องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ ยิ่งไปกว่านั้นการที่องค์จักรพรรดิจู่ๆ ก็แอบเข้ามาในตำหนักบรรทมนาง ทำให้ในใจนางรู้สึกหวาดกลัวอยู่"องค์จักรพรรดิ ข้า ข้าไม่รู้ว่าเขาคืออ๋องเจวี้ยน ข้าแค่มองเขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเท่านั้น""โอ๋? เจ้าไม่รู้หรือ?""ใช่แล้ว เขาไม่ใช่ว่าช่วยชีวิตข้าไว้วันที่ข้ากลับวังมาหรอกหรือ? ข้าก็แค่อยากจะขอบคุณเขาอยู่ตลอด แต่เขาเองก็แปลกคน ไม่เข้าวังเพื่อขอพบ แล้วก็ยังไม่บอกข้าด้วยว่าต้องการอะไร ข้าเองก็ไม่ใช่พวกที่จะติดค้างบุญคุณคนอื่นไปเรื่อยๆ ด้วย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูดไปด้วย พลางขยับตัวเข้าด้านในอย่างระมัดระวังตัวไปด้วย ห่างจากองค์จักรพรรดิให้มากหน่อย"แล้วครั้งนี้ที่เจ้าไปพบเขา พูดอะไรไปบ้าง? มีคำพูดที่ว่าบุญคุณช่วยชีวิตต้องตอบแทนด้วยชีวิต ฝูอวิ้น เจ้าคงไม่ได้คิดจะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนเพื่อตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตเขาใช่ไหม?"เสียงองค์จักรพรรดิยังเรียบสงบ นั่งนิ่งอยู่ข้างเตียงไม่ขยับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกแปลกประหลาดมากองค์จักรพรรดิคิดจะทำอะไรกันแน่? เขาต้องการให้นางจดจำบุญคุณนี้ หรือว่าไม่ต้องตอบแทนบุญคุณนี้กัน?นางแอบคิดไปด้วย พลาง
"องค์จักรพรรดิขอแค่เข้าหาอ๋องเจวี้ยนดีดี ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ ทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นแขก เกิดความสนใจต่อต้าชื่อ มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับต้าชื่อ ถ้าข่าวส่งไปถึงแคว้นเจา คงทำให้องค์จักรพรรดิแคว้นเจารู้สึกได้ว่าผิดปกติ และจะยิ่งกริ่งเกรงอ๋องเจวี้ยนขึ้นไปอีก"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีไม่คิดจะพูดคำพูดพวกนี้ออกมาแต่ครั้งนี้องค์จักรพรรดิมานั่งอยู่บนเตียงนางตอนดึกดื่นขนาดนี้ ทำให้นางตกใจผวาจริงๆ ดังนั้นนางจึงต้องรีบงัดไพ่บางส่วน่กับความในใจพูดออกมา เพื่อทำให้องค์จักรพรรดิรู้สึกมั่นคง"ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิแคว้นเจาอ่อนไหวและขี้ระแวงมาก แล้วยังริษยาอ๋องเจวี้ยนมาแต่ไหนแต่ไรอีก หากเขารู้ว่าอ๋องเจวี้ยนมาต้าชื่อเพียงลำพัง แล้วยังมาสนิทสนมกับท่านอีก เขาจะคิดอย่างไรแล้วทำอย่างไร?"องค์จักรพรรดิฟังเข้าหูแล้ว "องค์จักรพรรดิแคว้นเจาจะต้องเคลื่อนไหวต่อตัวอ๋องเจวี้ยนแน่""ถูกต้อง ถ้าเขามีการเคลื่อนไหวที่ตื่นเต้นเกินไป เช่นนั้นก็เท่ากับบีบอ๋องเจวี้ยนให้ออกไป ถึงตอนนั้นพออ๋องเจวี้ยนไม่มีที่พึ่งพิง ไม่ใช่มีเพียงต้องมายังต้าชื่อแห่งนี้เท่านั้นหรอกหรือ?""โอ...""ยังมีอีกเรื่อง องค์จักรพรรดิน่
ชื่อเสียงหมอเทวดาฟู่ แทบจะลือไปทั่วเมืองหลวงต้าชื่อแล้วเหอเซี่ยนอันสามารถใช้สองขาเดินเหินได้ปกติ ก็ทำเอาคนที่รู้อาการป่วยของเขาต้องถลึงตาอ้าปากค้างต้าชื่อมีหมอตั้งมากมาย รวมถึงหมอหลวงก็ยังรักษาขาที่พิการไม่หาย แต่แค่ไม่กี่วันก็รักษาหายได้แล้วและคุณชายตระกูลหลินกับตระกูลหลิว เดิมทีก็มีคนมากมายกำลังรอจัดงานศพให้แล้ว เพราะล้วนพูดกันว่าไม่รอดแน่นอนแต่รออยู่หลายวัน ประตูบ้านทั้งสองตระกูลก็ไม่ได้แขวนโคมขาวเสียทีตอนประชุมเช้า นายท่านหลิวกับรองผู้บัญชาการหลินก็ไป ทั้งสองคนดูสีหน้าไม่มีความโศกเศร้าเลยเหล่าขุนนางจึงอดเข้าไปสอบถามไม่ได้นายท่านหลิวกับรองผู้บัญชาการหลินก็ไม่ปิดบังอะไร ลูกชายบ้านของตนเองยังไม่ตาย คงจะมาบอกว่าตายแล้วไม่ได้สิ อัปมงคลตายดังนั้นพวกเขาจึงพูดว่า "ไม่ต้องกังวลถึงชีวิตแล้ว แค่ตัวคนยังต้องคอยพักฟื้นต่อ""ถึงอย่างไรก็บาดเจ็บอยู่ ถัดจากนี้คงต้องคอยให้เด็กคนนั้นอยู่แต่ในบ้านแล้วดูแลให้ดี"พวกเขาพูดเช่นนี้ นั่นก็คือช่วยชีวิตไว้ได้แล้วองค์จักรพรรดิเองก็ได้ยินเรื่องเหล่านี้ด้วยที่นี่ถึงอย่างไรก็คือต้าชื่อ จะอย่างไรเขาก็เป็นองค์จักรพรรดิพอส่งคนไปตรวจสอบ ก็พบว่
เขาขนาดเกิดความคิดกบฏขึ้นแล้วด้วยซ้ำ คนอื่นยิ่งพูดว่าตระกูลเสิ่นดี เขาก็ยิ่งอยากจะทำลายตระกูลเสิ่นหลายปีนี้เขาคอยสะกดตระกูลเสิ่นเอาไว้ตลอด แต่ตระกูลเสิ่นในช่วงเวลาสำคัญก็มักจะเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี เขาเองก็ทำได้แค่ค่อยๆ ไปเป็นขั้นเป็นตอน จัดคนบางส่วนให้ไปแต่งงานดองญาติกับตระกูลเสิ่น คนเหล่านั้นก็ล้วนถูกเขาส่งคนไปล้างสมองก่อนทั้งสิ้น หลังจากกลายเป็นคนตระกูลเสิ่นนานวันเข้าก็คิดจะฉีกความสามัคคีของตระกูลเสิ่นออกจากกันตอนนี้เองก็เริ่มเห็นผลแล้วตอนนี้ถ้าเขายังดึงฟู่จาวหนิงมาอยู่ข้างกายได้อีก เช่นนั้นฟู่จาวหนิงก็น่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง"ให้คนไปตรวจสอบอย่างละเอียด ตรวจสอบความสัมพันธ์ของฟู่จาวหนิงกับเสิ่นเสวียนอย่างละเอียด จากนั้นก็๖รวจสอบว่านางกับอ๋องเจวี้ยนมีความรู้สึกอย่างไรต่อกัน"ถ้ารู้ว่าความสัมพันธ์สามีภรรยาของอ๋องเจวี้ยนเป็นอย่างไร เขาจึงสามารถวางแผ่นขั้นต่อไปได้"ขอรับ""ฝ่าบาท แล้วเรื่องงานอภิเษกขององค์หญิงใหญ่ล่ะ?" ขุนนางบางส่วนถามเรื่องนี้ขึ้นมาอีกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอายุสิบแปดปีแล้วแม่นางที่อายุสิบแปด ก็ไม่ควรจะต้องมาอยู่ในวังหลังอีกจริงๆ จะถูกคนอื่นเอาไปพูดกันต่างๆ
ซือถูไป๋ตกตะลึงไปแล้วแต่เขาก็เข้าใจขึ้นมาได้ทันทีฟู่จาวหนิงน่าจะเจอกับหมอเจี่ยแล้ว และเห็นเอ็นมังกรหยกแล้วด้วยไม่รู้ว่านางใช้วิธีการไหน จึงทำให้หมอเจี่ยมอบเอ็นมังกรหยกให้นางแต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาตอนนี้ก็เสียโอกาสที่จะเอาวัตถุดิบยานี้ให้ฟู่จาวหนิงไปแล้วเหมือนจะช้าไปก้าวหนึ่งหรือนี่จะเป็นวาสนาที่มักจะคลาดกันอยู่ตลอดของพวกเขา? ซือถูไป๋รู้สึกขมขื่นในใจ"นี่ เจ้าเด็กน้อย ข้าได้ยินว่าตาแก่หน้าด้านของบ้านเจ้าจะเบีบให้เจ้าเป็นราชบุตรเขยหรือ เจ้ายังไม่รีบไปทำคะแนนต่อหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอีก?"ผู้อาวุโสจี้มองสภาพซือถูไป๋ แล้วก็อดกระทุ้งขึ้นมาคำหนึ่งไม่ได้ดูเหมือนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก่อนหน้านี้ก็ให้ความสำคัญกับเขาอยู่นะ ยังดูมีโอกาสอยู่ในสมองซือถูไป๋ปรากฏใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่ไม่นานก็ถูกใบหน้าฟู่จาวหนิงเข้ามาทับแทนที่ เขาปวดใจเหลือเกินถ้าหากเจอกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก่อน บางทีอาจจะอยู่ในใจเขาไปแล้วแต่ความรักบนโลกมนุษย์ทำไมถึงไม่อยู่ในการควบคุมแบบนี้กัน? หลายวันนี้เขาหาฟู่จาวหนิงไม่เจอ รู้สึกแต่ว่าโลกใบนี้มันว่างเปล่าเสียเหลือเกิน"ผู้อาวุโสจี้" เขาขวางผู้อาวุโสจี้
"เรื่องลุงคนโตของเจ้า ข้าจะจับตาไว้ให้ เจ้าเองก็ยุ่งมากพอแล้ว ฟังลุงเถอะ ออกจากต้าชื่อไปก่อนดีกว่า"เซียวหลันยวนเดินเข้ามา กุมมือฟู่จาวหนิงไว้"หนิงหนิง พวกเราไปสมาคมหมอใหญ่เถอะ"เดิมทีฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าไม่ต้องไปไวนัก แต่ว่าตอนนี้เสิ่นเสวียนวิเคราะห์ให้นางออกไปแล้ว นางก็ทำได้แค่ต้องเชื่อฟัง"เช่นนั้นพวกเขา..."ฟู่จาวหนิงมองไปทางด้านที่พวกฟู่จิ้นเชินอยู่เซียวหลันยวนพูดต่อมาให้ "พวกเขารออีกสามวันได้ หลังจากร่างกายดีขึ้นค่อยออกเดินทาง ข้าทิ้งองครักษ์เงามังกรไว้แล้ว ถึงตอนนั้นจะส่งพวกเขากลับเมืองหลวงแคว้นเจาเอง"แม้ว่าเขาจะเชื่อว่าการวางยาครั้งนั้นไม่เกี่ยวขอ้งกับเสิ่นเชี่ยว แต่ก็ยังไม่อยากร่วมเดินทางกับพวกเขานั่นเป็นพ่อตาแม่ยายเลยนะ ถ้าตลอดทางเอาแต่มาใช้สายตาที่ยากจะอธิบายจ้องมองเขา เขาจะใกล้ชิดกับจาวหนิงอย่างไรกัน?แล้วเขาเองก็ไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงคอยดูแลพวกเขาไปตลอดทางด้วยพวกเขาเองก็ไม่เคยเลี้ยงดูนางมาเลยสักวัน ตอนนี้ถือดีอย่างไรให้นางมาคอยดูแลตลอดทาง? เขาเป็นห่วงว่านางเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว"การจัดวางของหลันยวนใช้ได้" เสิ่นเสวียนเองก็เอ่ยขึ้น "ตากับยายของเจ้าก็มาเมืองหลวงจั
"ท่านพ่อ พี่หญิงฟู่บอกว่า เสิ่นเสวียนคือลุงของนาง" เหอเซียนอันจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นกับผิงเหอกงผิงเหอกงใจเต้นขึ้นมา"ไม่ใช่แค่เรียกกันเพราะสนิทหรอกหรือ?""ไม่ใช่ นางบอกกับข้าอย่างตั้งใจเลย เสิ่นเสวียนคือลุงของนาง"เหอเซี่ยนอันพูด หยิบหนังสือเล่มหนึ่งในมือออกมา กลยุทธ์ทางการทหาร ก่อนที่ฟู่จาวหนิงจะออกไปยังพูดคำพูดมาส่วนหนึ่ง ถ้าแต่ก่อนคนอื่นมาพูดอะไรเขาก็ฟังไม่เข้าหูทั้งนั้น แต่ไม่รู้ทำไมสิ่งที่ฟู่จาวหนิงบอกกับเขา เขาฟังเข้าไปจนหมด"นางทำไมถึงมาพูดกับเจ้าเรื่องนี้กัน?" ผิงเหอกงดวงตามีความสงสัยเหอเซี่ยนอันเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง ร้องเฮอะขึ้นมา "ท่านอย่าคิดมากเลย ก็แค่ข้าไปถามนางเองเท่านั้น ตอนนั้นข้าพูดกับนาง ว่าแม่ข้าเป็นองค์หญิงใหญ่ พี่สาวขององค์จักรพรรดิ ถ้านางอยากจะอยู่ในต้าชื่อข้าช่วยนางได้ แล้วจะเปิดโรงหมอที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงจักรพรรดิให้ หลังจากนี้กระทั่งองค์จักรพรรดิก็ยังจะกลายเป็นภูเขาที่พึ่งพาสำหรับนาง จะไม่มีใครมาหาเรื่องให้นางต้องลำบากใจ"ผิงเหอกง:แม่ของเจ้าคงได้ขอบคุณเจ้าแน่!เจ้าเด็กโง่คนนี้ องค์จักรพรรดิยังแสดงความเคารพต่อแม่ของเขาที่เป็นพี่สาวคนโตอย่างผิวเผินเท่านั้น เ
รองผู้บัญชาการหลินกับนายท่านหลิวพอเจอหน้ากันก็พูดเรื่องนี้ แต่ว่าพวกเขาสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนก็มองออกถึงความหมายของอีกฝ่ายทันที"ข้าไม่สนใจตัวตนฐานะนาง สรปคือ นางช่วยเหลือลูกชายพวกเราไว้ ก็ต้องยอมรับบุญคุณของนาง""ยิ่งไปกว่านั้นก็ดูด้วยว่าตระกูลเสิ่นต้องการอะไรบ้าง ถึงเวลาก็เข้าไปช่วยเหลือแล้วกัน""ข้าบอกกับพวกพี่เขยน้องสะใภ้เหล่านั้นแล้ว ว่าให้คอยแอบช่วยเหลือบ้านตระกูลเสิ่นด้วย""อืม ข้าทางนี้ก็เตรียมตัวด้วยเหมือนกัน หมอเทวดาฟู่จะออกจากต้าชื่อ แตว่าในเมื่อเรียกเสิ่นเสวียนว่าลุง พวกเราก็ต้องช่วย"ตอนที่องค์จักรพรรดิส่งคนออกตามหาเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิง คนเหล่านี้ล้วนลอบลงมือ จึงโยนระเบิดควันมาหลายลูก เรียกความสนใจพวกทหารทางการออกไปได้พอดี ยืดเวลาปิดประตูเมืองไปได้หน่อย ดังนั้นจึงทำให้ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนออกจากเมืองไปได้ทันทหารทางการที่องค์จักรพรรดิส่งมาค้นเมืองหลวงจักรพรรดิอยู่จนแทบจะทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่พบตัวอ๋องเจวี้ยน กระทั่งหมอเทวดาฟู่ที่เพิ่งจะถูกเปิดโปงตัวตนฐานะว่าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็ยังหาไม่พบสองวันต่อมาถึงมีข่าวยืนยัน แจ้งว่าอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ย
เขาอยากไปด้วยกันกับลูกสาว เช่นนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และยังได้มองอยู่ข้างๆ ถึงสภาพการทำงานของนางด้วย อยู่กับคนเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจนางมากขึ้น รู้จักนางมากขึ้นเขาพลาดที่จะมองดูลูกสาวเติบโตไปหลายปี ตอนนี้อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้บางที ความสัมพันธ์หลังจากนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกก็ได้นิสัยของฟู่จิ้นเชินคือมุ่งมั่นไปที่เป้าหมาย ไม่รีบไม่ร้อน แต่จะไม่ยอมแพ้ และจะคอยคว้าโอกาสทั้งหมดไว้ ก้าวไปยังจุดหมายทีละก้าวๆเหมือนกับตอนที่เขาพาภรรยา รู้ว่าห้ามตายเด็ดขาด จะถูกจับกลับไปไม่ได้ บนพื้นฐษนนี้ ใช้เวลาไปหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกการตามหาความจริงเรื่องการวางยาในอดีตถ้าหากไม่ใช่มาเจอกับฟู่จาวหนิง อันที่จริงเขาก็ยังทนต่อไปได้ บางทีอาจจะถึงวันที่เขาพบกับความจริงวันนั้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสำหรับตอนนี้ที่นางหันมามองตนเอง ต้องการความเห็นจากเขา ในใจเซียวหลันยวนจึงพอใจมากขึ้นมาเขากุมมือนางไว้ บอกกับนางว่า "ให้เขาไปด้วยก็ดี"เขามองออกแล้ว ฟู่จิ้นเชินนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉลาดและตื่นตัว ใจเย็นเฉียบแหลมมีฟู่จิ้นเชินตามไปด้วย ในใจเซียวหลันยวนก็ค่อนข้างจะวางใจถ้าหากไม่ใช่ว่าตัวตนฐานะเขาไปไหนมา
"สถานที่อย่างเมืองเจ้อค่อนข้างจะพิเศษ พื้นที่ใหญ่โต ประชาชนน้อย และการเดินทางก็สะดวกสบาย" ฟู่จิ้นเชินตอบ "ถ้าหากจะยัดผู้ประสบภัยเข้าไป อันที่จริงก็สามารถทำได้อยู่ ข้าเคยไปเมืองเจ้อในเมืองมีพื้นที่ว่างค่อนข้างกว้างขวางอยู่หลายแห่ง บางครั้งยังมีพวกพ่อค้าพเนจรจากที่ต่างๆ ไปทำตลาดนัดกันที่นั่นด้วย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนมองเขาอย่างเกินคาด"เมืองเจ้อท่านก็เคยไปมาหรือ?"ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวสบตากัน สองสามีภรรยายิ้มอย่างจำใจ"ถ้าจะให้พูด พวกเราไปมาหลายสถานที่เลย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนเองก็เข้าใจขึ้นมา สิบกว่าปีนี้พวกเขาล้วนต้องคอยหลบการไล่ล่าสังหารอยู่ภายนอก แล้วยังมีการไล่จับของจวนทางการอีก แต่ละสถานที่จึงไม่สามารถอยู่ได้นานนัก ดังนั้นพวกเขาจึงหนีไปแทบจะทุกที่"แต่ว่าทางนั้นนาจะขาดแคลนเรื่องวัตถุ ถึงอย่างไรต่อให้มีที่ว่างที่จะจัดวางผู้ประสบภัยเข้าไป นั่นก็ต้องสร้างกระโจมจัดแจงที่พัก ไม่เช่นนั้นวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ก็ไม่สามารถปล่อยให้ผู้ประสบภัยต้องนอนด้านนอกทนหนาวทนหิวได้"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "พรุ่งนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย"นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเอ่ยถึงม
ดังนั้น จาวหนิงจะต้องไม่ยอมถูกชายหนุ่มคนอื่นดึงดูดแน่ เพราะไม่มีใครเทียบกับเขาได้แล้วระหว่างทาง อ๋องเจวี้ยนอารมณ์ดีมาก กระทั่งยังสามารถคุยกับฟู่จิ้นเชินเรื่องโป๋จีอย่างทัดเทียมกันด้วยรอจนมาถึงจวนอ๋อง พวกเขาก็หารือตัดสินใจออกมาได้แล้ว พรุ่งนี้จะส่งโป๋จียัดเข้าไปในขบวนของอันเหนียน พาเขาออกจากเมืองก่อน หลอกเขา ให้เขาคิดว่ารับปากว่าจะช่วยเขาออกไป รอให้ได้จดหมาย คนของเซียวหลันยวนก็จะคุมตัวเขากลับเมืองหลวง"พรุ่งนี้ข้าจะไปค้นตัวเขาเอง" เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิงคนอื่นล้วนค้นไม่เจอ เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะหาไม่พบ"แล้วนายพันเก๋อล่ะ?""ให้เขาเข้าวังไม่ได้พบกับจักรพรรดิไม่ได้ชั่วคราวก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมีแผนการ"ท่านคิดจะทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เก๋อมู่กวงมีวรยุทธ์ ฟู่จิ้นเชินยังขังเขาไว้ในวังได้หรือ?"ข้ารู้ว่ามีคนหนึ่งที่พัวพันกับเก๋อมู่กวงอยู่ อ๋องเจวี้ยนส่งคนนั้นไปที่ห้องของเก๋อมู่กวงก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมองไปทางเซียวหลันยวน"เส้นสายของท่านนี่ทั้งเยอะทั้งซับซ้อนจริงๆ""ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่ประชาชนธรรมดา มีเส้นสายแค่นี้ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงหรอก""ประชาชนธรรมดาไม่มีทางพาคน
ฟู่จิ้นเชินเองก็นับถือเซียวหลันยวน"คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องเจวี้ยนจะรู้มากขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงก็ตกใจ "ท่านพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้หรือ?"สำหรับความนับถือของฟู่จิ้นเชิน เซียวหลันยวนไม่สนใจ แต่น้ำเสียงตกใจของฟู่จาวหนิง ทำให้เขารู้สึกภูมิใจขึ้นมาหน่อยๆนางนั่งตัวตรงขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบพูดว่า "อืม ก็ไม่ได้ยากอะไรนี่"พรวดฟู่จาวเฟยอยากจะขำขึ้นมาทำไมคำพูดพี่เขยถึงดูแปลกๆ?ตอนอยู่ว่างๆ ในบ้านกับท่านปู่กับน้าเซี่ยอันห่าวพกวเขาก็เคยพูดภาษาเฮ่อเหลียนออกมา เพราะพวกเขาอยากรู้อยากเห็นหน่อยๆแต่หลังจากที่ได้ยินเขาพูดไปไม่กี่คำก็ยังบอกว่าเรียนยาก สักคำเดียวก็เรียนกันออกมาไม่ได้ความสามารถการเรียนรู้ของพ่อเขาดีมาก แต่ก็ยอมรับว่านี่เรียนยากจริงๆพี่เขยกลับบอกว่าไม่ยาก แต่ว่า ที่โป๋จีพูดรวดเดียวอย่างรวดเร็วขนาดนั้น แล้วพี่เขยยังฟังออกได้ ก็อธิบายได้ว่าเขาเป็นมันทุกอย่างจริงๆ"เรียนมาตอนอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงหรือ?" ฟู่จาวหนิงใช้สายตานับถือมองเขา กระพริบตาปริบๆอ๋องเจวี้ยนพอใจขึ้นมาทันที แล้วยังรู้สึกจิตใจหวานชื่นด้วย"ใช่แล้ว""เจ้าอารามสอนมาหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ "หรือว่าเ
"เช่นนั้นก็ใสหัวไป"เซียวหลันยวนพาคนออกจากคุกใหญ่เหล่าผู้คอมมองพวกเขา "หัวหน้า ตอนนี้ทำอย่างไรดี? นายพันเก๋อบอกไว้แล้ว ถ้าเฮ่อเหลียนเฟยมีความน่าสงสัยที่จะเป็นศัตรู ต้องคุมตัวเขาไว้ก่อนนี่นา"ก่อนหน้านี้ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าก็ดึงคนไว้แล้ว ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพาเขาเดินวนในคุกไปรอบหนึ่ง จากนั้นกลับเดินกลับไปอย่างองอาจเสียอย่างนั้นพรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อถามขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?เรื่องนี้ จะต้องนำไปให้ฝ่าบาททรงทราบแน่ องค์จักรพรรดิถ้าหากถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?แต่หัวหน้าคุกก็ไม่กล้าทำอะไรนี่นา"ช่างมัน ผลักไปบนหัวอ๋องเจวี้ยนให้หมดแล้วกัน พรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อซักไซ้ขึ้นมา พวกเราก็บอกไปว่าพวกเราขวางอ๋องเจวี้ยนไม่อยู่"นี่โทษพวกเขาได้ที่ไหน?ฟู่จาวหนิงพอเห็นพวกเขาออกมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ"เสี่ยวเฟยไม่ต้องอยู่หรือ?" นางถามเซียวหลันยวน"ไม่ต้องให้อยู่แล้ว ให้พวกเขาไปที่จวนอ๋องเองแล้วกัน" เซียวหลันยวนตอบฟู่จิ้นเชินมองเขา "ขอบคุณมาก"นี่คือความหมายที่จะปกป้องพวกเขาแล้วถ้าหากพวกเขาไม่อยู่ในจวนอ๋อง พรุ่งนี้นายพันเก๋อพาคนไปที่บ้านตระกูลฟู่ พวกเขาคงไม่มีทางต่
โป๋จีเอาเรื่องที่เผ่าเฮ่อเหลียนยึดครองเมืองพูดจนกลายเป็นตัวเลือกที่จำใจของพวกเขาเสียอย่างนั้นฟู่จาวเฟยถามยังถามสถานการณ์ในเมืองตอนนี้อีกหน่อย แล้วยังถามเขาว่าทำไมถึงถูกเก๋อมู่กวงจัง รอจนเขา...ตอบมาทีละข้อ ถามขึ้นมาทันที "แล้วจดหมายที่นำมาให้ข้าล่ะ? ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ส่งจดหมายให้กับข้าหรือ?"โป๋จีมองไปทางเซียวหลันยวน"นี่คืออ๋องเจวี้ยนสินะ? พวกข้าได้ยินว่า อ๋องเจวี้ยนตอนนี้เป็นพี่เขยของเจ้า""ใช่แล้ว แต่เขากับองค์จักรพรรดิมีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดี"สายตาโป๋จีหม่นลงเล็กน้อย พวกเขารู้เรื่องนี้"แล้วพ่อแท้ๆ ของเจ้าล่ะ?""เขาฟังพี่สาวข้า""หมอเทวดาฟู่ใช่ไหม?""ใช่ ชื่อเสียงของพี่สาวข้ามากขนาดนี้เลยหรือ? ลือกันไปถึงทางเผ่าแล้วหรือ?" ฟู่จาวเฟยถาม"แน่นอน นางเป็นถึงหมอที่อายุน้อยสุดในสมาคมหมอใหญ่เลยนะ" แล้วยังเป็นหมอหญิงอีก"แล้วจดหมายอยู่ที่ไหนล่ะ?""จะส่งให้เจ้าเลยก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอก แต่ว่าเจ้าต้องทำเรื่องหนึ่งก่อน จดหมายสำหรับพวกเราแล้วสำคัญมาก ไม่ใช่เรื่องที่จะทำร้ายหรอก""เขียนอะไรไว้หรือ?""เจ้าอ่านจดหมายก็จะเข้าใจเอง""ท่านจะให้ข้าช่วยทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวเฟยเริ่มจะเกิด
ขอแค่พวกเขาสงสัยในตัวฟู่จาวเฟยก็พอแล้วหัวหน้าคุกกับมือปราบเจียงพวกเขาก็เริ่มสงสัยเช่นนี้แล้วพวกเขามองฟู่จาวเฟย และมองไปยังโป๋จี สีหน้าเองก็กังวลขึ้นมา"คุณชายฟู่ นี่มัน..." มือปราบเจียงเข้าประชิดฟู่จิ้นเชิน กดเสียงต่ำคิดจะเตือนเขาคุณชายฟู่จะฟังไม่ออกได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าอยู่ต่อหน้านายพันเก๋อ แล้วเห็นว่าโป๋จีกับคุณชายน้อยฟู่มีความสัมพันธ์อันดีกันล่ะก็ คุณชายน้อยฟู่ก็จะยิ่งน่าสงสัยมากขึ้นไปอีกนายพันเก๋อคงไม่มีทางเชื่อคุณชายน้อยฟู่แน่นอนแล้วถ้าคุณชายน้อยฟู่ถูกกำหนดให้เป็นพวกของราชาเฮ่อเหลียน เช่นนั้นก็ถือว่ามีโทษกบฏ อาจจะลากตระกูลฟู่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยได้กระทั่งว่า อ๋องเจวี้ยนเองก็จะโดนหางเลขไปด้วยแต่ว่า องค์จักรพรรดิก็คิดจะรับมืออ๋องเจวี้ยนชัดเจนขนาดนี้ เช่นนั้นถ้ามีโอกาสจับกุมขึ้นมาจะปล่อยไปได้อย่างไรกัน?มือปราบเจียงรู้ว่าลูกสาวตนเองชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาก ดังนั้นเขาจึงกังวลแทนพระชายาอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา"่ท่านลุงโป๋จี ท่านกำลังพูดอะไรน่ะ? ท่านพ่อกับท่านแม่ข้าตอนนั้นไม่ได้จงใจทิ้งข้า แล้วก็..."ฟู่จาวเฟยชะงักไป เปลี่ยนคำใหม่ "ราชาเฮ่อเหลียนยังสังหารแม่เลี้ยงข
"ท่านลุงโป๋จี ได้ยินว่าท่านมาส่งจดหมายให้ข้าหรือ?"ฟู่จาวเฟยถามออกมาทันทีโป๋จีก่อนหน้านี้ก็ดีกับเขาพอควร แต่ตอนนี้พอมาคิด ก็น่าจะแค่คิดว่าเขาเป็นลูกชายของราชาเฮ่อเหลียน เมื่อครู่ตอนที่เขาเห็นสายตาของตนเอง ก็แตกต่างกับแต่ก่อนไปแล้วฟู่จาวเฟยตอนนี้ยังพิจารณาออกได้ว่า เมื่อครู่ตอนที่โป๋จีมองเห็นสายตาของเขา นั่นเป็นความตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นเป้าหมายยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ที่เขาถามออกมาโป๋จีก็ยังพิจารณามองเขาอยู่"ใช่แล้ว องค์ชาย" โป๋จีใช้ภาษาเมืองหลวงที่ฟังแล้วแปลกๆ เรียกเขาว่าองค์ชาย จากนั้นก็มองไปทางอ๋องเจวี้ยนด้วยสัญชาตญาณ เปลี่ยนเป็นภาษาเฮ่อเหลียนว่า "ราชาได้รับจดหมายของเจ้า บอกว่าเจ้าหาพ่อแม่ที่แท้จริงพบแล้ว มีตัวตนฐานะใหม่ ดูพึงพอใจมาก"โป๋จีไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนฟังภาษาเฮ่อเหลียนออกฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็ไม่รู้พอเขาฟังประโยคนี้ออกจึงมองไปทางเซียวหลันยวน ตอนนี้จะแปลให้เขาคงไม่สะดวกนัก ถ้าเขาพูดออกมาตอนนี้ เกรงว่าโป๋จีคงไม่พูดความจริงแล้วรอให้เขาพูดสิ่งที่ควรพูดให้จบก่อนแล้วกันคำนี้ของโป๋จี น่าจะพูดให้เขาฟังความหมายของคำพูดนี้ แสดงออกว่าราชาเฮ่อเหลียนรู้แล้วว่าฟู่จาวเฟยเ
ถ้าประตูวังปิดแล้ว คืนนี้น่าจะยังไม่ได้พบองค์จักรพรรดิเช่นนั้นพรุ่งนี้ช่วงประชุมเช้าก็น่าจะได้พบ ห่างจากตอนนี้ไม่ถึงสามชั่วยามเซียวหลันยวนไม่พูดอะไรอีกหลังจากเขาได้ข่าวไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องส่งคนไปคุ้มครองนอกวังแน่ เก๋อมู่กวงคืนนี้เข้าวังไม่ได้ ไม่ได้พบองค์จักรพรรดิ ดังนั้นจะต้องรอจนถึงประชุมเช้าแน่นอนช่วงหลายชั่วยามนี้เพียงพอแล้วพวกเขาได้ยินเสียงของฟู่จิ้นเชินแล้วฟู่จิ้นเชินกำลังพูดภาษาเฮ่อเหลียนอยู่"พี่เขย ท่านพ่อกำลังพูดว่า..." ฟู่จาวเฟยคิดจะแปลให้เซียวหลันยวนก่อนอย่างฉลาดเฉลียวรู้ความ แต่คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะโบกไม้โบกมือ"ข้าฟังออกน่ะ""อ๋า?"ฟู่จาวเฟยตกตะลึง"ลืมบอกไป ว่าข้าเป็นภาษาเฮ่อเหลียน" เซียวหลันยวนน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กจ้อยที่ธรรมดามากๆ เรื่องหนึ่งหัวหน้าคุกเองก็เหลือบมองเขาอย่างตกตะลึง"ถ้าข้าน้อยจำไม่ผิดล่ะก็ ท่านอ๋องยังพูดภาษาหนานฉือได้ด้วย?""ใช่"หัวหน้าคุกกับฟู่จาวเฟยสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนล้วนเห็นความตกตลึงในดวงตาของอีกฝ่ายอ๋องเจวี้ยนทำไมถึงพูดได้หลายภาษานัก?เขาไม่ใช่ว่าพักฟื้นอยู่ในยอดเขาโยวชิงตลอดหรือไรกัน? คนทั้ง