ในช่วงยาวนานที่ผ่านมา เรื่องนี้พาดอยู่ระระหว่างพวกเขา ทำให้ส่วนลึกของความรู้สึกพวกเขากลับเหมือนมีกำแพงมากั้นกันไว้ จะอย่างไรก็ไม่อาจใกล้ชิดกันได้เลยตอนนี้เซียวหลันยวนพูดมาเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็พลิกกุมมือเขาทันทีทั้งสองคนมองอีกฝ่าย ในดวงตาสะท้อนหน้าตาของอีกฝ่ายออกมา"แฮ่ม" เสิ่นเสวียนกระแอมขึ้นมาเสียงหนึ่งสนใจเขาหน่อยก็ดีนะเขายังอยู่ที่นี่นา สายตาที่พวกเขาสบกันแทบจะเหนียวจนยืดเป็นเส้นอยู่แล้วฟู่จาวหนิงหน้าร้อนผะผ่าว มองไปทางเขา"ท่านลุง ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ?"เสิ่นเสวียนพยักหน้า "ไม่น่าใช่นางที่วางยา พวกเขาไม่รู้ว่าพบเรื่องนี้หรือเปล่า เสิ่นเชี่ยวแม้จะไม่ใช่คนถนัดซ้าย แต่ว่าพอนางใช้ช้อน กลับใช้มือซ้ายขึ้นมา""อ๋า?""อื๋อ?"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนตะลึงงันไปเสิ่นเสวียนหัวเราะ "เพราะนางเป็นน้องสาวข้า การสังเกตของข้าส่วนใหญ่เลยอยู่บนตัวนาง ก่อนหน้านี้ข้าเองก็เคยมองพวกเขากินข้าวอยู่"แล้วยังมองอยู่นอกหน้าต่างตั้งนานสองนาน"เย็นวันนั้นตอนที่ข้ากับหลันยวนกำลังคุยกันเรื่องนี้ เขาตรวจสอบเรื่องในปีนั้นไว้ละเอียดมาก กระทั่งยังจัดวางคนในจำนวนที่เท่ากันที่ห้องตำหนักนั้นเพื่อดูสถา
"แล้วก็ ข้ายังเคยถามท่านผู้เฒ่าฟู่แล้ว ท่านผู้เฒ่าฟู่เคยบอกว่า ภรรยาของลูกชายเขาเป็นคนที่ละเอียดอ่อนโยนมาก พวกเด็กๆ เหล่านั้นในตระกูลหลิน ตอนยังเล็กนางก็เคยไปช่วยดูแลอยู่ไม่น้อย แล้วคนเหล่านั้นที่เคยพักอยู่ในบ้านตระกูลฟู่ พวกพี่สาวญาติห่างๆ ของเจ้าเหล่านั้นน่ะ ตอนเด็กๆ นางก็เคยมาป้อนข้าวให้อยู่บ่อยๆ"เสิ่นเสวียนเอ่ยเรื่องบางส่วนขึ้นมาอย่างมั่นคง"ท่านผู้เฒ่าฟู่เคยบอก ว่าพวกแม่แท้ๆ ป้อนได้ไม่ดี แต่นางกลับป้อนได้อย่างละเอียด ไม่ได้ป้อนยัดเข้าเต็มปากให้กับเด็กๆ แต่ว่างานเลี้ยงวังครั้งนั้น พูดกันแต่ว่าหลันยวนถูกกรอกยาใช่ไหม?""ใช่" เซียวหลันยวนเองก็ยอมรับตรงๆ"ใช้คำว่ากรอก แล้วตอนนั้นใบหน้า คอเสื้อกับคอของเจ้าก็คงจะต้องสกปรกไปหมดใช่ไหม?""ใช่""ดังนั้นจุดนี้ก็ไม่สอดคล้องกับนิสัยของนาง"เซียวหลันยวนพยักหน้า"ข้าเชื่อ ว่าไม่ใช่นางที่กรอกพิษให้กับข้า""เป็นไปได้มากว่าตอนที่นางไปถึง มีคนยัดชามให้กับนาง จากนั้นก็ใช้วิธีการอะไรทำให้นางสมองโล่ง ลืมเรื่องก่อนหน้าไป หรือบางทีตอนนั้นนางอาจกำลังป่วยพอดี หรือก็คือช่วงที่แต่ก่อนในหัวตนเองมักมีภาพแปลกๆ ปรากฏออกมาอยู่เสมอนั่นเอง"เสิ่นเสวียนพูด
เดิมทีคิดว่าในที่สุดพอตรวจสอบเรื่องในตอนนั้นชัดเจนแล้ว เซียวหลันยวนที่อย่างน้อยคืนนี้ก็น่าจะบอกความในใจกับนางได้: ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าควรพูดอะรไ"เด็กโง่ ข้าไม่ได้ป่าเถื่อนขนาดนั้นเสียหน่อย คิดอะไรกันน่ะ"เขางึมงำเสียงต่ำ โอบนางไว้แน่นคืนนี้นางเหนื่อยเอามากๆ เขาจะไปคิดเรื่องพวกนั้นได้อย่างไร? ก็แค่อยากจะคุยกับนางให้มากหน่อยแค่นั้น ไม่คิดว่านางจะง่วงขนาดนี้แต่อารมณ์ของเซียวหลันยวนตอนนี้ก็ผ่อนคลายมากไม่ได้ผ่อนคลายแบบนี้มาหลายปีแล้ว เขาโอบฟู่จาวหนิงไว้ จูบลงไปบนเส้นผมนาง หลับตาลง เพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไป"ส่งคนออกไปหาทันที หาตัวอ๋องเจวี้ยนออกมาให้ข้าให้ได้!"ในวังจักรพรรดิต้าชื่อ องค์จักรพรรดิกำลังรับสั่งเสียงขรึมกับองครักษ์ลับหน้าดำคร่ำเครียด"ขอรับ"องครักษ์พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วไฟเทียนในวังบรรทมยังสว่างไสว ส่องใบหน้าที่เปลี่ยนไปมาระหว่างความสดใสกับมืดครื้มขององค์จักรพรรดิ ทำให้เขาดูแล้วน่ากลัวหน่อยๆ"ใครก็ได้"ขันทีที่คอยเฝ้าอยู่ด้านนอกก็โค้งตัวเดินเข้ามา"ฝ่าบาท?""เตรียม..."องค์จักรพรรดิเดิมทีจะพูดว่าเตรียมไปยังวังบรรทมขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่คำพูดมาถึงมุมป
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ ยิ่งไปกว่านั้นการที่องค์จักรพรรดิจู่ๆ ก็แอบเข้ามาในตำหนักบรรทมนาง ทำให้ในใจนางรู้สึกหวาดกลัวอยู่"องค์จักรพรรดิ ข้า ข้าไม่รู้ว่าเขาคืออ๋องเจวี้ยน ข้าแค่มองเขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเท่านั้น""โอ๋? เจ้าไม่รู้หรือ?""ใช่แล้ว เขาไม่ใช่ว่าช่วยชีวิตข้าไว้วันที่ข้ากลับวังมาหรอกหรือ? ข้าก็แค่อยากจะขอบคุณเขาอยู่ตลอด แต่เขาเองก็แปลกคน ไม่เข้าวังเพื่อขอพบ แล้วก็ยังไม่บอกข้าด้วยว่าต้องการอะไร ข้าเองก็ไม่ใช่พวกที่จะติดค้างบุญคุณคนอื่นไปเรื่อยๆ ด้วย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูดไปด้วย พลางขยับตัวเข้าด้านในอย่างระมัดระวังตัวไปด้วย ห่างจากองค์จักรพรรดิให้มากหน่อย"แล้วครั้งนี้ที่เจ้าไปพบเขา พูดอะไรไปบ้าง? มีคำพูดที่ว่าบุญคุณช่วยชีวิตต้องตอบแทนด้วยชีวิต ฝูอวิ้น เจ้าคงไม่ได้คิดจะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนเพื่อตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตเขาใช่ไหม?"เสียงองค์จักรพรรดิยังเรียบสงบ นั่งนิ่งอยู่ข้างเตียงไม่ขยับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกแปลกประหลาดมากองค์จักรพรรดิคิดจะทำอะไรกันแน่? เขาต้องการให้นางจดจำบุญคุณนี้ หรือว่าไม่ต้องตอบแทนบุญคุณนี้กัน?นางแอบคิดไปด้วย พลาง
"องค์จักรพรรดิขอแค่เข้าหาอ๋องเจวี้ยนดีดี ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ ทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นแขก เกิดความสนใจต่อต้าชื่อ มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับต้าชื่อ ถ้าข่าวส่งไปถึงแคว้นเจา คงทำให้องค์จักรพรรดิแคว้นเจารู้สึกได้ว่าผิดปกติ และจะยิ่งกริ่งเกรงอ๋องเจวี้ยนขึ้นไปอีก"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีไม่คิดจะพูดคำพูดพวกนี้ออกมาแต่ครั้งนี้องค์จักรพรรดิมานั่งอยู่บนเตียงนางตอนดึกดื่นขนาดนี้ ทำให้นางตกใจผวาจริงๆ ดังนั้นนางจึงต้องรีบงัดไพ่บางส่วน่กับความในใจพูดออกมา เพื่อทำให้องค์จักรพรรดิรู้สึกมั่นคง"ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิแคว้นเจาอ่อนไหวและขี้ระแวงมาก แล้วยังริษยาอ๋องเจวี้ยนมาแต่ไหนแต่ไรอีก หากเขารู้ว่าอ๋องเจวี้ยนมาต้าชื่อเพียงลำพัง แล้วยังมาสนิทสนมกับท่านอีก เขาจะคิดอย่างไรแล้วทำอย่างไร?"องค์จักรพรรดิฟังเข้าหูแล้ว "องค์จักรพรรดิแคว้นเจาจะต้องเคลื่อนไหวต่อตัวอ๋องเจวี้ยนแน่""ถูกต้อง ถ้าเขามีการเคลื่อนไหวที่ตื่นเต้นเกินไป เช่นนั้นก็เท่ากับบีบอ๋องเจวี้ยนให้ออกไป ถึงตอนนั้นพออ๋องเจวี้ยนไม่มีที่พึ่งพิง ไม่ใช่มีเพียงต้องมายังต้าชื่อแห่งนี้เท่านั้นหรอกหรือ?""โอ...""ยังมีอีกเรื่อง องค์จักรพรรดิน่
ชื่อเสียงหมอเทวดาฟู่ แทบจะลือไปทั่วเมืองหลวงต้าชื่อแล้วเหอเซี่ยนอันสามารถใช้สองขาเดินเหินได้ปกติ ก็ทำเอาคนที่รู้อาการป่วยของเขาต้องถลึงตาอ้าปากค้างต้าชื่อมีหมอตั้งมากมาย รวมถึงหมอหลวงก็ยังรักษาขาที่พิการไม่หาย แต่แค่ไม่กี่วันก็รักษาหายได้แล้วและคุณชายตระกูลหลินกับตระกูลหลิว เดิมทีก็มีคนมากมายกำลังรอจัดงานศพให้แล้ว เพราะล้วนพูดกันว่าไม่รอดแน่นอนแต่รออยู่หลายวัน ประตูบ้านทั้งสองตระกูลก็ไม่ได้แขวนโคมขาวเสียทีตอนประชุมเช้า นายท่านหลิวกับรองผู้บัญชาการหลินก็ไป ทั้งสองคนดูสีหน้าไม่มีความโศกเศร้าเลยเหล่าขุนนางจึงอดเข้าไปสอบถามไม่ได้นายท่านหลิวกับรองผู้บัญชาการหลินก็ไม่ปิดบังอะไร ลูกชายบ้านของตนเองยังไม่ตาย คงจะมาบอกว่าตายแล้วไม่ได้สิ อัปมงคลตายดังนั้นพวกเขาจึงพูดว่า "ไม่ต้องกังวลถึงชีวิตแล้ว แค่ตัวคนยังต้องคอยพักฟื้นต่อ""ถึงอย่างไรก็บาดเจ็บอยู่ ถัดจากนี้คงต้องคอยให้เด็กคนนั้นอยู่แต่ในบ้านแล้วดูแลให้ดี"พวกเขาพูดเช่นนี้ นั่นก็คือช่วยชีวิตไว้ได้แล้วองค์จักรพรรดิเองก็ได้ยินเรื่องเหล่านี้ด้วยที่นี่ถึงอย่างไรก็คือต้าชื่อ จะอย่างไรเขาก็เป็นองค์จักรพรรดิพอส่งคนไปตรวจสอบ ก็พบว่
เขาขนาดเกิดความคิดกบฏขึ้นแล้วด้วยซ้ำ คนอื่นยิ่งพูดว่าตระกูลเสิ่นดี เขาก็ยิ่งอยากจะทำลายตระกูลเสิ่นหลายปีนี้เขาคอยสะกดตระกูลเสิ่นเอาไว้ตลอด แต่ตระกูลเสิ่นในช่วงเวลาสำคัญก็มักจะเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี เขาเองก็ทำได้แค่ค่อยๆ ไปเป็นขั้นเป็นตอน จัดคนบางส่วนให้ไปแต่งงานดองญาติกับตระกูลเสิ่น คนเหล่านั้นก็ล้วนถูกเขาส่งคนไปล้างสมองก่อนทั้งสิ้น หลังจากกลายเป็นคนตระกูลเสิ่นนานวันเข้าก็คิดจะฉีกความสามัคคีของตระกูลเสิ่นออกจากกันตอนนี้เองก็เริ่มเห็นผลแล้วตอนนี้ถ้าเขายังดึงฟู่จาวหนิงมาอยู่ข้างกายได้อีก เช่นนั้นฟู่จาวหนิงก็น่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง"ให้คนไปตรวจสอบอย่างละเอียด ตรวจสอบความสัมพันธ์ของฟู่จาวหนิงกับเสิ่นเสวียนอย่างละเอียด จากนั้นก็๖รวจสอบว่านางกับอ๋องเจวี้ยนมีความรู้สึกอย่างไรต่อกัน"ถ้ารู้ว่าความสัมพันธ์สามีภรรยาของอ๋องเจวี้ยนเป็นอย่างไร เขาจึงสามารถวางแผ่นขั้นต่อไปได้"ขอรับ""ฝ่าบาท แล้วเรื่องงานอภิเษกขององค์หญิงใหญ่ล่ะ?" ขุนนางบางส่วนถามเรื่องนี้ขึ้นมาอีกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอายุสิบแปดปีแล้วแม่นางที่อายุสิบแปด ก็ไม่ควรจะต้องมาอยู่ในวังหลังอีกจริงๆ จะถูกคนอื่นเอาไปพูดกันต่างๆ
ซือถูไป๋ตกตะลึงไปแล้วแต่เขาก็เข้าใจขึ้นมาได้ทันทีฟู่จาวหนิงน่าจะเจอกับหมอเจี่ยแล้ว และเห็นเอ็นมังกรหยกแล้วด้วยไม่รู้ว่านางใช้วิธีการไหน จึงทำให้หมอเจี่ยมอบเอ็นมังกรหยกให้นางแต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาตอนนี้ก็เสียโอกาสที่จะเอาวัตถุดิบยานี้ให้ฟู่จาวหนิงไปแล้วเหมือนจะช้าไปก้าวหนึ่งหรือนี่จะเป็นวาสนาที่มักจะคลาดกันอยู่ตลอดของพวกเขา? ซือถูไป๋รู้สึกขมขื่นในใจ"นี่ เจ้าเด็กน้อย ข้าได้ยินว่าตาแก่หน้าด้านของบ้านเจ้าจะเบีบให้เจ้าเป็นราชบุตรเขยหรือ เจ้ายังไม่รีบไปทำคะแนนต่อหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอีก?"ผู้อาวุโสจี้มองสภาพซือถูไป๋ แล้วก็อดกระทุ้งขึ้นมาคำหนึ่งไม่ได้ดูเหมือนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก่อนหน้านี้ก็ให้ความสำคัญกับเขาอยู่นะ ยังดูมีโอกาสอยู่ในสมองซือถูไป๋ปรากฏใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่ไม่นานก็ถูกใบหน้าฟู่จาวหนิงเข้ามาทับแทนที่ เขาปวดใจเหลือเกินถ้าหากเจอกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก่อน บางทีอาจจะอยู่ในใจเขาไปแล้วแต่ความรักบนโลกมนุษย์ทำไมถึงไม่อยู่ในการควบคุมแบบนี้กัน? หลายวันนี้เขาหาฟู่จาวหนิงไม่เจอ รู้สึกแต่ว่าโลกใบนี้มันว่างเปล่าเสียเหลือเกิน"ผู้อาวุโสจี้" เขาขวางผู้อาวุโสจี้