนพลไม่มีเหตุผลต้องไปลงมือกับเขานี่ขอรับ"รองขุนพลขวางโจวติ้งเจินเอาไว้ถ้าตอนนี้เขาออกไปสู้กับอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา เดี๋ยวจะอธิบายลำบากเปล่าๆองค์จักรพรรดิเกรงว่าก็อยากจะจัดการอ๋องเจวี้ยนอยู่ แต่ยังไม่กล้าทำอย่างโจ่งแจ้งนักถ้าหากลงมือกับอ๋องเจวี้ยนไปแบบนี้ ถึงตอนนั้นถ้าองค์จักรพรรดิต้องหาคำอธิบายกับเหล่าพระญาติและอ๋องเจวี้ยน คงได้หันมาลงโท
"หมอฟู่ออกมาก่อน ขุนพลโจวของพวกเรามีคำถาม! ทำให้การรักษาผู้ป่วยล่าช้า หมอฟู่แบกรับความรับผิดชอบนี้ไม่ไหวหรอกนะ!"ขุนพลน้อยคนนั้นยังคงตะโกนปาวๆ อยู่ใต้หอเมืองสีหน้าเซียวหลันยวนถมึงทึงไปแล้ว ถ้าไม่ใช่มีหน้ากากบังอยู่ หน้าของเขาตอนนี้คงจะดำยิ่งกว่าท้องฟ้าราตรีเสียอีกฟู่จิ้นเชินเองก็โกรธเหมือนกันเขายืนอยู่ข้างๆ เซียวหลันยวน คิดจะเตือนเขาว่าอย่าออกไปรับมือกับดจวติ้งเจินด้วยตนเอง แต่คิดไม่ถึงเลย ว่าโจวติ้งเจินจะมีความคิดไปอยู่บนตัวจาวหนิง!ตอนนี้ฟู่จาวหนิงถ้าออกไป โจวติ้งเจินจะปล่อยนางกลับมาได้อย่างไร?พวกเขาคิดแผนของโจวติ้งเจินออกแทบจะทันที"เขาคิดจะควบคุมฟู่จาวหนิงไว้ แล้วเอาจาวหนิงมาคุกคามเจ้า" ฟู่จิ้นเชินทั้งเคืองทั้งโกรธ"ฝันไปเถอะ"เซียวหลันยวนกระโจนลงมาจากหอเมืองราวกับเหยี่ยวโฉบขุนพลน้อยคนนั้นรู้สึกเหมือนมีพลังวูบหนึ่ง เงยหน้าขึ้นอย่างหวาดผวา ยังไม่ทันได้เห็นชัดว่าเป็นใคร ก็ได้ยินเสียงดังพลั่ก ส่วนตนเองถูกเตะลอยออกไปแล้วการลอยนี้ ปลิวไปไกลมาก เหมือนกับลอยตามลม หล่นกระแทกพื้นห่างไปลิบๆจุดที่ตกอยู่ใกล้กับโจวติ้งเจินและเซียวหลันยวนหลังจากถีบคนออกไปแล้ว ก็ร่อนลงมาบนหลั