"เรื่องลุงคนโตของเจ้า ข้าจะจับตาไว้ให้ เจ้าเองก็ยุ่งมากพอแล้ว ฟังลุงเถอะ ออกจากต้าชื่อไปก่อนดีกว่า"เซียวหลันยวนเดินเข้ามา กุมมือฟู่จาวหนิงไว้"หนิงหนิง พวกเราไปสมาคมหมอใหญ่เถอะ"เดิมทีฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าไม่ต้องไปไวนัก แต่ว่าตอนนี้เสิ่นเสวียนวิเคราะห์ให้นางออกไปแล้ว นางก็ทำได้แค่ต้องเชื่อฟัง"เช่นนั้นพวกเขา..."ฟู่จาวหนิงมองไปทางด้านที่พวกฟู่จิ้นเชินอยู่เซียวหลันยวนพูดต่อมาให้ "พวกเขารออีกสามวันได้ หลังจากร่างกายดีขึ้นค่อยออกเดินทาง ข้าทิ้งองครักษ์เงามังกรไว้แล้ว ถึงตอนนั้นจะส่งพวกเขากลับเมืองหลวงแคว้นเจาเอง"แม้ว่าเขาจะเชื่อว่าการวางยาครั้งนั้นไม่เกี่ยวขอ้งกับเสิ่นเชี่ยว แต่ก็ยังไม่อยากร่วมเดินทางกับพวกเขานั่นเป็นพ่อตาแม่ยายเลยนะ ถ้าตลอดทางเอาแต่มาใช้สายตาที่ยากจะอธิบายจ้องมองเขา เขาจะใกล้ชิดกับจาวหนิงอย่างไรกัน?แล้วเขาเองก็ไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงคอยดูแลพวกเขาไปตลอดทางด้วยพวกเขาเองก็ไม่เคยเลี้ยงดูนางมาเลยสักวัน ตอนนี้ถือดีอย่างไรให้นางมาคอยดูแลตลอดทาง? เขาเป็นห่วงว่านางเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว"การจัดวางของหลันยวนใช้ได้" เสิ่นเสวียนเองก็เอ่ยขึ้น "ตากับยายของเจ้าก็มาเมืองหลวงจั
"ท่านพ่อ พี่หญิงฟู่บอกว่า เสิ่นเสวียนคือลุงของนาง" เหอเซียนอันจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นกับผิงเหอกงผิงเหอกงใจเต้นขึ้นมา"ไม่ใช่แค่เรียกกันเพราะสนิทหรอกหรือ?""ไม่ใช่ นางบอกกับข้าอย่างตั้งใจเลย เสิ่นเสวียนคือลุงของนาง"เหอเซี่ยนอันพูด หยิบหนังสือเล่มหนึ่งในมือออกมา กลยุทธ์ทางการทหาร ก่อนที่ฟู่จาวหนิงจะออกไปยังพูดคำพูดมาส่วนหนึ่ง ถ้าแต่ก่อนคนอื่นมาพูดอะไรเขาก็ฟังไม่เข้าหูทั้งนั้น แต่ไม่รู้ทำไมสิ่งที่ฟู่จาวหนิงบอกกับเขา เขาฟังเข้าไปจนหมด"นางทำไมถึงมาพูดกับเจ้าเรื่องนี้กัน?" ผิงเหอกงดวงตามีความสงสัยเหอเซี่ยนอันเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง ร้องเฮอะขึ้นมา "ท่านอย่าคิดมากเลย ก็แค่ข้าไปถามนางเองเท่านั้น ตอนนั้นข้าพูดกับนาง ว่าแม่ข้าเป็นองค์หญิงใหญ่ พี่สาวขององค์จักรพรรดิ ถ้านางอยากจะอยู่ในต้าชื่อข้าช่วยนางได้ แล้วจะเปิดโรงหมอที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงจักรพรรดิให้ หลังจากนี้กระทั่งองค์จักรพรรดิก็ยังจะกลายเป็นภูเขาที่พึ่งพาสำหรับนาง จะไม่มีใครมาหาเรื่องให้นางต้องลำบากใจ"ผิงเหอกง:แม่ของเจ้าคงได้ขอบคุณเจ้าแน่!เจ้าเด็กโง่คนนี้ องค์จักรพรรดิยังแสดงความเคารพต่อแม่ของเขาที่เป็นพี่สาวคนโตอย่างผิวเผินเท่านั้น เ
รองผู้บัญชาการหลินกับนายท่านหลิวพอเจอหน้ากันก็พูดเรื่องนี้ แต่ว่าพวกเขาสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนก็มองออกถึงความหมายของอีกฝ่ายทันที"ข้าไม่สนใจตัวตนฐานะนาง สรปคือ นางช่วยเหลือลูกชายพวกเราไว้ ก็ต้องยอมรับบุญคุณของนาง""ยิ่งไปกว่านั้นก็ดูด้วยว่าตระกูลเสิ่นต้องการอะไรบ้าง ถึงเวลาก็เข้าไปช่วยเหลือแล้วกัน""ข้าบอกกับพวกพี่เขยน้องสะใภ้เหล่านั้นแล้ว ว่าให้คอยแอบช่วยเหลือบ้านตระกูลเสิ่นด้วย""อืม ข้าทางนี้ก็เตรียมตัวด้วยเหมือนกัน หมอเทวดาฟู่จะออกจากต้าชื่อ แตว่าในเมื่อเรียกเสิ่นเสวียนว่าลุง พวกเราก็ต้องช่วย"ตอนที่องค์จักรพรรดิส่งคนออกตามหาเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิง คนเหล่านี้ล้วนลอบลงมือ จึงโยนระเบิดควันมาหลายลูก เรียกความสนใจพวกทหารทางการออกไปได้พอดี ยืดเวลาปิดประตูเมืองไปได้หน่อย ดังนั้นจึงทำให้ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนออกจากเมืองไปได้ทันทหารทางการที่องค์จักรพรรดิส่งมาค้นเมืองหลวงจักรพรรดิอยู่จนแทบจะทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่พบตัวอ๋องเจวี้ยน กระทั่งหมอเทวดาฟู่ที่เพิ่งจะถูกเปิดโปงตัวตนฐานะว่าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็ยังหาไม่พบสองวันต่อมาถึงมีข่าวยืนยัน แจ้งว่าอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ย
ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจู่ๆ ก็จะถามเช่นนี้"ใช่ไหม?"เซียวหลันยวนเห็นนางไม่ตอบ จึงถามมาอีกครั้ง"ใช่สิ"ฟู่จาวหนิงมองเขาเหมือนจะใส่ใจกับคำตอบนี้มาก จึงพยักหน้าให้อย่างจริงใจนางยังไม่เคยเห็นหน้าตาของเซียวหลันยวนตอนที่สมบูรณ์เลย แต่ตอนนี้เหลืออยู่แค่แผลเป็นพิษเล็กๆ เท่านั้น หลักๆ คือมองออกแล้วเขามีคิ้วเข้ม สั่นจมูกโด่งราวมีด ริมฝีปากสวยงาม ใบหน้าเรียบเนียนคมชัด ดวงตาลึกซึ้ง ราวกับฟ้าราตรีประดับด้วยแสงดาวใบหน้าเซียวหลันยวนนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ยิ่งไปกว่นั้นยังเป็นแบบที่นางชอบด้วยรูปตาจมูกริมฝีปากของเขา และยังคางที่ทั้งแข็งแกร่งอ่อนโยนนั่นก็ตรงกับเสปกของนางพอดี เป็นแบบที่นางชอบมากที่สุดฟู่จาวหนิงกระทั่งรู้สึกว่า ตนเองตอนแรกแม้จะไปขอแต่งงานกับเขาเพราะตัวตนฐานะ แต่ต่อมาก็ยืนหยัดได้เพราะหน้าตาของเขาจริงๆไม่เช่นนั้นพวกเขาที่ยังมีความสัมพันธ์แบบคู่แค้นเช่นนี้ นางคงจะหาวิธีการปลีกตัวออกจากเขานานแล้วถึงจะถูก"ท่านเป็นแบบที่ข้าชอบมากที่สุด"เซียวหลันยวนมองนางนิ่ง แสงดาวในดวงตาราวกับทำให้ใจของคนอุ่นวาบขึ้นมาฟู่จาวหนิงแทบจะจมลงไปในดวงตาของเขาแต่นางชะงักไปครู่หนึ่ง ทำตัว
เซียวหลันยวนรู้สึกจำใจเหลือเกินวันคืนเหล่านั้นในเมืองหลวงจักรพรรดิ วันไหนบ้างที่นางไม่ยุ่งจนเท้าแทบไม่แตะพื้น? ในสถานการณ์เช่นนั้นเขาจะไปทรมานนางอีกได้อย่างไร?หลังจากออกจากเมืองหลวง เขาก็พบปัญหานี้อีก พวกเขาต้องอยู่บนเส้นทางตลอดต่อให้ไปถึงเมืองจี้ ก็ญังต้องพักในโรงเตี๊ยมครั้งแรกของเขากับจาวหนิง ต้องไม่ใช่แบบนี้"ท่านอาจารย์บอกว่า ที่เมืองจี้มีสาขาของพันธมิตรโอสถใต้หล้า ถึงตอนนั้นพกวเราไปพักที่พันธมิตรโอสถได้"ฟู่จาวหนิงมองเขา ในดวงตาเผยประกายยิ้ม"นั่นก็ยังเป็นสถานที่ของคนอื่น ไม่สะดวกเอาเสียเลย แล้วยังไม่ยุติธรรมกับเจ้าด้วย"เซียวหลันยวนอยากให้ครั้งแรกของพวกเขาอยู่ที่บ้านตนเอง อยู่บนเตียงไม้ที่กว้างหน่อย บนผ้าห่มสีแดง มีเทียนแดงมงคลไม่มีคนมารบกวน สามารถหวานชื่นกันได้อย่างสุดอารมณ์นิสัยประหลาดนี้ของเขา ฟู่จาวหนิงก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว"เช่นนั้นท่านก็ทนเอาหน่อยแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงผละออกจากตัวเขานั่งขึ้นมา หยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดมือเซียวหลันยวนเข้ามาหา จูบลงไปที่ต้นคอของนางระหว่างทั้งสองคนพอไม่มีเรื่องที่เสิ่นเชี่ยววางยาในครั้งนั้น ความสัมพันธ์ก็ใกล้ชิดกันมากขึ้นพอควร ก่อนหน
"ศิษย์พี่รองของเจ้าไม่ติดใจหรอก" ผู้อาวุโสจี้โบกไม้โบกมือไม่ใส่ใจต่งฮ่วนจือหัวเราะขึ้นมา คารวะให้กับฟู่จาวหนิง ดูแล้วก็ไม่ได้ติดใจอะไรจริงๆ"ศิษย์น้องหญิง ได้ยินคำเล่าลือมาตลอด เพิ่งได้มาพบหน้ากัน ท่านอาจารย์ปีที่แล้วเขียนจดหมายหาพวกเรา บนจดหมายมีแต่คำชมตัวเจ้า วันนี้พอได้เห็น ก็รู้สึกว่าท่านอาจารย์ไม่ได้พูดเกินจริงเลย""คารวะศิษย์พี่รอง ข้าเองก็ยังรู้จักวัตถุดิบยาไม่เยอะเท่าไรนัก ช่วงนี้คงต้องศึกษาจากศิษย์พี่รองให้มาก ถึงตอนนั้นศิษย์พี่รองอย่าได้รำคาญตัวข้าเลย"ฟู่จาวหนิงไม่พูดถึงวิชาแพทย์ของนาง วิชาแพทย์ของนางถือว่าไม่เลวนักแต่ถ้าพูดถึงวัตถุดิบยา นางยังไม่รู้จักอีกมากจริงๆถึงอย่างไรตอนนี้ก็มีวัตถุดิบยามากมายที่ในยุคสมัยนั้นของนางไม่มีทางได้พบเห็น"เจ้าถามเขาเอาก็พอ"ผู้อาวุโสจี้ยื่นมือมาตบไหล่ต่งฮ่วนจือ"ใช่ ศิษย์น้องหญิงมาถามข้าได้ตลอดเลยนะ ข้าจะตอบให้ทุกอย่างที่ข้ารู้""เอาล่ะเอาล่ะ พวกเขาเดินทางมาเหนื่อยแล้ว ให้พวกเขาไปพักผ่อนกันก่อน"ต่งฮ่วนจือมองไปทางเซียวหลันยวนที่ตามอยู่ด้านหลังฟู่จาวหนิงมาตลอดเซียวหลันยวนสวมหน้ากากอยู่"อ๋องเจวี้ยน?"หืม?ฟู่จาวหนิงมองต่งฮ่
ข้างนอกต่อหน้าคนอื่น ยังไม่เคยเห็นฟู่จาวหนิงมีท่าทีสาวน้อยแบบนี้กับเขามาก่อนเลย แต่ว่าเขาก็ชอบอยู่นะ ถูกนางกอดแขนเดินแบบนี้ รู้สึกเหมือนเป็นที่พึ่งและเป็นที่รักของเธอทั้งดวงใจเลยใจของเซียวหลันยวนร้อนวูบขึ้นมาฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงลมหายใจของเขาหนักขึ้นอย่างชัดเจน เงยหน้ามองเขาอย่างประหลาดใจ และสบเข้ากับสายตาลึกซึ้งของเขาไม่หรอกกระมัง? แค่คล้องแขนเดินก็ทำให้เขาเกิดอารมณ์แล้วหรือ?สายตาข้างหลังนางลืมไปเลยทันทีผู้อาวุโสจี้มองไปยังสาวน้อยคนนั้น เหล่มองศิษย์คนรองอีกครั้งต่งฮ่วนจือพูดเสียงต่ำกับเขาสองคำ "ท่านอาจารย์ นี่คือคนที่ข้าเคยบอกท่านเมื่อครั้งนั้นไง เฉินฮ่าวจู""นี่เจ้าบอกว่าเป็นฮูหยินที่ปักภาพดอกโบตั๋นแล้วดึงดูดผีเสื้อเข้ามาได้ คนที่ตัวตนลึกลับคนนั้นน่ะหรือ?""อันนั้นเป็นแม่ของนาง"ท่านอาจารย์จงใจใช่ไหมเนี่ย นั่นมันฮูหยินเลยนะ เฉินฮ่าวจูตรงนี้เพิ่งจะอายุสิบห้าสิบหกเอง"ตอนนั้นเจ้ารับพวกนางแม่ลูกเข้ามา ข้าเองก็เตือนเจ้าแล้วว่าให้ระวังเรื่องขอบเขตไว้ เจ้ารับแม่ลูกของใครเข้ามาแต่ดันดึงไว้ข้างกายตั้งสี่ปีเลยหรือ?"ต่งฮ่วนจือเขียนจดหมายเล่าถึงแม่ลูกคู่นี้ คือเมื่อสี่ปีก่อน
เซียวหลันยวนสองมือกดเบาๆ บนบ่าฟู่จาวหนิง มองนาง"ถ้าหากบอกว่าข้าไปหลอกใครให้หลงได้ คนที่ข้าอยากหลอกให้หลงที่สุดก็คือเจ้า อยากให้เจ้ารักใบหน้านี้ หลงใหลใบหน้านี้จนถอนตัวไม่ขึ้น"เสียงเขาทุ้มลึกมีเสน่ห์ดึงดูด พร้อมความเย้ายวนเล็กน้อย ฟังจนหูฟู่จาวหนิงคันยุบยิบ"ท่านคิดตื้นไปแล้ว!"นางยื่นมือดันไว้บนหน้าอกเขา ขยับตัวเข้าไปหา เงยหน้ามองเขา ยิ้มจนตาเป็นเส้นโค้ง"ท่านไม่รู้สินะว่าหน้าตามันแก่ง่าย ความงามรักษาให้คงอยู่นั้นแสนยาก? ความคิดที่จะใช้หน้าตามาปฏิบัติกับคนนะมันใช้ไม่ได้หรอกนะ พี่ชาย..."คำเรียกสุดท้าย นางยังยกเสียงขึ้นสูงลากยาว แผ่วเบาออดอ้อน"เรียกข้าว่าอะไรนะ?"รางของเซียวหลันยวนเกร็งขึ้นมาทันที รู้สึกความร้อนหลั่งทะลักเขาไม่เคยรู้เลยว่าแค่ลูกไม้เล็กๆ ของฟู่จาวหนิงก็ทำเขาแทบจะรับมือไม่อยู่"พี่ชาย~"ฟู่จาวหนิงเงยหน้าขึ้นในอ้อมกอดเขา กระพริบตาปริบๆคำเรียกไร้สาระนี่!เขาชอบแฮะเซียวหลันยวนก้มหน้าลงทันควัน จูบประทับลงไปบนปากนางอีกครั้งฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าครั้งนี้เขาไม่เหมือนตอนปกติ รุนแรงเหลือเกินจนลมหายใจของนางสับสน ความรู้สึกแทบจะจมดิ่ง เขาจึงปล่อยนางออก กดนางไว้ใ
เขาอยากไปด้วยกันกับลูกสาว เช่นนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และยังได้มองอยู่ข้างๆ ถึงสภาพการทำงานของนางด้วย อยู่กับคนเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจนางมากขึ้น รู้จักนางมากขึ้นเขาพลาดที่จะมองดูลูกสาวเติบโตไปหลายปี ตอนนี้อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้บางที ความสัมพันธ์หลังจากนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกก็ได้นิสัยของฟู่จิ้นเชินคือมุ่งมั่นไปที่เป้าหมาย ไม่รีบไม่ร้อน แต่จะไม่ยอมแพ้ และจะคอยคว้าโอกาสทั้งหมดไว้ ก้าวไปยังจุดหมายทีละก้าวๆเหมือนกับตอนที่เขาพาภรรยา รู้ว่าห้ามตายเด็ดขาด จะถูกจับกลับไปไม่ได้ บนพื้นฐษนนี้ ใช้เวลาไปหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกการตามหาความจริงเรื่องการวางยาในอดีตถ้าหากไม่ใช่มาเจอกับฟู่จาวหนิง อันที่จริงเขาก็ยังทนต่อไปได้ บางทีอาจจะถึงวันที่เขาพบกับความจริงวันนั้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสำหรับตอนนี้ที่นางหันมามองตนเอง ต้องการความเห็นจากเขา ในใจเซียวหลันยวนจึงพอใจมากขึ้นมาเขากุมมือนางไว้ บอกกับนางว่า "ให้เขาไปด้วยก็ดี"เขามองออกแล้ว ฟู่จิ้นเชินนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉลาดและตื่นตัว ใจเย็นเฉียบแหลมมีฟู่จิ้นเชินตามไปด้วย ในใจเซียวหลันยวนก็ค่อนข้างจะวางใจถ้าหากไม่ใช่ว่าตัวตนฐานะเขาไปไหนมา
"สถานที่อย่างเมืองเจ้อค่อนข้างจะพิเศษ พื้นที่ใหญ่โต ประชาชนน้อย และการเดินทางก็สะดวกสบาย" ฟู่จิ้นเชินตอบ "ถ้าหากจะยัดผู้ประสบภัยเข้าไป อันที่จริงก็สามารถทำได้อยู่ ข้าเคยไปเมืองเจ้อในเมืองมีพื้นที่ว่างค่อนข้างกว้างขวางอยู่หลายแห่ง บางครั้งยังมีพวกพ่อค้าพเนจรจากที่ต่างๆ ไปทำตลาดนัดกันที่นั่นด้วย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนมองเขาอย่างเกินคาด"เมืองเจ้อท่านก็เคยไปมาหรือ?"ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวสบตากัน สองสามีภรรยายิ้มอย่างจำใจ"ถ้าจะให้พูด พวกเราไปมาหลายสถานที่เลย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนเองก็เข้าใจขึ้นมา สิบกว่าปีนี้พวกเขาล้วนต้องคอยหลบการไล่ล่าสังหารอยู่ภายนอก แล้วยังมีการไล่จับของจวนทางการอีก แต่ละสถานที่จึงไม่สามารถอยู่ได้นานนัก ดังนั้นพวกเขาจึงหนีไปแทบจะทุกที่"แต่ว่าทางนั้นนาจะขาดแคลนเรื่องวัตถุ ถึงอย่างไรต่อให้มีที่ว่างที่จะจัดวางผู้ประสบภัยเข้าไป นั่นก็ต้องสร้างกระโจมจัดแจงที่พัก ไม่เช่นนั้นวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ก็ไม่สามารถปล่อยให้ผู้ประสบภัยต้องนอนด้านนอกทนหนาวทนหิวได้"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "พรุ่งนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย"นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเอ่ยถึงม
ดังนั้น จาวหนิงจะต้องไม่ยอมถูกชายหนุ่มคนอื่นดึงดูดแน่ เพราะไม่มีใครเทียบกับเขาได้แล้วระหว่างทาง อ๋องเจวี้ยนอารมณ์ดีมาก กระทั่งยังสามารถคุยกับฟู่จิ้นเชินเรื่องโป๋จีอย่างทัดเทียมกันด้วยรอจนมาถึงจวนอ๋อง พวกเขาก็หารือตัดสินใจออกมาได้แล้ว พรุ่งนี้จะส่งโป๋จียัดเข้าไปในขบวนของอันเหนียน พาเขาออกจากเมืองก่อน หลอกเขา ให้เขาคิดว่ารับปากว่าจะช่วยเขาออกไป รอให้ได้จดหมาย คนของเซียวหลันยวนก็จะคุมตัวเขากลับเมืองหลวง"พรุ่งนี้ข้าจะไปค้นตัวเขาเอง" เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิงคนอื่นล้วนค้นไม่เจอ เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะหาไม่พบ"แล้วนายพันเก๋อล่ะ?""ให้เขาเข้าวังไม่ได้พบกับจักรพรรดิไม่ได้ชั่วคราวก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมีแผนการ"ท่านคิดจะทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เก๋อมู่กวงมีวรยุทธ์ ฟู่จิ้นเชินยังขังเขาไว้ในวังได้หรือ?"ข้ารู้ว่ามีคนหนึ่งที่พัวพันกับเก๋อมู่กวงอยู่ อ๋องเจวี้ยนส่งคนนั้นไปที่ห้องของเก๋อมู่กวงก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมองไปทางเซียวหลันยวน"เส้นสายของท่านนี่ทั้งเยอะทั้งซับซ้อนจริงๆ""ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่ประชาชนธรรมดา มีเส้นสายแค่นี้ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงหรอก""ประชาชนธรรมดาไม่มีทางพาคน
ฟู่จิ้นเชินเองก็นับถือเซียวหลันยวน"คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องเจวี้ยนจะรู้มากขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงก็ตกใจ "ท่านพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้หรือ?"สำหรับความนับถือของฟู่จิ้นเชิน เซียวหลันยวนไม่สนใจ แต่น้ำเสียงตกใจของฟู่จาวหนิง ทำให้เขารู้สึกภูมิใจขึ้นมาหน่อยๆนางนั่งตัวตรงขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบพูดว่า "อืม ก็ไม่ได้ยากอะไรนี่"พรวดฟู่จาวเฟยอยากจะขำขึ้นมาทำไมคำพูดพี่เขยถึงดูแปลกๆ?ตอนอยู่ว่างๆ ในบ้านกับท่านปู่กับน้าเซี่ยอันห่าวพกวเขาก็เคยพูดภาษาเฮ่อเหลียนออกมา เพราะพวกเขาอยากรู้อยากเห็นหน่อยๆแต่หลังจากที่ได้ยินเขาพูดไปไม่กี่คำก็ยังบอกว่าเรียนยาก สักคำเดียวก็เรียนกันออกมาไม่ได้ความสามารถการเรียนรู้ของพ่อเขาดีมาก แต่ก็ยอมรับว่านี่เรียนยากจริงๆพี่เขยกลับบอกว่าไม่ยาก แต่ว่า ที่โป๋จีพูดรวดเดียวอย่างรวดเร็วขนาดนั้น แล้วพี่เขยยังฟังออกได้ ก็อธิบายได้ว่าเขาเป็นมันทุกอย่างจริงๆ"เรียนมาตอนอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงหรือ?" ฟู่จาวหนิงใช้สายตานับถือมองเขา กระพริบตาปริบๆอ๋องเจวี้ยนพอใจขึ้นมาทันที แล้วยังรู้สึกจิตใจหวานชื่นด้วย"ใช่แล้ว""เจ้าอารามสอนมาหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ "หรือว่าเ
"เช่นนั้นก็ใสหัวไป"เซียวหลันยวนพาคนออกจากคุกใหญ่เหล่าผู้คอมมองพวกเขา "หัวหน้า ตอนนี้ทำอย่างไรดี? นายพันเก๋อบอกไว้แล้ว ถ้าเฮ่อเหลียนเฟยมีความน่าสงสัยที่จะเป็นศัตรู ต้องคุมตัวเขาไว้ก่อนนี่นา"ก่อนหน้านี้ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าก็ดึงคนไว้แล้ว ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพาเขาเดินวนในคุกไปรอบหนึ่ง จากนั้นกลับเดินกลับไปอย่างองอาจเสียอย่างนั้นพรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อถามขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?เรื่องนี้ จะต้องนำไปให้ฝ่าบาททรงทราบแน่ องค์จักรพรรดิถ้าหากถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?แต่หัวหน้าคุกก็ไม่กล้าทำอะไรนี่นา"ช่างมัน ผลักไปบนหัวอ๋องเจวี้ยนให้หมดแล้วกัน พรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อซักไซ้ขึ้นมา พวกเราก็บอกไปว่าพวกเราขวางอ๋องเจวี้ยนไม่อยู่"นี่โทษพวกเขาได้ที่ไหน?ฟู่จาวหนิงพอเห็นพวกเขาออกมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ"เสี่ยวเฟยไม่ต้องอยู่หรือ?" นางถามเซียวหลันยวน"ไม่ต้องให้อยู่แล้ว ให้พวกเขาไปที่จวนอ๋องเองแล้วกัน" เซียวหลันยวนตอบฟู่จิ้นเชินมองเขา "ขอบคุณมาก"นี่คือความหมายที่จะปกป้องพวกเขาแล้วถ้าหากพวกเขาไม่อยู่ในจวนอ๋อง พรุ่งนี้นายพันเก๋อพาคนไปที่บ้านตระกูลฟู่ พวกเขาคงไม่มีทางต่
โป๋จีเอาเรื่องที่เผ่าเฮ่อเหลียนยึดครองเมืองพูดจนกลายเป็นตัวเลือกที่จำใจของพวกเขาเสียอย่างนั้นฟู่จาวเฟยถามยังถามสถานการณ์ในเมืองตอนนี้อีกหน่อย แล้วยังถามเขาว่าทำไมถึงถูกเก๋อมู่กวงจัง รอจนเขา...ตอบมาทีละข้อ ถามขึ้นมาทันที "แล้วจดหมายที่นำมาให้ข้าล่ะ? ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ส่งจดหมายให้กับข้าหรือ?"โป๋จีมองไปทางเซียวหลันยวน"นี่คืออ๋องเจวี้ยนสินะ? พวกข้าได้ยินว่า อ๋องเจวี้ยนตอนนี้เป็นพี่เขยของเจ้า""ใช่แล้ว แต่เขากับองค์จักรพรรดิมีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดี"สายตาโป๋จีหม่นลงเล็กน้อย พวกเขารู้เรื่องนี้"แล้วพ่อแท้ๆ ของเจ้าล่ะ?""เขาฟังพี่สาวข้า""หมอเทวดาฟู่ใช่ไหม?""ใช่ ชื่อเสียงของพี่สาวข้ามากขนาดนี้เลยหรือ? ลือกันไปถึงทางเผ่าแล้วหรือ?" ฟู่จาวเฟยถาม"แน่นอน นางเป็นถึงหมอที่อายุน้อยสุดในสมาคมหมอใหญ่เลยนะ" แล้วยังเป็นหมอหญิงอีก"แล้วจดหมายอยู่ที่ไหนล่ะ?""จะส่งให้เจ้าเลยก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอก แต่ว่าเจ้าต้องทำเรื่องหนึ่งก่อน จดหมายสำหรับพวกเราแล้วสำคัญมาก ไม่ใช่เรื่องที่จะทำร้ายหรอก""เขียนอะไรไว้หรือ?""เจ้าอ่านจดหมายก็จะเข้าใจเอง""ท่านจะให้ข้าช่วยทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวเฟยเริ่มจะเกิด
ขอแค่พวกเขาสงสัยในตัวฟู่จาวเฟยก็พอแล้วหัวหน้าคุกกับมือปราบเจียงพวกเขาก็เริ่มสงสัยเช่นนี้แล้วพวกเขามองฟู่จาวเฟย และมองไปยังโป๋จี สีหน้าเองก็กังวลขึ้นมา"คุณชายฟู่ นี่มัน..." มือปราบเจียงเข้าประชิดฟู่จิ้นเชิน กดเสียงต่ำคิดจะเตือนเขาคุณชายฟู่จะฟังไม่ออกได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าอยู่ต่อหน้านายพันเก๋อ แล้วเห็นว่าโป๋จีกับคุณชายน้อยฟู่มีความสัมพันธ์อันดีกันล่ะก็ คุณชายน้อยฟู่ก็จะยิ่งน่าสงสัยมากขึ้นไปอีกนายพันเก๋อคงไม่มีทางเชื่อคุณชายน้อยฟู่แน่นอนแล้วถ้าคุณชายน้อยฟู่ถูกกำหนดให้เป็นพวกของราชาเฮ่อเหลียน เช่นนั้นก็ถือว่ามีโทษกบฏ อาจจะลากตระกูลฟู่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยได้กระทั่งว่า อ๋องเจวี้ยนเองก็จะโดนหางเลขไปด้วยแต่ว่า องค์จักรพรรดิก็คิดจะรับมืออ๋องเจวี้ยนชัดเจนขนาดนี้ เช่นนั้นถ้ามีโอกาสจับกุมขึ้นมาจะปล่อยไปได้อย่างไรกัน?มือปราบเจียงรู้ว่าลูกสาวตนเองชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาก ดังนั้นเขาจึงกังวลแทนพระชายาอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา"่ท่านลุงโป๋จี ท่านกำลังพูดอะไรน่ะ? ท่านพ่อกับท่านแม่ข้าตอนนั้นไม่ได้จงใจทิ้งข้า แล้วก็..."ฟู่จาวเฟยชะงักไป เปลี่ยนคำใหม่ "ราชาเฮ่อเหลียนยังสังหารแม่เลี้ยงข
"ท่านลุงโป๋จี ได้ยินว่าท่านมาส่งจดหมายให้ข้าหรือ?"ฟู่จาวเฟยถามออกมาทันทีโป๋จีก่อนหน้านี้ก็ดีกับเขาพอควร แต่ตอนนี้พอมาคิด ก็น่าจะแค่คิดว่าเขาเป็นลูกชายของราชาเฮ่อเหลียน เมื่อครู่ตอนที่เขาเห็นสายตาของตนเอง ก็แตกต่างกับแต่ก่อนไปแล้วฟู่จาวเฟยตอนนี้ยังพิจารณาออกได้ว่า เมื่อครู่ตอนที่โป๋จีมองเห็นสายตาของเขา นั่นเป็นความตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นเป้าหมายยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ที่เขาถามออกมาโป๋จีก็ยังพิจารณามองเขาอยู่"ใช่แล้ว องค์ชาย" โป๋จีใช้ภาษาเมืองหลวงที่ฟังแล้วแปลกๆ เรียกเขาว่าองค์ชาย จากนั้นก็มองไปทางอ๋องเจวี้ยนด้วยสัญชาตญาณ เปลี่ยนเป็นภาษาเฮ่อเหลียนว่า "ราชาได้รับจดหมายของเจ้า บอกว่าเจ้าหาพ่อแม่ที่แท้จริงพบแล้ว มีตัวตนฐานะใหม่ ดูพึงพอใจมาก"โป๋จีไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนฟังภาษาเฮ่อเหลียนออกฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็ไม่รู้พอเขาฟังประโยคนี้ออกจึงมองไปทางเซียวหลันยวน ตอนนี้จะแปลให้เขาคงไม่สะดวกนัก ถ้าเขาพูดออกมาตอนนี้ เกรงว่าโป๋จีคงไม่พูดความจริงแล้วรอให้เขาพูดสิ่งที่ควรพูดให้จบก่อนแล้วกันคำนี้ของโป๋จี น่าจะพูดให้เขาฟังความหมายของคำพูดนี้ แสดงออกว่าราชาเฮ่อเหลียนรู้แล้วว่าฟู่จาวเฟยเ
ถ้าประตูวังปิดแล้ว คืนนี้น่าจะยังไม่ได้พบองค์จักรพรรดิเช่นนั้นพรุ่งนี้ช่วงประชุมเช้าก็น่าจะได้พบ ห่างจากตอนนี้ไม่ถึงสามชั่วยามเซียวหลันยวนไม่พูดอะไรอีกหลังจากเขาได้ข่าวไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องส่งคนไปคุ้มครองนอกวังแน่ เก๋อมู่กวงคืนนี้เข้าวังไม่ได้ ไม่ได้พบองค์จักรพรรดิ ดังนั้นจะต้องรอจนถึงประชุมเช้าแน่นอนช่วงหลายชั่วยามนี้เพียงพอแล้วพวกเขาได้ยินเสียงของฟู่จิ้นเชินแล้วฟู่จิ้นเชินกำลังพูดภาษาเฮ่อเหลียนอยู่"พี่เขย ท่านพ่อกำลังพูดว่า..." ฟู่จาวเฟยคิดจะแปลให้เซียวหลันยวนก่อนอย่างฉลาดเฉลียวรู้ความ แต่คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะโบกไม้โบกมือ"ข้าฟังออกน่ะ""อ๋า?"ฟู่จาวเฟยตกตะลึง"ลืมบอกไป ว่าข้าเป็นภาษาเฮ่อเหลียน" เซียวหลันยวนน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กจ้อยที่ธรรมดามากๆ เรื่องหนึ่งหัวหน้าคุกเองก็เหลือบมองเขาอย่างตกตะลึง"ถ้าข้าน้อยจำไม่ผิดล่ะก็ ท่านอ๋องยังพูดภาษาหนานฉือได้ด้วย?""ใช่"หัวหน้าคุกกับฟู่จาวเฟยสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนล้วนเห็นความตกตลึงในดวงตาของอีกฝ่ายอ๋องเจวี้ยนทำไมถึงพูดได้หลายภาษานัก?เขาไม่ใช่ว่าพักฟื้นอยู่ในยอดเขาโยวชิงตลอดหรือไรกัน? คนทั้ง