"แล้วก็ ข้ายังเคยถามท่านผู้เฒ่าฟู่แล้ว ท่านผู้เฒ่าฟู่เคยบอกว่า ภรรยาของลูกชายเขาเป็นคนที่ละเอียดอ่อนโยนมาก พวกเด็กๆ เหล่านั้นในตระกูลหลิน ตอนยังเล็กนางก็เคยไปช่วยดูแลอยู่ไม่น้อย แล้วคนเหล่านั้นที่เคยพักอยู่ในบ้านตระกูลฟู่ พวกพี่สาวญาติห่างๆ ของเจ้าเหล่านั้นน่ะ ตอนเด็กๆ นางก็เคยมาป้อนข้าวให้อยู่บ่อยๆ"เสิ่นเสวียนเอ่ยเรื่องบางส่วนขึ้นมาอย่างมั่นคง"ท่านผู้เฒ่าฟู่เคยบอก ว่าพวกแม่แท้ๆ ป้อนได้ไม่ดี แต่นางกลับป้อนได้อย่างละเอียด ไม่ได้ป้อนยัดเข้าเต็มปากให้กับเด็กๆ แต่ว่างานเลี้ยงวังครั้งนั้น พูดกันแต่ว่าหลันยวนถูกกรอกยาใช่ไหม?""ใช่" เซียวหลันยวนเองก็ยอมรับตรงๆ"ใช้คำว่ากรอก แล้วตอนนั้นใบหน้า คอเสื้อกับคอของเจ้าก็คงจะต้องสกปรกไปหมดใช่ไหม?""ใช่""ดังนั้นจุดนี้ก็ไม่สอดคล้องกับนิสัยของนาง"เซียวหลันยวนพยักหน้า"ข้าเชื่อ ว่าไม่ใช่นางที่กรอกพิษให้กับข้า""เป็นไปได้มากว่าตอนที่นางไปถึง มีคนยัดชามให้กับนาง จากนั้นก็ใช้วิธีการอะไรทำให้นางสมองโล่ง ลืมเรื่องก่อนหน้าไป หรือบางทีตอนนั้นนางอาจกำลังป่วยพอดี หรือก็คือช่วงที่แต่ก่อนในหัวตนเองมักมีภาพแปลกๆ ปรากฏออกมาอยู่เสมอนั่นเอง"เสิ่นเสวียนพูด
เดิมทีคิดว่าในที่สุดพอตรวจสอบเรื่องในตอนนั้นชัดเจนแล้ว เซียวหลันยวนที่อย่างน้อยคืนนี้ก็น่าจะบอกความในใจกับนางได้: ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าควรพูดอะรไ"เด็กโง่ ข้าไม่ได้ป่าเถื่อนขนาดนั้นเสียหน่อย คิดอะไรกันน่ะ"เขางึมงำเสียงต่ำ โอบนางไว้แน่นคืนนี้นางเหนื่อยเอามากๆ เขาจะไปคิดเรื่องพวกนั้นได้อย่างไร? ก็แค่อยากจะคุยกับนางให้มากหน่อยแค่นั้น ไม่คิดว่านางจะง่วงขนาดนี้แต่อารมณ์ของเซียวหลันยวนตอนนี้ก็ผ่อนคลายมากไม่ได้ผ่อนคลายแบบนี้มาหลายปีแล้ว เขาโอบฟู่จาวหนิงไว้ จูบลงไปบนเส้นผมนาง หลับตาลง เพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไป"ส่งคนออกไปหาทันที หาตัวอ๋องเจวี้ยนออกมาให้ข้าให้ได้!"ในวังจักรพรรดิต้าชื่อ องค์จักรพรรดิกำลังรับสั่งเสียงขรึมกับองครักษ์ลับหน้าดำคร่ำเครียด"ขอรับ"องครักษ์พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วไฟเทียนในวังบรรทมยังสว่างไสว ส่องใบหน้าที่เปลี่ยนไปมาระหว่างความสดใสกับมืดครื้มขององค์จักรพรรดิ ทำให้เขาดูแล้วน่ากลัวหน่อยๆ"ใครก็ได้"ขันทีที่คอยเฝ้าอยู่ด้านนอกก็โค้งตัวเดินเข้ามา"ฝ่าบาท?""เตรียม..."องค์จักรพรรดิเดิมทีจะพูดว่าเตรียมไปยังวังบรรทมขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่คำพูดมาถึงมุมป
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ ยิ่งไปกว่านั้นการที่องค์จักรพรรดิจู่ๆ ก็แอบเข้ามาในตำหนักบรรทมนาง ทำให้ในใจนางรู้สึกหวาดกลัวอยู่"องค์จักรพรรดิ ข้า ข้าไม่รู้ว่าเขาคืออ๋องเจวี้ยน ข้าแค่มองเขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเท่านั้น""โอ๋? เจ้าไม่รู้หรือ?""ใช่แล้ว เขาไม่ใช่ว่าช่วยชีวิตข้าไว้วันที่ข้ากลับวังมาหรอกหรือ? ข้าก็แค่อยากจะขอบคุณเขาอยู่ตลอด แต่เขาเองก็แปลกคน ไม่เข้าวังเพื่อขอพบ แล้วก็ยังไม่บอกข้าด้วยว่าต้องการอะไร ข้าเองก็ไม่ใช่พวกที่จะติดค้างบุญคุณคนอื่นไปเรื่อยๆ ด้วย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูดไปด้วย พลางขยับตัวเข้าด้านในอย่างระมัดระวังตัวไปด้วย ห่างจากองค์จักรพรรดิให้มากหน่อย"แล้วครั้งนี้ที่เจ้าไปพบเขา พูดอะไรไปบ้าง? มีคำพูดที่ว่าบุญคุณช่วยชีวิตต้องตอบแทนด้วยชีวิต ฝูอวิ้น เจ้าคงไม่ได้คิดจะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนเพื่อตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตเขาใช่ไหม?"เสียงองค์จักรพรรดิยังเรียบสงบ นั่งนิ่งอยู่ข้างเตียงไม่ขยับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกแปลกประหลาดมากองค์จักรพรรดิคิดจะทำอะไรกันแน่? เขาต้องการให้นางจดจำบุญคุณนี้ หรือว่าไม่ต้องตอบแทนบุญคุณนี้กัน?นางแอบคิดไปด้วย พลาง
"องค์จักรพรรดิขอแค่เข้าหาอ๋องเจวี้ยนดีดี ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ ทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นแขก เกิดความสนใจต่อต้าชื่อ มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับต้าชื่อ ถ้าข่าวส่งไปถึงแคว้นเจา คงทำให้องค์จักรพรรดิแคว้นเจารู้สึกได้ว่าผิดปกติ และจะยิ่งกริ่งเกรงอ๋องเจวี้ยนขึ้นไปอีก"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีไม่คิดจะพูดคำพูดพวกนี้ออกมาแต่ครั้งนี้องค์จักรพรรดิมานั่งอยู่บนเตียงนางตอนดึกดื่นขนาดนี้ ทำให้นางตกใจผวาจริงๆ ดังนั้นนางจึงต้องรีบงัดไพ่บางส่วน่กับความในใจพูดออกมา เพื่อทำให้องค์จักรพรรดิรู้สึกมั่นคง"ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิแคว้นเจาอ่อนไหวและขี้ระแวงมาก แล้วยังริษยาอ๋องเจวี้ยนมาแต่ไหนแต่ไรอีก หากเขารู้ว่าอ๋องเจวี้ยนมาต้าชื่อเพียงลำพัง แล้วยังมาสนิทสนมกับท่านอีก เขาจะคิดอย่างไรแล้วทำอย่างไร?"องค์จักรพรรดิฟังเข้าหูแล้ว "องค์จักรพรรดิแคว้นเจาจะต้องเคลื่อนไหวต่อตัวอ๋องเจวี้ยนแน่""ถูกต้อง ถ้าเขามีการเคลื่อนไหวที่ตื่นเต้นเกินไป เช่นนั้นก็เท่ากับบีบอ๋องเจวี้ยนให้ออกไป ถึงตอนนั้นพออ๋องเจวี้ยนไม่มีที่พึ่งพิง ไม่ใช่มีเพียงต้องมายังต้าชื่อแห่งนี้เท่านั้นหรอกหรือ?""โอ...""ยังมีอีกเรื่อง องค์จักรพรรดิน่
ชื่อเสียงหมอเทวดาฟู่ แทบจะลือไปทั่วเมืองหลวงต้าชื่อแล้วเหอเซี่ยนอันสามารถใช้สองขาเดินเหินได้ปกติ ก็ทำเอาคนที่รู้อาการป่วยของเขาต้องถลึงตาอ้าปากค้างต้าชื่อมีหมอตั้งมากมาย รวมถึงหมอหลวงก็ยังรักษาขาที่พิการไม่หาย แต่แค่ไม่กี่วันก็รักษาหายได้แล้วและคุณชายตระกูลหลินกับตระกูลหลิว เดิมทีก็มีคนมากมายกำลังรอจัดงานศพให้แล้ว เพราะล้วนพูดกันว่าไม่รอดแน่นอนแต่รออยู่หลายวัน ประตูบ้านทั้งสองตระกูลก็ไม่ได้แขวนโคมขาวเสียทีตอนประชุมเช้า นายท่านหลิวกับรองผู้บัญชาการหลินก็ไป ทั้งสองคนดูสีหน้าไม่มีความโศกเศร้าเลยเหล่าขุนนางจึงอดเข้าไปสอบถามไม่ได้นายท่านหลิวกับรองผู้บัญชาการหลินก็ไม่ปิดบังอะไร ลูกชายบ้านของตนเองยังไม่ตาย คงจะมาบอกว่าตายแล้วไม่ได้สิ อัปมงคลตายดังนั้นพวกเขาจึงพูดว่า "ไม่ต้องกังวลถึงชีวิตแล้ว แค่ตัวคนยังต้องคอยพักฟื้นต่อ""ถึงอย่างไรก็บาดเจ็บอยู่ ถัดจากนี้คงต้องคอยให้เด็กคนนั้นอยู่แต่ในบ้านแล้วดูแลให้ดี"พวกเขาพูดเช่นนี้ นั่นก็คือช่วยชีวิตไว้ได้แล้วองค์จักรพรรดิเองก็ได้ยินเรื่องเหล่านี้ด้วยที่นี่ถึงอย่างไรก็คือต้าชื่อ จะอย่างไรเขาก็เป็นองค์จักรพรรดิพอส่งคนไปตรวจสอบ ก็พบว่
เขาขนาดเกิดความคิดกบฏขึ้นแล้วด้วยซ้ำ คนอื่นยิ่งพูดว่าตระกูลเสิ่นดี เขาก็ยิ่งอยากจะทำลายตระกูลเสิ่นหลายปีนี้เขาคอยสะกดตระกูลเสิ่นเอาไว้ตลอด แต่ตระกูลเสิ่นในช่วงเวลาสำคัญก็มักจะเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี เขาเองก็ทำได้แค่ค่อยๆ ไปเป็นขั้นเป็นตอน จัดคนบางส่วนให้ไปแต่งงานดองญาติกับตระกูลเสิ่น คนเหล่านั้นก็ล้วนถูกเขาส่งคนไปล้างสมองก่อนทั้งสิ้น หลังจากกลายเป็นคนตระกูลเสิ่นนานวันเข้าก็คิดจะฉีกความสามัคคีของตระกูลเสิ่นออกจากกันตอนนี้เองก็เริ่มเห็นผลแล้วตอนนี้ถ้าเขายังดึงฟู่จาวหนิงมาอยู่ข้างกายได้อีก เช่นนั้นฟู่จาวหนิงก็น่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง"ให้คนไปตรวจสอบอย่างละเอียด ตรวจสอบความสัมพันธ์ของฟู่จาวหนิงกับเสิ่นเสวียนอย่างละเอียด จากนั้นก็๖รวจสอบว่านางกับอ๋องเจวี้ยนมีความรู้สึกอย่างไรต่อกัน"ถ้ารู้ว่าความสัมพันธ์สามีภรรยาของอ๋องเจวี้ยนเป็นอย่างไร เขาจึงสามารถวางแผ่นขั้นต่อไปได้"ขอรับ""ฝ่าบาท แล้วเรื่องงานอภิเษกขององค์หญิงใหญ่ล่ะ?" ขุนนางบางส่วนถามเรื่องนี้ขึ้นมาอีกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอายุสิบแปดปีแล้วแม่นางที่อายุสิบแปด ก็ไม่ควรจะต้องมาอยู่ในวังหลังอีกจริงๆ จะถูกคนอื่นเอาไปพูดกันต่างๆ
ซือถูไป๋ตกตะลึงไปแล้วแต่เขาก็เข้าใจขึ้นมาได้ทันทีฟู่จาวหนิงน่าจะเจอกับหมอเจี่ยแล้ว และเห็นเอ็นมังกรหยกแล้วด้วยไม่รู้ว่านางใช้วิธีการไหน จึงทำให้หมอเจี่ยมอบเอ็นมังกรหยกให้นางแต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาตอนนี้ก็เสียโอกาสที่จะเอาวัตถุดิบยานี้ให้ฟู่จาวหนิงไปแล้วเหมือนจะช้าไปก้าวหนึ่งหรือนี่จะเป็นวาสนาที่มักจะคลาดกันอยู่ตลอดของพวกเขา? ซือถูไป๋รู้สึกขมขื่นในใจ"นี่ เจ้าเด็กน้อย ข้าได้ยินว่าตาแก่หน้าด้านของบ้านเจ้าจะเบีบให้เจ้าเป็นราชบุตรเขยหรือ เจ้ายังไม่รีบไปทำคะแนนต่อหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอีก?"ผู้อาวุโสจี้มองสภาพซือถูไป๋ แล้วก็อดกระทุ้งขึ้นมาคำหนึ่งไม่ได้ดูเหมือนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก่อนหน้านี้ก็ให้ความสำคัญกับเขาอยู่นะ ยังดูมีโอกาสอยู่ในสมองซือถูไป๋ปรากฏใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่ไม่นานก็ถูกใบหน้าฟู่จาวหนิงเข้ามาทับแทนที่ เขาปวดใจเหลือเกินถ้าหากเจอกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก่อน บางทีอาจจะอยู่ในใจเขาไปแล้วแต่ความรักบนโลกมนุษย์ทำไมถึงไม่อยู่ในการควบคุมแบบนี้กัน? หลายวันนี้เขาหาฟู่จาวหนิงไม่เจอ รู้สึกแต่ว่าโลกใบนี้มันว่างเปล่าเสียเหลือเกิน"ผู้อาวุโสจี้" เขาขวางผู้อาวุโสจี้
"เรื่องลุงคนโตของเจ้า ข้าจะจับตาไว้ให้ เจ้าเองก็ยุ่งมากพอแล้ว ฟังลุงเถอะ ออกจากต้าชื่อไปก่อนดีกว่า"เซียวหลันยวนเดินเข้ามา กุมมือฟู่จาวหนิงไว้"หนิงหนิง พวกเราไปสมาคมหมอใหญ่เถอะ"เดิมทีฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าไม่ต้องไปไวนัก แต่ว่าตอนนี้เสิ่นเสวียนวิเคราะห์ให้นางออกไปแล้ว นางก็ทำได้แค่ต้องเชื่อฟัง"เช่นนั้นพวกเขา..."ฟู่จาวหนิงมองไปทางด้านที่พวกฟู่จิ้นเชินอยู่เซียวหลันยวนพูดต่อมาให้ "พวกเขารออีกสามวันได้ หลังจากร่างกายดีขึ้นค่อยออกเดินทาง ข้าทิ้งองครักษ์เงามังกรไว้แล้ว ถึงตอนนั้นจะส่งพวกเขากลับเมืองหลวงแคว้นเจาเอง"แม้ว่าเขาจะเชื่อว่าการวางยาครั้งนั้นไม่เกี่ยวขอ้งกับเสิ่นเชี่ยว แต่ก็ยังไม่อยากร่วมเดินทางกับพวกเขานั่นเป็นพ่อตาแม่ยายเลยนะ ถ้าตลอดทางเอาแต่มาใช้สายตาที่ยากจะอธิบายจ้องมองเขา เขาจะใกล้ชิดกับจาวหนิงอย่างไรกัน?แล้วเขาเองก็ไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงคอยดูแลพวกเขาไปตลอดทางด้วยพวกเขาเองก็ไม่เคยเลี้ยงดูนางมาเลยสักวัน ตอนนี้ถือดีอย่างไรให้นางมาคอยดูแลตลอดทาง? เขาเป็นห่วงว่านางเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว"การจัดวางของหลันยวนใช้ได้" เสิ่นเสวียนเองก็เอ่ยขึ้น "ตากับยายของเจ้าก็มาเมืองหลวงจั
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้