เสิ่นเชี่ยวถลึงตาค้างชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศในห้องก็ตึงเครียดขึ้นมาแม้ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวจะรู้สึกว่าตนเองในอดีตจะถูกใส่ร้าย แต่ไม่ว่าอย่างไร เรื่องในตอนนั้นก็ส่งผลกระทบร้ายแรงที่ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้อ๋องเจวี้ยนหลายปีนี้มีสุขภาพย่ำแยมาตลอด ยังถูกพูดไว้ว่าจะอายุไม่ถึงสามสิบอีกด้วยสิ่งเหล่านี้ พวกของฟู่จิ้นเชินต่อมานั้นรู้อยู่ แค่ความทรงจำถูกทำให้สับสนเท่านั้น ตอนนี้ล้วนนึกออกหมดแล้วและพวกเขาที่ต้องทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน ทอดทิ้งครอบครัว ระหกระเหินมาหลายปี แทบเอาตัวไม่รอดไม่ว่าอย่างไร ระหว่างพวกเขาก็ถูกคั่นไว้ด้วยเหวลึกที่มิอาจข้ามไปได้อยู่แต่ว่าตอนนี้เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงเป็นสามีภรรยากันแล้ว!ฟู่จิ้นเชินหลังจากตกตะลึงก็คิดจะลงจากเตียงทันทีเขาประสานสายตากับเซียวหลันยวน ยื่นมามาขวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"อ๋องเจวี้ยน ถ้าท่านเกลียดชังพวกเรา ก็นำความโกรธมาลงที่พวกเราเสีย จาวหนิงตอนนั้นยังเป็นเพียงเด็กน้อย นางไม่รู้อะไรทั้งนั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง"ฟู่จาวหนิงมองแขนที่มาขวางอยู่ตรงหน้าตนเอง พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่งสภาพเขาแบบนี้ ยังคิดจะปกป้องนางอีกหรือ?"ข้
ฟู่จาวหนิงเห็นมือของเซียวหลันยวนยื่นเข้ามา เดินตรงไปหาเขา"จาวหนิง..."เสิ่นเชี่ยวคิดจะดึงนางไว้ สีหน้ากังวลเศร้าสลดแต่ฟู่จิ้นเชินก็กลับมากุมมือนางไว้ ส่ายหัวให้นาง"ก่อนหน้าพวกเรา อ๋องเจวี้ยนก็อยู่ด้วยกันกับจาวหนิงแล้ว" ฟู่จิ้นเชินเตือนเสิ่นเชี่ยวขึ้นเสียงต่ำพวกเขาแม้จะเป็นห่วง แต่พอเห็นฟู่จาวหนิงเดินไปหาอ๋องเจวี้ยนอย่างไม่ลังเล เขาเองก็เข้าใจความจริงแล้วช่วงเวลาที่ฟู่จาวหนิงอยู่กับอ๋องเจวี้ยนนั้นยาวนานกว่าเวลาที่อยู่กับพวกเขามากนักระหว่างพวกเขา ก็ควรจะยิ่งเข้าใจได้สำหรับฟู่จาวหนิง พวกเขาตอนนี้ต่างหากที่เป็นคนแปลกหน้าแม้ในใจจะเศร้าโศก แต่ฟู่จิ้นเชินก็เข้าใจขึ้นมาจุดหนึ่ง ตอนนี้พกวเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะไปชี้นกชี้ไม้กับฟู่จาวหนิง แต่ก็ยังต้องสังเกตอย่างละเอียดว่าเป้าหมายที่อ๋องเจวี้ยนแต่งงานกับฟู่จาวหนิงคืออะไรถ้าหากเขามีเป้าหมายที่ไม่ดี เช่นนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะเข้าไปสกัดห้ามให้ได้ฟู่จาวหนิงเดินมาอยู่ข้างกายเซียวหลันยวน วางมือไว้บนฝ่ามือเขาเซียวหลันยวนกำมือของนางแน่น จากนั้นก็มองไปทางฟู่จิ้นเชินและเสิ่นเชี่ยว"ท่านตรวจสอบมาได้ไม่น้อยเลย""ข้าได้ยินว่าหลายปีนี้
เสิ่นเสวียนฟังถึงตรงนี้จึงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "ดูท่า ช่วงสิบกว่าปีนี้พวกท่านเองก็ตรวจสอบมาได้ไม่น้อยเลย"พวกเขาไม่รู้เรื่องภายในเหล่านี้ แต่มาได้ยินจากฟู่จิ้นเชินเสียอย่างนั้นฟู่จิ้นเชินมองเขา"พวกเราก็น่าจะเพราะสำรวจมาถึงจุดนี้ จึงถูกคนของลัทธิเทพทำลายล้างไล่สังหารเอา เจ้าลัทธิเทพทำลายล้างคนนั้นก็ยังไม่นานด้วย เป็นไปได้มากว่าความคิดที่จะหาเจ้าลัทธิคนใหม่ยังไม่หายไปไหน พวกเขาไม่มีทางให้พวกเราเอาเรื่องพูดออกไปแน่นอน ดังนั้นจึงทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดพวกเรา""แล้วทำไมพวกเขาถึงยังไม่เอาชีวิตพวกท่าน แค่ทำให้พวกท่านความทรงจำสับสนแค่นี้หรือ?" เซียวหลันยวนถามฟู่จิ้นเชินยิ้มขืนเสิ่นเชี่ยวตอนนี้ก็พูดแทนเขาขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว"พวกเขาคิดจะเอาชีวิตพวกเรามาตลอด ไม่ใช่แค่คนของลัทธิเทพทำลายล้าง แต่ยังมีคนจากแคว้นเจาด้วย หลายปีมานี้พวกเราหลบนั่นทีนี่ที โชคดีที่สามีข้าฉลาด สามารถสลัดการล่าสังหารของพวกเขาได้ตลอด เรื่องร้ายจึงกลายเป็นดีได้"ถ้าหากไม่ใช่เพราะฟู่จิ้นเชินฉลาดสุขุมล่ะก็ พวกเขาคงตายไปไม่รู้ตั้งแต่กี่ปีก่อนแล้วแต่แม้จะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ก็ยังถูกวางแผนใส่หลายต่อหลายครั้งอยู่ พวกเขาทั้
"คุณ พวกเรา พวกเรายังไม่ได้พูดถึงเฟยเอ๋อร์เลย..."เสิ่นเชี่ยวกุมมือเขาแน่นขึ้นไปอีก สั่นเทิ่มขึ้นมาทั้งตัว ในใจเหมือนถูกมือข้างหนึ่งบีบเอาไว้ เจ็บปวดจนแทบไม่ไหวชีวิตของพวกเขา ลืมลูกสาวไปคนหนึ่ง แล้วยังทำลูกชายอีกคนหนึ่งหายไปลูกสาวยังไม่รู้ว่ามีน้องชายอีกคนหนึ่ง"ข้า ข้าเมื่อครู่ไม่กล้าพูด พวกเราเพิ่งเจอกับลูกสาว ถ้าหากบอกนางไป ว่านางยังมีน้องชายอีกคน นางจะเสียใจไหม?""นาง..."ฟู่จิ้นเชินคิดถึงคำพูดที่ฟู่จาวหนิงพูดกับเขามาก่อนหน้านี้ ถอนหายใจ "นางน่าจะรู้แล้ว"เขาตอนนั้นยังไม่รู้ว่านี่คือลูกสาวของเขา จึงเคยพูดเรื่องเฟยเอ๋อร์ไปแล้วว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้ฟู่จาวหนิงคงจะรู้แล้วแน่ๆ"นาง นางรู้หรือ?"เสิ่นเชี่ยวตกตะลึงฟู่จิ้นเชินยื่นมือมาตบลงบนหลังมือนาง "ฮูหยิน เจ้าตอนนี้พูดเรื่องเฟยเอ๋อร์ได้แล้วหรือ?"จะไม่อาการกำเริบแล้วใช่ไหม?เสิ่นเชี่ยวงงงันไปครู่หนึ่ง "ใช่..."ทั้งปวดใจ อยากจะหาตัวเฟยเอ๋อร์ แต่นางก็เหมือนจะไม่มีอาการกำเริบแล้ว"ลูกสาวของพวกเรา วิชาแพทย์ยอดเยี่ยมมาก" ฟู่จิ้นเชินถอนหายใจยาวอีกครั้ง เขารู้สึกภูมิใจ แต่ก็เสียใจมากด้วย เพราะหลายปีนี้จาวหนิงจะต้องเจอเรื่องลำบ
ในช่วงยาวนานที่ผ่านมา เรื่องนี้พาดอยู่ระระหว่างพวกเขา ทำให้ส่วนลึกของความรู้สึกพวกเขากลับเหมือนมีกำแพงมากั้นกันไว้ จะอย่างไรก็ไม่อาจใกล้ชิดกันได้เลยตอนนี้เซียวหลันยวนพูดมาเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็พลิกกุมมือเขาทันทีทั้งสองคนมองอีกฝ่าย ในดวงตาสะท้อนหน้าตาของอีกฝ่ายออกมา"แฮ่ม" เสิ่นเสวียนกระแอมขึ้นมาเสียงหนึ่งสนใจเขาหน่อยก็ดีนะเขายังอยู่ที่นี่นา สายตาที่พวกเขาสบกันแทบจะเหนียวจนยืดเป็นเส้นอยู่แล้วฟู่จาวหนิงหน้าร้อนผะผ่าว มองไปทางเขา"ท่านลุง ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ?"เสิ่นเสวียนพยักหน้า "ไม่น่าใช่นางที่วางยา พวกเขาไม่รู้ว่าพบเรื่องนี้หรือเปล่า เสิ่นเชี่ยวแม้จะไม่ใช่คนถนัดซ้าย แต่ว่าพอนางใช้ช้อน กลับใช้มือซ้ายขึ้นมา""อ๋า?""อื๋อ?"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนตะลึงงันไปเสิ่นเสวียนหัวเราะ "เพราะนางเป็นน้องสาวข้า การสังเกตของข้าส่วนใหญ่เลยอยู่บนตัวนาง ก่อนหน้านี้ข้าเองก็เคยมองพวกเขากินข้าวอยู่"แล้วยังมองอยู่นอกหน้าต่างตั้งนานสองนาน"เย็นวันนั้นตอนที่ข้ากับหลันยวนกำลังคุยกันเรื่องนี้ เขาตรวจสอบเรื่องในปีนั้นไว้ละเอียดมาก กระทั่งยังจัดวางคนในจำนวนที่เท่ากันที่ห้องตำหนักนั้นเพื่อดูสถา
"แล้วก็ ข้ายังเคยถามท่านผู้เฒ่าฟู่แล้ว ท่านผู้เฒ่าฟู่เคยบอกว่า ภรรยาของลูกชายเขาเป็นคนที่ละเอียดอ่อนโยนมาก พวกเด็กๆ เหล่านั้นในตระกูลหลิน ตอนยังเล็กนางก็เคยไปช่วยดูแลอยู่ไม่น้อย แล้วคนเหล่านั้นที่เคยพักอยู่ในบ้านตระกูลฟู่ พวกพี่สาวญาติห่างๆ ของเจ้าเหล่านั้นน่ะ ตอนเด็กๆ นางก็เคยมาป้อนข้าวให้อยู่บ่อยๆ"เสิ่นเสวียนเอ่ยเรื่องบางส่วนขึ้นมาอย่างมั่นคง"ท่านผู้เฒ่าฟู่เคยบอก ว่าพวกแม่แท้ๆ ป้อนได้ไม่ดี แต่นางกลับป้อนได้อย่างละเอียด ไม่ได้ป้อนยัดเข้าเต็มปากให้กับเด็กๆ แต่ว่างานเลี้ยงวังครั้งนั้น พูดกันแต่ว่าหลันยวนถูกกรอกยาใช่ไหม?""ใช่" เซียวหลันยวนเองก็ยอมรับตรงๆ"ใช้คำว่ากรอก แล้วตอนนั้นใบหน้า คอเสื้อกับคอของเจ้าก็คงจะต้องสกปรกไปหมดใช่ไหม?""ใช่""ดังนั้นจุดนี้ก็ไม่สอดคล้องกับนิสัยของนาง"เซียวหลันยวนพยักหน้า"ข้าเชื่อ ว่าไม่ใช่นางที่กรอกพิษให้กับข้า""เป็นไปได้มากว่าตอนที่นางไปถึง มีคนยัดชามให้กับนาง จากนั้นก็ใช้วิธีการอะไรทำให้นางสมองโล่ง ลืมเรื่องก่อนหน้าไป หรือบางทีตอนนั้นนางอาจกำลังป่วยพอดี หรือก็คือช่วงที่แต่ก่อนในหัวตนเองมักมีภาพแปลกๆ ปรากฏออกมาอยู่เสมอนั่นเอง"เสิ่นเสวียนพูด
เดิมทีคิดว่าในที่สุดพอตรวจสอบเรื่องในตอนนั้นชัดเจนแล้ว เซียวหลันยวนที่อย่างน้อยคืนนี้ก็น่าจะบอกความในใจกับนางได้: ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าควรพูดอะรไ"เด็กโง่ ข้าไม่ได้ป่าเถื่อนขนาดนั้นเสียหน่อย คิดอะไรกันน่ะ"เขางึมงำเสียงต่ำ โอบนางไว้แน่นคืนนี้นางเหนื่อยเอามากๆ เขาจะไปคิดเรื่องพวกนั้นได้อย่างไร? ก็แค่อยากจะคุยกับนางให้มากหน่อยแค่นั้น ไม่คิดว่านางจะง่วงขนาดนี้แต่อารมณ์ของเซียวหลันยวนตอนนี้ก็ผ่อนคลายมากไม่ได้ผ่อนคลายแบบนี้มาหลายปีแล้ว เขาโอบฟู่จาวหนิงไว้ จูบลงไปบนเส้นผมนาง หลับตาลง เพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไป"ส่งคนออกไปหาทันที หาตัวอ๋องเจวี้ยนออกมาให้ข้าให้ได้!"ในวังจักรพรรดิต้าชื่อ องค์จักรพรรดิกำลังรับสั่งเสียงขรึมกับองครักษ์ลับหน้าดำคร่ำเครียด"ขอรับ"องครักษ์พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วไฟเทียนในวังบรรทมยังสว่างไสว ส่องใบหน้าที่เปลี่ยนไปมาระหว่างความสดใสกับมืดครื้มขององค์จักรพรรดิ ทำให้เขาดูแล้วน่ากลัวหน่อยๆ"ใครก็ได้"ขันทีที่คอยเฝ้าอยู่ด้านนอกก็โค้งตัวเดินเข้ามา"ฝ่าบาท?""เตรียม..."องค์จักรพรรดิเดิมทีจะพูดว่าเตรียมไปยังวังบรรทมขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่คำพูดมาถึงมุมป
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ ยิ่งไปกว่านั้นการที่องค์จักรพรรดิจู่ๆ ก็แอบเข้ามาในตำหนักบรรทมนาง ทำให้ในใจนางรู้สึกหวาดกลัวอยู่"องค์จักรพรรดิ ข้า ข้าไม่รู้ว่าเขาคืออ๋องเจวี้ยน ข้าแค่มองเขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเท่านั้น""โอ๋? เจ้าไม่รู้หรือ?""ใช่แล้ว เขาไม่ใช่ว่าช่วยชีวิตข้าไว้วันที่ข้ากลับวังมาหรอกหรือ? ข้าก็แค่อยากจะขอบคุณเขาอยู่ตลอด แต่เขาเองก็แปลกคน ไม่เข้าวังเพื่อขอพบ แล้วก็ยังไม่บอกข้าด้วยว่าต้องการอะไร ข้าเองก็ไม่ใช่พวกที่จะติดค้างบุญคุณคนอื่นไปเรื่อยๆ ด้วย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูดไปด้วย พลางขยับตัวเข้าด้านในอย่างระมัดระวังตัวไปด้วย ห่างจากองค์จักรพรรดิให้มากหน่อย"แล้วครั้งนี้ที่เจ้าไปพบเขา พูดอะไรไปบ้าง? มีคำพูดที่ว่าบุญคุณช่วยชีวิตต้องตอบแทนด้วยชีวิต ฝูอวิ้น เจ้าคงไม่ได้คิดจะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนเพื่อตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตเขาใช่ไหม?"เสียงองค์จักรพรรดิยังเรียบสงบ นั่งนิ่งอยู่ข้างเตียงไม่ขยับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกแปลกประหลาดมากองค์จักรพรรดิคิดจะทำอะไรกันแน่? เขาต้องการให้นางจดจำบุญคุณนี้ หรือว่าไม่ต้องตอบแทนบุญคุณนี้กัน?นางแอบคิดไปด้วย พลาง